“เนปาล” เผชิญแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 8 ทศวรรษ โบราณสถานมรดกโลกยูเนสโกพังถล่มทลาย ภัยธรรมชาตินี้คร่าชีวิตผู้คนนับพัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้บริหาร Google ที่เสียชีวิตระหว่างพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ นับเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่สั่นสะเทือนหัวใจผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก และนี่คืออีกครั้งหนึ่งที่ธารน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์จะไหลไปเยียวยาความโศกสลดเหล่านี้ให้เราเดินไปข้างหน้าได้พร้อมๆ กัน
โศกนาฏกรรม! ในความทรงจำอันเลวร้าย
ขณะนี้ โลกออนไลน์เต็มไปด้วยแฮชแท็ก #PrayForNepal ร่วมไว้อาลัยและส่งกำลังใจจากทั่วทุกมุมโลก จากปรากฏการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศเนปาลต้องผจญกับความเสียหายอย่างหนักหนาสาหัสทั้งทางด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึง “ธราหาร ทาวเวอร์” อาคารเก่าแก่กว่า 183 ปีซึ่งสูง 9 ชั้น พังถล่มลงมาจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกลื่อนเมือง ทั้งนี้สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ หรือ USGH รายงานว่าแผ่นดินไหวซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.8 เกิดขึ้นระหว่างเมืองกาฐมาณฑุของเนปาลกับเมืองโปคาราใจกลางระหว่างเขตการปกครองกัสกี้ เขตการปกครองกันดากี และเขตพัฒนาตะวันตกทางตอนกลางของเนปาล
ความเสียหายหลังจากเกิดแผ่นดินไหวลึกลงไปใต้ดินอยู่ที่ประมาณ 15 กิโลเมตร นับเป็นแผ่นดินไหวที่ใหญ่และรุนแรงที่สุดในรอบ 81 ปี ตัวเลขล่าสุดรายการจากเว็บไซต์ earthquake-report.com ระบุในเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,911 คน บาดเจ็บกว่าอีก 4,700 คน โดยใน 1,911 คนนั้นเป็นชาวเนปาลเสียชีวิต 1,832 คน ขณะที่มีคนเสียชีวิตในอินเดียล่าสุดอยู่ที่ 62 คน เขตการปกครองในทิเบตของจีนอีก 13 คน และบังกลาเทศอีก 4 คน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวมีการเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นมาทั้งหมด 16 ครั้ง ขณะที่ในส่วนของคนไทยมีรายงานว่าบาดเจ็บเล็กน้อย ประมาณ 10-30 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
จากภัยพิบัติครั้งเดียวกันนี้เองที่ทำให้โลกสูญเสียผู้บริหาร Google “Dan Fredinburg” หัวหน้าฝ่ายข้อมูลส่วนบุคคลของ Google X ไป ขณะเข้าค่ายพักนักปีนเขาบนยอดเขาเอเวอเรสต์ เกิดเหตุหิมะถล่มอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว โดยบริษัท Google เปิดเผยว่า ระหว่างเกิดเหตุเขาอยู่กับเพื่อนร่วมงานอีก 3 คน แต่เพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนรอดชีวิตมาได้ ทั้งนี้บริษัท Google กำลังประสานงานเพื่อเร่งนำพนักงานทั้ง 3 คนที่เหลือกลับประเทศ
แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือว่าเป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน มีความสูญเสียจากภัยพิบัติที่คร่าชีวิตผู้คนนับพันเฉกเช่นในกรณีนี้ โดยเมื่อปลายปี 2556 ประเทศฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับภัยพิบัติ "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" นับว่าเป็นหายนะสำหรับชาวฟิลิปปินส์ที่สะเทือนใจคนทั่วโลก โดยพายุไห่เยี่ยนลูกนี้ได้พัดเข้าถล่มฟิลิปปินส์ ด้วยความเร็วลม 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 2 ล้านคน และเสียชีวิตราว 4,500 คน
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณคาบสมุทรโตโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2554 ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ถือว่าสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศญี่ปุ่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ระดับ 9.0 แล้ว ยังต้องเจอกับคลื่นยักษ์สึนามิ ที่มีความสูงกว่า 40.5 ม. ในพื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกอีก โดยคลื่นซัดขึ้นมาบนชายฝั่งเป็นระยะทางกว่า 10 กม. สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล นำไปสู่เหตุเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิ
