สะพรึงวงการ! ชาวโซเชียลฯ พากันตามติดสถานการณ์หลังภรรยา “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” ออกมาโพสต์อินสตาแกรมประกาศตามสามีกลับบ้าน ทันทีที่ข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้นฝ่ายชายโดนถล่มเละ เพจแอนตี้เริ่มทำงานสาวถึงมือที่สามจนเจ้าตัวต้องปิดเฟซบุ๊กหนี เรื่องราวประเด็นร้อนนี้สะท้อนให้เห็นว่ายุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าคนในแสงไฟคิดจะนอกใจ เพราะมีนักสืบออนไลน์เป็นหูเป็นตาอยู่ทั่วทุกมุมเมือง!
หลักฐานที่ดิ้นไม่หลุด!
ร้อนระอุขึ้นมาทันที สำหรับประเด็นร้อนฉ่าของครอบครัว "ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล" นักร้อง นักแสดงชื่อดัง หลังจากที่ภรรยา "พลอย พลอยพรรณ ทวีรัตน์" ได้โพสต์ภาพพร้อมลูกๆ วอนให้กลับมาบ้าน โดยได้โพสต์ภาพที่ถ่ายกับลูกชาย 2 คน น้องแพนเตอร์ และน้องพูม่า พร้อมข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัว เล่าด้วยประโยคพูดคุยกับลูกชาย มีใจความว่า
ช่วงนี้เหนื่อยมาก แต่มีความสุขทุกครั้งที่ได้กอดเด็กๆ อยากให้ปะป๊ากลับมากอดกันเหมือนเดิม แพนเตอร์ พูม่าคิดถึงปะป๊ามาก ปะป๊าไม่คิดถึงพวกเราเหรอคับ ไม่มีใครรักปะป๊าเท่ากับพวกเราแน่นอนครับ กลับมานะครับ และทันทีที่รูปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเวลาต่อมา ภรรยาสาวได้บ่งบอกสัญญาณบางอย่างด้วยการระบุว่าอีกฝ่ายติดเพื่อนร่วมงานบางคนมากจน “แอนนี่ ปริศนา ปัญญาศิรินุกูล” ไบค์เกอร์สุดสวยที่ร่วมทีมในรายการใหม่ของนักร้องดังติดร่างแห ถูกโจมตีหนักว่าเป็นมือที่สามเข้ามาเขย่าขาเตียงทั้งคู่ จนต้องออกมาโพสต์อินสตาแกรมชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อตัวจุดชนวนบังเกิด เพจแอนตี้ก็เริ่มทำงานขุดมาแฉต่ออีกว่า แท้จริงแล้วเพื่อนร่วมงานอย่างแอนนี่อาจเป็นแค่ตัวหลอก เพราะมีคนตาดีเห็นปีเตอร์ซิ่งบิ๊กไบค์ให้สาวรายหนึ่งชื่อโบว์ โดยซ้อนท้ายโฉบเฉี่ยวกอดเอวกันอยู่แถวบุรีรัมย์ อีกทั้งฝ่ายหญิงยังโพสต์ข้อความเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทำให้เพจแอนตี้เริ่มปล่อยภาพเด็ดออกมาเป็นระลอกมัดจนเจ้าตัวดิ้นไม่หลุด หนำซ้ำเพจแอนตี้ยังบอกต่อว่าจัดเตรียมจัดชุดใหญ่ไว้ปกป้องเมียหลวง จนภายหลังสาวโบว์ถึงขั้นต้องปิดเฟซบุ๊กหนี
ในขณะที่ด้านปีเตอร์ ไม่ได้ออกมาให้แก้ตัวใดๆ ถึงความสัมพันธ์กับสาวโบว์ แต่ก็ได้มีการเคลื่อนไหวในอินสตาแกรม โดยออกมาโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษเพียงสั้นๆ ระบุ “Not everything is always what it seems” ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นแบบที่คิดเสมอไป
