“สาธิต เซกัล” นักธุรกิจชาวอินเดีย วางแผนควักเงินส่วนตัวของตัวเอง เดินทางไปประเทศอินเดียและประเทศข้างเคียงอีก 5 ประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของไทย รอแค่ไฟเขียวจากทหาร ประกาศลั่นไม่หนีไปอยู่ที่อื่นแน่ ขอรับใช้ประเทศไทยและขอตายบนแผ่นดินไทย
ทั้งนี้ในวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา นายสาธิต เซกัล ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยบางข้อความได้ระบุว่า
“ในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กระผมจะอาสาเดินทางไปประเทศอินเดียและประเทศข้างเคียงอีกห้าประเทศ เพื่อทำความเข้าใจให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้รู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศดังกล่าวได้มีความมั่นใจ ในการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ถือว่าเป็นหน้าที่ของกระผมในฐานะชาวต่างประเทศที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่มาร่วมห้าสิบกว่าปีแล้ว และในฐานะผู้นำนักธุรกิจของภาคเอกชน ในการเดินทางครั้งนี้กระผมจะใช้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อแสดงความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจ
“กระผมขอขอบคุณและชื่นชมท่านพลเอกประยุทธ์และคณะที่ได้ประกาศมาตรการในการเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมาหากษัตริย์ที่เป็นที่รักและเคารพของพ่อแม่พี่น้องชาวไทยและของพวกเราชาวต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย การจาบจ้วงสถาบันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และจะต้องมีการจับกุมผู้ดูหมิ่นและจาบจ้วงอย่างเด็ดขาด กระผมเคยแสดงความกังวลในเรื่องนี้กับท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดในวันที่ท่านได้เปิดสัมมนาเพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย กระผมจึงต้องขอขอบคุณมาอีกครั้ง ว่าวันนี้สิ่งที่กระผมอยากเห็นได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องยั่งยืนอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการปกป้องอธิปไตยและการอยู่รอดของประเทศ ที่ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณานิคมและยังมีบทบาทสำคัญในด้านสังคม ศาสนา เป็นสถาบันที่ผูกมัดให้ชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวมาตลอด”
โดยนายสาธิตได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live ว่า การตัดสินใจเดินทางไปประเทศต่างๆ ในเอเชียครั้งนี้ เพื่อต้องการตอบแทนพระคุณของแผ่นดินไทย ตอนนี้รอแค่ฝ่ายทหารไฟเขียวอนุญาตเท่านั้น
“ผมได้ประสานไปกับเพื่อนที่เป็นทหารแล้วว่ามีความประสงค์จะไปประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน โดยเน้นสองส่วนคือ ภาครัฐและภาคเอกชน ถ้าไปอินเดีย ผมคงจะเน้นเรื่องการลงทุน ส่วนประเทศอื่นๆ คงเน้นเรื่องการค้า
“ในภาครัฐที่อินเดีย ผมโชคดีที่รู้จักกับท่าน Lal Krishna Advani อดีตท่านเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคบีเจพี ปัจจุบันท่านเป็นอาวุโสของพรรค มีโอกาสจะได้เป็นประธานสภาสูงในอนาคต ความที่ผมรู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัว เลยอยากจะใช้ความสัมพันธ์กับท่านในการสร้างความเข้าใจให้แก่รัฐบาลอินเดีย เพื่อให้ยอมรับประเทศไทย ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น ส่วนประเทศอื่นๆ ผมยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำหรือแกนนำในพรรคของรัฐบาล เพราะในฐานะที่ผมเป็นประธานหอการค้าไทย-อินเดีย ผมเคยไปเยือนประเทศต่างๆ เหล่านี้ จึงมีความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
“โปรเจกต์นี้ผมจะควักเงินส่วนตัวไป เพราะผมอาสาเข้ามาทำเอง อยากทำเพื่อต้องการช่วยประเทศชาติ ดังนั้น ผมไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้นจากรัฐบาลไทย” นายสาธิตกล่าว
คุณวางแผนว่าจะเริ่มต้นทริปนี้อย่างไร?
