xs
xsm
sm
md
lg

ทวงคืนจุดชมวิว “อ่าวพัทยา” ตึกสูงเสียดฟ้า “ขยะสายตา” ขอยุติ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอาจุดชมวิวของพวกเราคืนมา!!” ชาวพัทยาประกาศศักดาเอาไว้ในแฟนเพจ “เรารักด่านพัทยา” ด้วยภาพอาคารพาณิชย์สูงเสียดฟ้า ผุดขึ้นมาค้ำหัวทั่วบริเวณ ซ้ำยังบดบังทัศนียภาพจุดสำคัญ ทั้งป้าย “Pattaya City” ทั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพรฯ ที่เคารพรักของประชาชน จึงเข้าชื่อร้องเรียนและแชร์ต่อๆ กันไป จนร้อนไปถึงเจ้าของอาคารและผู้ให้อนุญาต สังคมรุมประณาม หน้าเงิน ไม่เห็นแก่ส่วนรวม งานนี้... ใครผิด!!?



ชาวพัทยาไม่ทน! ส่งคำสาปแช่งถึงคอนโดยักษ์

(ชาวพัทยาเกินทน ดึงคำกล่าวของเสด็จเตี่ยมาประณาม)

“กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้ ไอ้อีมันผู้ใดคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤๅกระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตร ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู

ตราบใดที่คำว่า “อาภากร” ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมามิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุขมิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น”



(จากจุดชมวิว ยอดนิยมบนเขาพระตำหนัก)
นี่คือคำกล่าวของ “เสด็จเตี่ย” หรือ “พลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ซึ่งชาวพัทยาท่านหนึ่งในเฟซบุ๊กได้เอามาโพสต์แสดงความคิดเห็นเอาไว้ ประกอบภาพคอนโดหรูซึ่งสร้างขึ้นมาบริเวณหน้าอ่าวพัทยา บดบังทัศนียภาพในด้านที่พระบรมราชานุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นที่เคารพยิ่งของชาวเมืองหันหน้าเข้าหาพอดี

บริเวณดังกล่าวเป็นจุดชมวิวยอดนิยมบนเขาพระตำหนัก (เขา สทร.5) จึงทำให้ชาวพัทยาหลายคนไม่ต้องการเห็น “ขยะสายตา” สูง 53 ชั้นชิ้นนี้อีกต่อไป จึงร่วมกันแชร์เรื่องราวนี้ออกไปพร้อมกับรณรงค์ให้เข้าชื่อคัดค้านและตรวจสอบโครงการก่อสร้างโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า "Water Front Suites &a mp ; Residence Pattaya"


(แชร์กันจนกลายเป็นประเด็นร้อน)

แท้จริงแล้ว ชาวพัทยาร่วมกันรณรงค์ต่อต้านโครงการนี้กันมาพักใหญ่แล้ว แต่ข่าวคราวเพิ่งส่งถึงผู้คนบนโลกออนไลน์อีกมากมาย จนกลายมาเป็นประเด็นฮอตที่สุดในตอนนี้นี่เอง ผู้ที่รู้ข่าวโดยเฉพาะชาวพัทยาจึงร่วมกันประณามพร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงปล่อยให้ทัศนียภาพแห่งเมืองท่องเที่ยวถูกทำลายเช่นนี้? และใครคือผู้อนุญาตให้สร้างโดยไม่นึกถึงผลกระทบต่อส่วนรวม? และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนเกี่ยวกับกรณีนี้ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคอนโดยักษ์ มีเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่เห็นว่าเป็นพัฒนาการเพื่อสิ่งที่ดีกว่า

“ไม่ใช่ปล่อยให้สร้างตั้งแล้วค่อยมาร้องเรียน ไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มสร้างแล้วแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ ก็แต่แค่คิดว่าทำได้ยังไง พอเห็นอีกทีขึ้นไปบนเขาก็บังวิวไปหมดแล้ว ก็คิดเหมือนกันว่าจะมีใครคิดเหมือยเรามั้ย ไม่รู้หรอกคะว่าจะดึงคนมาเที่ยวได้มากน้อยแค่ไหน คนจะมาเที่ยวมากเที่ยวน้อยคงไม่ใช่แค่ตึกนี้ตึกเดียวมั้งคะที่จะดึงคนมาได้ ลองพัฒนาอย่างอื่นก่อนดีกว่ามั้ยคะ ถ้าสถานที่ท่องเที่ยวน่าเที่ยว แต่คนยังเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมก็เท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้มองโลกสวยนะ แต่แค่มองว่าทำไปแล้วก็ไม่เห็นคนจนจะรวยขึ้น สู้เอาไว้ดูวิวสวยๆ เวลาไม่สบายใจดีกว่า ไม่ใช่มองไปก็เห็นแต่ความวุ่นวายของพัทยา

