โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปี ชื่อเสียงของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยหายไปไหน พอจับไมค์ร้องเพลงก็ทำสาวกรี๊ด พอเล่นละครเรื่องล่าสุด “อย่าลืมฉัน” ก็ทำแฟนๆ อินกับบท “คุณเอื้อ” จนต้องจิกหมอนไปตามๆ กัน ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของ “ก้อง- สหรัถ”ผู้ชายอบอุ่นคนนี้มาจากการคิดดี คิดบวกล้วนๆ เลยล่ะ
กระแสละคร “อย่าลืมฉัน” ฮอตมาก รู้สึกอย่างไรที่ “บทคุณเอื้อ” ทำให้คุณกลายเป็นหนุ่มๆ ในฝันของสาวๆ ทั่วประเทศ
ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจครับ ผมก็เป็นปลื้มนะครับ ไปไหนก็ได้รับคำชมว่าละครดี เล่นดี(ยิ้ม)
ในชีวิตจริง คุณคิดว่าตัวเองเหมือนหรือต่างจากบทคุณเอื้อมากน้อยแค่ไหน
ชีวิตจริงผมก็เหมือนคุณเอื้อ คือ เป็นผู้ชายอบอุ่น ส่วนความนิ่งสุขุมอาจจะเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันตรงที่คุณเอื้อไม่ใช่นักดนตรีเหมือนผม บางครั้งผมก็ขัดใจกับพฤติกรรมของตัวละครตัวนี้เหมือนกันนะ (หัวเราะ) คือ ผมรู้สึกว่าคุณเอื้อค่อนข้างขี้คุย ชอบบอกสาวๆ ว่าตัวเองเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ สามารถไปสวิตฯ ได้ทันที การงานไม่ทำ มัวแต่ไปหาสาวๆ ช่วยพาไปโน่นไปนี่ เอ๊ะ! นี่ไม่ทำงานเลย (หัวเราะ) เห็นแล้วก็ตลกดี เพราะในชีวิตจริง ผมทำงานหนักมากครับ
เบื้องหลังของละครเรื่องนี้ น่าจะมีเรื่องสนุกๆ เยอะ ช่วยเม้าท์แอน - ทองประสม และติ๊ก- เจษฎาภรณ์ ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าหลังซีนทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง
ระหว่างที่เราถ่ายละครอย่าลืมฉันที่สวิตเวอร์แลนด์ แอนเป็นผู้จัดละครเรื่อง “สามีตีตรา” ด้วย เขาเลยค่อนข้างยุ่ง คุยโทรศัพท์ตลอด มือหนึ่งโทรสั่งงานที่ กทม. ส่วนอีกมือหนึ่งท่องบท (หัวเราะ) ในขณะที่คนอื่นเขาชิลๆ นั่งกระเช้าขึ้นเขา ดูวิวสวยๆ มันตลกตรงที่พอมาดูวิดีโอที่ผมอัดไว้ ก็จะได้ยินเสียงนางโผล่ออกมา เขาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่า “นะเพื่อน ช่วยหน่อยนะ” (หัวเราะ) ทำให้ผมรู้สึกว่าคนอะไรจะจะยุ่งได้ขนาดนั้น อีกมุมหนึ่งแอนก็เล่นละครเก่ง สามารถถ่ายละครที่เมืองนอกและเป็นผู้จัดละครที่เมืองไทยได้ แม้จะดูอีนุงตุงนัง แต่ก็ทำออกมาดีทั้งสองอย่าง
ส่วนติ๊กเป็นคนน่ารัก ไนซ์ และค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง แปลกมากเวลากินข้าว เขาจะมีโลกส่วนตัว คือ เขาจะมีชามใหญ่ๆ มาตักกับข้าวโปะลงไปในชามของเขา และก็ไปหามุมนั่งกินอยู่คนเดียว ดูกินง่าย อยู่ง่ายดีเหมือนกันครับ (หัวเราะ)
การทำงานเรื่องนี้ ผมประทับใจหลายย่าง คือ ได้เพื่อนร่วมงานดี ทุกคนสนุกสนาน ง่ายๆ สบายๆ ที่ประทับใจคือได้ไปเที่ยวสวิตอีกแล้ว ความจริงผมไปสวิตฯ บ่อย แต่ครั้งนี้ได้ไปในที่ไม่เคยไป ได้ขึ้นไปบนยอดเขา ได้นั่งรถไฟดูวิวสวยๆ ได้เล่นโน่นเล่นนี้ คือ ถ้าผมไปเอง คงไม่ได้เห็นมุมต่างๆ เหล่านี้ เลยโชคดีที่ผมได้ทั้งทำงานและได้เที่ยวด้วย
หลังจากนี้จะมีงานใหม่ๆ ให้แฟนๆ ติดตามอีกไหมคะ