ผมคงจะเริ่มจากประเทศอินเดียก่อน จากนั้นก็ไปประเทศอื่นๆ แต่คงไม่ได้ไปครั้งเดียวทั้งหมด คงไปประเทศหนึ่งและกลับมาก่อน จากนั้นค่อยไปประเทศอื่นๆต่อไป ตอนนี้รอแค่ได้ไฟเขียวจากฝ่ายทหาร เพราะผมต้องได้รับอนุญาตไปต่างประเทศก่อน เนื่องจากขณะนี้ผมมีสองคดีอยู่ในศาล คดีแรกคือ คดีเนรเทศ ที่ผมฟ้องอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองที่สั่งเนรเทศผม โดยที่ไม่มีการไต่สวน ส่วนคดีที่สอง คือ คดีที่กล่าวหาว่าผมเป็นกบฏ หนึ่งข้อหาที่เขาตั้งมาคือ ผมไปปิดกั้นการเลือกตั้ง ซึ่งไร้สาระมาก เพราะวันนั้นครึ่งวันผมอยู่บ้าน อีกครึ่งวันผมไปเล่นกอล์ฟกับท่านผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ฉะนั้นผมมีพยานว่าผมอยู่ที่ไหน คำกล่าวหานี้จึงไม่มีมูล
เชื่อว่าพอเรื่องนี้ถึงศาล ผมสามารถแสดงความบริสุทธิ์และสามารถพิสูจน์ได้ว่าผมไม่ได้กระทำผิด แต่ในเมื่อยังมีคดีอยู่ ผมก็ต้องขออนุญาตภาครัฐในการเดินทางไปต่างประเทศก่อน
ถ้าคุณได้เดินทางไปประเทศเหล่านั้นแล้ว คุณอยากจะชี้แจงหรือสร้างความเข้าใจในเรื่องไหนบ้าง?
สิ่งแรกผมจะเอาพวกวิดีโอต่างๆ ไปให้เขาดูว่าสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยเป็นปกติ คนไทยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะบางทีเขาได้ข้อมูลจากสื่อ แล้วสื่อจะพูดแต่เรื่องที่ทำให้เขากังวล ดังนั้น เราควรชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้เขาเห็น เรื่องที่สองจะทำให้เขามั่นใจว่า การลงทุนในประเทศไทยไม่มีส่วนไหนที่ไม่ปลอดภัยในด้านชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนในบางกลุ่มที่บอกว่ามันไม่ใช่ประชาธิปไตย ผมก็ต้องถามกลับว่า คุณเข้าใจประชาธิปไตยไหม ประชาธิปไตยของประเทศตะวันตกกับประเทศไทยต่างกัน บ้านเขามีซื้อสิทธิขายเสียงไหม บ้านเขามีประชานิยมไหม ซึ่งผมว่านโยบายประชานิยมของไทยก็เป็นการซื้อเสียงอย่างหนึ่ง ในขณะที่บ้านเขาไม่มีการโกง
ประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่มันต้องมีการปกครองที่โปร่งใส ไม่ควรต้องมีเรื่องคอร์รัปชั่น คุณดูสิ 6 เดือนที่ผ่านมาชาวนาไม่ได้เงินเลย แต่พอพลเอกประยุทธ์เข้ามา ชาวนาก็ได้เงินทันที ดังนั้นเราควรจะดูด้านบวก อย่าไปดูด้านลบว่ารัฐประหารจะมืดมนไปหมด มันไม่ใช่ คุณต้องดูว่าเขาเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ไหม เขาเข้ามายึดอำนาจจริงๆ หรือเปล่า ผมเชื่อว่าการรัฐประหารครั้งนี้ไม่มีนอกมีใน ทหารเข้ามาเพื่อต้องการแก้ปัญหาในลักษณะถาวร ต้องการแก้กฎระเบียบในสังคม ซึ่งผมก็จะเข้าไปอธิบายนานาชาติอย่างนี้ครับ
ส่วนประเทศอเมริกา ผมคงไม่มีโอกาสไปชี้แจงกับเขา แต่รู้สึกว่าเขายังไม่เข้าใจปัญหาของประเทศไทย ในความรู้สึกของเขาคือ การเลือกตั้งคือประชาธิปไตย แต่ความจริงไม่ได้จบตรงนั้น ผมหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเข้าใจประเทศไทยดีขึ้น รวมถึงเข้าใจว่าฝ่ายทหารที่เข้ามา เนื่องจากมันไม่มีทางออกจริงๆ ทหารมีเจตนาที่ดีในการนำประเทศไทยกลับมาอยู่ในสภาพปกติ เราจะมีการเลือกตั้งแน่นอน และจะเป็นการเลือกตั้งที่มีกฎระเบียบและเป็นธรรมมากขึ้น
แล้วถ้าฝ่ายทหารไม่อนุญาตให้คุณเดินทางออกนอกประเทศล่ะ คุณจะทำอย่างไรต่อไป?