ในประเทศไทยเองก็เคยมีภัยพิบัติคร่าชีวิตผู้คนครั้งใหญ่เกิดขึ้นเช่นกัน เป็นเหตุการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อาจลืมเลือนไปได้ในช่วงปลายปี 2547 ชายทะเลทางฝั่งอันดามันของไทย ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดคลื่นยักษ์ “สึนามิ” ที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ได้โถมกระหน่ำเข้าใส่ชายฝั่งทะเลฝั่งอันดามันใน 6 จังหวัดของประเทศไทยทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และระนอง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทย และต่างชาติรวมกันกว่า 5,396 คน บาดเจ็บกว่า 8,745 คน และสูญหาย 2,951 คน และนอกจากนี้ ยังมีเด็กอีกกว่า 880 คน ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
เมื่อเทียบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นจากภัยพิบัติแล้ว ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนเชื่อว่าเราทุกคนจะฟันฝ่าร่วมกันไปได้ เนปาลจะพลิกฟื้นและได้รับการเยียวยาให้ค่อยๆ ดีขึ้นได้ จากธารน้ำใจที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพียงเสิร์ชดูแฮชแท็ก #PrayForNepal ดูก็จะรู้ว่าท่ามกลางความโศกสลดที่เกิดขึ้น ก็ยังมีความอบอุ่นจากเพื่อนต่างชาติพันธุ์ที่ไม่ทิ้งกันและจะช่วยฟันฝ่าความเจ็บปวดจากความสูญเสียในครั้งนี้ไปพร้อมๆ กัน
ถอดรหัส ภัยแผ่นดินสะเทือน!
เกี่ยวกับความคืบหน้าของคนไทยในเนปาลที่หลายคนกำลังกังวลกันอยู่นั้น รายงานจากสถานทูตเนปาล เปิดเผยว่าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กาฐมาณฑุประเทศเนปาลเร่งติดตามคนไทยที่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 30-40 คน พร้อมกับให้การช่วยเหลือและดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนคนไทยที่อาศัยอยู่ในกาฐมาณฑุประมาณ 60 คนปลอดภัยดี มีบางส่วนได้มารายงานตัวและรวมตัวกันที่สถานทูตเพื่อพักอาศัยชั่วคราว
ทางเอกอัครราชทูต ณ กาฐมาณฑุประเทศเนปาลเปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนไทย หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงห่างจากกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 80 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งประสานกับคนไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในกาฐมาณฑุประมาณ 60 คน ทราบว่าทุกคนปลอดภัยดี และคาดว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงนี้ประมาณ 30-40 คน
โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานตรวจสอบที่เมืองโพคาลา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ล่าสุด มีคนไทยมารายงานตัวและรวมตัวกันที่สถานทูตแล้วกว่า 20 คน โดยเฉพาะผู้ที่พักอยู่ในอาคารสูงซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาฟเตอร์ช็อก ทางสถานทูตได้จัดที่พักชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ขณะนี้ทางสถานทูตจะดูแลคนไทยอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยต้องรอจนกว่าสนามบินในกรุงกาฐมาณฑุจะเปิดให้ทำการปกติ ซึ่งขณะนี้สนามบินประกาศปิดชั่วคราวไม่มีกำหนด เพราะยังมีปัญหาเรื่องระบบสื่อสารและระบบไฟฟ้า
ขณะที่วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาลซึ่งอยู่ห่างจากกาฐมาณฑุประมาณ 300 กิโลเมตร ก็สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว พระมหาสุพจน์ กิตติวัณโณ ประธานสงฆ์วัดไทยลุมพินีเปิดเผยว่า ทางวัดได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนพระภิกษุ อาสาสมัคร และผู้มาปฏิบัติธรรมประมาณ 30-40 คนในวัดปลอดภัยดี
จากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ชวนให้หลายคนตั้งคำถามว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับผืนแผ่นดินของเปลือกโลกที่เหยียบย่ำอยู่นี้ “วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์” รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และบรรณาธิการนิตยสารสารคดี ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับสาเหตุของภัยพิบัติครั้งใหญ่ครั้งนี้เอาไว้ดังนี้
“1. บริเวณที่ราบสูงทิเบตและเนปาล อยู่ตรงรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก (plate)มาชนกัน คือ แผ่นดินอินเดีย กับแผ่นดินเอเชีย
2. แผ่นดินอินเดียเคยเป็นส่วนหนึ่งของ มหาทวีปกอนดาวาน่าในอดีต ( ปัจจุบันกระจายกลายเป็น ออสเตรเลียอินเดีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา ) และค่อย ๆ แตกตัวออกมา เคลื่อนตัวมาชนกับแผ่นเปลือกโลกเอเชียเมื่อ 50-60 ล้านปีก่อน
3. เมื่อชนกันแล้ว แผ่นอินเดียเกิดการงัดกับแผ่นยูเรเซีย (ทวีปเอเชียกับยุโรป) ทำให้เกิดที่ราบสูงทิเบต เกิดเทือกเขาหิมาลัย หลักฐานที่พบคือ บนยอดเขาเหล่านี้มีเปลือกหอยที่เคยอยู่ในมหาสมุทร และยอดเขาเอเวอเรสต์ยังสูงขึ้นทุกปี ปีละสองซม.
