xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจเตือน! อย่า “มโนโซเชียล” คดีเกาะเต่า นักสืบผีชี้ ภาพตัดต่อได้!!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยุด “มโนโซเชียล” กันได้แล้ว!! ผบ.ตร.ฝากถึงนักสืบผีคีย์บอร์ดตามเว็บและเพจต่างๆ ด้วยน้ำเสียงตึงเครียด ด้านนายกรัฐมนตรียืนยัน “ไม่มีจับแพะ” คดีนี้คดีใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำแน่ๆ ขอให้เลิกจิกกัดแล้วปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ดูเหมือน “นักสืบไซเบอร์” จะไม่หยุดลงเพียงเท่านั้น นับวันหลักฐานและข้อสันนิษฐานจะยิ่งชวนสงสัยมากขึ้นทุกที!!




วอนสื่อหยุดวิจารณ์ ประชาชนหยุดมโน!
“การแสดงความคิดเห็นแบบ “มโนโซเชียล” ส่งผลต่อการทำงานของตำรวจ ก็อย่าทำ เรื่องการจับแพะก่อนหน้านี้ไม่รู้ แต่สมัยผมจะทำตามหลักการ ทำตามกฎหมายไม่มีจับแพะ ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของตำรวจ เราทำตามขั้นตอน หลักฐานและข้อเท็จจริง

ในโลกโซเชียลมีเดียท่านแสดงความคิดเห็นยังไงก็ได้ ท่านไม่มีตัวตน หรือท่านไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ท่านแสดงความคิดเห็นเนี่ย จะมีผลกระทบกับการทำงาน มีผลกระทบกับความรู้สึกของผู้ปฏิบัติ ท่านก็พูดของท่านไปเรื่อย ผีเจาะปาก เจาะนิ้ว นักสืบคีย์บอร์ดก็ว่ากันไปเรื่อยนะครับ แต่ท่านไม่เคยคิดว่าผลที่ออกมา 1.กระทบต่อผู้ปฏิบัติ ก็โอเค ไม่เป็นไร เราเป็นตำรวจ อดทนได้ 2.กระทบต่อสังคม คนในสังคมมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ บางคนมีวุฒิภาวะไม่เท่ากัน บางคนปัญญาอ่อนก็เชื่อ อันนี้ต้องบอกตามตรงว่าถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็เบาๆ บ้างครับ ถ้ามันไม่เกิดประโยชน์นะครับ”


(นักสืบคีย์บอร์ด ยังคง "มโนโซเชียล" หาหลักฐานกันอย่างไม่ลดละ)


พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์อย่างหนักตลอดช่วงที่ผ่านมา ในกรณีการจับผู้ต้องหา “คดีฆาตกรรมโหดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ณ เกาะเต่า อ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี” ที่เกิดขึ้น ระบุชัดเจนว่าตำรวจยินดีรับฟังข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน แต่ขอให้วิจารณ์กันในขอบเขตที่เหมาะสม ทั้งยังขอบคุณประชาชนที่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ ในฐานะที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธี “วันตำรวจไทยประจำปี 2557” จึงฝากทิ้งท้ายว่า ขอสัญญา จะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเกี่ยวกับการคลี่คลายคดีต่างๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เหลือนี้

สอดคล้องกับความคิดเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ติดตามฟีดแบ็กเกี่ยวกับคดีนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะแรงกดดันจากประชาชนชาวไซเบอร์ที่ตั้งข้อสงสัยกันไปต่างๆ นานาเพราะเกรงว่าจะจับแพะ ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า คดีใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครกล้ายัดความเท็จใดๆ แน่นอน

“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้พวกเราช่วยกันสำนึกและอยากให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันคิดว่า กระบวนการและวิธีการของเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนอยู่ ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเรื่องดี สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งถ้าเกิดมันไม่ใช่ เมื่อผลการสอบสวนออกมา เจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด แล้วใครเขาจะกล้าทำเพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ คนทั่วโลกรับรู้และรับทราบ มีผลเสียต่อประเทศชาติ ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำ และผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดี เขาคงไม่ยอมถูกบังคับเพื่อให้ต้องรับผิดมากขนาดนั้น ทั้งนี้ ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการ ชั้นนี้เป็นเพียงแค่การจับกุมและสอบสวนและส่งฟ้องอัยการ ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน


(ภาพล้อเลียนเล็กๆ น้อยๆ จากผีคีย์บอร์ด)


ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการสร้างกระบวนการความเข้าใจโดยเชิญต่างประเทศที่ยังสงสัยมารับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่ง รมว.ต่างประเทศก็ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว วันนี้ขอให้เราเป็นกำลังใจให้กันและกัน ขอให้ใจเย็นๆ จะผิดหรือถูกให้ว่ากันไปตามขั้นตอน ทุกเรื่องจะต้องได้คำตอบ ไม่ใช่พอช้าก็บอกว่าจับไม่ได้ สงสัยเจ้าหน้าที่ไม่มีความสามารถ พอจับได้ก็มาบอกว่าทุจริต แล้วจะเอากันตรงไหน เรื่องเกาะเต่าพูดกันมาหลายอาทิตย์ ร้อนกันไปหมดแล้ว”

ทั้งยังย้ำชัดๆ อีกรอบว่าทุกฝ่ายที่รับผิดชอบกำลังติดตามดูทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บนโลกออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดูแลสอดส่องในเรื่องนี้โดยเฉพาะ “เมื่อจับกุมตัวผู้ต้องหามาแล้วก็ให้ดำเนินการต่อไป ส่วนจะฟ้องศาลหรือไม่ก็ว่ากันไป ถ้าคนนี้ไม่ใช่ ก็ไปจับคนใหม่ที่ใช่มา อย่างนี้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นเรื่องก็ไม่จบ เรื่องนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ผิดถูกต้องไปว่ากันมาตามข้อเท็จจริง”




จับผิดภาพวงจรปิด นักสืบผีคาดยังลอยนวล?
ในอีกฝั่งหนึ่ง แม้จะถูกว่ากล่าวด้วยถ้อยคำว่า “ผีเจาะปาก-เจาะนิ้ว” ให้มาพิมพ์ในคีย์บอร์ด หรือ “มโนโซเชียล” สร้างข้อสันนิษฐานกันบนโลกออนไลน์ไปวันๆ แต่พวกเขาก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซ้ำยังมีหลักฐานใหม่ๆ ปรากฏออกมาให้ชวนครุ่นคิดอยู่เรื่อยๆ

ล่าสุด มีผู้นำภาพหลักฐานซึ่งผู้ที่ชาวเน็ตต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้ มานั่งจับผิดจุดน่าสงสัยและแจกแจงรายละเอียดกันอย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพนิ่งที่เจ้าตัวอ้างว่า Capture มาจากกล้องวงจรปิดของทาง ม.กรุงเทพฯ ในวันที่ 15 ก.ย.57 เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในเกาะเต่าในคืนวันเกิดเหตุ (15 ก.ย.57) แต่อย่างใด และด้วยหลักฐานชิ้นนี้เองที่ทำให้ผู้อยู่ในภาพหลุดพ้นการเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยปริยาย ทั้งยังใช้เป็นแต้มต่อที่เจ้าตัวและทนายยืนยันว่าจะขอไม่ตรวจ DNA โดยอ้างเรื่อง “สิทธิ” ในข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง


(นักสืบไซเบอร์เอาภาพนิ่งจากวงจรปิดมาจับผิด)


แต่ถึงจะมีหลักฐานยืนยันเวลาและสถานที่ที่ชัดเจนเพียงพอให้หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาตำรวจเพียงใด สำหรับเหล่านักสืบไซเบอร์แล้ว ยังถือว่าเป็นหลักฐานที่อ่อนมากๆ วิพากษ์วิจารณ์กันว่าถ้าผู้ที่ถูกรุมสงสัยอยู่ตอนนี้ห่วงภาพลักษณ์ของประเทศชาติมากกว่านี้เพียงสักนิด ก็ควรจะออกมาตรวจ DNA ให้จบๆ กันไป ในเมื่อไม่ใช่คนร้ายจะเกรงกลัวกระบวนการตรวจสอบไปทำไม ดีกว่าต้องถูกสงสัยให้คาราคาซังกันแบบนี้ ที่สำคัญ จะได้ช่วยลบข้อสงสัยในข่าวต่างๆ ทั้งสื่อไทยและเทศซึ่งมองว่ามีเรื่อง “อำนาจมืดและอิทธิพลท้องถิ่น” เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย


(เพจ CSI LA ยังคงตามจับผิดไม่ลดละ)

ที่ถล่มวิจารณ์กันว่าภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวเป็นหลักฐานที่อ่อนเกินเชื่อถือได้ในสายตานักสืบคีย์บอร์ด เป็นเพราะยังไม่เคยมีใครได้เห็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องตัวนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้แอดมินเพจดัง “CSI LA” ผู้อ้างว่าถนัดงานสืบสวนและออกโรงแฉทุกข้อสันนิษฐาน จนถูกขนานนามว่าเป็น “นักสืบไซเบอร์กิตติมศักดิ์” เกี่ยวกับคดีนี้ จึงกำลังพยายามกดดันให้ผู้ที่ถูกสงสัยเอาภาพเคลื่อนไหวออกมาให้ดูให้ได้ เพราะจับพิรุจได้ว่าคำให้การกับข้อมูลที่ตรวจสอบภายหลังไม่ตรงกัน และนี่คือโพสต์ที่ CSI LA บอกเล่ารายละเอียดเอาไว้

“นมสดต้องเข้าเรียนวิชา Accounting and Financial Management ทุกวันจันทร์ เวลา 8.40-11.00 เเละ 12.40-13.50 เเต่ทำไมนมสดเดินออกจากหอพักพลอมร วันจันทร์ เวลา 9.16.40 ทำไมไม่ไปเรียน? ไหนบอกว่ามีสอบไง”

นมสดเเละทนาย โปรดนำภาพเคลื่อนไหวจาก CCTV ของหอพัก ร้านสะดวกซื้อ มหาลัยกรุงเทพ เเละผลการสอบในวันที่ 15 ก.ย. มาเป็นหลักฐาน ถ้าคุณไม่ทำตาม พวกเราจะเข้าไปใส่ข้อความตามเพจที่ให้คนเเสดงความคิดเห็น (เว็บและเพจเกี่ยวกับที่พักในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกิจการครอบครัวผู้ที่ชาวเน็ตต้องสงสัยรวมอยู่ด้วย) เช่น Trip Advisor รวมทั้ง Facebook ด้วย”




ที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่เพจนักสืบไซเบอร์ดังกล่าวเท่านั้นที่ร่วมจับผิดภาพหลักฐานต้องสงสัยชิ้นดังกล่าว แต่ประชาชนชาวเน็ตและเพจอื่นๆ ก็ร่วมด้วยช่วยสงสัยโดยมิได้นัดหมาย ล่าสุด มีมือดีลองตัดต่อภาพ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เข้าไปใส่แทนที่บุคคลในภาพเดิม แถมยังทำได้เนียนกว่าภาพต้นฉบับเสียอีก มีเงาของคนในภาพวางพาดอยู่ด้วย

(โพสต์การสืบยอดนิยมบนโลกออนไลน์ขณะนี้)


นอกจากนี้ ยังจับผิดภาพต้นฉบับว่ามีจุดต้องสงสัยในเรื่อง “ตัวเลขสีขาว” ซึ่งระบุเวลาและวันที่ว่าไม่ควรเป็นสีนั้น แต่ควรเป็นสีดำเหมือนตัวเลขตัวอื่นๆ เสียมากกว่า หรือแม้แต่ตัวเลข “9” ที่วิจารณ์ว่าเป็นฟอนต์ตัวอักษรคนละตัวกัน จึงยิ่งสร้างความสงสัยให้เหล่านักสืบไซเบอร์มโนอย่างมีหลักการต่อไปเรื่อยๆ 





ไม่ได้อคติ แต่ไหนล่ะ? ความชัดเจน
ที่น่าเศร้ามากคือปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยป่นปี้ไปไม่น้อย โดยเฉพาะสถานที่เกิดเหตุ ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษได้ออกมาเผยแพร่คำแนะนำแก่พลเมืองในบ้านเมืองเขาเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศไทย โดยได้ปรับเนื้อหาคำแนะนำภายหลังเกิดคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษครั้งนี้ ให้มีเนื้อหาส่อไปในเชิงเตือนภัยหรือไม่สนับสนุนให้เดินทางมายังแผ่นดินสยามหากไม่อยากตกเป็นเหยื่อ