มีละครติดต่อเข้ามาเยอะครับ แต่ผมยังไม่ได้รับ คิดว่าจะขอพักสักแป๊บก่อน ส่วนงานเพลงนูโว ผมอาจจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 25 ปีนูโวในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นคอนเสิร์ตแบบไหน อย่างล่าสุดเราจัดคอนเสิร์ตโดยเอาเพลงหน้าบี หรือเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นมาเล่น คราวนี้อาจเป็นเพลงฮิตที่หลายคนถูกใจ ร้องตามได้ คงต้องติดตามกันอีกทีครับ
เห็นคุณทำงานในวงการบันเทิงมานาน อยากรู้ว่าเรื่องไหนที่ทำให้คุณประทับใจมากที่สุด
ในมุมนักร้อง ผมประทับใจหมดเลยครับ เพราะผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมต้น ฝันจะเป็นนักดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ และสุดท้ายก็ได้เป็น มีวงนูโวมาแล้ว 25 ปี มีคอนเสิร์ตใหญ่ทีไรก็ขายบัตรหมดทุกรอบ ต้องขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณสิ่งดีๆในสากลโลก ขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การต้อนรับนูโวครับ
มีเพลงไหนของตัวเองที่คุณชอบมากเป็นพิเศษไหม
เพลงที่ผมชอบที่สุดคือ “ปล่อยไปตามลมเลย” ครับ ผมชอบทั้งดนตรี ท่วงทำนอง และเนื้อหา แต่อาจจะไม่ได้เล่นเพลงนี้ทุกครั้ง เพราะมันไม่ได้เป็นเพลงที่ฮิตมาก ส่วนใหญ่เวลาเราเล่นคอนเสิร์ต เรามักจะเล่นเพลงที่คนชอบหรือเพลงฮิตของนูโวมากกว่าครับ
อยากรู้ว่าคุณมีเคล็ดลับในการทำงานและการวางตัวอย่างไร ถึงได้ทำงานในวงการบันเทิงได้ยาวนานและมีชื่อเสียงดีมาตลอดแบบนี้
ผมเชื่อว่างานทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นละคร เล่นดนตรี อัดเสียง หรืออาชีพอื่นๆก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรมีคือ ต้องรู้สึกสนุกกับมัน เอาจริงเอาจัง ตั้งอกตั้งใจ และให้เกียรติผู้ร่วมงาน เพราะงานของผมต้องประกอบด้วยผู้ร่วมงาน ดังนั้นเราต้องให้เกียรติผู้ร่วมงานเป็นสำคัญคือ มีระเบียบวินัย ไม่สาย ไม่ทำตัวให้เป็นภาระของคนที่เราทำงานร่วมด้วย
อยู่วงการแบบนี้ บางครั้งผมก็มีข่าวบ้าง แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จริงๆ ปัญหามันอยู่ที่เรามองว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เช่น บางข่าวหาว่าผมแอบมีลูก แอบมีภรรยา แต่ผมก็เฉยๆ คือ ต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในวงการนี้ ก็ต้องมีเรื่องดีไม่ดีปะปนกัน มีคนรัก มีคนเกลียด หรือมีคนหมั่นไส้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องทำพยายามคิดดี และทำความเข้าใจกับมันว่า สัจธรรมเป็นอย่างนี้แหละ มีขาวก็มีดำ มีข่าวก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปซีเรียสมาก ต้องพยายามคิดบวกครับ
ว่ากันว่าการมีชื่อเสียงก็มีราคาที่ต้องจ่าย ดังนั้น อะไรที่คุณคิดว่าเป็นข้อเสียของการเป็นคนดัง