“จริงๆ แล้ว มันไม่ได้แย่นะคะ ดิชั้นเป็นคนหนึ่งที่เป็น agent ให้ กับ waterfront เพราะโครงการนี้ทำให้มี talk of the town สำหรับนักลงทุนและผู้ที่มาท่องเที่ยวพัทยา เงินหลายสิบถึงร้อยล้านมาลงที่พัทยาบ้านเรา โครงการนี้เป็น Icon ให้พัทยาปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูดีมีระดับมากขึ้น และโครงการนี้ได้เซ็นสัญญากับเครือโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก “M Gallery” ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เท่ากับสามารถช่วยให้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้นด้วยเช่นกัน และการที่จะสร้างตึกได้ ทางโครงการต้องไปยื่นขอ EIA และ Construction Permit ซึ่งทางเมืองอนุญาตค่ะ สร้างแบบถูกต้องตามกฎหมาย ขอสรุป การสร้างโครงการนี้ขึ้นมา จริงอยู่ที่อาจจะบังสถานที่ชมวิวฟรี แต่ขอให้คิดอีกมุมนะคะว่ามันทำให้บ้านเรามีดีมากขึ้นมาหลายระดับ”


(ทัศนียภาพที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป)

“เฮ้อ... เราอยู่พัทยามา40กว่าปีแล้ว ก็รู้นะว่าพัทยาก่อสร้างโรงแรม ก่อสร้างคอนโดสูงๆ ได้ ตอนนี้ก็คงหลายร้อย หลายพันโครงการแล้วล่ะมั้ง แต่มันก็ไม่มีใครมาทำการก่อสร้างที่คนที่รักพัทยาจริงๆ นึกไม่ถึง คาดไม่ถึงว่าเขาจะเอาจุดที่สวยที่สุดในเมืองพัทยามาเป็นจุดขายทางธุรกิจของนายทุน เพื่อผลกำไรตอบแทนที่มหาศาลกับกลุ่มนายทุน เท่ากับตอนนี้เมืองพัทยาได้เซ็นขายจุดที่สวยที่สุดของเมืองพัทยาไปแล้ว อ่านในคอมเมนต์ว่ามีเงินเข้ามาลงทุนมหาศาลเป็นผลดีกับพัทยา นั่นคือผู้บริโภคทางวัตถุนิยม การดำรงอยู่ของเขาคือความสุขทางด้านเงินตรา อำนาจบารมี แสวงหาให้ได้เยอะๆ เฮ้อ... ตรรกะความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครรักพัทยาก็ต้องช่วยๆ กันอะไรมันมากไป ก็ต้องส่งเสียงกันหน่อย ไม่งั้นคงจะมีการก่อสร้างแบบนี้กันอีกแน่นอน”

“ไอ้คนสร้างไม่เท่าไหร่ แต่อยากรู้ไอ้คนเซ็นอนุมัติ มันคือใคร หาตัวไอ้คนอนุมัติดีกว่า แล้วที่อยากรู้อีกอย่าง นายกพัทยาทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้มีตึกนี้ขึ้นมาได้ คนพัทยาทั้งหลาย เรามาร่วมส่งภาพนี้ไปทางสื่อกันดีกว่า ส่งกันเยอะๆ สื่อจะได้เห็นว่าพวกเราคัดค้าน ไม่ต้องการไอ้ตึกนี้

(แขวะด้วยภาพ)



ถูกกฎหมายแต่ผิดแบบ สั่งระงับฝัน 53 ชั้น!


(รณรงค์ถึงขั้นให้ส่งจดหมายมาช่วยกัน)

แน่นอนว่าอาคารที่ผุดขึ้นมาริมอ่าวพัทยา โดยตั้งห่างจากชายทะเลไม่เกิน 100 เมตรแบบนี้ ย่อมต้องมีแบบแปลนผังเมืองกำหนดเอาไว้อย่างแน่ชัดว่าตัวอาคารควรจะต้องมีลักษณะเช่นไร จึงจะทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมละแวกนั้น แต่ตึกยักษ์ดังกล่าวกลับกลายมาเป็น “ขยะทางสายตา” ของชาวเมืองพัทยาแบบนี้ เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ ร้อนถึงนายกเมืองพัทยาอย่าง “อิทธิพล คุณปลื้ม” ให้ต้องออกมาตอบทุกข้อสงสัยให้สังคมรับรู้ โดยได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกรณีนี้เป็นกรณีเร่งด่วนเลยทีเดียว


