xs
xsm
sm
md
lg

"แซงคิว" ดาราอภิสิทธิ์ชน ใครว่าเรื่องเล็ก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดรามามาเยือนทันที! หลัง “เป๊ก เปรมณัช” ดาราและพิธีกรหนุ่มชื่อดัง ถูกกล่าวหาว่าใช้เส้นสายความเป็นดาราแซงคิวชาวต่างชาติเพื่อต่อใบขับขี่ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั่วโลกโซเชียลฯ ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความมี ‘อภิสิทธิ์ชน’ ของดารากับกฎหมายบ้านเมืองไทย เหตุใดจึงมักจะได้รับข้อยกเว้นเสมอ และอะไรคือความเท่าเทียม-ความยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติต่อประชาชนคนธรรมดา!!

 
ดรามาบังเกิด..เมื่อดาราอยู่เหนือคนธรรมดา?

สะเทือนโลกออนไลน์ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลัง “เป๊ก-เปรมณัช สุวรรณานนท์” ดาราและพิธีกรชื่อดังโดนวิจารณ์ยับโดยถูกพาดพิงว่ามีพฤติกรรมแซงคิวชาวต่างชาติทำใบขับขี่ เรื่องราวนี้ปะทุเดือดขึ้นหลังจากมีคนเข้าไปเขียนแฉถึงพฤติกรรมในเว็บไซต์พันทิปในกระทู้ที่ชื่อว่า "ไปต่อใบอนุญาตขับขี่ ... แต่เจอกับดารา และพฤติกรรม (ที่อาจ) ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่"

โดยบอกเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองได้ประสบมาโดยตรง ขณะรอต่อใบอนุญาตขับขี่ที่กรมการขนส่งทางบกเขตจตุจักร และระหว่างรอคิวเรียกทำบัตรนั้นก็เห็นชาวต่างชาติคนหนึ่งต้องยืนเคว้ง เพราะถูกดาราหนุ่มแซงคิวไปนั่งที่โต๊ะบริการ ก่อนจะเรียกแฟนสาวมานั่ง ทั้งๆ ที่เป็นจุดให้บริการของชาวต่างชาติแถมเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะบริการดังกล่าวกลับทำเฉยไม่คิดอธิบายกับชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของคิวตัวจริง 
ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจจะรอถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวว่า ทำไมจึงปล่อยให้ดาราคนนี้แซงคิว และไม่อธิบายเหตุผลให้ชาวต่างชาติทราบ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะบริการดังกล่าว ก็พาดาราหนุ่มและแฟนสาวเดินไปยังจุดบริการอื่น พอเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ท่านอื่นเพื่อขอคำชี้แจง ก็ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เขาดำเนินการติดค้างกันอยู่ค่ะ"






ภายหลังแฟนสาว "นิว-นภัสสร ภูธรใจ" นักร้องชื่อดัง ได้ออกมาหลั่งน้ำตาต่อหน้าสื่อ พร้อมชี้แจงถึงประเด็นดรามาในโลกโซเชียลฯ สั้นๆ ว่า "ทั้งหมดเป็นเพียงการเข้าใจผิด" และล่าสุดทางด้านของดาราหนุ่ม "เป๊ก เปรมณัช" ก็ได้ถือโอกาสตั้งโต๊ะแถลงข่าว ณ ตึก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพื่อชี้แจงรายละเอียดเช่นเดียวกัน

โดยกล่าวขอโทษและยอมรับผิดเพียงผู้เดียว ชี้แจงว่าทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ลืมเอกสารจึงนำกลับไปให้พนักงานคนเดิมที่ติดต่อไว้โดยไม่ได้กดบัตรคิว ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาแซงคิวอย่างที่หลายคนเข้าใจ และไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ความเป็นดารา อีกทั้ง ยังถือว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นหนึ่งบทเรียนของชีวิต

"ถ้าผมทำให้เขาเข้าใจผิดว่าผมแซงคิวผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ผมสาบานได้เลยนะว่าวันนั้นผมทำตามลำดับขั้นตอนทุกอย่าง เพียงแต่ว่ามันมีจุดเดียวที่ผมลืมนำใบขับขี่ใบเก่ามา เจ้าหน้าที่เขาก็บอกให้กลับบ้านไปเอา พอผมเอาของเสร็จสรรพกลับมาถึงขนส่ง ผมก็ตามหาเจ้าหน้าที่คนเดิม เพราะเขาบอกว่าถ้ากลับมาแล้วให้ดำเนินการต่อกับเจ้าหน้าที่คนเดิมได้