ทันทีมีโพสต์ของปีเตอร์ปรากฏขึ้น โดนชาวเน็ตถล่มเละท่ามกลางกระแสคอมเมนต์อย่างรุนแรง แม้กระทั่งคนฝากร้านขายของก็ทำเนียนเข้ามาโพสต์ขายของในทำนองเหน็บแนม เช่น “นาฬิกาเกรดมิลเลอร์หลากหลายแบรนด์สวยๆ คุณภาพงานสวิสพร้อมส่งค่ะ ใส่แล้วสามารถรู้เวลากลับบ้านได้ค่ะ” หรือ “อย่าลืมซื้อให้เมียน้อยด้วยนะ #สร้อยซื้อ #แหวนซื้อ”
ทนไม่ไหวจึงต้อง “แฉ”
จากประเด็นนี้เองทำให้เห็นว่าพลังโซเชียลฯ สามารถทำลายสถานการณ์การมีชู้ มีกิ๊ก ได้เนื่องด้วยในสังคมปัจจุบันเป็นสังคมของการใช้สื่อออนไลน์ เมื่อภรรยาของปีเตอร์ระแคะระคายใจ หรือทนกับสถานการณ์นี้ไม่ไหวเพียงแค่โพสต์ข้อความเป็นนัย ลงบนโซเชียลฯ เพียงแค่นี้ต่อมความอยากรู้เรื่องของดาราก็ทำงาน ทำให้เกิดนักสืบขึ้นมามากมายทั้งนักสืบอินสตาแกรม นักสืบพันทิป ก็พร้อมที่จะประจาน ทำให้เรื่องราวส่วนตัวภายในบ้านที่ต้องการเก็บเป็นความลับ กลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาได้โดยไม่ต้องพึ่งนักสืบตัวจริง
ทว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ดารามีปัญหาครอบครัวแล้วต้องพึ่งโซเชียลฯ ในอีกมุมหนึ่งดาราที่จนตรอกจนไม่รู้จะหวังพึ่งทางไหน และปัญหานี้ควรเป็นเรื่องที่สังคมควรประณาม เลยต้องหันหน้าพึ่งโลกโซเชียลฯ เพราะคงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องลงแรงอะไรเลย เพียงแค่โพสต์เท่านั้น คนที่ชอบยุ่งเรื่องดาราก็จะกลายเป็นนักสืบ ส่วนนักข่าวก็จะตีข่าวให้เอง เพราะพลังของโซเชียลฯ ไม่สามารถควบคุมได้อยู่แล้ว
เฉกเช่นกรณี ของดาราสาวช่องน้อยสีที่เคยมีประเด็นดรามาเรื่องเลิกลากับสามีอยู่พักใหญ่ เมื่อมีภาพจากอินสตาแกรมของสาวปริศนาออกมาแฉถึงต้นตอของสัมพันธ์รักร้าวในครั้งนี้ แต่ก็ถูกจับได้ว่าอินสตาแกรมที่ออกมาแฉเป็นของเจ้าตัว เพราะการโพสต์รูปขึ้นโลเกชั่นเดียวกับนางเอกดัง และในเวลามีภาพหลุดคล้ายดาราสาวคนดังในสภาพร่างกายบอบช้ำ เนื้อตัวมีรอยม่วงคล้ำ คล้ายถูกทำร้ายร่างกาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำกระแสข่าวที่ว่าถูกสามีของเธอซ้อม ถือเป็นการจบตำนานความรักท่ามกลางความข้องใจของใครหลายๆ คน
เมื่อปัจจุบันถูกโลกโซเชียลฯ เข้าครอบงำ แม้กระทั้งเรื่องปัญหาภายในครอบครัว ที่แต่ก่อนต้องใช้ตัวช่วยอย่างนักสืบเข้าช่วยเหลือ แต่สมัยนี้เพียงแค่โพสต์เดียวก็สามารถคลี่คลายได้ทุกอย่าง จึงเกิดคำถามตามมาว่าจะส่งผลกระทบต่ออาชีพนักสืบตัวจริงหรือไม่ “ณรงค์” (ขอสงวนนามสกุล)นักสืบมืออาชีพ ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวASTV ผู้จัดการLive ว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน เพราะงานนักสืบเป็นอาชีพที่ทำกันมานาน จึงมีงานหลายประเภท อาทิ ติดตามหมายจับ สืบการฉ้อโกง สืบการทุจริตในบริษัท เพราะฉะนั้น จึงไม่มีผลกระทบกับเรื่องของการจ้างงาน
