นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีฯ จับกุมหนุ่มวัย 19 ปี ชิงทรัพย์ร้านทองได้ทันควัน ยึดของกลางกว่า 124 เส้น มีมูลค่ากว่า 2.7 ล้าน ผู้ต้องหาสารภาพทะเลาะกับแฟนจนถูกทุบกีตาร์ และด้วยอารมณ์โมโหได้ขว้างโทรศัพท์ของแฟนทิ้งจนต้องหาเงินมาซื้อใหม่ เผยศึกษาคลิปปล้นร้านทองจากยูทิวบ์ก่อนก่อเหตุ หลังถูกจับสำนึกผิดโทรศัพท์บอกรักแม่
จากเหตุการณ์คนร้ายวัยรุ่นเข้าใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองคำรูปพรรณในห้างทองซีกวง สาขา 9 ริมถนนเลขที่ 233 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านเมืองทอง จนได้ทองไปเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเจ้าของร้านทองตรวจพบว่ามีทองคำที่ถูกจี้ไปถึง 128 เส้น น้ำหนักรวม 128 บาท หรือประมาณ 2 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2.7 ล้านบาท หลบหนีไปในช่วงบ่ายของวันนี้
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่องใช้เวลาเพียง 4 ชม.หลังจากเกิดเหตุพบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายอานนท์ เมตรไตรย์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224 ม.8 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนั้นจึงได้ออกติดตามไปยังบ้านพักพบว่านายอานนท์ ได้ออกมาจากบ้านแล้ว แต่เจ้าหน้าที่สามารถเข้ายึดทองรูปพรรณของกลางไว้ได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามจนสามารถจับกุมตัวนายอานนท์ ไว้ได้ที่บริเวณถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยพบว่านายอานนท์ ได้นำไปขาย 2 เส้น 2 บาท ได้เงินมากว่า 3 หมื่นบาท หลังจากนั้นไปซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอสให้แก่แฟนสาว และเงินอีกส่วนหนึ่งได้เก็บไว้ยังไม่ได้ใช้จ่าย เจ้าหน้าที่สามารถยึดได้ทั้งหมด แต่เมื่อเจ้าของร้านทองซีกวง สาขา 9 เข้าทำการตรวจนับพบว่า ทองดังกล่าวนั้นเหลือเพียง 124 เส้นหายไป 2 เส้น และคนร้ายขายไป 2 เส้น
นายอานนท์ เมตรไตรย์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า จบการศึกษาชั้น ปวช.3 จากสถาบันแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช และก่อนที่จะก่อเหตุนั้นมีความเครียดอย่างมากเนื่องจากทะเลาะกับแฟนสาว โดยแฟนสาวได้ทุบกีตาร์มูลกว่า 2 หมื่นบาทของตน และด้วยความโกรธจึงหยิบเอาโทรศัพท์ของแฟนขว้างกับพื้นจนเสียหายทั้งกีตาร์ ทั้งโทรศัพท์
“แฟนผมร้องไห้ตลอดผมเครียดมากจึงหาวิธีหาเงิน ได้ไปนั่งที่ร้านอินเทอร์เน็ต และค้นหาคลิปวิดีโอปล้นทอง จนพบ และศึกษาดูก่อนตัดสินใจเข้าจี้ทองในร้านนี้ที่ได้ดูลาดเลามาพักหนึ่ง หลังจากนั้นได้หลบหนีพบกับตำรวจก็ยิ้มให้แต่ในที่สุดก็หนีพ้น จนกระทั่งตำรวจติดตามที่บ้านจึงรู้ว่าตำรวจรู้แล้ว จึงยอมให้ถูกจับก่อนถูกจับได้โทรศัพท์ไปหาแม่ และบอกว่าผมรักแม่ ขอโทษ และขอให้แม่อย่าคิดว่าเป็นลูก” นายอานนท์สารภาพ
ขณะที่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุดด้วยกัน โดยบางตัวสามารถจับภาพป้ายทะเบียนรถไว้ได้อย่างชัดเจน และพบว่าคนร้ายไม่ได้ใช้ทะเบียนปลอมจึงสามารถดึงข้อมูลและติดตามสืบสวนจนพบตัวก่อนเข้าจับกุมไว้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 ชั่วโมง ส่วนทองคำของกลางนั้นทั้งหมดที่ได้ไปมีน้ำหนัก 128 บาท จำนวน 128 เส้น มูลค่าประมาณ 2.7 ล้านบาทเศษ และเมื่อให้เจ้าของตรวจนับพบว่าเหลือเพียง 124 เส้น ส่วนที่หายไป 4 เส้น น้ำหนัก 4 บาทนั้น คนร้ายนำไปขาย 2 เส้น และหายไป 2 เส้น ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงชั้นศาลศาลจะสั่งชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายเองต่อไป