xs
xsm
sm
md
lg

หล่อครบเครื่อง พระเอก-ดีเจ “พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนุ่มนักแสดงหน้าใหม่จากค่ายเอ็กแซ็กท์ที่น่าจับตามอง “พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน” พระเอกละครเล่ห์นางฟ้า ที่นอกจากความสามารถทางด้านการแสดงแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังรับหน้าที่เป็นหนุ่มจอมจ้อ ดีเจคลื่น Chill FM และพิธีกรรายการ O:IC เรียกได้ว่าคุณสมบัติครบเครื่อง หน้าตาดี ความสามารถเกินร้อย ตบท้ายด้วยหุ่นล่ำเกินห้ามใจ สาวๆ ทั้งหลายจึงเทใจรักกันทั้งบ้านทั้งเมือง

ผู้ชายหลายบทบาท

ฮอตจนน่าอิจฉา เพราะไม่ว่าจะจับทางไหนก็รุ่งไปหมด สำหรับ ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน ที่ขอโดดมารับงานเบื้องหน้าแบบเต็มๆ ตัวครั้งแรกในละครเล่ห์นางฟ้า ทางช่อง 5 ซึ่งตอนนี้คนดูกำลังติดงอมแงมด้วยความน่ารักของตัวละคร รวมไปถึงออร่าความหล่อของพระเอกหนุ่ม ทีมงาน M-Lite จึงไม่รีรอที่จะขอจับเข่าคุยทำความรู้จักกับพระเอกคนนี้ที่เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคนของวงการบันเทิงอย่างแน่นอน

อัปเดตผลงานทั้งหมดของหนุ่มพุฒตอนนี้ สาวๆ คนไหนอยากฟังเสียง อยากเห็นหน้า ก็จัดไปอย่าให้เสีย (เวลา)

ตอนนี้ผมมีรายการ O:IC ครับ อยู่ในช่อง Bang Channel ก็เป็นรายการสดทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ บ่าย 3 - 5 โมงเย็น หลักๆ แล้ว สัปดาห์นึงพุฒจะจัดรายการทุกวันพฤหัสบดี แล้วก็มีงานดีเจอยู่ที่คลื่น Chill FM 89 จัดทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์เหมือนกัน เวลา 08.00-10.00 น. จัดรายการกับพี่เป้-วิศวะ แล้วก็ตอนนี้กำลังมีละครที่ออนแอร์อยู่ เล่ห์นางฟ้า ทางช่อง 5 ครับ เวลา 20.25 น. ก็ฝากติดตามด้วยนะครับ ส่วนละครก็จะมีอีกเรื่องนึงที่กำลังถ่ายอยู่คือเรื่องฝันเฟื่อง ซึ่งน่าจะออนแอร์ประมาณกรกฎาคม-สิงหาคมครับ”

คิวงานยาวแน่นเอี้ยด ไม่ทำให้เหล่าบรรดาแฟนคลับเหงาหัวใจแน่นอน เมื่อไล่เรียงผลงานปัจจุบันกันไปแล้ว ขอเล่าย้อนความอดีตสักนิดว่าเป็นมายังไง ถึงได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้

เริ่มมาจากการเป็นพิธีกรก่อนครับ คือพอเรียนจบเราไปรู้มาว่ารายการ O:IC รับสมัครวีเจใหม่ ชื่อโครงการ วีเจเสิร์ช เราก็เลยลองมาสมัครดู ด้วยความที่เราเรียนทางนิเทศศาสตร์มาด้วย เคยเรียนผลิตรายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ แล้วตอนที่เรียนอยู่เราก็เคยเป็นดีเจด้วย ก็เลยลองมาสมัครวีเจเสิร์ชดู แล้วก็ได้มาเป็นพิธีกรรายการ O:IC ครับ เป็นพวกรุ่นใหม่ 8 คน ก็เป็นพิธีกรรายการ O:IC อยู่ปีนึง แล้วก็มาทำงานดีเจควบคู่ไปด้วยในปีที่ 2 ของการเข้าวงการบันเทิง จากนั้นก็ทำทั้งสองอย่างคู่กันไปเรื่อยๆ