4. นั่นแสดงว่ารอยเลื่อนของเปลือกโลกยังมีพลังงานอยู่ แผ่นดินทั้งสองยังมีการงัดกันอยู่ แต่เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเปลือกโลกหนา ไม่มีภูเขาไฟ จึงไม่ค่อยมีแผ่นดินไหวบ่อยมาก ครั้งล่าสุดเกิดเมื่อ 80 ปีก่อน
5. ขอส่งกำลังใจไปช่วยชาวเนปาลด้วยครับ
6. เป็นนักเขียนสารคดี ไม่ใช่นักธรณี แต่เคยเขียนเรื่องนี้มาหลายครั้ง ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ”
ตามมาด้วย “รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์” ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลผ่านทางสื่อสำนึกหนึ่ง โดยระบุว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศเนปาลในครั้งนี้ ถึงแม้จะมีจุดศูนย์กลางห่างจากประเทศไทย แต่ลักษณะรอยเลื่อนของเนปาลก็อาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน
ในขณะที่ “บุรินทร์ เวชบันเทิง” รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา มีความเห็นที่แตกต่างออกไป โดยยืนยันว่าแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเนปาลจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย เพราะระยะทางไกลกันมาก พร้อมระบุว่าเนปาลมีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.5 - 7 ตามมาตราริกเตอร์ ภายใน 2-3 เดือนนี้
“ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งกับการเคลื่อนที่ของรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกบริเวณนี้เช่นเดียวกัน บริเวณหิมาลัยการเคลื่อนตัวทางด้านขวามีสิทธิ์ที่จะมาสัมพันธ์และต่อเนื่องกับบริเวณทางเหนือของไทย แต่ ณ ขณะนี้คาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบกับไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก"
หลั่งไหลธารน้ำใจ จากเพื่อนร่วมโลก!
ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำหัวใจของคนทั่วโลกให้สลดซ้ำมิอาจลืมเลือนได้ และแน่นอนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่อาจทิ้งกันได้อยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดขึ้น ผู้คนทั่วโลกต่างไม่นิ่งนอนใจแห่บริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น ธารน้ำใจยังหลั่งไหลถึงผู้ประสบภัยอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะแฮชแท็ก #PrayForNepal รวมถึงการบริจาคที่มีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และบรรทัดต่อจากนี้คือตัวอย่างการแสดงน้ำใจที่เกิดขึ้น
เริ่มกันที่เว็บไซต์ https://give.wfp.org/en/5279 ซึ่งตอนนี้กำลังระดมความช่วยเหลือจากภัยพิบัติจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการบริจาคอย่างรวดเร็วคล้ายกับตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายปีที่แล้ว รูปแบบนี้จึงถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่น่าเชื่อถืออีกทางหนึ่ง ซึ่งจัดทำขึ้นโดย WFP องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในด้านอาหารเป็นภารกิจหลัก นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ตามความเหมาะสมแก่สถานการณ์ด้วย
ทางด้านบริษัท Google ผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจิ้นรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเองก็ออกมาเคลื่อนไหวในเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน ถึงแม้ทางบริษัทจะเป็นฝ่ายสูญเสียบุคลากรคนสำคัญจากเหตุดังกล่าวก็ตาม แต่ Google ได้บริจาคเงินช่วยสบทบทุนสำหรับความพยายามช่วยเหลือกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในครั้งนี้เป็นเงินมูลค่าถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 32 ล้านบาท
แม้แต่ “Mark Zuckerberg” เจ้าของมหาอำนาจทางโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กยังออกมาแสดงจุดยืน ให้ความสำคัญกับวิกฤตภัยพิบัติในครั้งนี้อย่างฉับไว เขาให้ทีมงานติดตั้งโปรแกรมพิเศษในฐานระบบเฟซบุ๊กเพื่อตรวจสอบว่าเพื่อนหรือครอบครัวของคุณคนไหนที่อยู่ในประเทศเนปาลมีความปลอดภัยหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะของคนที่ท่านรักได้ผ่านทาง www.facebook.com/safetycheck/nepalearthquake ซึ่งถือได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ได้ใจชาวไซเบอร์ไปเต็มๆ
