xs
xsm
sm
md
lg

รอดปาฏิหาริย์! เปิดใจคณะรำ "ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

8 นางรำ จากคณะดำรงค์นาฏศิลป์ ผู้รอดชีวิตปาฏิหาริย์จากเหตุระเบิด
เพราะพวกเธอ คือกลุ่มคนที่อยู่ห่างจากรัศมีระเบิดเพียงไม่กี่เมตร แต่กลับรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ หนำซ้ำ กำลังใจยังดี ยืนหยัดจะทำอาชีพนี้ต่อไป โดยไม่หวาดหวั่นอันตรายใดๆ ทีมข่าวจึงต้องลงพื้นที่ไปพบพวกเธอ เพื่อให้บรรยายถึงวินาทีเหตุระเบิดในคืนนั้น ในฐานะผู้รอดชีวิตที่อยู่ใกล้ที่สุดในเหตุการณ์ พวกเธอคือ "คณะนางรำประจำศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ"

ไม่มีบาดแผล แม้แต่เสี้ยวเดียว

ราวเกือบทุ่มตรงของวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เวลาเดียวกันกับที่ระเบิดชนิดรุนแรงถูกจุดขึ้นบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ณ สี่แยกราชประสงค์ เหตุการณ์สะเทือนขวัญในคืนนั้นส่งผลให้ผู้คนบาดเจ็บนับร้อย และต้องสังเวยชีวิตไปกว่า 20 ศพ ทว่า ท่ามกลางควันไฟลุกโหม เสียงกรีดร้องดังระงม ถัดไปอีกเพียงไม่กี่ก้าว คนกลุ่มหนึ่งกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่หลายคนต้องพูดถึง

“คืนนั้นทางคณะก็ออกมารำกันครบทั้ง 8 คนเลยนะคะ แล้วที่น่าแปลกก็ตรงที่ ระหว่างที่รำๆ อยู่นั้น ก่อนจะมีเสียงบึ้ม จู่ๆ ยอดก็กระเด็นค่ะ เหมือนเป็นลางบอกเหตุ แต่ไม่นานพอระเบิดดังขึ้น ตอนแรกทุกคนก็ยังไม่ได้ตกใจอะไรนะคะ คิดว่าอาจเป็นยางรถยนต์แตก เพราะเคยเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่จะผิดสังเกตก็ตรงที่ครั้งนี้ บึ้มเรง อีกอย่างตอนนั้นควันไฟก็มัวไปหมด จะรู้กันอีกทีก็ตอนควันไฟเริ่มจางแล้ว และมีคนเจ็บเต็มไปหมด ตอนนั้นนางรำชะงักแล้วค่ะ แล้วรีบเช็คความปลอดภัยคนในคณะกัน แต่ไม่มีใครมีแผลแม้แต่คนเดียวค่ะ” พลอยนพร ชววัฑรัตน์ชัย นางรำประจำศาลพระพรหม วัย 29 ปี จากคณะกนกพร ย้อนถึงวินาทีช่วงเกิดเหตุที่เธอได้ยินจากเพื่อนนางรำต่างคณะซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น

“ยังงงอยู่เลยค่ะ พอวันนี้มารำ ยังเห็นกระจกด้านหลังแตก แต่ตรงที่นางรำยืนรำคืนนั้น กลับไม่เป็นอะไรเลย และตรงนี้หนูขอมองในความเชื่อส่วนตัวนะคะ หนูว่าเป็นเพราะพวกเราบูชาพ่อครู(พระพรหม) อยู่แล้ว ก็คิดว่าพ่อครูคงช่วย เพราะจากจุดระเบิดกับองค์พ่ออยู่ใกล้กันนิดเดียว องค์พ่อยังเป็นรอยแค่นิดเดียว แล้วพวกเราก็ไม่มีใครได้รับอันตรายเลยสักคน ทั้งคณะดนตรี ทั้งนางรำเลยค่ะ มันน่าเหลือเชื่อมากทั้งที่ห่างแค่ไม่ถึงสิบยี่สิบก้าว”
พลอยนพร ชววัฑรัตน์ชัย  นางรำประจำศาลพระพรหมเอราวัณ จากคณะกนกพร
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเรื่องราวที่ร่ำลือกันในหมู่แม่ค้าร้านขายพวงมาลัย และวินมอเตอร์ไซค์ละแวกนั้นอีกว่า ปกติแล้ว ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ จะเป็นจุดที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในย่านนั้น แทบไม่มีที่ยืน เพราะทั้งชาวไทยและต่างชาติ มักแวะเวียนเข้ามาสักการะ แต่คืนวันเกิดเหตุ ภายในศาลกลับมีไม่ถึงยี่สิบคน และแม่ค้าที่ขายดอกไม้บูชาแถบนั้นต่างก็ไม่ได้มาตั้งแผง ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบถามโดยทีมข่าว ทุกคนเชื่อว่า นี่คืออิทธิฤทธิ์ที่พระพรหมเป็นผู้ดลบันดาลปัดเป่า

