ดราม่าร้อนฉ่า! หลัง กทม. ซื้อฮาร์ดดิสก์ติดกล้อง CCTV ในเมืองกรุงราคาแพงหูฉี่ถึง 8 แสนบาท ทันทีที่ข้อมูลถูกเผยแพร่ กลับโดนผู้คนในโลกโซเชียลฯ วิพากษ์วิจารณ์อย่างโหมกระหน่ำ พร้อมงัดภาพในเว็บไซต์จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีที่มีลักษณะเหมือนกันขึ้นมาเปรียบเทียบ หนำซ้ำยังมีราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท หลากหลายข้อสงสัยตามมา ทั้งหมดนี้คืออะไร เหตุใดถึงมีราคาที่แพงเกินจริง และประสิทธิภาพก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร!?
โลกออนไลน์รุมประชาทัณฑ์!
“ผมทำงาน IT มาจะ20 ปี ยังไม่เคยเจอ HDD 1 ก้อน ราคาแพงถึง 8 แสน อย่ามาบอกว่าเอาราคา HDD ทั่วไปมาเปรียบเทียบกับ SAN storage เพราะ SAN storage ก็ใช้ HDD ทั่วไป เพียงแค่รอบเยอะกว่า แล้วก็ใช้การ์ด SAS หรือ fiber ในการเชื่อมต่อ ตัว HDD ไม่มีทางถึง 8 แสน ขอฝากให้ขอความนี้ไปถึงรองผู้ว่าและคุณผู้ว่าฯ ด้วยอย่าโกงแผ่นดินกรุณาตรวจสอบแล้วยื่นประมูลระบบใหม่ให้ประชาชนรับทราบด้วยอย่าหมกเม็ด”
“ราคาไม่ถึงแน่นอนครับ 800,000 บาท อันนี้ได้ทั้งตู้ ทั้งฮาร์ดดิสก์ ทั้งระบบ ทั้งประกัน ทั้งสินค้าแถมด้วย (อย่าแถเลยครับ) ออกมารับผิดเถอะ”
“ทำเซิร์ฟเวอร์เหมือนกัน ซื้อจากไหนครับ? SSD รุ่นล่าสุด 2015 4TB เพิ่งเปิดตัว 5600$ ไม่ถึง 2 แสน เอามาจากไหน 8แสน? HDD 4TB 5000 กว่าบาท ใช้ SSD เทพขนาดนั้นเลยเหรอ 8 แสน กินกันบานเลยนะ”
“งงอยู่ว่าของใช้ของดีของแพงมากๆ แล้วทำไมภาพที่ได้ห่วย แถมกล้องยังเสียเยอะมาก เอกชนใช้ระบบถูกๆยังใช้ได้เป็นหลักฐานดีกว่าเลยครับ อยากให้ชี้แจงมากๆ เลย”
กระหน่ำโลกออนไลน์ทันที หลังจากกล้อง CCTV ในกรุงเทพฯ เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องราคาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือฮาร์ดดิสก์ ขนาด 4TB (4,000 GB) ที่ กทม. จัดซื้อ เพื่อนำมาใส่ในกล้อง CCTV ในราคาสูงเกินจริงถึงราคาลูกละ 800,000 บาท ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับราคาในเว็บไซต์จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีแล้วนั้น ผลปรากฏว่า มีการจำหน่ายในราคาเพียงลูกละ 6,000-8,000 บาทเท่านั้น
ทันทีที่ผู้ใช้งานในโลกออนไลน์โหมกระหน่ำ และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนาหู อมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่า ฮาร์ดดิสก์ติดกล้อง CCTV ที่ กทม. จัดซื้อนั้น มีความพิเศษและแตกต่างจากล้องทั่วไป เนื่องจากต้องใช้ในการบันทึกข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้ง ยังต้องใช้ในการรับ-ส่งข้อมูลที่มีความรวดเร็วเป็นอย่างมากอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ราคาฮาร์ดดิสก์ติดกล้อง CCTV จะมีราคาแพงขนาดนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในใบประมาณราคาดังกล่าวอีกครั้งว่าราคาที่มีการตั้งไว้ หรือสเปกของที่จัดซื้อเหมาะสมแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีเฟซบุ๊ก “ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ก” ก็ได้ออกมาถามถึงความกระจ่างเกี่ยวกับกรณีนี้ โดยนำเอกสารราคาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก แบบ SAN ของหน่วยงานอื่นๆ ที่เคยมีการจัดซื้อมาเผยแพร่ ความว่า
“เห็นมีคนทำข้อมูลโจมตี กทม. เรื่องซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบภายนอก ที่ทำงานในระบบเครือข่ายที่มีราคาเป็นหลักแสน มาเปรียบเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบพกพาราคาไม่กี่พัน แล้วพากันเฮโลว่าโกง ซื้อแพงเป็นร้อยเท่า คือ การตรวจสอบมันก็ดี แต่มันต้องอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง การเปรียบเทียบที่ถูกต้อง การเปรียบเทียบแบบที่กำลังทำกับ กทม. มันไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวง
แอดมินเลยเอาราคาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก แบบ SAN ของหน่วยงานอื่นมาให้ดูราคาที่มันควรจะเป็น พร้อมภาพฮาร์ดดิสก์แบบที่ใกล้เคียงของจริง ไม่ใช่แบบพกพาที่ใช้กันทั่วไป ส่วนราคาก็คลิ๊กเข้าไปดูแต่ละรูปกันเลย เป็นราคาที่ใช้เทียบเคียงไม่ใช่ราคาเดียวกันเป๊ะ ซึ่งความแตกต่างมันขึ้นอยู่กับสเปกด้วย”
ปล่อยเช่า..หวังทำกำไร!