ในประเทศไทยของเราเองก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าชื่นใจไม่น้อยไปกว่าต่างประเทศเช่นกัน เริ่มจากแฟนเพจ "เครือข่ายคนออนไลน์ รับใช้แผ่นดิน" ที่เข้ามาเป็นตัวกลางส่งมอบเงินบริจาคไปช่วยเหลือชาวเนปาล ผ่านทางสถานทูตเนปาลในครั้งนี้โดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องการแสดงน้ำใจสามารถโอนเงินผ่านบัญชีเลขที่ 235-235788-8 ชื่อบัญชี “นางกาลิกา บุนนาค และนางสาว เพ็ญทิพย์ นาคสุวรรณ์” ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเภทออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ร่วมด้วยทางเพจ “Myplern มายเพลิน” ซึ่งเป็นเพจรวมศิลปินวาดภาพการ์ตูนและภาพประกอบกลุ่มหนึ่งของไทย ซึ่งออกมาร่วมสนับสนุน “เครือข่ายคนออนไลน์ รับใช้แผ่นดิน” อีกแรง ด้วยการประกาศจุดยืนผ่านหน้าแฟนเพจเอาไว้ว่า หากใครโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเนปาลครั้งนี้ตามกำลังศรัทธาแล้ว สามารถแสดงหลักฐานการโอนเงินหรือสลิปบิล ส่งมายังข้อความหรือ Message บนเฟซบุ๊กแฟนเพจได้ แล้วทางเพจจะวาดภาพให้ฟรีเพื่อตอบแทนน้ำใจให้แก่ผู้บริจาค
นอกจากนี้ ทางด้านแฟนเพจ “วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล Royal Thai Monastery” ก็ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้เช่นกัน ต่างเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พระเทพโพธิวิเทศ(วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยาอินเดีย ได้สั่งการให้พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล เร่งให้การช่วยเหลือ พระมหานิพนธ์ ญาณวีโร และพระครูวินัยธรปิโยรส ได้จัด เวชภัณฑ์ อาหารแห้ง เบื้องต้น พร้อมปัจจัย 100,000 บาท เดินทางไปวัดไทยลุมพินี 979 เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ผู้มีความประสงค์ช่วยเหลือ บริจาคผ่านบัญชีชื่อ "ก่อสร้างและบำรุงรักษาวัดไทยลุมพินี เนปาล" ธนาคารกรุงเทพ สาขาตลาดพลู เลขที่ 11-5-086858-4 โดยให้ระบุใบ Pay In ว่า "ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเนปาล" ส่งอีเมลแจ้งไปยังพระมหาสุพจน์ กิตติวัณโณ ที่ lumbini979@gmail.com ทางวัดจะได้ประสานนำมอบผ่านสถานทูตไทยกรุงกาฐมาณฑุ นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวต่อไป
หรือแม้แต่ “องค์การยูนิเซฟ” เองก็เปิดบัญชีบริจาคเพื่อช่วยผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวในประเทศเนปาลขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน โดยสามารถบริจาคได้ทั้งทางออนไลน์ https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th และบริจาคผ่านธนาคารชื่อบัญชี “องค์การยูนิเซฟ” ธนาคารกสิกรไทย (กระแสรายวัน) สาขาบางลำพู เลขที่บัญชี 008-1-09766-6 และอีกหลากบัญชีที่ผู้บริจาคสะดวก สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ “UNICEF Thailand” ซึ่งหลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถ้าต้องการใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ผู้บริจาคสามารถส่งใบโอนเงิน พร้อมทั้งชื่อ ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ ส่ง fax กลับมาที่ 02-356-9229 หรือ 02-281-6033 โดยเขียนวงเล็บเอาไว้ว่า “เนปาล”
เรียกได้ว่าหนทางการส่งกำลังใจให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังเดือดร้อนจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ในครั้งนี้ยังมีมากมาย เพื่อแสดงพลังให้เพื่อนชาวเนปาลได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดของพวกเขาจะได้รับการเยียวยา และเราทุกคนจะก้าวข้ามผ่านความโศกสลดครั้งใหญ่ในครั้งนี้ไปพร้อมๆ กัน
ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
ขอบคุณภาพ: #PrayForNepal บนอินเทอร์เน็ต
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754