ผมคงจะเปลี่ยนมาสร้างความเข้าใจให้แก่ประเทศต่างๆ ทางจดหมาย ทางโทรศัพท์ แต่คิดว่าฝ่ายทหารคงเข้าใจดีว่า ผมทำเพื่อประเทศชาติ ถามว่าผมจะหนีไหม ก็คงไม่หนี ถ้าอยากหนี คงไปตั้งแต่มีคำสั่งเนรเทศผมแล้ว ผมไม่อยากไปไหน อยากอยู่ประเทศไทย ถ้าจะตาย ผมก็จะตายที่นี่ ตายบนแผ่นดินไทยนี้
ผมคิดแค่ว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผมที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ผมมีความจริงใจที่จะทำงานชิ้นนี้ให้แก่ประเทศไทย
เห็นบางครั้งคุณก็ต้องสู้กับคนที่ไม่เข้าใจการทำงานของคุณ มันทำให้คุณท้อหรือเหนื่อยหรือเปล่า?
ถามว่าท้อไหม ผมก็ท้อนะ แต่ผมต้องการตอบแทนแผ่นดิน ดังนั้นควรจะต้องทำตลอด ไม่ใช่ทำแป๊บเดียวแล้วหยุด ผมไม่ได้คำนึงว่าใครจะเป็นรัฐบาล ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ความสัมพันธ์กับประเทศข้างเคียงเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องการนักธุรกิจมาลงทุน เราต้องการนักท่องเที่ยว เราต้องการค้ากับประเทศข้างเคียง ผมเลยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทำงานด้านนี้เราต้องมาดูว่า พฤติกรรมที่ผมทำอยู่ตอนนี้ ทำเพื่อใคร ผมไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาล ผมไม่มีใครเป็นศัตรู
ผมคิดว่าการกระทำของรัฐบาลหรือตำรวจ เขาทำตามหน้าที่ แต่บางครั้งอาจจะทำเกินหน้าที่ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมยังคงเชื่อมั่นในระบบศาลของไทย และเชื่อว่าสุดท้ายผมจะได้รับความเป็นธรรม
ไม่นานนี้ คุณถูกกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจมาล้อมจับคุณถึงคอนโดฯ อยากรู้ว่าเหตุการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร?
