xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาระดับชาติ! “แพทย์” อาชีพในฝันที่ครูยกย่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะความคับแค้นในใจของเด็กคนหนึ่งที่มีต่อการยกย่องนักเรียนผู้สอบติดแพทย์อย่างออกนอกหน้า ทั้งเชิญไปโชว์ตัวหน้าเสาธง ทั้งติดประกาศทั่วโรงเรียน จนแทบจะทั่วจังหวัด จึงว่อนความคิดเห็นจิกกัดพร้อมตั้งคำถามว่า “สังคมไทยเป็นอะไรกัน อาชีพอื่นไม่เก่งเหรอ? คนที่สอบติดคณะอื่นๆ นี่เป็นเด็กด้อย อ่อน กากสินะ”
จนกลายเป็นประเด็นฮอตระดับประเทศ แชร์กันให้ว่อนเน็ต ล่าสุด คอลัมนิสต์ชื่อดังขอร่วมฟันธง บอกตรงๆ ผู้ใหญ่ทำแบบนี้มันน่าสมเพช!!





เชิดชูแค่แพทย์ Thailand Only!!?
"สังคมไทยเป็นอะไรกัน สอบติดแพทย์ยกย่องเชิดชูกัน ไปโชว์ตัวหน้าเสาธง ประกาศติดหน้าโรงเรียน ทั่วจังหวัด... อาชีพอื่นไม่เก่งเหรอ!? ประเทศนี้คนเก่งมีแค่อาชีพแพทย์เหรอ!? ให้แพทย์ไปรบกับเขมรได้ไหม!? ให้แพทย์ไปซ่อมไฟในโรงงานได้ไหม!? ให้แพทย์ไปเป็นโค้ชบอลทีมชาติได้ไหม!? เพราะประเทศมีผู้ใหญ่ปัญญาอ่อน ปลูกฝังความคิดแบบนี้ให้เด็ก ประเทศเลยไม่พัฒนา อาชีพไหนก็สำคัญเท่ากันหมดแหละ เก่งกันคนละแบบ คน 70 ล้านคน แม่งเป็นหมอหมด ประเทศก็พัง Thailand Only!!!! #คนที่สอบติดคณะอื่นๆ นี่เป็นเด็กด้อย อ่อน กากสินะ"

ตัวอักษรทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแผ่นกระดาษใบเดียวที่ถูกนำไปแปะติดเอาไว้ให้ว่อนโรงเรียน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี ซึ่งเจ้าของทวิตเตอร์ @PopeyeDemo ศึกษาอยู่ เพราะน้องคนนี้ได้ถ่ายรูปกระดาษใบนี้พร้อมข้อความบรรยายทวีตต่อไปว่า “ติดทั่ว ร.ร. เลยครับ โคตรชอบ ยกย่องคนติดแปป #ทำไมเด็กไทยต้องไปเป็นแพทย์ #จะไม่ยอมเห็นรูปนี้คนเดียว"

ที่น่าสนใจคือประเด็นดรามาที่ควรจะโด่งดังแค่ในรั้วคอซอง กลับถูกหยิบขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อในวงกว้าง เพราะหลายต่อหลายคนในสังคมเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ที่มาจากสายตาของเด็กคนหนึ่งที่สะท้อนการเลือกปฏิบัติของผู้ใหญ่ในสังคมออกมา บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดรามาเด็กๆ แต่คือประเด็นที่สะท้อนปัญหาระดับประเทศ!


(แชร์สนั่น ทวีตดรามาระดับประเทศ)

รศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ คอลัมนิสต์ชื่อดังของเมืองไทย อดีตอาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ คือคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับเสียงเล็กๆ ของเด็กที่สะท้อนระบบเน่าเฟะของเมืองไทยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำขนาดนี้

“ผมเห็นด้วยที่มีเด็กออกมาโวยวายเรื่องการชื่นชมค่านิยมแบบนี้ขึ้นมานะ เราต้องยอมรับว่าผู้ใหญ่บางรายตกรุ่นมานานแล้ว โลกมันเปลี่ยนแปลงเร็ว คนที่ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามโลก ตามโลกไม่ทัน มันน่าเบื่อน่ากลุ้มใจนะครับ ไม่ใช่แค่เรื่องการมองอะไรแบบสั้นๆ ในแง่เรื่องการศึกษาอย่างเดียว หรือความคิดเห็นของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่แย่เต็มที มันเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องการเมืองด้วย เกี่ยวกับแทบทุกอย่าง