(นายกเมืองพัทยา “อิทธิพล คุณปลื้ม” ออกแถลงการณ์)

"ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องทำตามขั้นตอน เพราะขออนุญาตอย่างถูกต้อง ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย โปร่งใส ไม่มีการเอื้อประโยชน์แก่ภาคเอกชนแต่อย่างใด พร้อมให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบเต็มที่ เรื่องบดบังสภาพภูมิทัศน์เชิงเขาและพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นเรื่องที่เมืองพัทยาเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งก็เคยทักท้วงไปแล้ว แต่เมื่อ สผ. (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เห็นชอบและดำเนินทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ก็ต้องทำไปตามอำนาจหน้าที่

แต่ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้ชำนาญการ ศึกษาแนวทางการปรับภูมิสถาปัตย์ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสถานที่ ไม่บดบังจนเป็นที่น่ารังเกียจ การชี้แจงในโครงการนี้ ก็เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย มีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อมีกระแสสังคมเกิดขึ้นก็ต้องมาทำการชี้แจง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง"

ส่วนกรณีของที่ดินเดิมซึ่งมีสภาพติดกับแนวชายฝั่ง ทำให้ไม่สามารถออนุญาตปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้นั้น กรณีดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ห้ามก่อสร้างอาคารติดแนวชายฝั่ง แต่ที่ผ่านมากรมโยธาธิการและผังเมือง ได้อนุมัติงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือพัทยาใต้ ในพื้นที่ 12 ไร่ ทำให้แนวหน้าโฉนดที่ดินของโครงการ มีลานอเนกประสงค์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวระดับน้ำทะเลห่างออกไปในระยะนับ 100 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ทางภาคเอกชนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ จนสามารถขออนุญาตปลูกสร้างอาคารสูงได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเมืองพัทยาได้ออกคำสั่ง ค.5 ค.6 และ ค.11 พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับ สภ.เมืองพัทยา ให้โครงการดังกล่าวระงับการก่อสร้างไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2557 เป็นเวลา 45 วัน เนื่องจากตรวจพบว่ามีการก่อสร้างอาคารผิดรูปแบบจากที่ขออนุญาตไว้กับทางสผ. ในเรื่องของบันไดหนีไฟและช่องลิฟต์ในตัวอาคาร ซึ่งเรื่องนี้เอกชนต้องทำการปรับปรุงและแก้ไขโดยด่วน เพื่อให้เป็นไปตามการขออนุญาต แต่หากยังคงฝ่าฝืน ก็ถือว่าผิดแบบจากการขออนุญาตและจะส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาลเพื่อรื้อถอนต่อไป



(ทางเจ้าของตึก แสดงความคิดเห็นผ่านแฟนเพจ "Tulip Group Thailand")
ทั้งหมดนั้นคือความจริงจากฝั่งตรวจสอบ แต่เมื่อกลับไปดูที่หน้าแฟนเพจ “Tulip Group Thailand” ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการคอนโดยักษ์บังทัศนียภาพนี้ กลับมีเพียงอีกมุมมองหนึ่งฝากเอาไว้

“Tulip Group มีความภาคภูมิใจที่เป็นผู้พัฒนาโครงการโรงแรม และคอนโดมิเนียมในเมืองพัทยา โครงการต่างๆ ของเราสร้างงานให้กับคนท้องที่ซึ่งเป็นคนไทยมากกว่าพันคน
เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกก็ว่าได้ และหากเมืองท่องเที่ยวนี้ มีโรงแรมและคอนโดมิเนียมระดับ 5 ดาว แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะต้องแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน นักท่องเที่ยวเหล่านี้จะนำรายได้เข้าสู่เมืองและนี่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของคนไทยที่นี่และยังทำให้มีการสร้างงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ขณะนี้มีการตั้งประเด็นบนสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ต่างๆเกี่ยวกับโครงการ Waterfront ณ แหลมบาลีฮาย พัทยาใต้
เราจึงขออกมาชี้แจงว่า โครงการของเราถูกต้องตามกฏหมาย 100% เรามีใบอนุญาต EIA (รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม) และ ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารอย่างถูกต้องจากทั้งทาง เมืองพัทยาและ จากสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวผ.)

