เจอระดับความห่าม/ ดิบ/ เถื่อน จาก “เสก-โลโซ” มาแล้วหลายรูปแบบจนสังคมเบือนหน้าหนี แต่ครั้งนี้ช่างสุดยี้! เมื่อเจ้าตัวหยิบคดีฆาตกรข่มขืนหญิงชรามาล้อเล่นในแฟนเพจ จนโดนคอมเมนต์กระหน่ำด่าเละ ไหวตัวทันจึงแจงว่าถูกแฮก ไม่ได้โพสต์เอง แถมตบท้ายด้วยการโพสต์ด่าพ่อล่อแม่คนที่เข้ามาคอมเมนต์ตอกกลับพฤติกรรมห่าม นักวิชาการแนะอย่าไปเสียเวลาดรามา ให้กด Report แจ้งปิดเพจไปเลย!!
ร็อกสตาร์ฮากริบ มุกห่ามเกินรับไหว!
(โพสต์ต้นเหตุ ล้อเลียนคดีจนเกิดประเด็นเดือด)
ห่าม/ ดิบ/ เถื่อน เกินรับไหว... พฤติกรรมนี้ยังคงบ่งบอกถึงตัวตนของ “เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย” ได้อย่างคงเส้นคงวา ล่าสุด กร่างถึงขั้นโพสต์มุกฮากริบลงในแฟนเพจอย่างเป็นทางการของตัวเอง เกี่ยวกับคดีสะเทือนขวัญ ฆาตกรต่อเนื่องข่มขืนหญิงชรา 9 คดี จนเป็นเหตุให้มี 2 ใน 9 รายถูกทำร้ายจนเสียชีวิต โดยรายล่าสุดเหตุเกิดขึ้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังข่าวอาชญากรรมนี้แพร่สะพัดเตือนภัยไปได้ไม่นาน ก็มีข้อความนี้ก็ปรากฏขึ้นบนแฟนเพจ “SEK LOSO” ให้กลายเป็นประเด็นก่นด่าในวงกว้างทันที
"เนื่องจากตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ชอบข่มขืนหญิงชราในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้ ทำให้มีหญิงชราหลายร้อยคนเดินทางไปยังจังหวัดนครปฐมแล้ว เป็นเหตุให้ที่พักเต็มทุกแห่ง.. ปล.น้ำหมากงี้กระจาย กระจาย และ กระจาย ฮาๆๆ"
จากมุกตลกฮากริบนี้เองที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นประเด็นเดือด ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาคอมเมนต์ด่า แชร์ต่อความเถื่อนเพื่อด่าทอในพฤติกรรมหัวเราะเยาะความเจ็บปวดของเหยื่ออย่างไร้กาลเทศะกันอย่างครึกโครม กระทั่งเจ้าของเพจทนไม่ไหว เข้ามาคอมเมนต์ตอบคนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในโพสต์ดังกล่าวว่า “ไปไกลๆ ส้น...” “เดี๋ยวกูทำปืนลั่นใส่” “อย่าเสือ..กคอมเมนต์!!”
เมื่อกระแสก่นด่าแรงขึ้นๆ เรื่อยๆ ไม่ได้มีเพียงในคอมเมนต์เท่านั้นที่ร่วมกันเข้ามาประณามบนแฟนเพจเจ้าของโพสต์ แต่ยังลามไปทั่วโลกออนไลน์ เสกจึงออกมายุติดรามาด้วยการส่งโพสต์อีกอันออกมา พร้อมข้ออ้างที่ว่าที่โพสต์ไปนั้นไม่ใช่ฝีมือของเขา แต่เป็นเพราะมีมือดีมาแฮกเพจต่างหาก
"ตายล่ะ?!? ใครแฮกเพจฉ๊านนนนน?!? เสียหายมากๆ แฮกไปเมนต์ด่าคนหยาบๆ คายๆ รับไม่ได้เลยนะนั่น มันบ่แมน มันบ่คือ อ้ายรับบ่ได้ ไม่ไหวจะเลีย เอ๊ย!! จะเคลียร์ ด่วนเลย ด่วนเลย เลย เลย ฮาๆๆ"
(อ้างแฮกเกอร์โพสต์ ไม่ใช่ตัวเอง)
