ไม่ต้องถูกปฏิเสธตอนโบกแท็กซี่เพราะใช้วิธีเรียกผ่านแอปฯ ได้ คือจุดแข็งที่บรรดา “บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน” ทั้งหลายทำให้ผู้โดยสารพึงพอใจ แต่ความรู้สึกบวกๆ เหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนไปหลังแท็กซี่รายหนึ่งโทร.ข่มขู่ลูกค้าที่ร้องเรียน โดยใช้เบอร์มือถือที่ได้มาจากการเชื่อมต่อกับแอปฯ เรียกแท็กซี่นั่นแหละ เกิดกลายเป็นคำถามว่า ผู้ให้บริการแท็กซี่ผ่านแอปฯ รักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหน หรือความปลอดภัยจากระบบนี้จะไม่หลงเหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว!!?
รอยรั่วรูใหญ่ของแอปฯ เรียกแท็กซี่
(ถูกขู่คุกคามจนต้องเก็บหลักฐานไปแจ้งตำรวจ)
“โดนแท็กซี่ของ GrabTaxi โทรมาด่าตอนเที่ยงคืนค่ะ” คือกระทู้ร้องเรียนบนพันทิป บอกเล่าประสบการณ์โหดๆ ที่เจ้าของกระทู้ประสบพบเจอเอง หลังใช้แอปพลิเคชัน “Grab Taxi” เรียกบริการรถโดยสาร แล้วเจอเข้ากับแท็กซี่มหาประลัย ขับเฟี้ยวฟ้าวเกินรับไหว บวกพ่วงด้วยคำพูดกร่างๆ เข้าไป จึงยิ่งทำให้ผู้โดยสารโชคร้ายรายนี้ทนไม่ไหว ตัดสินใจร้องเรียนไปทางผู้ประกอบการ “Grab Taxi” และระบบร้องเรียนของทางกรมการขนส่งทางบกสายด่วน “1584” หลังผ่านพ้นวันเกิดเหตุไป 1 วัน
ผลปรากฏว่านอกจากจะได้คำตอบรับเรื่องการร้องเรียนจากผู้ประกอบการและผู้ดูแลระบบแล้ว ยังได้ของแถมเป็นคำขู่ทางโทรศัพท์จากโชเฟอร์ที่ถูกร้องเรียนในตอนเที่ยงคืนแถมท้ายมาด้วย!! ผู้ร้องเรียนจึงตรงเข้าแจ้งความและโทร.แจ้งทางผู้ประกอบการอีกครั้ง ล่าสุดทาง Grab Taxi ได้ปลดแท็กซี่รายนั้นออกจากระบบเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้หญิงสาวเจ้าของเคสนี้หายผวา พร้อมตั้งคำถามว่าความปลอดภัยของการเรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ แบบนี้อยู่ตรงไหนกัน? ผู้ให้บริการมีความรับผิดชอบในการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารมากน้อยขนาดไหนกันเชียว?
“เรียกแท็กซี่จากข้างทางไปลงบีทีเอส โดยเรียกผ่าน GrabTaxi คนขับโทร.กลับมาเพื่อถามจุดนัดรับ ตอนอยู่บนรถก็โดนถามว่าจะไปแบบไหน แบบเร็วๆ เลยมั้ย เราตอบว่าไปแบบธรรมดาค่ะ เขาก็ย้อนมาว่าก็ต้องธรรมดาแหละ ไม่งั้นต้องเหาะไป หลังจากนั้นคนขับขับรถน่ากลัว มีบางครั้งเกือบชน พอไปถึงทางม้าลายที่รถจอดให้คนข้าม ฮีก็บีบแตรใส่คนข้าม แล้วออกรถแบบล้อฟรี แถมมาบอกว่าเดินกินลมกันอยู่นั่นแหละ น้องจะรีบไป