พอคนรุ่นก่อนไล่อะไรตามไม่ทันเพราะไม่เข้าใจ พอไม่เข้าใจก็เลยยึดในสิ่งที่เขาเคยเชื่อเคยถือมา ซึ่งสำหรับผมถือว่ามันน่าสมเพชพอสมควรเลยทีเดียว ถ้าจะถามว่าการมายกย่องของผู้ใหญ่ให้เด็กๆ เห็นในลักษณะนี้ผิดมั้ย ผมว่าผิดครับ ตอบชัดๆ ตรงนี้ไปเลย ให้มันหมดเรื่องหมดราวกันไป เรียกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ล้าสมัย ตามโลกไม่ทัน

ความจริงแล้ว ผมก็อยู่รุ่นๆ เดียวกันกับเขานั่นแหละครับ (อายุ 66 ปี) แต่ผมว่ามันถึงเวลาที่เราต้องยอมรับว่าตอนนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว มันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใช้โทรเลข หรือไปต่างประเทศแล้วตอบจดหมายกัน กว่าจะรู้เรื่องผ่านไปเดือนนึง เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมัน Real Time หมดแล้ว จะมาใช้ทัศนคติแบบ 40-50 ปีก่อนมันจะไหวเหรอ แต่ต้องบอกว่ามีพวกคนที่ยังใช้ความคิดช่วง 40-50 ปีก่อนมาตัดสินเหมือนเดิมเยอะอยู่เหมือนกันนะ น่าเบื่อจริงๆ

ด้วยความเป็นพ่อเป็นแม่ตั้งแต่สมัยไหนมาเพราะเห็นว่าเป็นแพทย์แล้วน่าจะไม่อดตาย น่าจะมีงานทำ มีหลักมีฐานมั่นคง อันนั้นเป็นเพราะสมัยก่อนเรายังไม่ค่อยมีทางเลือกทางวิชาชีพกันเท่าไหร่ แต่เนื่องจากสมัยนี้มันคนละเรื่องกันแล้ว การเรียนนิเทศ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตามมหาวิทยาลัยดังๆ ในตอนนี้ ยังแทบต้องไปอ้อนวอนคนมาเรียนกันเลย แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป คณะนี้ก็ได้รับความนิยมขึ้นมา เพราะตอนหลังมีทีวีมีสื่ออะไรเยอะแยะเต็มไปหมด โลกมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แต่ค่านิยมความเชื่อแบบนี้ในผู้ใหญ่หลายๆ คนก็เปลี่ยนยากไปแล้ว คิดดูสิว่าคนรุ่น 50-60 ปีขึ้นไปยังกลัวๆ ที่จะใช้คอมพิวเตอร์กันอยู่เลยสมัยนี้ ยังใช้ไม่เป็นกัน รวมถึงงานอาชีพประเภทที่ถูกเรียกว่า “เต้นกินรำกิน” มาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ใหญ่เขาก็ยังมองแบบนั้นอยู่บ้างว่ามันไม่มั่นคง เหมือนคำที่เขาพูดกันสมัยก่อนเวลาสอนลูกหลานว่า “รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ อย่าได้เอามาเป็นลูกเขยเชียวนะ” อะไรทำนองนี้ พูดกันง่ายๆ คือมันเป็นค่านิยม เป็นความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนพวกคุณครูก็ต้องตามใจไป ทำให้เรื่องแบบนี้ปลูกฝังกันมา”




ระบบแบ่งแยก “น่าสมเพช” การศึกษาไทย!
ในฐานะคุณพ่อลูก 4 แล้ว รศ.ดร.โกวิท ถือเป็นคุณพ่อตัวอย่างคนหนึ่งได้เลย เพราะหนึ่งในลูกชายของเขาคือ "จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์" พิธีกรและเจ้าของรายการ "เจาะข่าวตื้น" ซึ่งนิตยสาร "TIME" ยกย่องให้เป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ (Next Generation Leaders) ที่ประสบความสำเร็จจากการกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อประเด็นร้อนในสังคม


(อีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่จำเป็นต้องประกอบวิชาชีพแพทย์)

แน่นอนว่าสิ่งที่รวมอยู่ในตัว จอห์น-วิญญู ทุกวันนี้ เป็นผลมาจากการปลูกฝังของครอบครัว ซึ่งไม่เคยบีบบังคับให้ต้องเรียนหมอ จึงไม่เคยมองเห็นว่าอาชีพแพทย์คืออาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีที่ควรฝังหัวรุ่นลูกหลานอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตอีกต่อไป ยังมีอีกหลากหลายวิชาชีพที่ทำมาหากินได้อย่างสุจริตและสุขใจ สิ่งนี้ต่างหากที่ผู้ใหญ่ในสังคมควรปลูกฝังเด็กๆ รุ่นนี้

