กลายเป็นประเด็นดรามาที่ชาวเน็ตรุมวิพากษ์สนั่นโลกออนไลน์ กรณีผู้โดยสารโพสต์ภาพและข้อความประจานพนักงานสายการบินชื่อดัง เนื่องจากไม่พอใจที่ปฏิเสธการช่วยเหลือในการมาเช็กอินสายแค่ 6 นาที จนทำให้เจ้าตัวตกเครื่องในเที่ยวบินนั้นไป พร้อมกับถามหาน้ำใจคนไทยว่าหายไปไหนหมด
ทันทีที่ภาพ และข้อความเผยแพร่ออกไป ปฏิกิริยาของคนในโลกโซเชียลฯ ก็สะท้อนกลับถึงคนโพสต์อย่างหนัก โดยส่วนใหญ่มองว่า การโพสต์ภาพหน้าผู้อื่น พร้อมข้อความประจานในลักษณะแบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังบอกอีกว่า เรื่องทั้งหมดสาเหตุเกิดจากการมาสายของตัวเอง ไม่ควรเอาเรื่องน้ำใจมาเป็นข้ออ้าง
"ความผิดตัวเองแท้ๆ จะมาสาย 6 นาที หรือ 1 นาที มันก็คือสาย เอะอะอะไรก็จะให้หยวนๆ สังคมมันถึงได้ขาดระเบียบวินัย ไม่งั้นจะมีตารางเวลาไว้ทำไม" golove2
"การกระทำแบบนี้ของเจ้าของเฟซฯ สมควรถูกฟ้องร้องมั้ยครับ นำภาพผู้อื่นมาเผยแพร่ในโซเชียลทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งๆ ที่ตัวเองผิด" สมาชิกหมายเลข 1013730
"ไม่รู้จักเวลา แล้วยังมาโพสต์ด่าคนอื่น เจริญล่ะ แล้วเอารูปเค้ามาลง Social มันน่าฟ้องจริงๆ" เอื้องแซะสีขาว
ต่อกรณีดังกล่าว เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อดังอย่าง Drama-addict ก็โพสต์แสดงความเห็นพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า
"...ปกติแล้วสายการบินจะคำนวณเส้นทางจากปริมาณน้ำหนักสัมภาระ น้ำหนักผู้โดยสาร เพื่อกำหนดเส้นทางบิน เพดานบิน ความเร็ว ปริมาณเชื้อเพลิง บลาๆ ที่เหมาะสม ที่เขากำหนดให้เช็กอินก่อนเวลาที่กำหนด ก็เพื่อที่จะได้คำนวนน้ำหนักสัมภาระทั้งหมดให้ถูกต้องแม่นยำ หลังจากปิดเช็กอิน นักบินก็จะเอาตัวเลขทั้งหมดมาคำนวณและเอาค่านั้นกรอกๆ ลงไปในแผงควบคุมของนักบิน
การที่ผู้โดยสารช้าไปคน โหลดของไม่ทัน มันทำให้น้ำหนักสัมภาระรวมเปลี่ยน ถ้าต้องคำนวณใหม่หมดก็ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ จนผู้โดยสารคนอื่นๆ พาลเดือดร้อนไปด้วย" เขาให้ข้อมูลก่อนจะทิ้งท้ายว่า "ดังนั้นถ้าเช็กอินไม่ทันก็รอเที่ยวต่อไปนะจ๊ะ อย่าเอาน้ำใจมาเป็นข้ออ้างเอาเปรียบชาวบ้านและละเมิดกฏหน่อยเลย"
เพิ่มเติมจากกรณีในข้างต้น ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ได้ต่อสายตรงไปพูดคุยกับ โค้ชแหม่ม-สุทธินันท์ มณีหล่อสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ และภาพลักษณ์ สกายโค้ชแหม่ม โดยเธอในฐานะที่เคยเป็นพนักงานสายการบิน ให้ข้อเท็จจริงว่า โดยปกติเคาน์เตอร์เช็กอินต้องปิดก่อนเวลาเครื่องออกอยู่แล้ว ถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศต้องปิดก่อน 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นภายในประเทศอาจปิดก่อนอย่างน้อย 30 นาที
เธอให้เหตุผลต่อไปถึงการเช็กอินก่อนเวลาว่า เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการลำเลียงกระเป๋าของผู้โดยสารไปโหลดใต้เครื่อง หากผู้โดยสารมาสายก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างช้าไปด้วย เพราะกว่าผู้โดยสารจะผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ขั้นตอนเอกซเรย์แล้ววิ่งไปถึงหน้าประตูเครื่อง ต้องใช้เวลาพอสมควร
"ส่วนตัวเข้าใจนะคะว่าผู้โดยสารเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาสาย แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยค่ะว่า เจ้าหน้าที่เองก็ต้องเอาเวลาตรงนี้ไปลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสารที่เขามาเช็กอินเพื่อจะเตรียมขึ้นไปเก็บไว้ และพอกระเป๋าจะขึ้นเครื่องมันก็จะเกี่ยวกับการคำนวณน้ำหนักอีก เพราะฉะนั้นถ้ารีบๆ ส่งขึ้นไป อาจทำให้การคำนวณน้ำหนักผิดพลาด ซึ่งก็คือความปลอดภัยของผู้โดยสาร
แล้วเวลาที่เครื่องดีเลย์ เพราะผู้โดยสารมาช้าเพียง 1 คน มันส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารอีกนับร้อยชีวิต แถมบางคนมีไฟลต์ต่อ หรือต้องรีบไปต่อเครื่อง เขาอาจจะต้องพลาดไป แบบนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาตามมา ดังนั้น ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่เขาก็เลยบอกว่า แบบนี้มันไม่ได้นะ มันต้องเป็นไปตามกฎแบบนี้ ซึ่งบางทีผู้โดยสารอาจรู้สึกว่าแค่เปิดเคาน์เตอร์เช็กอินให้หน่อย ทำไมถึงเปิดให้ไม่ได้ คือ ถ้าเปิดเคาน์เตอร์ให้ มันก็จะกระทบไปอีกหลายฝ่ายค่ะ"
ส่วนในประเด็นที่ถามหาน้ำใจคนไทย โค้ชแหม่ม บอกว่า น้ำใจคนไทยเป็นสิ่งที่ดี และคนทั่วโลกรับรู้ในสิ่งนี้ แต่นอกจากเรื่องของน้ำใจแล้ว เรื่องของวินัยคนไทยก็สำคัญเช่นกัน
"จะดีมากขึ้นแค่ไหนถ้าคนไทยนอกจากจะโด่งดังเรื่องน้ำใจแล้ว เรายังมีวินัยด้วย" โค้ชแหม่มบอก ก่อนจะฝากกรณีนี้ไว้เป็นบทเรียนว่า "ยุคโซเชียลฯ ทุกวันนี้น่าเป็นห่วง มีหลายกรณีที่เงิบกันไป ส่วนตัวมองว่า สื่อโซเชียลฯ ทำให้เราเสพสื่อทุกอย่างได้เร็วขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบข้อมูลด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนโพสต์ หรือคนอ่าน ไม่ใช่มาตีความกันไปต่างๆ นานา โดยที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน แล้วอย่างกรณีนี้การเอารูปผู้อื่นมาลงประจานบนเฟซบุ๊ก อาจจะต้องระวังเรื่องของความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย"
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754
