xs
xsm
sm
md
lg

รวมชื่อค้าน! แบนกะเทยเข้าผับย่านดังละเมิดสิทธิมนุษยชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเกิดการรวมกลุ่มเสมอรายชื่อประท้วงการแบนกะเทยเข้าผับ
แก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย โดยที่ผ่านมาในสังคมไทยนั้นก็มีหลากแหลกประเด็นของการเลือกปฏิบัติทางเพศที่เกิดขึ้นจนเป็นที่น่าจับตามองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่?

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ณิชนัจทน์ สุดลาภา หรือซารีน่าไทย นางแบบข้ามเพศชื่อดัง ร่วมกับเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย (Thai Transgender Alliance) และโครงการการรณรงค์เพื่อผลักดันการรับรองเพศสภาพในประเทศไทย (Gender Recognition Advocacy in Thailand) ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุน ส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนข้ามเพศที่มีประสบการณ์ในการทำงานสิทธิมนุษยชนในมิติเพศภาวะ เพศวิถี และความเป็นธรรมทางเพศ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีห้ามคนข้ามเพศเข้าสถานบันเทิงชื่อ Onyx ย่านอาร์ ซี เอ กรุงเทพฯ

ณิชนัจทน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 23.45 น. เธอ และเพื่อนชาวต่างชาติจำนวน 4 คนชวนไปฉลองวันปีใหม่ที่ Onyx ในย่านอาร์ซีเอ หลังจากยื่นบัตรประชาชนของเธอให้พนักงานรักษาความปลอดภัย (การ์ด) ปรากฏว่า ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้า โดยให้เหตุผลว่า เป็นสาวประเภทสอง

"การ์ดพูดว่า เข้าไม่ได้นะครับ เราก็ถามว่า เพราะอะไรค่ะ การ์ดตอบว่า เพราะคุณเป็นสาวประเภทสอง" นางแบบข้ามเพศเผยประสบการณ์ ก่อนจะบอกเผยว่า รู้สึกอับอาย เสียใจ เพราะถูกลดคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากการถูกตัดสินอย่างมีอคติทางเพศแบบเหมารวม

โดยสาเหตุที่เกิดการห้ามไม่ใช่สาวประเภทสองหรือสตรีข้ามเพศเข้าใช้บริการนั้น เธอเผยว่า มีเพียงเหตุผลว่าเธอคือสาวประเภทสองเท่านั้น

“เขาให้กฎมาแค่นี้บอกเลยเพราะคุณเป็นสาวประเภทสองเข้าไม่ได้ ซารีน่าไม่ได้สนใจประเด็นที่ว่าสาวประเภทสองทำอะไร อาจจะมีประเด็นอื่น แต่ไม่ว่าเพศไหนจะเป็นคนดีไม่ดีไม่เกี่ยวกัน เราต้องได้รับบริการที่เหมือนกัน เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เห็นเพศสภาพแตกต่างหรือเป็นเพศใดก็แล้วแต่แล้วมีการจำกัดสิทธิในการใช้บริการ”

การถูกเลือกปฏิบัติแห่งเพศสภาพในข้างต้น ทำให้เธอตัดสินใจปรึกษาหารือกับเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย ซึ่งเคยได้ร่วมงานและทำกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนของคนข้ามเพศ และตัดสินใจนำประสบการณ์ที่ตนเองได้รับ มาสื่อสารกับสังคม และมุ่งหวังให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เป็นที่พึงของประชาชน ได้ช่วยดำเนินการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามอำนาจหน้าที่

“ก็เชื่อว่าคณะกรรมการสิทธิฯจะได้ดำเนินการและตรวจสอบเรื่องนี่และประสานงานต่อไปให้มันมีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น ออกกฎหมายมา จริงๆแล้ว อยากจะให้คนไทยเปิดใจให้กว้างและปรับเปลี่ยนทัศนคติมุมมองต่อสาวประเภทสอง”

ทั้งนี้ ไม่ใช่ประเด็นของการเข้าผับเท่านั้นที่มีการจำกัดสิทธิ แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นอื่นอีกด้วย ซึ่งเธอมองว่า ทุกคนควรให้ความสำคัญกับสิทธิของตนเองไม่ว่าจะเพศอะไรก็ตาม

“จริงๆแล้วไม่ได้คิดว่าจะเกี่ยวกับการไปเที่ยวผับอย่างเดียว รวมถึงการใช้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงแรม และอื่นๆ จริงๆ อยากให้ช่วยกันยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง คือสิทธิที่เราควรได้คือสิทธิที่เราควรได้ตั้งแต่เกิดมาแล้ว ไม่ใช่ว่าเราต้องมาเรียกร้องถึงจะได้มา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องมารอให้คนดูว่าเราประพฤติดีไม่ดีถึงจะให้เรา