แต่ดูเหมือนว่าชาวไซเบอร์ทั้งหลายจะไม่ค่อยมีใครยอมเชื่อสักเท่าใดนักว่าถูกแฮกจริง และยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง และนี่คือเสียงส่วนใหญ่ที่ตอบกลับไปในทิศทางเดียวกัน
“นี่หรอ... บุคคลสาธารณะ”
“นี่คือตัวอย่าง ดังแล้วล่องลอยสินะ (ลอยไปไหนแล้วไม่รู้)”
“ไม่เคยชอบคนนิสัยไม่ดีแบบนี้เลย นี่ไม่ใช่นักดนตรีแล้ว! ไม่มีนักร้องคนไหนเขามานั่งด่าคนออกสื่อแบบนี้หรอก เตะเมียทำร้ายผู้หญิง ติดยา สนับสนุนคนโกงชาติ!!!!! ผมนี่ทำท่าไรเดอร์คิ๊กใส่หน้ามันเลย”
“คนแบบนี้เหรอครับที่ได้รางวัลลูกดีเด่น คนแบบนี้เหรอที่เยาวชนยกย่อง...ถ่อยสิ้นดี”
“ตามเจอแล้วค่ะ ฆาตกามที่ตำรวจตามหา บ้าไปแล้ว คนเรา
“เห็นตอนหลังออกมาบอกว่าเฟสโดนแฮกอ่ะ แต่บอกตรงๆ นะ ไม่เชื่อหรอก คิดว่าเป็นมันแท้ๆ ล่ะ โพสต์แย่ๆ แบบนี้ บ้ามากๆ”
“ตัวอย่างของนักดนตรี...ที่อาศัยบุญเก่านะกินครับนักเรียน... อาจจะเป็นไอดอลของใครต่อใคร... แต่ก่อนก็เป็น 1 ในนั้น... แต่ตอนนี้ทำให้ทราบว่า... คนเรามันเปลี่ยนกันได้... มีขึ้นก็มีลง... แต่ครั้งนี้คงไปแบบไม่กลับแล้ว... ลาก่อน SEK LOSO”
(เสียงตอบรับ ก่นด่าล้มหลาม)
Report เข้าไป! อย่าปล่อยไว้ ซุป'ตาร์บ้ากาม
(โพสต์ความในใจแบบ "ด่าพ่อล่อแม่")
ให้โอกาสกี่ครั้งๆ ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะทำตัวให้สูงขึ้นได้ ปกติแล้ว เมื่อเจอแฟนเพจที่โพสต์เรื่องราวเสื่อมๆ ให้สะเทือนจิตใจ หลายๆ คนอาจเลือกที่จะ Unlike เพจนั้นๆ เพราะไม่ต้องการเห็นความเคลื่อนไหวจากบุคคลกลุ่มนั้นอีกต่อไป หรือบางคนอาจจะเลือกที่จะเข้าไปคอมเมนต์ตอบโต้ความห่าม หรือแชร์ข้อความเหล่านั้นออกไปแล้ววิพากษ์วิจารณ์ขนานใหญ่ให้สังคมร่วมกันรับรู้
แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับ “โพสต์ออนไลน์ไม่สร้างสรรค์” ในลักษณะเดียวกันนี้ได้ ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการจากสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียแนะนำว่า ให้แจ้งร้องเรียนไปยังผู้ดูแลระบบเฟซบุ๊กดีที่สุด!
“สำหรับคนที่ไม่ชอบพฤติกรรมของบุคคลสาธารณะคนนั้น ง่ายที่สุดคือการ Report ครับ ทุกๆ โพสต์บนเฟซบุ๊กมีปุ่มฟังก์ชันให้กด Report กดรายงานได้ครับว่ามันเป็นโพสต์ที่ไม่เหมาะสมยังไง การที่เฟซบุ๊กมีปุ่มให้ Report แบบนี้เป็นเพราะเขาต้องการให้ข้อมูลข่าวสารที่มีในเฟซบุ๊กเป็นไปอย่างสุภาพ ปลอดภัย มีรสนิยม และที่สำคัญคือไม่คุกคาม ไม่รุกรานผู้อื่น ส่วนเรื่องกฎหมายความผิดทางออนไลน์ ในแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเอาไว้แตกต่างกัน ถ้าไม่อยากเห็นโพสต์ของแฟนเพจคนคนนั้นอีก ผมแนะนำให้ Unfollow หรือ Unlike ไปเลยครับ ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรเพิ่มเติม เพราะเฟซบุ๊กมีส่วนที่สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องความเหมาะสมและปลอดภัยเอาไว้อยู่แล้ว