ข้อเสียของการเป็นคนดังคือ สูญเสียความเป็นส่วนตัวครับ เช่น อยากออกไปซื้อขนมปังสักชิ้นหนึ่งแถวบ้าน แต่บางครั้งเราลืมคิด ใส่เสื้อผ้าสบายเกินไป หัวฟู แต่ต้องโดนถ่ายรูปตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่เราอึดอัด มันเหมือนชีวิตเราปลดปล่อยสบายๆ ไม่ได้ ถ้าต้องออกไปหาซื้ออะไรง่ายๆ ก็อาจต้องใส่กางเกงที่ดูดีกว่ากางเกงนอน หรือเสื้อก็ต้องดีกว่าเสื้อยืดเก่าๆที่ใส่ประจำที่บ้าน คือ เราต้องทำความเข้าใจว่าอาชีพนี้ก็ต้องเจอแบบนี้ และต้องยอมรับให้ได้ว่าความเป็นส่วนตัวต้องหายไป
แล้วในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เรื่องไหนที่ทำให้คุณมีความสุขที่สุด
ผมมีความสุขอยู่เรื่อยๆ นะ เวลาทำอะไรแล้วเป็นที่ถูกใจของประชาชน ผมก็มีความสุข อย่างผมถ่ายละครเรื่องอย่าลืมฉัน ฟีคแบ็กดี ผมก็หายเหนื่อย แฮปปี้ ถือเป็นโมเม้นท์ที่มีความสุข หรือผมทำรายการเดอะวอยซ์ ผมก็ชอบโมเมนต์นั้น คือ เวลาผมทำอะไร จะพยายามทำให้สมบูรณ์ที่สุด พอทำแล้วผลตอบรับดี ผมก็มีความสุขครับ
อยากรู้ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของคุณตอนนี้ วันว่างของคุณมักจะทำอะไร และมีงานอดิเรกอะไรที่คุณชอบทำบ้าง
เวลาอยู่บ้าน ผมชอบนั่งเล่นกีต้าร์ ฟังเพลง ดูดีวีดี ทำอยู่สามอย่าง (ยิ้ม) อย่างแรกตื่นนอนลงมา จะมีกีต้าร์วางบนโซฟารับแขก ผมก็จะนั่งเล่นกีต้าร์ก่อนเลย นอกนั้นผมชอบปั่นจักรยาน มีไปปั่นแถวบ้านบ้าง บางทีก็ไปออกทริปกับเพื่อนบ้าง ผมว่ามันเป็นการออกกำลังกายที่สนุก เหมือนเราเล่นปั่นจักรยานกับเพื่อน ไม่น่าเบื่อเหมือนเล่นฟิตเนสที่เป็นสถานที่ซ้ำๆ หรือเครื่องเล่นเดิมๆ แต่การปั่นจักรยาน เราสามารถเปลี่ยนสถานที่ไปได้เรื่อยๆ ปั่นเสร็จก็ไปหาร้านอะไรกินกัน (ยิ้ม)
มีสถานที่ไหนที่คุณชอบไปปั่นจักรยานเป็นพิเศษไหม
ปกติผมปั่นแถวบ้านที่สุขาภิบาลครับ ปั่น 20-30 กม.เป็นปกติ ถ้าวันไหนว่างหน่อยก็จะนัดเพื่อนๆ ไปปั่นเที่ยวที่เมืองโบราณบ้าง บางน้ำผึ้งบ้าง อยุธยาบ้าง ถ้าไปอยุธยา เราจะเริ่มปั่นจากหน้าบริษัทเวิร์คพอยค์แล้วไปอยุธยา ปั่นสัก 70 กม.เหมือนไปเที่ยว ไปถึงก็ไปหาอะไรอร่อยๆ กิน แล้วปั่นกลับ เหมือนไปพักผ่อน ไปเที่ยวและออกกำลังกาย
ทริปล่าสุด ผมไปปั่นที่บางน้ำผึ้ง ชอบที่มีแต่ต้นไม้ ทางขี่จะมีสะพานเล็กๆ อยู่บนน้ำ ส่วนบ้านเรือนคนก็อยู่บนน้ำ ผู้คนคมนาคมด้วยจักรยาน มอเตอร์ไซค์ ไม่มีรถยนต์วิ่งเลย บรรยากาศดี สวยงาม และไม่มีตึกเลยครับ
คาแรคเตอร์คุณเป็นผู้ชายอบอุ่น อยากรู้ว่าอะไรช่วยหล่อหลอมให้คุณกลายเป็นคนอบอุ่นแบบนี้
น่าจะมาจากครอบครัว ผมมาจากครอบครัวที่อบอุ่น และผมมองว่าความอบอุ่นเกิดจากเราคิดดีกับคนรอบข้าง ถ้าเราคิดดี มีความคิดเมตตากรุณาเยอะๆ แล้วมันจะกลายเป็นความอบอุ่นเอง
แล้วถ้าเราแยกแยะความอบอุ่นออกมา จะเห็นว่ามันคือ “ความเมตตา” และ “ความกรุณา” เมตตาคือปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข กรุณาคือปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ ดัวนั้นถ้าเรามีความรู้สึกนี้แล้ว คนรอบข้างจะรู้สึกสบาย ไม่เครียด คนเลยคิดว่ามันคือความอบอุ่น (ยิ้ม)
คุณอายุเลข 4 แล้ว แต่ยังดูไม่แก่เลย มีเคล็ดลับการดูแลตัวเองอย่างไร