โครงการ Waterfront ช่วยพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบของแหลมบาลีฮาย การก่อสร้างจะแล้วเสร็จกลางปีหน้า และจะเป็นโครงการที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเมืองพัทยา โครงการนี้ยังสร้างงานให้กับคนไทยอีกหลายอัตราและจะยกมาตรฐานเมืองพัทยาไปสู่ระดับสากล
พวกเราเสียใจที่มีคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาต่อต้านโครงการนี้ว่าไม่เหมาะสมกับเมืองพัทยา พวกเรามีความตั้งใจจริงที่จะเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาเมืองพัทยาให้น่าอยู่ทั้งสำหรับคนไทย และนักท่องเที่ยวทุกคน



ขอ “ผังเมืองเฉพาะ” เมื่อไหร่จะปฏิรูป!
ลองมองจากสายตาของนักสถาปัตยกรรมดูบ้าง ในฐานะคนนอกผู้ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีนี้ พลาเดช พยัฆวิเชียร นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเด็นร้อนในครั้งนี้ น่าจะอยู่ที่เรื่องความไม่ชัดเจนของระบบผังเมืองซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง และทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำๆ แบบเดิมอีกคือ ต้องปฏิรูปกฎหมายเท่านั้น!!

“ต้องมาดูข้อเท็จจริงว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน จากกรณีนี้จะเห็นว่ามีการอนุญาตให้ก่อสร้างออกมาก่อน แสดงว่าเขาทำได้ตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถามว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่ระบบการผังเมืองและข้อกำหนดทางด้านผังเมือง ต้องบอกว่ามันล้าสมัยครับ คือตอนนี้เรามีเฉพาะข้อกำหนดเกี่ยวกับ “ผังเมืองรวม” ซึ่งไม่ได้กำหนดรายละเอียดในเชิงลึก เพราะเราไม่มีข้อกำหนด “ผังเมืองเฉพาะ” ออกมา เลยทำให้เป็นสาเหตุของปัญหา

ปัญหาใหญ่เลย เราต้องมีการปฏิรูปการผังเมือง ให้มีการออก “ผังเมืองเฉพาะ” ที่มีการกำหนดรายละเอียดให้ได้ เพราะเมื่อก่อนอาจจะมองว่าทำยาก ยุ่งยาก แต่สมัยนี้มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม มีเครื่องถ่ายภาพทางอากาศที่ช่วยอำนวยความสะดวก ในต่างประเทศเขาก็กำหนดกันอย่างละเอียดกันทั้งนั้นแหละ แต่เราไม่มี เรามีแค่ผังเมืองแบบเก่าที่กำหนดไว้เป็นพื้นที่สีๆ ก้อนนี้สีเหลือง ก้อนนี้สีแดง แต่ไม่ได้แยกออกมาดูให้ละเอียดเลย ทั้งๆ ที่สีหนึ่งมันตั้งหลายตารางกิโลเมตร ซึ่งที่จริงแล้วการวางผังเมืองมันต้องกำหนดแต่ละถนนไปเลยด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่ต้องรีบทำ ไม่งั้นก็จะเกิดปัญหาแบบนี้ไปเรื่อยๆ



และอาจจะต้องเรียกร้องไปยังสำนักงานคณะกรรมการแผนและนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเรื่อง EIA ขอให้ตระหนักถึงเรื่องการบดบังทัศนียภาพเพิ่มเข้าไปอีกเรื่องหนึ่งด้วย แต่พอเราไม่มี “ผังเมืองเฉพาะ” เลยทำให้เขาอาศัยข้ออ้างตามกฎหมายที่ให้ไว้ ไปขออนุญาตสร้างและทำให้เกิดตึกนั้นสูงโดดขึ้นมาตึกเดียวอย่างที่เห็น ต้องออกเป็นกฎกระทรวง เหมือนกับที่เราออกกฎกระทรวงควบคุมการก่อสร้างอาคารภายใต้พระราชบัญญัติ เพราะถ้ายังไม่มีผังเมืองเฉพาะ ผู้สร้างก็จะอ้างไปได้ตลอดว่า เขาทำตามกฎหมายที่อนุญาตแล้ว เพราะไม่ได้มีรายละเอียดบังคับลงไป