(รัฐบาลอังกฤษออกโรงเตือนประชาชน ระวังการมาเที่ยวไทย)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษครั้งล่าสุดนี้ไม่ใช่ครั้งเเรก ที่ผ่านๆ มา คนอังกฤษเเละชาวตะวันตก ตกเป็นเหยื่อเเละโดนทำร้ายจากกลุ่มมาเฟียท้องถิ่น ในเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ยกตัวอย่างเช่น เดือน ม.ค.ปีที่เล้ว ชาวอังกฤษถูกยิงเสียชีวิตในขณะที่เข้าร่วมงาน Full Moon Party ที่หาดริน เกาะพะงัน เเละเดือน ก.ย.ปีนี้ ชาวอังกฤษก็ถูกฆ่าอีก 2 รายที่เกาะเต่า

การข่มขืนกระทำชำเราเเละปล้นทรัพย์เกิดขึ้นบ่อยมากกับนักท่องเที่ยวชายหญิงบนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า รวมถึงในจังหวัดกระบี่ด้วย ในช่วยเทศกาล Full Moon Party โดยปาร์ตี้ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นที่บาร์ นักท่องเที่ยวมักจะถูกปล้นตอนนำเเขกเข้าห้อง บางคนโดนวางยา ฉะนั้น โปรดระวังตัวเวลารับเครื่องดื่มจากคนเเปลกหน้า ในขณะที่เข้าร่วมปาร์ตี้หรืออยู่ที่บาร์ โดยเฉพาะที่เกาะสมุย พัทยา เเละ Full Moon Party ที่เกาะพะงัน ซึ่งมักเกิดการข่มขืนกระทำชำเราด้วยการมอมยา

นอกจากนี้ การก่อเหตุทำร้ายยังเกิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งรวมถึง จ.เชียงใหม่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ จ.กระบี่ พลเมืองชาวอังกฤษจึงควรมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืน และหากผู้ใดประสบเหตุการณ์อาชญากรรมใดๆ ควรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยก่อนจะเดินทางออกจากประเทศไทย

ในขณะที่ทางตำรวจและรัฐบาลขอให้สื่อมวลชนภายในประเทศระมัดระวังการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้เพราะเกรงว่าจะส่งผลต่อรูปคดี ภาพลักษณ์ และความมั่นคงของประเทศ แต่กับภาพลักษณ์ที่มีในสายตาของสื่อต่างชาติรวมถึงรัฐบาลตะวันตกกลับป่นปี้แทบจะกู่ไม่กลับ
แน่นอนว่าไม่มีใครหรือสื่อมวลชนรายไหนอยากนำเสนอข่าวเพื่อขายและทำให้ประเทศชาติเสียหาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้รับผิดชอบคดีมอบ “ความชัดเจน” ให้กับประชาชนและสื่อมวลชนได้มากน้อยเพียงใด แม้แต่ “จตุรงค์ สุขเอียด” นักข่าวภาคสนามจากช่องน้อยสีซึ่งติดตามทำสกู๊ปในคดีนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ยังอดที่จะฝากอะไรบางอย่างเอาไว้ให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้คิดบ้างผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาเอง

ระหว่างผมสัมภาษณ์ล่ามพม่าที่เกาะสมุยนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมานั่งตีเนียน พอเริ่มถามก็ยกมือถือขึ้นถ่าย ผมสังเกตแล้วว่าชายคนนี้ไม่โจรก็ตำรวจ หลังจบการสัมภาษณ์ล่ามก็หันไปถามว่า พี่เป็นตำรวจหรือไม่ เขาเลิ่กลั่กก็รับว่าครับ ด้วยประสบการณ์จึงให้ช่างภาพหันกลับมาแล้วเอาไมค์ไปจ่อ ว่า ขอถามหน่อยพี่เป็นคนติดต่อล่ามคนนี้ไปหรือ เขาก็ว่าเปล่าๆ ถามว่าใครให้มา ผู้ใหญ่สั่งหรือก็ว่ามาเอง แล้วถามว่ารู้ได้ไงว่าจะมีการสัมภาษณ์เขา และผมมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่ตอบ ความจริงมีภาพระหว่างนี้ทั้งหมด แต่ดูแล้วสงสารลูกเมียเขา เพราะคงถูกสั่งมา จึงไม่นำออกไป