จากนั้นพอผมเจอผมก็สบตาเขา และเขาก็เรียกผมให้เอาเอกสารเข้าไปให้ ซึ่งจุดนี้แหละครับที่หลายคนมองว่าผมแซงคิว แต่คือผมไม่ได้มีเจตนาเลยนะครับ เพราะผมก็ทำตามกฎกติกา ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ถ้าหากผมทำให้ใครไม่สบายใจหรือเสียความรู้สึกผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของผมจริงๆ คือ มันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา เพราะเราแค่จะไปยื่นเอกสารก็เท่านั้นเอง

ผมขอโทษจริงๆ ครับ วันนั้นผมไม่มีเจตนาจะไปลัดคิวใครเลย และบอกเลยว่าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ที่ผมอาจจะเดินเข้าไปส่งเอกสาร เนื่องจากต้องรีบไปทำธุระของเราต่อ ถ้ามันทำให้เสียความรู้สึกมากจริงๆ ผมต้องขอโทษด้วยครับ"





ลืมเอกสาร ไม่ต้องกดบัตรคิว!

ทั้งนี้ ด้านกรมการขนส่งก็ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อสำนักหนึ่งว่า ดาราผู้ถูกกล่าวหามาเข้าคิวทำตามขั้นตอนแล้ว แต่ลืมเอกสารจึงได้กลับมาดำเนินการต่อ โดยชี้แจงถึงกรณีนี้ว่าในวันเกิดเหตุคู่รักดาราได้มาต่อใบอนุญาตใบขับขี่ตามกระบวนการทุกขั้นตอนตั้งแต่เช้าแล้วแต่บังเอิญลืมเอกสารบางอย่าง ทั้งคู่จึงเกรงว่าหากต้องกลับไปเอาเอกสารใหม่จะต้องเริ่มทำใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนแรก เจ้าหน้าที่จึงให้กลับไปนำเอกสารมาใหม่และกลับมาดำเนินการต่อได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนเดิมได้ไปอยู่ในจุดให้บริการชาวต่างชาติ เมื่อคู่รักดารามาถึงและเห็นเจ้าหน้าที่คนเดิมให้บริการคนก่อนหน้านี้เสร็จจึงเข้ามาขอดำเนินการต่อ และขอยืนยันว่าไม่ว่าผู้มาใช้บริการจะเป็นใคร หากลืมเอกสารสำคัญบางอย่างก็สามารถกลับมาส่งใหม่โดยไม่ต้องเริ่มต่อคิวใหม่ได้เหมือนกัน

ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตอบข้อสงสัยของผู้พบเห็นได้ไม่กระจ่าง ก็ได้อบรมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไปแล้ว ว่าหากถ้าผู้ใช้บริการคนใดมีข้อสงสัย หรือไม่พอใจการให้บริการไม่ว่าจะกรณีใดๆ จะต้องเข้าไปพูดคุย อธิบาย คลายความสงสัยให้ชัดเจนมากขึ้นด้วย

คำชี้แจงดังกล่าวข้างต้น อาจจะพอไขข้อข้องใจให้กับคนบางกลุ่มได้ ทว่า อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะหลายต่อหลายครั้งเรามักจะได้ยินคำว่าใช้เส้นสายอยู่บ่อยครั้ง ในเมืองไทยจึงถือว่าการใช้เส้นสายเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นวัฒนธรรมไปเสียแล้ว ผู้คร่ำหวอดในสายข่าวบันเทิง กล่าววิจารณ์

“จริงๆ มันมีทุกวงการแหละ ไม่ได้มีแค่ในวงการบันเทิง คือมันมีทุกวงการแม้แต่คนธรรมดาก็มีเส้นมีสาย แต่ถ้าเรียกกันแบบชาวบ้านก็เรียกว่า ‘เส้นสาย’ แต่ถ้าเรียกกันให้ดูดีกว่านั้นมันก็คือความสัมพันธ์ เหมือนเรารู้จักกับเพื่อน เพื่อนก็ช่วยเหลือกัน คนรู้จักช่วยเหลือกัน แบบนี้มากกว่า มันไม่ห่างหายไปจากประเทศไทย มันกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว

มีอยู่ในทุกๆ วงการเพียงแต่ว่า พอมาเป็นคนสาธารณะแล้วมาทำ มันก็โดนจับตาเป็นพิเศษ แล้วยิ่งสมัยนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กมันรวดเร็ว คือมันไม่ต้องไปฟ้องสื่อที่ไหนแล้ว ไม่ต้องไปออกรายการ ร้องเรียนสรยุทธ์ ไม่ต้องไปฟ้องร้องกับใคร ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเอง แค่มีมือถือก็เป็นสื่อแล้ว แค่โพสต์ก็เป็นประเด็นแล้ว”