พอมีคนกด Report เข้าไปเป็นจำนวนที่มากพอ เป็นหลักร้อยขึ้นไป เดี๋ยวระบบจะทำหน้าที่ของมันเองครับ การ Report มันเป็นเครื่องมือที่มีพลังจริงๆ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เชื่อสิว่าเจ้าของเพจต้องกลัวแน่นอนถ้ามีเฟซบุ๊กส่ง Report ไปถึง และทางคนดูแลระบบเฟซบุ๊กเองก็จะเอาสถิติการ Report ตรงนี้นี่แหละครับไปคำนวณ ถ้าเกิดมีค่าที่มีนัยเพียงพอ ในระยะเวลาที่สำคัญเพียงพอ หลังจากมีคน Report เข้าไป ทางเฟซบุ๊กจะเข้าไปดูที่ตัวเนื้อหาด้วยว่าเข้าข่ายผิดกฎระเบียบในเฟซบุ๊กข้อไหนหรือเปล่า ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้ครับ
(โพสต์ส่วนใหญ่ วนเวียนอยู่เรื่องเดียว)
ผมว่าถ้าสมมติว่ามีเพจๆ นึงสร้างขึ้นมาเพื่อรณรงค์ต่อต้านการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องยา ปาร์ตี้ และคำหยาบคาย ฯลฯ เชื่อมั้ย? เพจที่โพสต์เรื่องไม่เหมาะสมเหล่านี้จะโดนปิดทันที ถ้าทุกคนเข้าไปช่วยกันกด Report เพราะแม้แต่ User ทั่วๆ ไปอย่างเราๆ ที่ใช้กันอยู่ ไม่ใช่คนดังอะไร แต่เวลาโพสต์อะไรไม่เหมาะสม ยังถูกปิดมาแล้วก็มีครับ
แต่ปัญหาคือคนไทยจะไม่ค่อยกด Report อะไรกันเท่าไหร่ครับ แต่จะชอบเข้าไปดรามากันมากกว่า คือแบบที่หนึ่ง จะเข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์นั้นที่เราไม่ชอบ กลายเป็นการชวนให้เกิดวิวาทะมากเกินไป หรืออย่างการตั้งกระทู้เพื่อประจานในพันทิปก็มี และแบบที่สอง จะไม่ใช้วิธีด่าใต้โพสต์นั้น แต่จะ Capture หน้าจอเอาไว้เป็นหลักฐาน แล้วเอามาด่าในเฟซบุ๊กของตัวเองแทน ไม่งั้นก็กดแชร์โพสต์นั้นมาแล้วเอามาด่าในพื้นที่หน้าวอลเฟซบุ๊กของตัวเอง จะไม่ค่อยมีแบบที่สาม เข้าไปกด Report โพสต์ไม่เหมาะสมไปยังเฟซบุ๊กเท่าไหร่ มันก็เลยกลายเป็นปัญหา ในความคิดของผม ผมคิดว่าน่าจะช่วยกันเข้าไปแจ้งเรื่องร้องเรียนไปที่เฟซบุ๊กดีกว่า ไม่น่าจะไปขยายความเรื่องพวกนี้ไป อาจจะไม่ต้องเข้าไปคอมเมนต์หรือไปแชร์โพสต์ของเขาต่อ น่าจะดีกว่า
ส่วนคนที่ยังอยากเห็นโพสต์ของเขาอยู่หรือไม่ได้มองว่าไม่เหมาะสมอะไร ก็อาจจะต้องดูพฤติกรรมของบุคคลสาธารณะคนนั้นเป็นกรณีๆ ไปครับ ไม่ใช่ว่าคนที่เราชอบจะถูกไปซะหมด พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็สะท้อนให้เห็นเหมือนกันว่าดาราก็เหมือนคนทั่วๆ ไป มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ทำผิดพลาดได้ ที่สำคัญ อย่าไปเอาดารามาเป็นแบบอย่างพฤติกรรม เพราะเขาไม่ได้ดีเลิศไปกว่าเรา เป็นคนธรรมดาๆ เหมือนกัน”
ด้านดีๆ ก็มี ไม่รู้จักนำเสนอ?