คือเราไม่ได้รีบเลยนะคะ ไม่ได้พูดเลยว่ารีบ พอจ่ายเงินก็พูดอีกว่า ไม่ทอนนะ คือเงินทอนแค่ 4 บาทค่ะ ปกติเราให้ค่าโดยสารเกินตลอดแต่คนนี้ไม่อยากให้เลยค่ะ อีกอย่างจะให้หรือไม่ให้ก็ควรจะเป็นผู้โดยสารที่ตัดสินใจหรือเปล่า หลังจากนั้นเราเลยรีพอร์ทไป... มีเบอร์แปลกโทร.เข้ามา กลายเป็นว่าเป็นคนขับคนนี้เอง โทรมาด่า ประมาณว่า "น้อง! ทำไมทำแบบนี้... ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องใช้ GrabTaxi เลยนะ... รู้นะว่าบ้านอยู่ไหน"
กระหน่ำด่าเป็นฉากๆ ประมาณ 1 นาที พร้อมทั้งหาว่าเธอใส่สีตีไข่เรื่องราวทั้งหมด เมื่อเห็นว่าปลายสายไม่โต้ตอบอะไร จึงปิดท้ายประโยคว่า "พูดสิ ทำไมมึงไม่พูด!" จากนั้นก็กดวางสายไป
“เรามาตั้งกระทู้เพื่อเตือนทุกคน และตั้งคำถามว่าการใช้บริการเรียกแท็กซี่ด้วย Application แบบนี้มันปลอดภัยจริงเหรอ
ทาง GrabTaxi จะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงถ้าเกิดอันตรายกับผู้ใช้บริการ คุณต้องทบทวนมาตรการเรื่อง Data Privacy มากกว่านี้หรือเปล่า ล่าสุดได้รับโทรศัพท์จากทาง GrabTaxi โทรมาขอโทษและอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับ Data Privacy แล้วค่ะ คือทางคนขับจะไม่มีข้อมูลใดๆ ของผู้โดยสารเลย ไม่รู้แม้แต่ชื่อ รู้แค่ว่ามีคนเรียกรถที่จุดนี้ มีปุ่มให้กดโทรหาผู้โดยสาร ซึ่งระบบจะลิงก์ไปยังมือถือของคนขับ และเบอร์ของผู้โดยสารจะขึ้นในเครื่องของคนขับเป็น History ในการโทรเท่านั้น
(Grab Taxi รับผิดชอบโดยการให้แท็กซี่รายนั้นออกจากระบบเรียบร้อยแล้ว)
ส่วนคนขับรู้ได้ไงว่าเราเป็นคนรายงาน อันนี้ไม่ทราบค่ะ ตอนอยู่บนรถเรานิ่งเลยค่ะ ไม่พูดอะไร กว่าจะรีพอร์ตก็ข้ามวันแล้ว คงเดาเอาว่าเป็นเราหรือไม่ก็ต้องให้ทาง GrabTaxi มาชี้แจงอีกทีว่า ได้เปิดเผยรายละเอียดหรือเปล่าว่าผู้โดยสารคนนี้คอมเพลนมาแบบนี้ๆ เพราะตรงนี้เราก็ลืมถามตอนที่ GrabTaxi ติดต่อมาค่ะ
ส่วนรู้ว่าบ้านอยู่ไหน อันนี้คงแค่ขู่นะคะ เพราะเราเรียกรถจากข้างทางไปบีทีเอส แล้วตามที่ GrabTaxi แจ้ง ไม่น่าจะมีข้อมูลที่อยู่เรา แต่เราก็ระวังตัวค่ะ กันไว้ดีกว่า สรุปว่าขอฝากเรื่องนี้กับผู้ให้บริการทุกบริษัทเลยนะคะ เพราะเห็นว่าระบบคล้ายๆ กันหมด ฝากกรองคนขับและพัฒนาเรื่อง Data Privacy ต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกๆ ท่านเลยค่ะ”
ต้องรับผิดชอบ ต้องเป็น “มืออาชีพ”!