"มันมากกว่าการห้ามเข้า การแก้ไขปัญหาไม่ใช่การเปลี่ยนร้าน แล้วลืมๆ กันไป ซารีน่าอยากเห็นสังคมไทย ให้การเคารพและเห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนก็ไม่ควรถูกตีตรา กีดกัน และเลือกปฏิบัติด้วยความแตกต่างทางเพศสภาพ" นางแบบข้ามเพศชื่อดังเผย

ในประเด็นเดียวกัน รณภูมิ สามัคคีคารมย์ ประธานเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย และอาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การห้ามเข้าดังกล่าวถือเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงการละเมิดสิทธิการเข้ารับบริการในฐานะผู้บริโภค ตามหลักการสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ดังปรากฏในมาตราที่ 4 บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จึงเข้ายื่นเรื่องร้องเรียน ศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะเป็นองค์กรอิสระที่เป็นกลไกในช่วยเหลือประชาชน ในการตรวจสอบ และรายงานการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ปรากฏการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านเมื่อที่ พ.ศ. 2550 ( 7 ปีที่แล้ว) กรณีผับ ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ ก็เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะแบบเดียวกัน แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขแล้ว ดังนั้น เครือข่ายฯ จึงเสนอแนะต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มีบทบาทหน้าที่เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ ต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อปกป้องและคุ้มครองคนข้ามเพศและคนรักเพศเดียวกัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าการตีตรา การกีดกัน และการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศจะได้รับการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขต่อไปในอนาคต

นอกจากนั้น ทางเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีการควบรวม 2 องค์กร คือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพราะทั้ง 2 องค์กรต่างมีบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน และที่ผ่านมาการทำงานขับเคลื่อนเรื่องสิทธิความหลากหลายทางเพศที่คณะกรรมการสิทธิฯ หนุนเสริมการทำงานจนกระทั้งประสบความสำเร็จ เช่น กรณีเอกสารรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองประจำการ (สด.43) ที่เคยระบุว่าคนข้ามเพศเป็นโรคจิตก็ได้รับเปลี่ยนแปลงการแก้ไขเป็น ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด และกรณีผับที่ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ ห้ามคนข้ามเพศเข้าก็ได้รับการแก้ไข แสดงให้เห็นถึงคณูปการที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทำงานเคียงข้างประชาชน และมุ่งสร้างสังคมแห่งการเคารพสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การควบรวมองค์กรดังกล่าวจึงจำเป็นต้องมองอย่างรวบด้านและรับฟังเสียงของประชาชน

ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนข้ามเพศถูกห้ามเข้าพื้นที่ต่างๆ การกีดกัน และการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศสภาพยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย

ต่อกรณีเดียวกัน ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ได้สอบถามไปยังสถานบันเทิงย่านอาร์ซีเอ พบว่า บางร้านเคยมีนโยบายไม่ให้สาวประเภทสองเข้าใช้บริการอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะสร้างวีรกรรมไว้หลายคดีติดต่อกัน ทั้งปลดทรัพย์ลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมไปถึงเต้นอนาจาร โดยเข้าไปถูไถเนื้อตัวลูกค้าที่เป็นผู้ชาย แถมบางรายยังส่งเสียงดัง สร้างความรำคาญ จนลูกค้าหลายรายสุดทน ต้องแจ้งให้ทางร้านดำเนินการ แต่วันนี้ สถานบันเทิงชื่อดังอย่าง Route66, Slim เปิดเผยว่า ไม่ได้แบนสาวประเภทสองทุกคน แต่จะดูเป็นกรณีๆ ไป

เริ่มจากบุคลิก การแต่งกายต้องไม่โป๊จนเกินงาม ถ้ามากับกลุ่มเพื่อนก็สามารถเข้าใช้บริการได้ และถ้าเข้าไปแล้ว มีการเต้นในลักษณะอนาจาร หรือก่อเรื่อง สร้างความรำคาญ ทางร้านคงต้องขอเชิญให้ออกจากร้านทันที ส่วนสาวประเภทสองที่เคยก่อคดี สร้างเรื่องจนทางร้านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปใช้บริการ
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยังร้าน DEMOสถานบันเทิงชื่อดังย่านท่องหล่อ หลังจากที่เคยมีข่าวห้ามสาวประเภทสองเข้าใช้บริการจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต วันนี้ทางร้านบอกว่า สามารถเข้าใช้บริการได้ตามปกติ ไม่ได้มีการแบน หรือห้ามเข้าแต่อย่างใด

ส่วนร้านอื่นๆ ในกรุงเทพฯ เชื่อว่ายังมีบางร้านที่ประกาศชัดว่า “ห้ามกะเทยเข้า” ทางที่ดี ควรสอบถามข้อมูลให้ชัดเจนก่อนเดินทางไปใช้บริการ




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754





กำลังโหลดความคิดเห็น