“มันแปลกตรงที่ก่อนหน้านี้หลายวันศาลองค์พ่อ(พระพรหม)มีคนมาไหว้เยอะมาก แต่วันที่ระเบิดกลับมีคนน้อยผิดปกติ ยังบอกกับเพื่อนอยู่เลยค่ะ ว่าวันที่เกิดเหตุรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแบบไม่มีเหตุผล ว่าทำไม คนหายไปไหนหมด เพราะปกติช่วงวันจันทร์จะคนน้อยก็จริง เพราะเขาห้ามตั้งแผงขายของข้างทาง แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีคนน้อยขนาดนี้” หนึ่งในนางรำผู้อยู่ในเหตุการณ์ จากคณะดำรงนาฏศิลป์ บอกกับทีมข่าว

เช่นเดียวกับ พี่วัฒน์ อนุวัฒน์ ปานประยูร ผู้จัดการคณะละครรำวัย 43 ปี หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และทำงานอยู่บริเวณศาลพระพรหมแห่งนี้มาแล้ว กว่า 30 ปี ที่เผยว่า

“ระเบิดมันเป็นท่อ ถ้าระเบิดมันตั้งนอนมันก็ต้องแตกกระจายแนวราบ แต่นี่ระเบิดวางตั้ง แล้วก่อนที่มันจะระเบิด มันก็พุ่งขึ้นบนเหมือนจุดพลุใหญ่ๆ เหมือนมีอะไรทำให้หักเห รัศมีทำลายล้างก็ตั้งร้อยเมตร ถ้ามันไม่พุ่งขึ้นบนคงจะมีคนเจ็บและตายมากกว่านี้ ผมมองว่า ไม่ว่าองค์พ่อจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่จริง แต่ที่พวกผมกับนางรำรอดมาได้ก็เพราะมีศาลองค์พ่อบังอยู่”

ยากที่จะเชื่อ แต่ก่อนคืนเกิดเหตุ พลอยนพร ชววัฑรัตน์ชัย นางรำประจำศาลพระพรหม วัย 29 ปี เล่าว่าก่อนหน้านั้น มีเรื่องแปลกอีกอย่าง คือภายใน 1 สัปดาห์ก่อนศาลพระพรหมถูกวางระเบิด เป็นช่วงที่นางรำทุกคนทั้งในคณะกนกพร และคณะนางรำกะดึกที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกเหมือนๆ กันว่า พวกเธอรำดีผิดปกติ ซึ่งพลอยนพร ถึงกับยืนยันเลยว่า เป็นช่วงที่รำได้ดีที่สุดตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา 15 ปี
พี่วัฒน์ อนุวัฒน์ ปานประยูร ผู้จัดการคณะละครรำวัย 43 ปี หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
สงครามระเบิด สงครามน้ำใจ

แม้เหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้จะสร้างรอยแผลลึกในใจคนไทย ทว่า ในอีกมุมหนึ่ง นี่กลับเป็นปรากฏการณ์ที่ช่วยปลุกระดมให้คนไทยยิ่งเข้มแข็ง และรักกันยิ่งขึ้น พี่วัฒน์ อนุวัฒน์ ยืนยันเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจว่า

"เวลานั้น แทนที่คนจะวิ่งหนีกันออกนอกพื้นที่ แต่กลับวิ่งเข้ามาช่วยพยุงคนเจ็บ มีที่ไหนครับ คนเจ็บเลือดท่วมตัวแต่พยายามเดินเข้าไปช่วยลากคนที่เจ็บกว่าแล้วกำลังนอนหมดสติ พอเสียงระเบิดเงียบไปสักพัก ผมกับลูกน้องที่เป็นผู้ชายไม่ได้มีความคิดที่จะหนีออกจากโซนนี้เลย เพราะว่าเราเป็นเจ้าของสถานที่ เราก็ต้องช่วยเหลือคน อย่างผมนี่ช่วยพาคนเจ็บส่งขึ้นรถไปโรงพยาบาล บางคนเขาเป็นคนต่างชาติเขาไม่รู้ว่าแถวนี้มีโรงพยาบาลตำรวจ ผมก็ชี้บอกทางเขาไป บางคนไปไม่ไหวผมก็ส่งให้เจ้าหน้าที่พาไป รีบปฐมพยาบาลตามที่เราพอรู้ ช่วยไปได้หลายคน แต่ตอนนั้นมันชุนละมุนมากครับ ทั้งผมและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้แต่ช่วยกันตะโกนว่า ถ้าใครยังไหวให้ยกมือจะได้เข้าไปช่วย"

