xs
xsm
sm
md
lg

หากินกับขี้! เมื่อ “รถสูบส้วม” มหาโหดเปิดให้บริการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกแล้ว..กับราคาสูบส้วมสุดโหด! ชายหนุ่มเรียกช่างเอกชนมาสูบส้วมในวันหยุดเจอเรียกเก็บค่าบริการมหาโหด 12,000 บาท ก่อนมาตั้งกระทู้ถามชาวเน็ต ราคานี้แพงไปไหม? ชี้ให้เห็นว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป และควรจะมีมาตรฐานการเก็บราคาให้แน่ชัดมากกว่านี้ว่าสูบเท่าไหร่ และต้องจ่ายเป็นเงินเท่าไหร่!

 
เมื่อเรื่องขี้ ไม่ใช่เรื่องขี้ๆ

"สูบส้วมในวันเสาร์-อาทิตย์มีไหม? แล้วสูบส้วมกับเอกชน 12,000 นี่แพงไปไหมครับ ?" กระทู้ต้นเรื่องสร้างเรื่องราวดรามาในเว็บไซต์พันทิปที่เรียกเสียงวิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ กับกรณีชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกช่างเอกชนมาสูบส้วมในวันหยุด เจอดีเรียกเก็บค่าบริการมหาโหด 12,000 บาท โดยเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ว่า ที่บ้านเขาส้วมเต็มในวันเสาร์ เลยใช้บริการรถสูบส้วมของเอกชน เพราะคิดว่าบริการสูบส้วมของทางเทศบาลน่าจะมาทำได้แค่ในเวลาราชการเท่านั้น

โดยรถสูบส้วมดังกล่าว แจ้งราคาว่าขีดละ 350 บาท (ตามมิเตอร์ของรถสูบส้วม) เขาก็ตกลง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่ามีผ้าอนามัยอยู่เต็มบ่อ (จากผู้อาศัยคนก่อน) และแนะนำว่าให้พ่นน้ำยาใส่ 3-4 ชุด ราคาประมาณ 2,000 บาท สุดท้ายสูบไปหมด มิเตอร์ขึ้นมา 28 ขีด รวมค่าน้ำยา ก็จ่ายไปประมาณ 12,000 บาท แต่แล้วเมื่อทางครอบครัวของเขาทราบเรื่อง ก็โดนบ่น โดนว่าโดยบอกว่าถูกหลอกแล้ว อีกทั้งยังให้ไปแจ้งความ

เขาจึงสงสัยว่าบริการสูบส้วมแบบนี้ มีทั้งเว็บไซต์และเบอร์โทรศัพท์ลงชัดเจน ถ้าหากโกงจริง ทำไมจึงไม่ปิดไปนานแล้ว และได้ลองหาจากกูเกิลอีกครั้ง ก็เห็นข่าวร้านเน็ตโดนไปเหมือนกันแต่ทางรถสูบส้วมยืนยันว่าไม่ได้โกงอะไร คิดเงินตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงสงสัยว่าราคาค่าสูบส้วมที่เหมาะสมคือเท่าไร แล้วราคาที่เขาต้องจ่ายไปถือว่าแพงหรือไม่

เมื่อประเด็นดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสงดความคิดเห็นกันยกใหญ่ โดยส่วนใหญ่มองว่า เจ้าของกระทู้ถูกหลอก เพราะค่าสูบส้วมปกติ ราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยเท่านั้น และทางที่ดีควรเรียกทางเขตหรือเทศบาลมาสูบดีกว่า ถึงแม้การติดต่อจะรอนานแต่ก็ปลอดภัยกว่า




“คิดว่าเป็นราคาที่แพงเกินจริง จากในกระทู้ต้นเรื่องทุกคนล้วนแต่มาเล่าว่า ราคาที่แท้จริงควรจะเป็นเท่าไร ซึ่งถูกกว่าที่เจ้าของกระทู้โดนไป 12,000 บาทมาก” กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะนักการตลาด เขาได้แสดงความคิดเห็นผ่านทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจนเกินไป อีกทั้งยังกล่าวต่อว่า ในกรณีนี้ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างชัดเจน เพราะเป็นการกำหนดอัตราการคิดราคาค่าบริการให้ดูคลุมเครือ แล้วอาศัยช่องว่าผู้บริโภคตกลงยอมรับในราคานั้นแล้วจึงจำเป็นต้องจ่าย

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้จึงเป็นเหตุการณ์ที่น่าเห็นใจทางผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะคงไม่มีใครทราบเรตราคาที่แน่ชัดอย่างแน่นอน และนอกจากนี้การกำหนดมาตรฐานการเก็บราคาจึงเป็นเรื่องยาก เพราะส้วมบางแห่งมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ค่าใช้จ่ายจึงแตกต่างกันออกไป