แล้วประเมินว่าครั้นจะไปที่อื่นต่อคงลำบาก จึงตัดสินใจกลับทันที แต่โชคไม่ดีหลังคืนฟูลมูนปาร์ตี้พอดี เที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์สเต็มทุกเที่ยว จึงต้องรบกวนหลายคนให้หาตั๋วให้ ที่สุดต้องซื้อตั๋วสแตนบายนอนรอจนเขาเรียกไปเช็กอินแทนผู้โดยสารที่เลื่อนบิน
ก็กลับมา....การถูกตามถ่าย ตามรอยไม่ใช่เพิ่งเกิดกับผม เกิดมานับครั้งไม่ถ้วน ทางหนึ่งคือต้องหูไวตาไว หากเห็นว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมแปลกก็ให้หันไปหาเขาถ่ายภาพเก็บไว้ด้วย ที่เล่ามานี้เพื่อให้รู้ว่าแม้ตำรวจจะบอกว่า โปร่งใส แต่ตำรวจก็ไม่เคยให้ผู้ใต้ปกครองทำให้คนไว้ใจ นี่ต่างหากปัญหาที่สังคมไม่เชื่อท่านในคดีนี้


(ความคิดเห็น นักข่าวภาคสนาม ผู้ติดตามทำสกู๊ปคดีนี้มาตลอด)



ผมพยายามขอให้มีคนช่วยทำให้ความจริงคดีเกาะเต่าคลี่คลายโดยเร็วไม่ใช่เพื่อหาข่าว แต่ข่าวจะช่วยให้ภาพพจน์ดีขึ้นหากมีข้อมูลน่าเชื่อว่า ตำรวจจับถูกต้องแล้วเพราะอะไร และหากคลุมเครืออยู่ การให้นักสิทธิมนุษยชนหรือองค์กรอื่นมาร่วมด้วย จะลดความเสียหายของประเทศลงได้
ผมว่าหากการท่องเที่ยวเราเสียหาย เราก็เสียกันทั้งประเทศ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็ว่าเราต้องวิจารณ์แบบระวังชื่อเสียงของคนไทยด้วยกัน ตอนนี้เราไม่มีความขัดแย้งบนถนน แต่เรามีความขัดแย้ง และเราไม่มีเวทีปราศัยบนถนน แต่เราก็วิจารณ์กันทางสื่อออนไลน์ โดยที่ต่างชาติก็ไม่ต้องเดินทางมาก็เห็นว่าคนไทยก็ยังไม่ไว้ใจกันแค่ไหน ผมหวังว่าผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจะขจัดความคลุมเครือนี้ลงโดยเร็วครับ

“บางท่านว่าคดีเกาะเต่าเป็นเรื่องในประเทศไทย ตอนนี้ไม่จริง มันเป็นเรื่องของภายนอกไปแล้ว ถ้าแนะนำได้ผมว่า ท่านต้องให้ผู้ต้องหาออกมาพูดกับสื่อให้นักข่าวได้ซักได้ถามเขา ท่านจะตั้งโต๊ะที่ไหนก็ได้ ให้ทั้งสื่อไทยและเทศร่วมซักถามเขา ทางเดียวที่จะทำให้ความเคลือบแคลงเบาลง... ทำเถิดครับ

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วน: แฟนเพจ “CSI LA”



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- “ประยุทธ์” วอนสื่อหุบปาก จับแพะพม่าฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า เตรียมตั้งทีมส่องโซเชียล
- อธิบดีอัยการภาค 8 ยันสำนวนฆ่า 2 ฝรั่งสั่งฟ้องสัปดาห์นี้ เบิกพยานปากสำคัญพรุ่งนี้
- “CSI ไซเบอร์” ฉีกหน้าตำรวจ! แฉคดีฉาว “แพะม่า ณ เกาะเต่า”!!? (มีคลิป)
- นักสิทธิมนุษยชนอังกฤษส่ง “ทีมทนายความ” ป้องแรงงานพม่าผู้ต้องสงสัย “คดีเกาะเต่า”
- สื่ออังกฤษตีข่าว 3 แรงงานพม่า เพื่อนผู้ต้องสงสัย “คดีฆ่าโหดเกาะเต่า” ถูก ตร.ไทย “ซ้อม-เอาน้ำร้อนราด”
กำลังโหลดความคิดเห็น