“การสืบเรื่องชู้สาวแต่ละครั้ง ก่อนผมจะรับงาน ผมจะต้องอยู่ฝั่งถูก อันดับแรกผมจะไม่ทำงานให้ภรรยาน้อย ซึ่งจรรยาบรรณของนักสืบจริงๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การรับงานของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับสำนักงานของแต่ละที่ว่าเขาจะรับงานยังไง ก่อนการรับงานได้มีการซักถามผู้ว่าจ้าง เหตุการณ์เป็นมาอย่างไร ส่วนใหญ่ผู้ว่าจ้างที่จะจ้างนักสืบ คือเรื่องมันเกิดแล้วเลยโทรศัพท์หานักสืบ เพื่ออยากจะได้หลักฐาน บางส่วนก็อยากได้ไปคุยกันในขั้นต้น บางส่วนก็อยากฟ้องร้อง ฟ้องศาล ฟ้องหย่า มันต้องตรวจสอบก่อน”
นักสืบจากโลกออนไลน์จะมีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล อย่างในกรณีนี้นักสืบในโลกออนไลน์อาจจะมีคอนเนกชันที่มากกว่า ซึ่งนักสืบคนธรรมดาอาจจะไม่เข้าถึง นักสืบมืออาชีพกล่าวทิ้งท้าย
“ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลครับ ให้ตัดสินใจเอา ถามว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องมากลั่นกรองเอา แม้แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หรือว่าข่าวทางโทรทัศน์ แต่ละสำนักงานยังออกข่าวไม่เหมือนกัน ข้อมูลยังไม่ตรงกันก็มี มันเลยแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนในการรับสื่อมันต่างกัน
นักสืบจริงๆ ข้อมูลพวกนี้แทบจะไม่ได้ไปข้องเกี่ยว ในโซเชียลฯ หรือในอะไรต่างๆ นักสืบออนไลน์ที่ว่างเขาอาจจะมีข้อมูลส่วนหนึ่ง หรือว่ามีคอนเนกชันเยอะ เขาเลยสามารถที่จะโพสต์หรือเผยแพร่ได้ อาจจะเป็นคนวงใน ในส่วนของผมเองอาจจะไม่มีความรู้หรือความสามารถ คอนเนกชันในวงการบันเทิง อาจจะไม่เข้าถึงเท่านักสืบโซเชียลฯ ก็ได้”
ไม่อยากซวย! อย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
“ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลของคนอื่นได้ในพื้นที่สาธารณะ” นี่คือคำพูดของ “ธาม เชื้อสถาปนศิริ” นักวิชาการ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) เขาได้ให้ความเห็นกับทีมข่าวว่า หากเป็นบุคคลสาธารณะ ชีวิตที่ต้องถูกเฝ้าดูถือเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ
“อย่างที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกไว้ว่าถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นรู้ คุณก็ไม่ต้องโพสต์ อย่างคุณปีเตอร์หรือดาราคนอื่นๆ เป็นบุคคลสาธารณะ ดังนั้น ชีวิตของเขาย่อมต้องเข้าใจได้ว่าเขาจะต้องถูกเฝ้าดู เฝ้ามอง เรื่องปกติที่ต้องเข้าใจ แต่บุคคลสาธารณะก็มีพื้นที่เหมือนกัน เช่น ถ้าเขาอยากจะมีกิ๊ก อยากจะมีความสัมพันธ์ลับๆ สมมุติว่าเขามีแฟนคนนอกวงการจริงๆ อยากจะสงวนพื้นที่ส่วนตัวไว้ต้องไม่โพสต์เรื่องราวเหล่านั้น เพราะกฎหมายก็จะให้การปกป้องคุณ