ส่วนงานละครติดต่อมาบ้างนิดหน่อยครับ ตอนช่วงประมาณปีที่ 3 เคยไปเล่นซิทคอม คู่รักต่างขั้ว ก็เคยไปชิมลางมาสัก 5-6 เดือน แล้วก็มีได้เล่นละครจุดนัดภพ ของพี่ตู่-ปิยวดี ทางช่อง 3 ที่เล่นกับบีม-กวี กับหน่อง-ธนา กับออม-สุชาร์ ตอนนั้นรับบทเป็นตำรวจ แล้วก็มีซีรีส์ของทางแกรมมี่ด้วย อย่าง Forward ท้าเวลา พลิกอนาคต, Love Balloon รักพองลมที่ออนแอร์ใน Bang Channel ตั้งแต่ตอนนั้นก็มีคนเห็นหน้าเรามากขึ้น ก็เลยลองให้มาเทสต์บทดู ซึ่งที่ลงมาเล่นละครแบบเต็มตัวเลยก็ปีนี้เนี่ยแหละครับ ได้มาร่วมงานกับทางเอ็กแซ็กท์ได้รับบทเป็นพระเอกทั้งสองเรื่องเลยคือทั้งเล่ห์นางฟ้า และฝันเฟื่อง
พระเอกละครเล่ห์นางฟ้า
หลังได้มารับบทเป็นพระเอกเต็มตัว งานนี้ก็เจองานหิน เพราะบทบาทที่ได้รับมาช่างตรงข้ามกับความเป็นจริง แต่โชคดีที่เคยได้ชิมลางงานละครอยู่หลายเรื่อง ประสบการณ์จึงพัฒนาให้เล่นได้สมบทบาท

ไม่ใกล้เคียงตัวจริงเลยครับ อย่างเล่ห์นางฟ้านี่ไปคนละโยชน์เลย ไกลจากตัวจริงผมมากๆ ในละครเนี่ย ผมจะเป็นประธานบริษัท ลุคก็จะนิ่งๆ ดุๆ จะไม่ค่อยถูกกับนางเอกเพราะเป็นประธานรุ่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก็เลยจะชอบทะเลาะกัน ซึ่งชีวิตจริงเราค่อนข้างจะเป็นคนยิ้มง่าย อย่างตอนแรกละครผู้กำกับจะต้องสั่งว่าให้ทำหน้านิ่งๆ จะยิ้มก็ยิ้มแค่มุมปาก ยิ้มไม่ต้องเห็นฟัน อมยิ้ม ได้แค่เนี้ย ซึ่งมันก็เป็นแค่คาแรกเตอร์ในละคร แต่ถ้าในชีวิตจริงเป็นแบบนั้นคงอึดอัด

และเมื่อถามถึงเรื่องความโด่งดัง ดีเจพุฒยังขอถ่อมตัว ว่าไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงปร้าง แค่มีคนพอจำหน้าได้เจ้าตัวก็ยิ้มแก้มปริแล้ว

“ก็คงไม่ถึงกับขนาดดังเปรี้ยงหรอกนะครับ แต่ก็กระแสดี เวลาไปไหนก็มีคนจำหน้าได้มากขึ้น แล้วคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็น Target ไม่ได้ติดตามเราจากทางวิทยุหรืองานพิธีกร O:IC อย่างแม่บ้าน หรือคนมีอายุหน่อยก็จะจำเราได้ว่านี่คุณธีภพนี่ ทำไมใจร้ายกับนางเอกจัง

ซึ่งแต่ก่อนกลุ่มคนฟังวิทยุ คลื่น Chill ก็จะมีสาวออฟฟิศ คนทำงานออฟฟิศเค้าก็จะรู้จักเรา เพราะว่ากลุ่ม Target คนฟัง มันเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นรายการ O:IC กลุ่มคนดูก็จะเป็นเด็กๆ หน่อย แต่พอมาเป็นละคร กลุ่มคนดูก็จะครอบคลุมหมดเลย ทั้งเด็ก วัยรุ่น คนแก่ คนที่รู้จักเราก็จะเพิ่มขึ้นมา

รักที่สุดคือ “ดีเจ”

ดีเจหนุ่มยอมรับว่า ผลงานละครไม่ใช่อะไรที่เขาใฝ่ฝัน แต่โอกาสเข้ามาประชิดตัวจึงต้องคว้ามาเป็นประสบการณ์ ถึงแม้ในช่วงแรกจะท้อจนเกือบจะถอดใจ แต่ในที่สุดก็ค่อยๆ สะสมชั่วโมงบิน จนได้มาเป็นพระเอกจอแก้วเต็มตัว

“ต้องบอกก่อนว่า ถ้าเป็นเรื่องงานละคร เราไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นนักแสดงอาชีพ เพราะจริงๆ เป้าหมายความฝันของผมคือเราอยากเป็นดีเจอันดับแรก เป็นพิธีกร จะถนัดเรื่องของการพูด จัดรายการ เปิดเพลง สัมภาษณ์คน มันเหมือนเป็นไลฟ์สไตล์เราไปแล้ว พอมาเล่นละคร ก็เหมือนคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย แล้วต้องมาเริ่มต้นใหม่ อย่างเรื่องแรกคู่รักต่างขั้ว เล่นเป็นหุ่นยนตร์เลย แข็งมาก ก็มานั่งคิดว่านั่นมันใช่ตัวตนเราจริงๆ หรือเปล่า เรามาทำอะไรอยู่ในกองละคร ก็เริ่มถอดใจมาตั้งแต่ตอนนั้น