“โดยทั่วไปแล้ว วิชาแพทย์เป็นวิชาชีพและเป็นที่ต้องการของสังคม พูดง่ายๆ คือยังไงก็ไม่ตกงาน ไม่อดตาย ผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งเลยคิดว่าคงจะไปได้ดี โดยที่อาจจะไม่ทราบกันว่าเรียนแพทย์โหดเหมือนเป็นทาสเลย เพราะผมก็มีพี่ชายคนนึงที่เป็นแพทย์ ได้เห็นตอนที่เขาเรียนอยู่ก็รู้เลยว่ามันหนักหนาสาหัสมาก

ส่วนเรื่องค่านิยมการเป็นแพทย์แล้วมองว่าดีนี่ ผมมองว่าแพทย์จริงๆ แล้วเครียดจะตายไป ที่ดีกว่าน่าจะเป็นเมียแพทย์หรือลูกแพทย์มากกว่านะ ถึงจะสบาย เพราะแพทย์เองเขาทำงานอย่างกะทาสนะ ไม่มีเวลาใช้เงิน แต่คนที่สบายกลับเป็นตัวเมียกับตัวลูกเขาต่างหาก (หัวเราะ)

ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเชิดชูให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรกันแบบนี้ในโรงเรียนนะครับ และผมว่ามันเป็นเรื่องผิดด้วย โดยเฉพาะโรงเรียนรัฐบาลที่แบ่งเด็กออกเป็นของคิงอะไรเนี่ย ผมว่าเป็นระบบการคัดสรรเด็กที่เลวมากเลยนะ แล้วก็ทำกันทุกโรงเรียน ผมว่ามันไม่ถูกเลยการแบ่งกันเรียนแบบนี้ ไหนจะประเด็นเรื่องการวัดความเก่งกาจของเด็กจากความจำอีก หรือวัดจากผลการคำนวณอะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จและความสุขในชีวิตเลย

การเรียนหนังสือควรจะเรียนด้วยความสุข เรียนด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า แต่ถ้ามาวัดกันจากระบบอะไรแบบนั้นมันน่าเบื่อจะตายไป เด็กก็จะกลายเป็นพวกเนิร์ดที่ตามโลกไม่ทัน ต้องนั่งท่องกันไป เด็กห้องคิงเยอะแยะที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการท่องหนังสือ แล้วถามว่าโลกไปถึงไหนรู้หรือเปล่า

เวลาผมสอนลูก ผมคิดแค่ว่าการเรียนหนังสือต้องเรียนด้วยความสุข เรียนเพราะอยากรู้ และผมก็ไม่ได้ไปบังคับอะไรเขา ถ้าทำงานที่เราชอบเรารัก Everyday is a holiday ทุกวันมันก็เหมือนกับเป็นวันหยุด จะไม่ได้รู้สึกว่าทำงานหรอก แต่ถ้าเกิดไปเรียนอะไรที่คนอื่นเขาว่าดีแต่ตัวเองเกลียด มันก็คงเป็นความทุกข์ไปตลอดชีวิต

ผมมีลูกสาวผมคนนึงเขาชอบประวัติศาสตร์ ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันครับ งานแนวนี้ก็ใกล้เคียงกับการอดตายมากที่สุดทางนึงเหมือนกัน แต่ในเมื่อเขาชอบ เขาก็เลือกตรงนั้น มันก็เรื่องของเขา ซึ่งเขาก็ดูมีความสุขของเขาดี เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขารัก

ส่วนการจะมาแสดงอาการนิยมชมชื่นอย่างที่เกิดขึ้นตามโรงเรียนเนี่ย ผมคิดว่าน่าสมเพชมากกว่า ถามว่าจะแก้ทัศนคติที่ผิดๆ นี้ยังไง ก็คงจะต้องให้คนรุ่นนี้ตายไปก่อนมั้ง (หัวเราะ) คงต้องให้คลื่นรุ่นต่อๆ ไปจัดการเอา บางทีไม้แก่ไปดัดมันก็หักแล้วล่ะครับ ดูกันง่ายๆ สิครับ เรื่องการเรียนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาเรา อันนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์เลย มันไม่น่าสมเพชเหรอครับ




“ไดโนเสาร์ล้านปี” ผู้ใหญ่ยุคนี้น่าห่วงกว่าเด็ก!
กรณีที่เกิดขึ้น มันสะท้อนให้เห็นถึงภาพความล้าหลัง ล้าสมัย ไม่เข้าท่ามากที่สุดครับ ผมถามจริงๆ เถอะว่าเรื่องการเรียนการสอนที่ออกมาทุกวันนี้ เด็กมันเก่งเองหรือเปล่า จริงๆ แล้วครูมีส่วนช่วยแค่ไหน ประเด็นสำคัญอีกอย่างที่เห็นได้ชัดๆ เลยคือ ความล้มเหลวอย่างมโหฬารของระบบการเรียนการสอน