“เห็นใจทางผู้บริโภค เพราะการเรียกรถดูดส้วมเอกชน ไม่ใช่สิ่งที่เจอกันบ่อยๆ และ ไม่มีใครทราบเรตราคาที่ชัดเจน พอบอกว่าขีดละเท่าไร ก็ดูไม่ออกว่า ขีดที่ว่าคือขีดของอะไร มิเตอร์เป็นแบบไหน

ลักษณะรถดูดส้วม เป็นการให้บริการที่เฉพาะเจาะจงมาก มีเงื่อนไขหลากหลาย เช่น หากไปดูบ่อขนาดใหญ่ของคอนโดฯ หรือโรงเรียน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง หรือในกรณีที่บ่อส้วมบางแห่งแห้งและแข็งไปแล้วต้องใช้น้ำฉีดเป็นจำนวนมาก ก็มีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน การกำหนดราคาจึงเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ผู้ให้บริการควรมีคุณธรรมในการประกอบอาชีพคือ การแจ้งราคารวมทั้งหมดให้ชัดเจน ก่อนการดำเนินการ และอย่าบวกเพิ่มเกินจริง”

 
อย่าปล่อยให้ “จอมโกง” ลอยนวล

ทว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ด้วยกันที่เข้าข่ายทำให้ผู้บริโภครู้สึกโดนหลอกลวง ดังนั้น ผู้ประกอบการเหล่านี้จึงสมควรได้รับการประณามเพื่อให้ผู้บริโภคคนอื่นๆ รู้เท่าทัน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรเข้ามาจัดการอย่างจริงจังเสียที

“มีเหตุการณ์อย่างนี้บ่อยครั้ง เช่น แม่ค้าเร่ที่ย่านมอเตอร์เวย์ บางแสน และเขาสามมุก ที่ใช้วิธีแปะป้ายขาย ขนมชั้นว่า ขีดละ 40 บาท หากตัดแล้วต้องซื้อ พอคนมองไกลๆ ก็นึกว่ากล่องละ 40 บาท พอสั่งซื้อแล้ว ปรากฏว่าเป็นขนมชั้นอย่างดีก็จริง แต่ น้ำหนัก 5 ขีด ต้องเสียเงิน 200 บาท รูปแบบการขายเช่นนี้ถึงแม้จะแจ้งราคาหรือตกลงก่อนขาย แต่ความถูกต้องต่อผู้บริโภคไม่มี เข้าข่ายทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าโดนหลอกลวง เป็นการค้าที่ไม่ยั่งยืน สมควรได้รับการประณามจากสื่อให้ผู้บริโภคคนอื่นๆ รู้เท่าทัน

ถึงแม้ว่าการเรียนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่เนื่องจากสังคมไทย มีความเกรงใจกันสูง พอรู้ว่าพลาดแล้ว บางครั้งก็ปล่อยไป และไม่อยากเสียเวลาไปแจ้งความ ทางฝ่ายปกครองหรือตำรวจ อาจจะใช้วิธีช่วยเหลือตรงนี้ได้ โดยการเรียกผู้ที่ขายของหรือให้บริการ ที่คิดราคาเกินจริง มาสอบถามเพื่อป้องปรามไม่ให้ทำอีก โดยอาจจะร่วมมือกับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และสรรพากร ใช้ช่วยตรวจสอบรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินจริงเหล่านั้นอีกทางด้วย”




ถือว่ากรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้อย่างดีทีเดียว หากพลาดท่าเสียไปแล้วต้องอย่านิ่งเฉย ทำทุกวิธีถีทางให้ผู้ประกอบการจอมโกงเหล่านี้อยู่ไม่ได้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซ้ำอีก หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารการตลาด กล่าวทิ้งท้ายยุคสมัยนี้การใช้โซเชียลมีเดียสามารถจะแพร่สะพัดเรื่องราวต่างๆ ออกไปได้อย่างรวดเร็ว หากทำอะไรที่ไม่ดี ไม่นานนักชื่อของคุณก็อาจปรากฏอยู่ในข่าวก็เป็นได้

“ผู้บริโภคต้องสอบถามราคาอย่างละเอียด สอบถามให้ชัดเจนถึงยอดรวม และผู้บริโภคยุคใหม่ต้องหาข้อมูลในสื่อต่าง ๆ ต้องรู้เท่าทันเล่ห์กลทางการค้าเหล่านี้ ที่สำคัญคือหากพลาดท่าไปแล้ว ก็ต้องอย่าเกรงใจ ต้องเจรจาต่อรอง และแจ้งให้สื่อมวลชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคคนอื่นโดนอีก

อยากจะบอกผู้ประกอบการที่เอาเปรียบคนอื่นว่า ยุคนี้ผู้บริโภคมีสื่อเครือข่ายสังคมเป็นสื่อของตัวเอง หากคุณทำอะไรไม่ดี ไม่นานนัก ก็จะเป็นข่าวในระดับชาติ ชื่อเสียง หน้าตาของคุณก็จะเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ซึ่งไม่คุ้มเลยกับเงินที่ได้มาเพิ่มแบบไม่ถูกต้อง”


ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต




รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น