จริงๆ แล้ว มันจะมีกฎหมายอีกตัวหนึ่งที่เรียกว่า “EIA” เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ณ ปัจจุบันใช้องค์คณะเข้ามาตรวจเป็นครั้งๆ ไป ซึ่งตัวนี้จะดูเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่จะอาจเกิดผลกระทบมาจากตัวอาคารว่า มีเวลาน้ำฝนมาจะสามารถระบายได้มั้ย ที่เว้นว่างพอมั้ย การจัดการน้ำได้มั้ย น้ำเสียจะออกไปข้างนอกแล้วกระทบต่อทะเลมั้ย สร้างใกล้ชิดทางแยกเกินไปหรือเปล่า แต่ในแง่ทัศนียภาพอาจจะยังไม่มีกฎเกณฑ์ไว้ก่อน และที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยมีกรณีปัญหาเรื่องอาคารบดบังทัศนียภาพสักเท่าไหร่ มีแต่ปัญหาเรื่องการก่อสร้างอาคารที่ไปบดบังโบราณสถาน

ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างที่ชะอำ เวลาคุณขับรถผ่านไป ก่อนถึงชะอำ คุณจะเห็นโรงแรมตั้งโดดๆ เป็นแท่งๆ โผล่เป็นระยะๆ ฝั่งซ้ายมือ เป็นคอนโดสูงๆ แต่เดี๋ยวนี้จะไม่มีการสร้างแบบนั้นเพิ่มอีกแล้ว เพราะเขาได้เรียนรู้แล้วว่ามันทำให้ทัศนียภาพเป็นแบบนั้น เลยออกกฎตามมาทีหลังควบคุมไม่ให้สร้างอาคารสูงเกินกี่ชั้นๆ ภายในเขตพื้นที่นั้นๆ

ตามกฎหมายมีกำหนดอยู่แล้วว่า จะต้องตั้งห่างจากชายฝั่งแค่ไหน ต้องดูก่อนว่าเราจะกำหนดพื้นที่ตรงนั้นให้เป็นอย่างไร ลองนึกภาพชายฝั่งของประเทศในยุโรปดูสิครับ เขาก็มีอาคารสูงๆ กันเยอะนะ แต่เขาสูงเสมอๆ กันหมดไงครับ ซึ่งตรงนั้นเกิดจากการกำหนดให้ย่านนั้นสามารถสร้างอาคารสูงได้ ซึ่งก็มีกฎกติกาว่าจะต้องเว้นว่างห่างกันเท่าไหร่ อย่างในฮ่องกงก็มีอาคารสูงเรียงกันไปหมด ก็ไม่ได้เกิดปัญหาด้านทัศนียภาพอะไร เพราะมันไม่มีอาคารสูงที่โดดมาตัวเดียวแบบนี้

ถ้ากำหนดให้ย่านนั้นเป็นย่านอาคารสูงริมทะเลได้ ก็กำหนดไปครับ แต่ถ้าย่านไหนไม่ได้ ก็กำหนดให้เป็นที่เว้นว่างหรือเป็นที่ความหนาแน่นต่ำ ให้พื้นที่ส่วนนั้นมีสีเขียวบ้าง ไม่ใช่มีแต่ตึก ซึ่งก็ต้องกำหนดกันเป็นโซนๆ ย่านๆ ไป ทัศนียภาพจะได้ไม่เป็นปัญหาครับ
และจุดหนึ่งที่เป็นปัญหามากเรื่องการกำหนดผังเมืองไม่ชัดเจนคือ ทำให้เกิด “การเก็งกำไรที่ดิน” เมื่อนายทุนเขาซื้อมาแพง แล้วจะมาสร้างไม่กี่ชั้น เขาก็รู้สึกไม่คุ้มทุน ก็เลยพยายามสร้างให้สูง ให้ได้กำไรไว้ก่อน แต่ถ้ากฎหมายออกมาชัดตั้งแต่แรกว่าย่านนี้สร้างได้ไม่เกินกี่ชั้น มันจะคุมราคาที่ดินไปโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ความไม่ชัดเจนในเชิงผังเมืองก็ทำให้เกิดปัญหาการเก็งกำไรที่ดินไปด้วยในตัว ยังไงก็ต้องมีการปฏิรูปเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพบางส่วน: แฟนเพจ “เรารักด่านพัทยา”, “ที่ว่าการอำเภอบางละมุง” และ “Tulip Group Thailand”



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- เมืองพัทยาชี้ตรวจสอบคอนโดยักษ์สร้างผิดแบบ พร้อมสั่งระงับแล้ว
- นายกเมืองพัทยาเตรียมแถลงข่าวชี้แจงหลังมีกระแสต่อต้านโครงการคอนโดฯ ยักษ์ในโลก Social
 




กำลังโหลดความคิดเห็น