ผมแยกเป็นสองเรื่องนะครับ คือ หนึ่ง. จิตใจ สอง. กายภาพ ถ้าเป็นเรื่องจิตใจ เคล็ดลับคือ ให้พยายามคิดดีๆ คิดบวก พยายามเอาอารมณ์ไม่ดีออกจากตัวให้หมด เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์หงิดหงุด อารมณ์เสียใจ ผมไม่ใช่พระอรหันต์ บางทียังมีอารมณ์ไม่ดีต่างๆ อยู่บ้าง แต่ผมจะรีบทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และลบมันออกไป
ส่วนอีกเรื่องคือกายภาพ ซึ่งก็คือ ร่างกาย การกินอาหาร เน้นให้กินพออยู่ ไม่ต้องกินเยอะ ผมไม่กินเนื้อวัวมา 20 กว่าปีแล้ว ตอนนี้เนื้อแดงก็ไม่กิน เพราะเราอายุมากขึ้น ร่างกายก็เสื่อมลง ฉะนั้นต้องดูแลการกิน เปลี่ยนไปทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ทานปลาและอาหารทะเลที่ย่อยง่าย และออกกำลังกายสม่ำเสมอ นี่คือการดูแลด้านกายภาพ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องจิตใจครับ ถ้าเราจิตใจผ่องใส คิดบวก ก็จะทำให้หน้าผ่องใสตามมาเอง
การเป็นคนคิดดี พูดง่ายแต่อาจทำยาก ดังนั้นช่วยแนะนำคนอ่านได้ไหมว่า เราควรเริ่มต้นคิดดีได้ยังไง
ไม่ยากครับ แค่ให้คิดอะไรที่เป็นบวกหมด สมมุติว่าถ้าเห็นอะไรไม่ดี ไม่ถูกใจ หรืออะไรที่ทำให้เราโมโห ก็ให้มองย้อนกลับไปถึงสาเหตุนั้น ทำความเข้าใจกับมัน แล้วเราก็จะไม่โกรธ เช่น ถ้าใครมาทำให้เราโกรธ หรือยั่วโมโห ให้ทบทวนว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมคนนี้คิดอย่างนี้กับเราแบบนั้น บางคนอาจจะมีแผลในจิตใจ บางคนเกิดมาจากครอบครัวไม่อบอุ่น เขาเลยมีคำพูดแข็งกระด้าง พูดจาไม่เข้าหูเรา ดังนั้นแทนที่เราจะโกรธเขา ก็ให้เราเตือนสติและคิดก่อนว่าเขาอาจมีปมในชีวิต อย่าไปโกรธเขาดีกว่า คือ เราต้องพยายามทำความเข้าใจเขา และอธิษฐานให้เขามีอะไรดีๆ ในชีวิต เขาจะได้ไม่มีปมด้อยมาปากเสียกับเรา ก็จะช่วยเปลี่ยนมุมมองที่โกรธให้มาเป็นเมตตาได้ นอกจากนั้นจะทำให้เราค่อยใจเย็นๆ ลง คิดในทางที่ถูก และคิดในทางที่บวกมากขึ้นครับ
พูดถึงเรื่องความรักบ้าง เห็นคุณคบกับแฟน คือ คุณเก๋มานานกว่า 20 ปี เลยอยากรู้ว่ามีเคล็ดลับอะไรช่วยประคองความรักให้ยืนยาวอย่างนี้คะ
คงเป็นเรื่องของความเข้าใจครับ ความรักเป็นจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นจะกลายเป็นความเข้าใจ ผมเชื่อว่าความรักที่ดี ต้องมีความเข้าใจมาควบคู่เสมอ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันว่าฉันรักเธอ ทำให้เป็นความรักที่ไม่สมบูรณณ์ คนเราควรจะมีความเข้าใจมากำกับ ถึงจะเป็นความรักที่สมบูรณ์ครับ
ประทับใจอะไรในตัวแฟนคะ
เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ฟุ้งเฟ้อ เราคบกันตั้งแต่ผมยังไม่มีอะไร ยังนั่งรถเมล์ มาจนถึงตอนนี้ที่จะซื้อรถกี่คันก็ได้ แต่เขาก็ยังเหมือนเดิม ไม่เคยอยากได้อะไรที่ฟุ้งเฟ้อ นานๆ ทีผมซื้ออะไรที่หรูหราให้เขาไป เขาก็จะมองว่ามันแพง สิ้นเปลือง ผมเลยมองว่าเขาไม่ได้ตื่นในความมี ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ
นอกนั้นผมยังประทับใจที่เขาคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เช่น เป็นคนประหยัดน้ำประหยัดไฟ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แต่เขาคิดว่ามันเป็นของทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนใช้ทรัพยากรร่วมกัน โลกนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว เราไม่มีสิทธิ์เสพทุกอย่างเต็มที่ เราควรเสพให้พอเพียงแค่ตัวเรา ไม่ใช่คิดว่าเรามีเงิน จะใช้อะไรก็ได้ ผมเลยประทับใจที่เขาเป็นคนแบบนี้แหละ (ยิ้ม)
คิดว่าคู่ของคุณเป็นคู่รักแบบไหน
คู่ผมเซอร์เหมือนกัน คือ ถ้ามีเวลาว่าง เราก็จะไปเที่ยวอุทยาน กางเต็นท์นอน เที่ยวป่าเที่ยวเขา เขาเป็นสไตล์เดียวกับผมที่ไม่ใช่เด็กหรู หรือต้องพักโรงแรม 5 ดาวตลอด เราเลยไปด้วยกันได้
นอกนั้นเรายังมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เวลาผมไปปั่นจักรยาน เขาก็จะไปปั่นกับผมด้วย เชื่อไหมว่าเขาขี่หนักกว่าผม ขี่ไกลกว่าผมอีก ขนาดปั่นเป็นร้อยกิโลฯ เขายังไม่เหนื่อยเลย (หัวเราะ)
คบเป็นแฟนมาตั้งนาน ทำไมไม่คิดแต่งงานสักทีคะ
ผมคิดว่าการแต่งงานก็เป็นแค่ประเพณีอย่างหนึ่ง คือ นัดแขกเยอะๆ จัดงานวันเดียว เพื่อประกาศว่าเราแต่งงานแล้วนะ แต่ความจริงแล้ว เราจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ผมมองว่าคนเราจะรักกัน จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรักและความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าแค่เรื่องพิธีการหรือการแต่งงาน ดังนั้นผมมองว่าการแต่งงานไม่ใช่ข้อสำคัญ สิ่งสำคัญคือเข้าใจกันหรือเปล่า รักกันหรือเปล่ามากกว่า
แต่หลายคนมองว่าการแต่งงานทำให้ครอบครัวเติมเต็ม เพราะจะได้มีโซ่ทองคล้องใจ คุณไม่อยากมีลูกเหรอ
มันเลยการแต่งงานมาแล้วครับ ณ วันนี้ผมไม่อยากมีลูก ผมยังอยากใช้ชีวิตมันๆ อยู่ อยากจะมีอิสระ ทำอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ไม่ใช่ว่าต้องรีบกลับบ้าน เพื่อส่งลูกไปโรงเรียน หรืออะไรๆก็ต้องลูก ยังไม่อยากมีข้อผูกมัด
ผมรู้สึกว่าการมีลูกเป็นเรื่องของโชคชะตา ถ้าวันหนึ่งจะมีดวงวิญญาณหนึ่งมาจุติกับเรา เราก็คงรู้สึกอยากจะมีเอง ผมเชื่ออย่างนั้น แต่ถ้าวันนี้เขายังไม่มา ความรู้สึกอยากยังไม่มี ผมก็ยังแฮปปี้ที่จะเป็นแบบนี้มากกว่าครับ
แล้ววางแผนอนาคตอันใกล้นี้ไว้อย่างไรบ้าง
ผมวางแพลนไว้ว่าอยากจะพักผ่อนครับ (หัวเราะ) คือ เริ่มคิดแล้วว่าอยากพักงาน ไม่รับงานมากนัก แล้วใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากทำ เช่ นไปปีนเขา ไปเที่ยวแบ็กแพค หรือถ้าจะทำงานก็เป็นงานที่เราอยากทำและมีความสุขกับมันจริงๆ เช่น เล่นดนตรี
ผมเหนื่อยมา 40 กว่าปีแล้ว เลยคิดว่าในช่วงชีวิตที่เหลือ ก็อยากจะใช้ชีวิตให้มันๆ หันมาให้เวลากับตัวเองและให้เวลากับพ่อแม่มากขึ้น ตอนนี้ผมไม่หวังอะไรมากครับ ความสุขทุกวันนี้ของผมคือ การได้เล่นดนตรีที่เรารัก มีวงนูโว ได้เจอเพื่อน ได้เจอครอบครัว แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ (ยิ้ม)
เรื่องโดย สุพรรษา แก้วแสงธรรม
ภาพโดย พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์ www.thevoicethailand.com
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ ร้านร่มไม้ไออุ่น ซ.ลาดพร้าว 94 โทร. 08-7528-5665
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!