(วอนสื่ออย่าซ้ำเติม มุมดีๆ ยังมีอยู่)
"เรื่องดีๆ ที่เฮียไปทำบุญทำทานนี่ เคยคิดจะเอาไปเขียนไปแชร์กันบ้างไหม น้องๆ เอ๊ย พอเรื่องที่ขัดแย้งหรือที่จะทำให้คนเขาเข้าใจผิด ให้ทะเลาะกันนี้ รีบแชร์รีบจะขอสัมภาษณ์กันเลยทีเดียว {ทั้งทั้งที่ก็อาจจะรู้ว่าโพสต์ทำให้ขำๆ หรือแกล้งโง่ไม่รู้ซะงั้น?} คิดแล้วก็ขำดี ว่างๆ เชิญมากินข้าวบ้านเฮียอีกทีนะน้องๆ นักข่าวประเทศนี้นี่ จะอบรมซะหน่อย ต้องขอบอกว่าเฉพาะคนนะ นักข่าวดีๆ ที่เป็นที่พึ่งพาได้ก็มีเยอะ ฝากให้ไปคิดกันด้วย อย่าให้เฮียขึ้น เพราะขึ้นแล้วลงยากและต้องใช้เวลาระยะนึงเลยทีเดียว รักนะ... เฮียเอง..."
เดี๋ยวจะหาว่าสื่อมวลชนนำเสนอแต่มุมดิบเถื่อนของเฮียเสกแค่เพียงด้านเดียว จึงขอหยิบยกเอาโพสต์จากแฟนเพจ “SEK LOSO” ที่พิมพ์เปิดใจปนตัดพ้อเอาไว้มาเผยแพร่ให้สมความตั้งใจของเจ้าของเพจเสียหน่อย คนเรามาจากภูมิหลังที่ต่างกัน ต่างจิตต่างใจ จะคิดต่างได้ย่อมไม่แปลกอะไรหากความต่างนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สำหรับกรณีนี้ โดยเฉพาะโพสต์เพิ่มเติมภายหลังในนามของเสกที่เขียนเอาไว้ว่า
"คนที่เข้ามาเมนต์ด่าฉัน ฉันอยากจะบอกว่าฉันเคยเอาแม่พวกแกทุกคน คนละ 2 ที และพ่อพวกแกนั่งดูตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่าพ่อพวกแกถ่ายคลิปไว้หรือเปล่า ไปถามพ่อพวกแกดูเพื่อความแน่ใจอีกทีนะฮะ ปล.แม่พวกแกบอกว่าฉันเอามันส์กว่าพ่อพวกแกเยอะเลย... รักนะแต่ไม่แสดงออก…"
และนี่คือโพสต์ทิ้งท้ายประเด็นเดือดนี้ซึ่งบอกเล่าความรู้สึกเอาไว้ในวันที่ 29 ม.ค. เวลา 11.05 น.
"พี่ไม่มีจิตใจที่จะไปทำร้ายใครหรอกนะ ไม่ต้องกลัว ที่ต้องสวนและอาละวาดกลับไปบ้าง นี่ก็เพราะหาเรื่องกันมาเองก่อนทั้งนั้น ตัวจริงพี่น่ารักจะตายชัก ปล.หยุดโพสต์ 4 ชม. ..."
ลองให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง “ธาม” ช่วยวิเคราะห์ถึงคำว่า “บุคคลสาธารณะ” เพิ่มเติมอีกสักหน่อยว่าแท้จริงแล้วควรใช้แบบไหนจึงจะเรียกว่า “เหมาะสม” และ “สร้างสรรค์” ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดดรามาป่วนเมืองอย่างที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราอย่างทุกวันนี้ นักวิชาการเฉพาะด้านรายนี้จึงให้คำตอบว่า
“ทั้งคุณเสกหรือแม้แต่ดาราคนอื่นๆ ก็ต้องเข้าใจนะครับว่าตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะ ทำให้มีคนที่แอบดู-แอบมองอยู่ตลอดเวลา การจะโพสต์อะไรเลยต้องระวังกันหน่อย เพราะเฟซบุ๊กไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวขนาดนั้น เรียกว่าเป็น “พื้นที่ส่วนตัวแบบสาธารณะ” อีกทอดหนึ่ง ยิ่งเวลาโพสต์โดยใช้คำหยาบคายก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแน่นอน
ผมคิดว่าคุณเสก-โลโซ อาจจะไม่ได้สนใจเรื่องภาพลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าเป็น Rocker ด้วย อาจจะต้องการแสดงความดิบ แต่จริงๆ แล้วเป็น Rocker ก็ไม่ต้องแสดงออกดิบต้องเถื่อนขนาดนั้นก็ได้ครับ จริงๆ แล้วผมก็เห็น Rocker มากมายในต่างประเทศ เขาก็ไม่ได้มาโพสต์อะไรแบบนี้นะ