อีกสักพักก็มีติดต่อเข้ามาอีกให้รับบทเป็นตำรวจ ก็ความฝันในวัยเด็กอยากเป็นตำรวจ เลยคิดว่าบทนี้น่าจะอินได้ไม่ยากก็เลยรับบทนี้ ก็เริ่มได้เรียนรู้จากคนอื่นๆ จากนักแสดงมืออาชีพ จากผู้กำกับ เราก็จำมา แอคติ้งโค้ชก็ช่วยสอน แล้วเราก็พยายามดูละคร ดูซีรีส์ให้มากขึ้น จนมาถึงเรื่องเล่ห์นางฟ้า ก็พัฒนามาเรื่อยครับๆ”

เมื่อถามกันแบบตรงๆ หนุ่มมากความสามารถก็ตอบไม่อ้อมค้อมว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบกันแล้ว งานที่เจ้าตัวรักที่สุดคงจะเป็นอาชีพดีเจ ที่ได้ร่วมพูดคุยกับคนฟัง แถมยังถือเป็นอาชีพที่ได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดด้วย ดังนั้น ทุกวันในการทำงานของดีเจพุฒคือความสุขง่ายๆ ของผู้ชายคนนี้

“ชอบการเป็นดีเจ การเป็นพิธีกรมากกว่า ผมซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองครับ เพราะก่อนจะมารับเล่นละคร เราก็คุยกับผู้ใหญ่แล้วว่า ละครเรื่องคิวมันต้องถ่ายทั้งวัน เราก็จะขอจัดรายการวิทยุเสร็จก่อนแล้วค่อยไปถ่ายละครได้มั้ย คือเราไม่อยากทิ้งอาชีพที่เราทำมาตั้งแต่แรกครับ ทั้งพิธีกรและดีเจก็ยังอยากทำต่อไปเรื่อยๆ อย่างช่วงที่พุฒจัดมันก็จะมีช่วงทอล์คด้วย จะมีเปิดเพลงด้วย แล้วก็จะมีข้อมูลอัปเดตทั่วไป เพราะว่ามันเป็นเช้าวันใหม่ อัปเดตที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อป จะเป็นคอนเซปต์คลื่น ก็จะได้พูดเยอะกว่าช่วงอื่นๆ หน่อย

การทำงานตรงนี้ ผมมีความสุขมากครับ มันเหมือนกับเราไม่ได้ทำงาน บางคนบอกว่า จัดทุกวันเลย 5 วัน ไม่เบื่อบ้างหรอ เรารู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อเลย เราสามารถตื่นเช้าขึ้นมา แล้วก็มาจัดรายการ มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าเราได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดแล้ว หน้าก็ไม่ต้องแต่ง กล้องก็ไม่ได้มาจับ เราอยากพูดเราก็พูดในสไตล์ที่เป็นเรา ไม่ต้องมีสคริปต์ ไปเจอข่าวนี้มา เราก็ทำความเข้าใจ แล้วก็มาเล่าให้คนฟัง”

หนุ่มหัวใจนักกีฬา

ถ้านึกภาพว่าวันนี้ตัวเขาเองไม่ได้เข้ามาในวงการบันเทิง คิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งคำตอบที่ได้มาช่วงน่าฉงน ไม่ใช่เจ้าของบริษัทผู้ร่ำรวย ไม่ใช่ตำรวจ เหมือนความฝันในวัยเด็ก แต่ความปรารถนาที่อยู่ในประกายแววตานั้นบอกว่า ผมอยากเป็นนักฟุตบอล

ถ้าไม่ใช่งานสายบันเทิงเลย อยากเป็นนักฟุตบอลครับ ถ้าไม่ได้มาทำงานตรงนี้ ก็อยากไปมุ่งด้านกีฬาให้เต็มที่เลย เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามากสามารถเล่นได้ทุกอย่าง แต่ที่คลั่งไคล้ที่สุดก็เป็นฟุตบอลเนี่ยแหละครับ รู้สึกว่ายิ่งโตก็ยิ่งรักฟุตบอลจังเลย วันไหนว่าง เพื่อนนัดรวมกลุ่มเตะบอลก็จะไป เลิกดึกแค่ไหนก็ไป ผมเคยเตะบอลตอนเที่ยงคืนเลิกตีสาม ได้นอนตีห้าคือสู้ตายมาก ก็เลยคิดว่าถ้าตัวเองไม่ได้ทำงานนี้ ก็อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้เข้าสโมสรเล็กๆ ในไทยพรีเมียร์ลีก