พวกที่มาเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ มาพร้อมอาวุธหนัก ผมไม่ได้ลงไปดู แต่พอเห็นรูป ก็อดคิดไม่ได้ว่าการกระทำนั้นเกินกว่าเหตุ จะมาจับผมเนี่ย มาแค่ 2 คนก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเอาคน 20-30 คนมาเลย
พวกเขามาล้อมคอนโดฯ ผมและมาปิดถนน คอนโดฯ ใกล้เคียงก็ตกอกตกใจ ผู้ปกครองของนักเรียนแถวนั้นที่มารับลูกหลานก็ตกใจด้วย และผู้ปกครองเป็นกลุ่มหนึ่งที่มาล้อมตำรวจ เขาตะโกนถามตำรวจว่าคุณมาทำไมที่นี่ ที่นี่มีแต่คนดี มีแต่คนรักในหลวง บางคนก็ตอบ บางคนก็ไม่ตอบ คนที่ตอบก็บอกว่ามาจับสาธิต คนเลยว่ามาจับคนรักในหลวงทำไม ทำไมไม่จับคนที่จาบจ้วงสถาบัน สุดท้ายตำรวจก็ขอเจรจาให้ทางผู้ชุมนุมเปิดทางให้เขาออกไป
ผมต้องขอบคุณประชาชนชาวไทยที่เข้ามาช่วย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นที่มากันหมดเลย พวกเขาพากันทิ้งร้านมาช่วยล้อมตำรวจ รวมตัวกันหลายร้อยคนได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็ถือว่าเป็นฝันร้ายชนิดหนึ่ง
คุณคิดว่าตอนนี้ประเทศไทยควรจะดำเนินนโยบายเรื่องไหนเป็นสำคัญบ้าง?
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรขจัดความยากจนให้เป็นวาระชาติ คือ ถ้าเปรียบเทียบกับ 10 ปีก่อน ตอนนี้คนไทยก็ยังจนเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรเน้นประชานิยม แต่ควรจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ ต้องดูว่าความยากจนเกิดจากอะไร ทำยังไงให้ประชาชนมีรายได้ดี ต้องแก้ปัญหาไปทีละเล็กละน้อย
เรื่องที่สอง คือ ต้องแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบบางชนิดที่ไม่เป็นธรรม เช่น หนี้นอกระบบ วันนี้คนรู้ว่ามีหนี้ระบบ แต่ถามว่าทำอะไรได้ไหม ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงควรต้องมีมาตรการออกมาแก้ไขตรงนี้ ให้ดูจากภาคเกษตร ทุกรัฐบาลมักแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุกลับไม่แก้ พอชาวนาไม่มีที่ดินของตัวเอง กู้เงินจากรัฐบาลไม่ได้ หรือกว่าจะกู้ได้ก็ยากลำบากเหลือเกิน ถ้าเป็นผมจะตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อให้ชาวนาได้กู้ยืม ไม่ต้องไปกู้นอกระบบ คือ ผมพร้อมไปแสดงความคิดเห็นให้แก่รัฐบาลว่าควรจะมีจุดไหนได้รับความดูแล และควรแก้ไขปัญหายังไงบ้าง ผมไม่มีนอกมีใน ไม่มีผลประโยชน์กับใคร ดังนั้นพูดสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่
อยากฝากอะไรไปถึงฝ่ายทหารบ้างไหม
อยากฝากขอบคุณทหาร เพราะเรื่องหนึ่งที่ผมกังวลมาตลอด คือ เรื่องจาบจ้วงสถาบัน แล้วตอนนี้ทหารมีมาตรการไม่ให้จาบจ้วงเบื้องสูง ผมเลยขอกราบขอบพระคุณพลเอกประยุทธ์และคณะ
อยากจะบอกด้วยว่าตั้งแต่รัฐประหาร ผมโล่งมาก ใจโล่ง ไปไหนมาไหนได้ ไม่มีความเกรงกลัวว่าใครจะมาทำร้ายผม สังเกตสิว่าตั้งแต่ทหารเข้ามา ไม่มีการยิง M79 ไม่มีการยิงระเบิด ทุกอย่างสงบ ผมชื่นชมบทบาทท่านประยุทธ์ เชื่อว่าท่านจริงใจในการแก้ปัญหา ท่านรู้ว่าจะสามารถทำให้บ้านเมืองสงบได้อย่างไร ผมเชื่อว่าท่านจะคืนสถานการณ์ปกติให้กลับมาเร็วที่สุดครับ
เรื่อง โดย ASTV ผู้จัดการ Live
ชมคลิป "สาธิต เซกัล" เปิดใจถึงคนไทย-ทหาร เผยภารกิจใหม่ช่วยชาติ
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!