เส้นสายของ ‘คนในวงการ’

ต่อข้อซักถามที่ว่า เพราะความมีชื่อเสียงด้วยหรือไม่ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่างออกไปเหนือคนธรรมดา ผู้คร่ำหวอดในสายข่าวบันเทิง รีบตอบกลับอย่างทันควันว่าเพราะความที่เป็นคนมีชื่อเสียง ใครๆ ก็อยากจะดูแลเป็นพิเศษ และส่วนในกรณีนี้ด้วยความเป็นดาราเจ้าหน้าที่อาจจะจำหน้าได้ เลยเกิดความอะลุ่มอล่วยก็เป็นได้

ใช่ เพราะว่าทุกคนอยากเป็นที่รู้จัก อยากเป็นที่รัก มันก็เลยเกิดการดูแลเป็นพิเศษ อย่างเวลานายกฯ ไปไหน ยังมีรถนำขบวนเลย ไม่ต้องติดไฟแดง เหมือนกันแหละ อันนี้ไม่ได้เรียกว่าหน้าที่ แต่เขาเรียกว่าเส้น บางที่เจ้าหน้าที่ก็อยากที่จะเทคแคร์ คนดังมาก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทิ้งการทิ้งงานมาถ่ายรูป เอานั่นไหม เอานี่ไหม

แต่สำหรับในระบบขนส่งบ้านเรา ปัจจุบันรถมันเยอะคนต้องมารอคิวตั้งแต่ตี 5 เพราะว่าคิวเขาจำกัดว่าวันนี้รับได้เท่านั้น เท่านี้ รอทำใบขับขี่เป็นเดือนสองเดือน มันก็โมโหเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่เขาบอกว่าไม่ได้แซงคิวไม่ได้อะไร คือถ้าเขาลืมเอกสารจริง เขาอาจจะมีคิวอยู่แล้ว หลังจากกลับไปเอาก็นำมาให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นดาราเขาก็จำได้อยู่แล้ว ว่าคนนี้เป็นดารามาคนนี้เคยเอาคิวมาก่อน เอาเอกสารมาให้มันก็อาจเป็นแบบนั้นก็ได้

แต่โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่เขาไม่ให้หรอก ถ้าเป็นคนธรรมดาลืมเอกสารคิวคุณเลยก็เลยไป แต่ถ้าเป็นดาราเขาก็จำได้ ถ้าเกิดเขาลืมเอกสารจริงก็รอได้ ถามว่ามันอภิสิทธิ์ชนไหม มันก็อภิสิทธิ์ อาจจะมองว่าเป็นเรื่องของความพิศวาสส่วนตัวก็ได้ แต่ถ้าเกิดเขาไม่ได้ลืมเอกสารจริงแล้วเขาเข้ามาลัดคิว มันก็เป็นไปได้หมดเหมือนกัน ประชาชนหรือใครเขาก็รู้สึกไม่ดี ไม่งั้นไม่มีการถ่ายคลิปคนที่รอนานๆ ก็อึดอัด ไม่ต้องคิวอะไรหรอก แค่คิวเข้าห้องน้ำ ต่อแถวยาวๆ แล้วมีคนวิ่งมาแซง เรายังรู้สึกแย่เลยเป็นเรื่องธรรมดา”

ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนและเป็นอุทาหรณ์ให้กับบุคคลที่เรียกตนเองว่า ‘ดารา’ ได้อย่างดีทีเดียว เพราะการเป็นดารา ต้องแลกมาด้วยการจับจ้องของประชาชน และหากกระทำสิ่งใดที่ผิดพลาด ก็ต้องยอมรับกับผลเสียที่จะตามมาด้วยอีกเช่นกัน

“เขาจะต้องได้รู้ว่าเขาไม่ใช่เทพ เทวดาที่ไหน ที่ทุกคนจะต้องมาสปอยเขา ทุกคนจะต้องรักเขาหมด และทุกย่างก้าวของเขาคือ การจับตาของประชาชน มันเป็นสิ่งที่คุณจะต้องแลกมากับชื่อเสียง มันเป็นทุกคนอยู่แล้วคำว่า 'ดารา' มันคืออภิสิทธิ์อยู่แล้ว มันก็ต้องแลกกับสิ่งที่คุณจะต้องเสียเหมือนกัน แล้วต้องระวังตัวในการกระทำทุกอย่าง”

ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
ขอบคุณข้อมูล copcong สมาชิกเว็บไซต์พันทิป



มาสร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกัน!!ตัวอย่างงานในเซ็กชั่นทั้งหมด>>>...

Posted by ASTV ผู้จัดการ Live on Friday, August 21, 2015

รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น