“วิเคราะห์เบื้องต้นแล้ว การที่ระบบทำให้คนขับแท็กซี่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารได้ ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ด้วย ตรงนี้ทำให้มีความเสี่ยง ที่เป็นประเด็นครั้งนี้ เวลาผู้โดยสารเรียกรถแท็กซี่ ทางระบบเก็บข้อมูลส่วนไหนของผู้โดยสารไปใช้บ้าง และปล่อยให้คนขับเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องมาตั้งคำถามถึงเรื่องความปลอดภัยขึ้นมา”
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ช่วยวิเคราะห์ประเด็นที่เกิดขึ้นจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ
“ประเด็นปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวนี้ ผมว่ามันมองไปได้กว้างกว่าที่เกิดกับ Grab Taxi ด้วยนะครับ อย่างการเรียกบริการแท็กซี่ตามต่างจังหวัดผ่านแท็กซี่ศูนย์ ทางศูนย์ที่เขาวอเรียกกันก็จะให้เบอร์ของผู้โดยสารให้แก่คนขับแท็กซี่โดยตรง เพื่อให้ติดต่อนัดสถานที่กันได้ อันนี้ก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยนึงที่ทำให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้โดยสารแน่ๆ ผมเลยมองว่าเรื่องการให้เบอร์โทร.หรือไม่ อาจจะไม่สามารถไปปิดกั้นได้ในบางรูปแบบของการติดต่อเรียกใช้งาน ยกเว้นจะสามารถติดต่อผ่านอินเทอร์เน็ตและมีคนกลางช่วยได้
ผมเคยใช้บริการแท็กซี่ตามต่างจังหวัด มีศูนย์วอเข้ามาเพื่อให้คนละแวกใกล้เคียงที่จะเดินทางไปถึงรับลูกค้า ตอนนั้นเขากำลังจะไปส่งผมแถวนั้นพอดี เขาก็เลยวอตอบรับไป ระหว่างที่ขับรถไปก็ต้องเก็บรายละเอียดของผู้โดยสารรายใหม่เอาไว้ด้วย ซึ่งทางศูนย์เขาก็วอบอกเบอร์มือถือกันเลยตรงนั้น แล้วแท็กซี่ก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ซึ่งเป็นระบบ Manual มากๆ ตรงนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าแท็กซี่คันที่กำลังไปรับผู้โดยสารสามารถเข้าถึงเบอร์โทร.ของผู้โดยสารได้ง่ายๆ ยังมีปัญหาเรื่องการจัดการกับระบบเรียกแท็กซี่ด้วย
ทุกวันนี้ การสร้างระบบที่สมบูรณ์ที่จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารจากการเข้าถึงข้อมูลของแท็กซี่ ยังเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไปอีก เพราะฉะนั้น ทางผู้ประกอบการควรจะต้องมีมาตรการการคัดเลือกและจัดการทำความเข้าใจกับคนขับให้เข้มงวดกว่านี้ ต้องมีความเป็นมืออาชีพ มีวิธีการเตือนแท็กซี่ผู้กระทำผิดซึ่งถูกร้องเรียนอย่างเหมาะสม ต้องย้ำว่าแท็กซี่ต้องไม่กลับไปข่มขู่ผู้โดยสารที่ร้องเรียนเข้ามาแบบนี้ ยิ่งถ้าตัวระบบยังไม่มีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลผู้โดยสารดีๆ ยังมีคนขับสามารถโทร.ไปข่มขู่ผู้โดยสารได้แบบนี้ ผู้ประกอบการก็ต้องจัดการระบบของตัวเองให้ดีๆ
(ชาวเน็ตรุมยำ ช่วยโพสต์แจ้งถามความปลอดภัยบนแฟนเพจ)
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับเท่าที่ผมเคยเห็นว่ามีคนขับโทร.กลับมาข่มขู่ผู้โดยสารแบบนี้ เคยมีเคสคล้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นในเว็บบอร์ดพันทิปประมาณ 2 เดือนที่แล้ว เป็นเคสที่โทร.ไปร้องเรียน 1584 ว่าขับแบบพฤติกรรมไม่ดี สุดท้ายแท็กซี่โทร.กลับมาต่อว่าเขา ทำให้ผู้โดยสารที่แจ้งร้องเรียนคนนี้เกิดคำถามว่า แท็กซี่คันนี้รู้เบอร์เขาได้ยังไง รู้ผ่านระบบร้องเรียน 1584 หรือเปล่า?
ถ้าเป็นไปได้ ควรป้องกันการเกิดเหตุปัญหามาตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่การคัดเลือกโชเฟอร์เลยครับ ต้องเลือกคนที่มีความเป็นมืออาชีพ คัดเลือกและเทรนด์ให้ชัดเจนว่าคนขับต้องมีเกณฑ์ตรงตามที่กำหนดยังไงบ้าง ถ้าทำผิดเงื่อนไขต้องให้ออกในทันที และต้องพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเมื่อผู้โดยสารมี Feedback กลับมา ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกเองก็ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่อยๆ ว่าคนขับมีเกณฑ์ตามกฎหมายหรือเปล่า
แต่ยังไงก็ตาม จากกรณีนี้ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับที่ทาง Grab Taxi เปิดช่องให้มีระบบร้องเรียนแบบนี้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถสะท้อนปัญหากลับมาได้เพื่อจะแก้ไขกันต่อไป”
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: กระทู้ “โดนแท็กซี่ของ GrabTaxi โทรมาด่าตอนเที่ยงคืนค่ะ” และ แฟนเพจ "GrabTaxi"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- เรียกแท็กซี่ผ่านแอปใช่จะปลอดภัย!! สาวโพสต์โวยถูกคนขับโทรขู่หลังแจ้งตำหนิขับกาก