คือผมจริงจังเรื่องเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ ม.1 ตอนนั้นจำได้เลยว่าไม่มีเงินซื้อลูกฟุตบอล ก็เลยเอากระดาษมาม้วนให้กลมๆ แล้วก็เอาสก็อตเทปมาพันๆ ให้มันเป็นลูกแล้วก็เอามาเตะเล่นกัน หรือบางทีก็เป็นขวดน้ำโพลาริสที่กินหมดแล้ว เอามาใส่น้ำสักครึ่งขวด แล้วก็เอามาเตะเล่นกัน หลังจากนั้นก็เริ่มชอบฟุตบอลมาเรื่อยๆ บวกกับเชียร์ ชอบแมนยูด้วย ก็เลยรักการเล่นฟุตบอล”

นอกไปจากหัวใจที่หลงใหลในฟุตบอลแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีความสามารถทางด้านกีฬาอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิ่งมาราธอน ซึ่งในตอนแรก ดีเจหนุ่มสารภาพว่าก็ไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่นัก แต่พอมีความรู้สึกว่า ทำไมเด็กตัวน้อยถึงวิ่งแซงไปได้ล่ะ คุณปู่คนนั้นทำไมวิ่งแซงไปได้ล่ะ พุฒจึงเปลี่ยนความคิดและผลักดันตัวเองจนกลายเป็นความสนุกเมื่อได้วิ่ง ซึ่งตอนนี้ของดไว้ชั่วคราว เพราะคิวถ่ายละครแบบเจ็ดวันทำให้ไม่มีเวลาว่างพอจะไปวิ่ง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังขอคลุกคลีกับฟิตเนส เพื่อฟิตแอนด์เฟิร์มหุ่นให้หล่อล่ำทุกเวลา

คือผมชอบออกกำลังกายมาก อย่างเวลาที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลก็จะไปเข้าฟิตเนส ก็จะมีเล่นเวทเพิ่มกล้าม เบิร์นเอาไขมันออก ก็จะมีเทรนเนอร์ที่คอยดูเลเราว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเร่งกล้ามเนื้อส่วนไหน ก็จะมีการวางโปรแกรมให้เรา ก็เริ่มเข้าจริงจังใน 2-3 ปีหลัง เนี่ยแหละครับ อาทิตย์นึงก็พยายามเข้าให้ได้ 2-3 วัน ถ้ามีเวลาเยอะหน่อยก็ 4-5 วัน หรืออย่างน้อยก็ต้องอาทิตย์ละครั้ง เพราะเราเริ่มแรกจากการไม่มีกล้ามเนื้ออะไรเลย เป็นเนื้อเหลวๆ ลงพุงหน่อยๆ ตัวลีบๆ

เราก็เลยรู้สึกว่าอยากใส่เสื้อยืดตัวเดียวก็ดูดี เลยเริ่มเล่นมาตั้งแต่ตอนเป็นพิธีกร O:IC ตอนนั้นยังไม่มีเทรนเนอร์ ก็เล่นเองไม่มีแรงบันดาลใจก็ยกไป ยกแบบมั่วเลยไม่รู้ได้ส่วนไหนบ้าง คือเล่นไปโดยที่ไม่รู้และไม่มีคนแนะนำ จนแขนใหญ่เท่าขา เพราะกินโปรตีนด้วยไง แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันมีโปรตีนแบบไม่มีไขมันด้วย เราก็เลยกินโปรตีนแบบมีไขมัน โอ้โห ตอนนั้นเราก็เลยแบบเผละไปหมดทุกอย่าง แต่พอเราเริ่มเข้าใจการออกกำลังกายมากขึ้น มีเทรนเนอร์คอยแนะนำ เวลากินเราก็จะเลือกกิน วันนึงต้องกินกี่แคลอรี่ เวลาออกกำลังกายก็จะรู้ว่าต้องเบิร์นเท่าไหร่”

ทั้งงานดีเจ งานพิธีกร งานละคร ที่แน่นเอี้ยด แต่จัดเวลาและรับผิดชอบงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วยังมีหัวใจหลงใหลในการเล่นกีฬา ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี นี่แหละถึงจะเรียกว่า “ผู้ชายครบเครื่อง” ของจริง



>>> ชมคลิปดีเจและพระเอกสุดฮอต "พุฒ-พุฒิชัย" <<<



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!



เรื่องโดย สุภิญญา นาคมงคล
ภาพโดย ปัญญพัฒน์ เข็มราช
กำลังโหลดความคิดเห็น