กรณีแบบนี้ชาวเน็ตควรให้ความร่วมมือใน คนที่อยากรู้เรื่องราวเข้าไปอ่าน เข้าไปส่อง เข้าไปดู วิพากษ์วิจารณ์ทำได้นะ กฎหมายไม่ได้ห้าม เพราะอะไรที่คุณไม่อยากโพสต์ ไม่อยากให้คนเห็นคุณไม่ต้องโพสต์แต่แรก แต่กฎหมายมันคุ้มครองตรงนี้ครับ ตรงพ.ร.บ. คุ้มครอบคอมพิวเตอร์ การเก็บข้อมูลผู้อื่นมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อในทางที่เสื่อมเสีย อันนี้กฎหมายคุ้มครองบุคคลสาธารณะเอาไว้ เพราะฉะนั้น ดารา คนดัง ถ้าอยากจะโพสต์ โพสต์ได้ คนธรรมดาเข้าไปดูได้ แต่การเอาออกมาทำให้บุคคลนั้นเสียหายถือว่ามีความผิดนะ
สมมติว่าดาราคนหนึ่ง แต่งงานมีลูกมีครอบครัวแล้ว นักสืบไซเบอร์ไปสืบค้นพบว่ามีกิ๊ก มีชู้ มีความสัมพันธ์นอกสมรส แล้วนักสืบไซเบอร์เอาข้อมูลนั้นมาแฉ 1. ผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ในการล่วงละเมิดข้อมูล 2.จะเข้าลักษณะในการหมิ่นประมาท 3.ถ้าเป็นเรื่องเม้าท์โดยการไม่ได้ระบุชื่อ อันนี้สามารถทำได้”
อย่างในกรณีนี้ ในการที่ครอบครัวของดารามีปัญหา นักสืบไซเบอร์จึงอาศัยช่องโหว่สร้างโปรไฟล์ของตนเองให้เป็นที่ยอมรับ แต่นั่นคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เราสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถเก็บมาเผยแพร่ หรือเอาออกมาแฉได้ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียกอ่อน สามารถฟ้องถูกฟ้องและติดคุกได้
“ทางฝั่งผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูลรู้สึกว่าพื้นที่ส่วนตัวไม่มีอีกต่อไปแล้ว กับฝั่งที่สองที่รู้สึกว่าเขามีอำนาจที่จะเข้าไปส่อง ทั้งสองอย่างนี้ในมุมผมเป็นโรคเสพติดทั้งคู่ เสพติดในที่นี่คือทางฝั่งปล่อยข้อมูลเขาจะเปิดเผยข้อมูล ชื่อ กิจกรรม กิจวัตประจำวัน ข้อมูลส่วนตัว ภาพวีดีโอ ที่อยู่ ความทรงจำ อีกฝ่ายหนึ่งก็เสพติดการส่อง ย่อมหมายถึงต่างฝ่ายต่างใช้เวลามากขึ้น
นักสืบไซเบอร์จึงอาศัยช่องโหว่นี้ที่แต่ละคนสร้างภาพ สร้างโปรไฟล์ของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ มันก็มีจุดพลาดอยู่ นักสืบไซเบอร์พลาดตรงที่มันเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล กฏหมาย พ.ร.บ ลิขสิทธิปี 2537 เราสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถเก็บมาทำซ้ำ ผลิตซ้ำ เพราะฉะนั้น นักสืบไซเบอร์เข้าไปดู ไปส่อง เก็บข้อมูลภาพ เราต่างก็ทำผิด พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ และทำผิดมารยาททางสังคม
ความจริงบางอย่างของบุคคลสาธารณะ บางโอกาส บางเวลา ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ถ้าพฤติกรรมต่างๆ เหล่านั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ในต่างประเทศ อย่างดาราฮอลลิวูดในเชิงพฤติกรรมการมีชู้มีกิ๊กเขาจะไม่ยุ่ง จะปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกระบวนการ ถ้าเป็นนักสืบไฟเบอร์ผมจะแนะนำว่าอย่าโพสต์ข้อมูลเหล่านี้เอง ทุกคนมีสิทธิ์สืบแต่กฎหมายมันป้องกันการแฉต่างหาก เพราะถ้าโดนฟ้องคุณติดคุกได้ เข้าไปดูกับเข้ามาแฉคนละเรื่องเลยครับ”
ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754