ถามว่าพวกเราเรียนภาษาอังกฤษกันมากี่ปี ลองไล่ดูสิครับ เรียนตั้งแต่ประถมไปจนถึงมัธยมก็ 12 ปี จบปริญญาตรีอีกบวกเพิ่มไปอีก 4 ปี เป็น 16 ปี แล้วผมออกมาเป็นยังไงครับ ไม่ได้เรื่องกันสักคน แล้วคนที่วางระบบมานั่งรับผิดชอบกันหรือเปล่า นี่ถ้าเอาไปนั่งทำงานบริษัทให้รับผิดชอบผลงานตัวเอง ผมว่าโดนไล่ออกกันหมดแล้ว ระบบเก่าๆ ความคิดเดิมๆ มันไดโนเสาร์เต่าล้านปีทั้งนั้นแหละครับ ใช้ไม่ค่อยได้หรอก


ค่านิยมที่มองว่าเป็นแพทย์แล้วมีเกียรติมีศักดิ์ศรีน่ายกย่อง ผมว่ามันเป็นสิ่งที่เราสมมติกันเองมากกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวคำว่า “เกียรติ” กับ “ศักดิ์ศรี” เนี่ย จริงๆ แล้วมันคืออะไร ผมคิดว่าถ้าเราพอใจ มีความสุข แค่นั้นมันก็คงจะพอแล้วแหละมั้ง จะเอาอะไรกันนักหนา และผมว่ามันก็ดีต่อสุขภาพเราด้วย มันก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเกิดเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เราเกลียด แต่เผอิญมันได้เงินเยอะ เสร็จแล้วมาเจ็บไข้ได้ป่วย เครียด เป็นมะเร็งหรือกรดไหลย้อนอะไรต่างๆ มันไม่คุ้มมั้ง ทำในสิ่งที่เราชอบไม่ดีกว่าเหรอ


(ยังมีอีกหลายทางเลือกในยุคปัจจุบัน)

เด็กบางคนก็อาจจะชอบวาดรูปหรือทำอะไรในแบบของเขา ผมว่าให้เขาเรียนในแบบที่เขาชอบดีกว่า เขาจะได้ทำได้ดีและประสบความสำเร็จ ผมไม่เห็นว่าอาชีพอะไรมันจะดีเด่ไปกว่าอาชีพอะไรหรอก มันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้นแหละ แต่ปัญหาคือเราไปให้ค่าของมันเอง พอให้ค่ามันก็มีเรื่อง Demand กับ Supply เข้ามา มีมากมีน้อย ราคาสูง ราคาต่ำ อะไรต่างๆ มากมาย ซึ่งผมว่ามันเปลี่ยนแปลงกันได้

อย่าลืมว่าสมัยนี้มันคนละเรื่องคนละราวกับสมัยก่อนแล้วครับ สมัยก่อนคอมพิวเตอร์ยังไม่มี แต่ทุกวันนี้ข่าวสารความบันเทิงทุกอย่างมันมีเยอะแยะเต็มไปหมด ที่เห็นคนนั่งๆ ก้มหน้ากันดูหน้าจอนั่นแหละครับบอกได้ดีที่สุด ผมว่าถ้าตามไม่ทันมันแย่นะครับ และที่มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะคนรุ่นที่เข้ามามีอำนาจเขาตามไม่ทันนี่แหละ พอตามไม่ทันปัญหามันก็เลยเกิดเท่านั้นเองแหละครับ

ผมชื่นชมพวกเด็กๆ สมัยนี้หลายๆ คนนะครับที่เขาเก่งๆ เปรียบเหมือนกับหนามแหลมไม่มีใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงไม่มีใครกลึง ผมว่าเด็กสมัยนี้ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ตั้งเยอะตั้งแยะเพราะช่องทางที่จะได้ความรู้มีเยอะมาก ถ้าเป็นเด็กที่ใฝ่รู้กันจริงๆ จะฉลาดรู้เรื่องอะไรๆ ดีกว่าผู้ใหญ่อีกเป็นสิบๆ เท่าอีกล่ะมั้ง ทุกวันนี้ความรู้มันอยู่แค่ปลายนิ้วแล้วครับ พูดตรงๆ ผมไม่ค่อยห่วงเด็กสมัยนี้หรอก ผมห่วงผู้ใหญ่มากกว่า

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754




ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
8 อันดับอาชีพรายได้ดี ประจำปีนี้!! [Info]
กำลังโหลดความคิดเห็น