ต้องเข้าใจว่าต้นทุนของการสร้างภาพลักษณ์ของดารามันมีมูลค่าสูง การที่เขาโพสต์แบบนี้ ถือเป็นการบริหารภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเลย ทำให้ภาพการเป็นซูเปอร์สตาร์เสื่อมเสียไป ช่วงหลังดูเหมือนเขามีปัญหากับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ อาจจะเพราะความเข้าใจผิดว่าจะโพสต์อะไรยังไงก็ได้โดยอาจจะคิดว่าไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรตามมา อย่าลืมว่าการโพสต์ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศ ถึงจะไม่ผิดกฎหมาย แต่การโพสต์เรื่องเพศที่มีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันอาจจะทำให้บุคคลที่อยู่ในภาพเสื่อมเสียชื่อเสียง จนนำมาสู่การฟ้องร้องกันได้ในภายหลัง
บุคคลสาธารณะคือคนที่มีกลุ่มคนชื่นชอบ ปกติแล้วเวลาติดตามคนเด่นคนดัง คนส่วนใหญ่ก็อยากจะรู้เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของคนคนนั้น เพราะฉะนั้น การโพสต์เรื่องราวชีวิตส่วนตัวทำได้ครับ แต่กฎของเฟซบุ๊กตามที่ Mark Zuckerburg บอกเอาไว้ก็คือ อะไรที่คุณไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วยเนี่ย คุณไม่ต้องโพสต์เลยดีกว่า ถามว่าทำไมเฟซบุ๊กไม่มีปุ่ม Dislike ให้กดแสดงจุดยืนว่าไม่ชอบ เพราะเขาอยากให้เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่จรรโลงสังคม ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ควรจะมีคุณภาพ ควรจะโพสต์เรื่องดีๆ หรือเรื่องที่สร้างสรรค์ ช่วยสร้างสรรค์สังคม
แต่เดี๋ยวนี้จะมีการตลาดแบบ Dark Marketing ด้วย มีคนเสพติดความมืดหม่น ความดำมืด ความหมองเศร้า ความเลว ความดิบห่าม ฯลฯ ตรงนี้เป็นรสนิยมของคนบางกลุ่มเท่านั้นแหละครับที่มองว่ามันเจ๋งดี มันเท่ดี แต่ผมจะบอกว่ามันไม่ใช่สินค้าหลักที่มีอายุยืนยาวนานนะ ดาราที่ขายความ Dark ความหม่นเศร้าเนี่ย ที่สุดแล้วในเชิงจิตวิทยามันจะทำลายชื่อเสียงของเขาเอง ยังไงขายความไม่ดีมันก็อยู่ได้ไม่นาน Rock Star ส่วนใหญ่จะขายความมืดหม่นหมองเศร้า เพราะจะพูดถึงเรื่องลึกลับดำมืดในชีวิตซะเยอะ ก็เลยหยิบมาเป็นจุดขายได้ระดับนึงแต่มันขายได้ไม่นานหรอก เพราะดนตรีโดยเนื้อแท้คือผลงานเพื่อยกระดับชีวิตของผู้คนให้สูงขึ้นครับ
เวลาคุณพูดว่าคุณเป็นศิลปิน มันสำคัญนะ ต้องเข้าใจก่อนว่า “ดารา” กับ “ศิลปิน” ไม่เหมือนกัน ถ้าคุณเสก-โลโซหรือใครก็ตามที่บอกว่าตัวเองเป็นศิลปิน แล้วโพสต์อะไรไปในเชิงลบแบบนี้ ผมว่าเขาอาจจะตัดสินใจผิดพลาดไป เพราะศิลปินคือคนที่ทำหน้าที่จรรโลงจิตวิญญาณ ทำให้ผู้เสพงานศิลปะที่จิตใจที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะสูงขึ้นโดยผลงานที่คุณทำหรือสูงขึ้นจากการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัว มันก็สะท้อนได้
อย่างศิลปินรุ่นเก่าๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีเฟซบุ๊กใช้ในยุคก่อน แต่เวลาเขาบอกเล่าอะไรผ่านพื้นที่สาธารณะ มันก็มีแต่เรื่องจรรโลงใจที่ให้แง่มุมและแง่คิดทั้งนั้นเลย แต่ดาราสมัยนี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ต้องมาตั้งคำถามว่า คนนี้คือบุคคลสาธารณะแบบไหน... ดารา คนดัง หรือ ศิลปิน”
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “SEK LOSO”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- “เสก” อ้างเพจโดนแฮกหลังบอกคนแก่แห่ไปนครปฐม