ผู้บริหารช่อง 8 โพสต์แฉช่องน้อยสีกีดกันทำข่าวอีเว้นท์ใหญ่ ชี้ในฐานะสื่อแค่วิธีคิดขั้นพื้นฐานก็ผิดแล้ว บอกไม่ต้องถามหาจรรยาบรรณสื่อเพราะแค่จรรยาบรรณวิชาชีพยังไม่มี ลั่นจะแข่งกันก็ขอให้อยู่ในเกมไม่ใช่มาเตะตัดขาแบบนี้
กลายเป็นประเด็นให้พูดถึงอีกครั้งสำหรับเรื่องราวความขัดแย้งในการทำงานของคนที่อยู่ในแวดวงสื่อมวลชน หลังวันนี้ทางด้านผู้บริหารช่อง 8 "โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง" ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม @dongongart ถึงการทำงานของสื่อมวลชนช่องหนึ่ง
โดยเจ้าตัวได้ระบุว่าทางนักข่าวช่อง 8 ของตนเองได้ถูก "ช่องน้อยสี" กีดกันไม่ให้นักข่าวเข้าไปทำข่าวกิจกรรมใหญ่ซึ่งทางช่องน้อยสีเป็นผู้จัดขึ้นมาช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้แม้คนทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นสิทธิ์ของอีกฝ่ายที่ทำได้แต่โดยส่วนตัวตนมองว่าวิธีคิดเช่นนี้เป็นวิธีคิดที่ผิดเฉพาะอย่างยิ่งอีกฝ่ายนั้นมีสถานะเป็นสื่อด้วยแล้ว
นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้บอกด้วยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาก็น่าจะมาจากปัญหาเดิมๆ ของช่องน้อยสีกับช่อง 8 ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกว่ามันยากจริงๆ ที่จะมามัวถามเรื่องของจรรยาบรรณของสื่อ เพราะแค่จรรยาบรรณทางวิชาชีพบางสื่อเองยังไม่มีเลย
"กำลังดูงานที่สถานีโทรทัศน์ MBCเกาหลี เปิดเวปไทย กลับเจอข่าวการห้ามนักข่าวช่อง8 ไปทำข่าวงานบอลของช่องน้อยสี เลยสอบถามไปยังทีมข่าวบันเทิงช่อง8 ว่าทำไมรายงานข่าวนักแสดงด้วยภาพนิ่ง..สรุปความได้ว่า ทางช่อง8ได้ขอบัตรนักข่าวเข้าไปทำข่าวงานบอล แต่เมื่อทวงถามกลับถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง พยามสอบถามให้เจอความจริง เลยรู้ว่า คงเป็นปัญหาเดิมๆ ระหว่างสื่อโทรทัศน์ช่อง8กับช่องน้อยสี ทำให้ต้องคิดเรื่อง สิทธิเสรีภาพของสื่อ รวมถึง จรรยาบรรณของสื่อด้วยกัน"
"ผมว่าอย่ามาถามหาจรรยาบรรณในการทำงานของสื่อต่อมวลชนเลย..จรรยาบรรณทางวิชาชีพต่อสื่อด้วยกันเองยังหาไม่ได้เลย..หลายเสียงออกความเห็นว่า เขาไม่อยากให้ไป ก็ไม่ต้องไปก็จบ จะเดือดร้อนทำไม แต่ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่อยากไปไม่อยากไป แต่มันอยู่ที่พื้นฐานแรกเลย คือ วิธีคิดในการทำงานของคนในสื่อ ที่แม้แต่ก้าวแรกทางความคิดยังผิด นับประสาอะไรกับสิ่งที่คุณจะสื่อออกไปสู่มวลชน.."
"ผมพูดเสมอว่าแข่งในเกม แข่งไปเถอะ สนุกดี มีแพ้ชนะ อุตสาหกรรมทีวีก็จะก้าวหน้า แต่เตะขัดขาแบบนี้มันสะท้อนวิธีคิดของการบริหารงานของช่องใหญ่ระดับประเทศ..."
ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางช่อง 8 เองเคยมีปัญหากับทางช่อง 3 มาแล้วหลังอีกฝ่ายได้มีการทำกราฟฟิกโลโก้ช่องตนเองปิดทับบนไมค์ของอีกฝ่าย ขณะที่ช่อง 3 เองได้ออกมาขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมบอกว่าเป็นการกระทำของทางรายการ ทางช่องเองไม่มีส่วนรู้เห็น