“ผมมองแล้วมันไม่ปกติ มันไม่ใช่สเปกปกติ เอาง่ายๆ ถ้าอ้างว่าเป็นฮาร์ดดิสก์พิเศษก็ต้องบอกได้ว่าสเปกคืออะไร” พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือ “หนุ่ย” แบไต๋ไฮเทค ผู้คร่ำหวอดในวงการ IT แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ผ่านทางทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live อีกทั้ง ยังฟันธงว่าทั้งหมดนี้คือการปล่อยของมาเช่าโดยหวังจะทำกำไรในการเช่าครั้งเดียว!
“เขาบอกว่าใบนี้มันประมาณปี 2553 ซึ่งมันก็ไม่ถูกต้องที่เอาใบเก่าขนาดนั้นมาใช้กับปี 2558 5 ปีผ่านไปเทคโนโลยีมันตกยุคไปแล้ว ราคามันคนละรูปแบบกัน แล้วเขาก็บอกว่ายังไม่มีการสั่งซื้อมันเป็นเพียงการเสนอ รูปแบบที่ผมอ่านงบประมาณมัน 22,900,000 บาท คือตัวเลขที่เขียนทั้งหมด มัน 800,000 บาท และมันยังมีเครื่องที่ใช้ดู CCTV เครื่องละ 125,000 บาท ก็ไม่รู้ว่าเขาไปซื้อแมคโปรมาดูหรือเปล่า คือมันแพงเกินไป ทุกอย่างมันแพงเวอร์หมด”
แต่สิ่งที่เห็นจากตารางเมื่อมันรวมกันหมดแล้ว ตัวเลขของทุกๆ อัน มูลค่ามันเป็นของ ราคา 22,900,000 บาท มาจาก 8 เปอร์เซ็นต์ของยอดเวอร์ๆ ที่เขาเขียน ผมจึงมีความเข้าใจว่าอันนี้เป็นงานเช่าระบบที่ซัปพลายเออร์ที่จะเอาระบบมาให้เช่าต้องการคุ้มทุนภายในการเช่าครั้งเดียว จึงทำราคาเวอร์อัปขึ้นมา แล้วใช้หลักการ 8 เปอร์เซ็น ของราคาเวอร์ๆ นี้ให้กลายเป็นงบประมาณ ซึ่งงบประมาณ 22 ล้านบาทนี้ เหมือน กทม. จะไม่ได้ทรัพย์สินจะได้แค่ค่าเช่าระบบกับการเมนเทนแนนซ์ คือมีการบำรุงรักษา ซี่งอันนี้ก็ต้องมีทีมมานั่งมอนิเตอร์ดู”
ไม่ว่าจะเป็นตัวฮาร์ดดิสก์ หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดูกล้อง CCTV ทั้งหมดนี้เป็นราคาที่สูงเกินจริงไปเสียทุกอย่าง นอกจากนี้ทาง กทม. ยังให้ข้อมูลอีกว่าฮาร์ดดิสก์ตัวนี้มีความพิเศษกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วๆ ไป เพราะมีความจุถึง 4 เทราไบต์ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้าน IT ก็ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยบอกว่าความจุ 4 เทราไบต์ ไม่มีในโลกและไม่มีทางเป็นได้อย่างแน่นอน
“ราคาทั้งหมดนี้มันเวอร์เกินจริงไปหมดทุกส่วน ฮาร์ดดิสก์ก็แพง คอมพิวเตอร์ที่จะดูภาพก็แพงเวอร์ เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์ราคาถูกลงอย่างมหาศาล ไปใช้ราคา 125,000 บาท นี่ก็ผิดแล้ว ในขณะที่ฮาร์ดดิสก์จะมีความเป็นไปได้ในทางเดียว ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่เขาอ้างว่าฮาร์ดดิสก์วงจรปิดเป็นแบบพิเศษ คือเราจะบอกว่า 6000-7000 บาท เราก็ซื้อได้ อันนั้นมันเป็นสเปกคอมพ์ฯ ทั่วไป
อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในบ้านหรือใช้ในบริษัท มันจะเป็นไปได้ในทางเดียวจากราคานี้ คือเป็นระบบ SAN เป็นฮาร์ดดิสก์ทำความเร็วสูงมาก ซึ่งเขาอาจจะพิมพ์ตกก็ได้ ความจุไม่น้อยกว่า 4 เทราไบต์ ความหมายคือส่งผ่านข้อมูล 4 เทราไบต์ ต่อวินาที ซึ่งเป็นสเปกที่เวอร์มากๆ และไม่มีอยู่จริง”
จากทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้คร่ำหวอดในวงการ IT ได้กล่าวมานั้น ถือเป็นข้อมูลที่สร้างความกระจ่างให้กับประชาชนได้อย่างดีทีเดียว และต่อข้อซักถามที่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ฮาร์ดดิสก์ตัวนี้อาจจะมีราคาสูงถึง 8 แสนบาทจริงๆ เขาตอบกลับทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน และยังย้ำอีกว่าทาง กทม. และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง เพราะถือว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ
“ฮาร์ดดิสก์มันมีหลายแบบ หลายเลเวล อย่างดีและแพงที่สุดก็หลักแสนครับ แต่ไม่ถึง 800,000 บาท ฮาร์ดดิสก์ที่ดีมากคือฮาร์ดดิสก์ที่หมุนเร็วและบันทึกข้อมูลได้อย่างเสถียร ส่วนของ กทม. ระบบนี้มันไม่มีความเทพขนาดนั้น และสเปกที่เขียนก็ไม่ได้ครอบคลุมขนาด แล้วงานนี้ถ้าสังเกตดีๆ มันมีตารางแถบสุดท้าย ที่เขียน 8 เปอร์เซ็นต์ จากราคาแล้วก็คูณจำนวนเดือน 12 เดือน ฉะนั้น มันก็จะเป็น 8 เปอร์เซ็นต์จากราคาของรวมกันมาแล้วจากหลายร้อยล้าน ก็เหลือแค่ 22 ล้านบาท จาก 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ ระบบทั้งระบบมันก็อาจจะราคาแค่นี้ หรือต่ำกว่านี้ เพื่อที่จะให้เกิดการดำเนินงานได้
ผมจึงฟันธงว่า งานนี้เป็นงานปล่อยของมาเช่าโดยหวังว่าจะทำกำไรในการเช่าครั้งเดียว ซึ่ง กทม. ต้องชี้แจง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันเป็นเรื่องผิดปกติ เอกสารทุกวันนี้ออกจากระบบเว็บไซต์ของ กทม. แล้ว แปลว่ามันไม่ถูกต้อง แม้ว่าราคาจะเป็น 22,900,000 บาท ไม่ใช่ราคาของยอดรวมที่เราเห็นทั้งหมด เพราะว่าเขาสั่งเยอะ มันก็อาจจะเป็นลักษณะของการปล่อยเช่าโดยต้องการคุ้มทุนจากการปล่อยเช่าครั้งนั้น ก็เลยคิด 8 เปอร์เซ็นต์จากราคาเวอร์ๆ จากที่มันไม่ใช่ราคาจริงครับ”
แพงเวอร์ แต่ประสิทธิภาพต่ำ?!