ไม่เพียงเท่านั้นผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่าง พี่วัฒน์ ยังบอกอีกว่า ตนไม่เคยนึกเคยฝันว่าคนไทยจะมีน้ำใจถึงเพียงนี้ บางคนจอดรถติดไฟแดงอยู่กลางถนน แต่กลับรีบวิ่งลงมาบอกให้พาคนเจ็บขึ้นรถของเขาได้เลย เพราะจะช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ในละแวกนั้นที่รับส่งผู้โดยสารฟรี ไม่คิดค่าบริการ ถือว่าเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยฝ่าวิกฤตินี้ไปได้เยอะจริงๆ

อีกทั้ง ยังเรื่องที่คนไทยจำนวนมากแห่ไปบริจาคเลือดตลอดทั้งคืนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ แม้ว่าทางสภากาชาดไทยจะออกมาประกาศว่ามีเลือดเพียงพอแล้วก็ตาม โดยบางคนให้เหตุผลว่าในฐานะที่เป็นคนไทยมันคือหน้าที่ และแม้ว่าการจะเดินทางมาบริจาคเลือดจะมีความลำบากเนื่องจากมีการปิดถนนแต่พวกเขาก็เต็มใจทำ จนเรื่องนี้ไปปรากฏในสื่อของเยอรมัน เป็นการตีข่าวชื่นชมความมีน้ำใจของคนไทยว่า ทันทีที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นพร้อมกับมีควันคลุ้งอยู่ทั่วเต็มไปหมด ปรากฏว่าคนไทยแถวนั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บทันที โดยไม่เป็นห่วงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากระเบิดที่ยังหลงเหลืออยู่

“ผมเห็นทุกคนช่วยกันจนชนิดที่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอเคลียร์ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เพื่อจะกู้ระเบิดต่ออีกหนึ่งลูก ทุกคนถึงจะออก แล้วจนถึงวันนี้ ชาวจีนและชาติอื่นๆ ที่เขาเข้ามาไหว้พระพรหมทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปได้สองวัน ผมก็ถามเขานะ ว่าทำไม You ถึงยังกล้ามา แต่เขาบอกว่า เขาเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พ่อ และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะตามตัวคนร้ายทำดำเนินคดีได้ ถ้าในส่วนของความเชื่อส่วนตัวผมก็เชื่อแบบนั้นนะว่า บารมีขององค์พ่อจะปกป้องพวกเรา แต่ในความเป็นจริง ผมก็มองว่าตำรวจและทหารจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกได้” นี่คือความคิดเห็นจากผู้ที่ทำงานบริเวณจุดเกิดเหตุมากว่า 30 ปี

มาต่อกันด้วยเสียงของนางรำคณะกนกพรอย่างพลอยนพร ชววัฑรัตน์ชัย ที่จะขอทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่หวั่นอันตรายใดๆ “อาจจะหวั่นนิดๆ ค่ะ ส่วนตัวก็ไม่กลัวนะคะ ยังอยากทำหน้าที่นางรำตรงนี้ต่อไป เพราะเราถือว่าเราทำดี เราเป็นเหมือนลูกศิษย์พ่อครู ท่านย่อมคุ้มครอง อีกอย่างหนูฝันจะรำที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเรียนประถม แม่เคยพานั่งรถผ่าน หนูเห็นนางรำที่นี่สวยก็เลยบนกับท่านไว้ว่าวันหนึ่งอยากมาเป็นนางรำที่นี่ แล้ววันนี้ก็ได้มารำจริงๆ มันเหลือเชื่อนะคะ คนจบนาฏศิลป์ หรือรำไทยมาโดยตรงอยากเข้ามาทำงานตรงนี้มากแต่ยังไม่ได้เลย”

จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ของทีมข่าวพบว่า ขณะนี้บริเวณศาลพระพรหม มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามากราบไหว้ตามปกติแล้ว แม้จะดูบางตากว่าช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดก็ตาม แต่ด้วยกองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ทั้งนอกเครื่องแบบ และในเครื่องแบบที่มีการกระจายอยู่หลายจุดในพื้นที่จึงช่วยให้ทุกคนอุ่นใจ และเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่มากราบไหว้ รวมถึงคนในพื้นที่ยอมรับกับทีมข่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ความหวาดกลัวอย่างเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่อันตราย แต่คือทางการจะสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมายได้หรือไม่”





สื่อแทนความอาลัยของคนที่ยังอยู่ถึงผู้ที่จากไป


ผลงานภาพวาดให้กำลังใจของน้องๆ จากโรงเรียนไตรราชวิทยา
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการLive
เรื่องโดย ธิติ ปลีทอง



มาสร้างแรงบันดาลใจไปด้วยกัน!!ตัวอย่างงานในเซ็กชั่นทั้งหมด>>>...

Posted by ASTV ผู้จัดการ Live on Friday, August 21, 2015

รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น