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากล้องวงจรปิดในเมืองหลวงของบ้านเรานั้นมีราคาที่แพงเกินจริง แถมประสิทธิภาพก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควรอีกต่างหาก หากย้อนกลับไปในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ผ่านมากับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ที่คร่าผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก จากเหตุการณ์นั้นเองยังคงเป็นประเด็นให้ได้ถกเถียงกันอยู่ทุกวันนี้
โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่ากล้องวงจรปิดในแถบนั้น ทำไมถึงไม่สามารถใช้งานได้ในขณะที่บางจุดควรจับภาพคนร้ายได้แต่กล้องดันเสีย ทว่า นอกจากกล้องเสียแล้วหนำซ้ำยังไม่สามารถบันทึกหน้าคนร้ายให้ชัดเจน ได้อย่างเวลากล้องจับภาพทะเบียนรถยนต์ขณะที่วิ่งบนท้องถนน
หลากหลายข้อสงสัยของคนเมือง “หนุ่ย” ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เขามีคำตอบ โดยอยากให้มองว่าวัตถุประสงค์ของกล้องนั้นมันต่างกัน คือ หากจับภาพตอนกลางวันมันจะชัดกว่าตอนกลางคืนอยู่แล้วเพราะแสงมากกว่า และโดยส่วนใหญ่กล้อง CCTVเป็นกล้องที่ถ่ายโดยกว้าง และไม่ได้เป็นกล้องที่โฟกัสได้
“แยกเป็น 2 ประเด็นนะครับ ใช้ได้กับใช้ไม่ได้ ตำรวจกับ กทม. ข้อมูลไม่ตรงกัน 1. ตำรวจบอกว่ามี 20 ตัว เสียไป 15 ตัว ภาพไม่ปะติดปะต่อ ส่วน กทม. ออกมากชี้แจงโดยที่ปรึกษา กทม. โดยไม่ใช่ผู้ว่าฯ ว่ามีอยู่ 107 ตัว เสียไป 4 ตัว ตอนนี้ข้อมูลไม่ตรงกัน ผมในฐานะที่เป็นกลางผมไม่สามารถเลือกได้ว่าผมจะเชื่อใคร จนกว่าจะเห็นเองว่ามันมีกี่ตัวกันแน่ 2. เรื่องความคมชัดมันมองได้แบบนี้ คนกำลังจะเปรียบเทียบว่ากล้องส่องทะเบียนรถยนต์เวลาโดนจับที่ส่งมาบ้านทำไมชัดจัง กับกล้อง กทม. ทำไมไม่ชัด
ประการที่ 1 วัตถุประสงค์ของกล้องต่างกันคือต้องการที่จะจับตัวอักษร มันก็ต้องโฟกัสไปที่ตัวอักษร แล้วมันก็ถ่ายกลางวัน กลางวันแสงมันมากกว่า มันก็ต้องชัดกว่าอยู่แล้ว ประการที่ 2 กล้องวงจรปิดเป็นกล้องที่ถ่ายกว้างๆ ถ่ายบันทึกเหตุการณ์โดยที่ไม่ได้โฟกัสไปที่จุดไหนเลย และภาพที่เกิดขึ้นเป็นเวลากลางคืน เวลา 18.55 นี่มันมืดไปแล้ว ฉะนั้น จะหวังให้มันชัดเหมือนกล้องกลางวันมันเป็นไปไม่ได้”
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อกล้องนั้นมีประสิทธิภาพที่ต่ำ ก็ควรที่จะแก้ไขให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนราคาก็ต้องสมเหตุสมผลและประชาชนก็ต้องเข้าถึงข้อมูลนั้นได้โดยที่ไม่ค้านสายตา ผู้คร่ำหวอดในวงการ IT กล่าวทิ้งท้าย
“ผมมีความเห็นว่ากล้องของ กทม. คุณภาพภาพก็ต่ำเกินไป ควรจะมีสภาพที่ดีกว่านี้ ถ้าถามว่าเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งตัวผมเองและตัวทุกคนในสังคมก็ควรจะมีการอัปเกรดกล้อง CCTV ให้เป็นระบบHD เพื่อที่จะมีความปลอดภัยมากกว่านี้ มีระบบซอฟต์แวร์ที่ฉลาดพอ ที่ให้มันจับหน้าได้
แต่ต้องมาในราคาที่สมเหตุสมผล ประชาชนต้องเข้าถึงข้อมูลและเห็นด้วยโดยไม่ค้านสายตาแบบนี้ ที่ก่อนหน้านี้ที่มันเป็นประเด็น เขาก็ปรากฏราคาให้เห็นแต่มันไม่สมเหตุสมผลไง พอเห็นแล้วกลายเป็นคำว่า...มันบ้าไปแล้ว! กลับเป็นคำนี้แทน ณ วันนี้มันแพงเกินจริงทุกกรณี ถ้าผู้ว่า กทม สามารถบอกได้ว่าสเปกที่เขียนมาทั้งหมด มันคือสเปกอะไร กล้องอะไร อันนี้จะดีกว่า
ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่เสียภาษีให้กับกรุงเทพฯ ผมก็รอฟังอยู่ว่าสเปกมันเป็นยังไง ส่วนตัวผมไม่มีทัศนะคติลบกับการซื้อของแพง เพราะของแพงมันมักจะดีแต่ผมจะรู้สึกเศร้าสลดถ้าเกิดของที่แพงนั้นมันคือของสเปกต่ำที่ถูกหลอกขาย และเป็นการบังคับราคา”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ภาพประกอบ: เฟซบุ๊ก ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ค, สมาชิกหมายเลข 1420849 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม
มาสร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกัน!!ตัวอย่างงานในเซ็กชั่นทั้งหมด>>>...
Posted by ASTV ผู้จัดการ Live on Friday, August 21, 2015
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754