ข่าวนาตาลี-พระตุ๊ด ยังไม่ทันได้ปิดบัญชี งานนี้ วงการผ้าเหลืองอาจต้องแปดเปื้อนอีกหน เมื่อมีเด็กสาวออกเดินบิณฑบาตร่วมกับพระสงฆ์ในฐานะเด็กวัด จนเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ในสังคมออนไลน์ หลายเสียงสะท้อนว่า นี่อาจถึงขั้นทำให้อาบัติเลยทีเดียว!
เจ้าอาวาสเผย จำเป็นต้องใช้ “เด็กผู้หญิง”
“เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างมาก อยากฝากให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิษณุโลกเข้าไปช่วยดูแล และชี้แจงด้วยว่า การกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะมีเจตนาใดๆ เพราะอาจทำให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจผิดได้ จึงขอให้เด็กหญิงคอยช่วยเหลืองานภายในวัดดีกว่า
ส่วนงานด้านอื่นๆ อย่างเช่น การเดินถือปิ่นโตตามพระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของเด็กผู้ชายดีที่สุด” นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขอต่อต้านเหตุการณ์นี้ เช่นเดียวกับความคิดเห็นส่วนใหญ่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก
“แน่นอนงานนี้ไม่เหมาะกับหญิงแน่ๆ เพราะจะทำให้พระผิดศีลเยอะ ยิ่งสมัยนี้ พระไม่ชอบรักษาศีลอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการไปกระตุ้นต่อมกิเลสให้พระเลย” วิชาคุณ
“หากปล่อยไปแบบนี้ ต่อไปพระคงมีเมียเพียบ” ฟามารี
แต่ก็ยังมีผู้เห็นต่าง อยากให้มองที่เจตนาก่อนเป็นอันดับแรก
“ผ.อ. พศ. (ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) ลองสำรวจจิตใจของท่านเถิดว่ายังเป็นพุทธ และยังเป็นพระที่ดีหรือไม่ เหมาะสมไม่เหมาะสมอยู่ที่เจตนา พระชั่วแล้วสร้างภาพดูดีมีเยอะไป อะไรที่มันไม่ผิดพระวินัยอย่าเอามาบัญญัติว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ เด็กหญิงหิ้วปิ่นโตบิณฑบาตรตามหลังพระก็เป็นกิจในที่แจ้ง ผู้ที่เข้าใจผิดเพราะจิตเขาเป็นเช่นไร ใช้ปัญญาเถิดชาวพุทธ จงอย่าพิจารณาสิ่งใดๆโดยอารมณ์” เขมโก
เมื่อประเด็นนี้กลายเป็นกระแสหนักเข้า ร้อนไปถึงตัวผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างเจ้าอาวาสวัดคลองเป็ดเหนือ "พระครูอุดม วรธรรม" ต้องออกมาชึ้แจงข้อเท็จจริงว่า ทำไมวัดนี้ถึงต้องมีเด็กวัดเป็นผู้หญิง
“วัดคลองเป็ดเหนือ เป็นวัดชนบทที่อยู่ใกล้เมือง ทำให้เด็กในพื้นที่ส่วนใหญ่เข้าไปศึกษาต่อที่ตัวเมืองเกือบหมด ประกอบกับเด็กในปัจจุบัน เริ่มติดเกม ติดเพื่อน และมักพากันไปเที่ยวเตร่ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ส่งผลให้ปัจจุบัน ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายมาคอยช่วยเหลือพระสงฆ์อย่างที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันกลับมีเด็กผู้หญิง ที่เริ่มเข้ามาช่วยเหลือพระสงฆ์ อาทิ เดินถือปิ่นโตเดินตามพระรับบิณฑบาต ช่วยงานเก็บกวาด ทำความสะอาดลานวัด หรือศาลาการเปรียญ เป็นต้น
ซึ่งเด็กผู้หญิงที่เข้ามาช่วยเหลือพระสงฆ์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ครอบครัวมีฐานะยากจน หรือเป็นเด็กกำพร้า ซึ่งทุกครั้งที่เด็กผู้หญิงเหล่านี้เข้ามาช่วยงานพระสงฆ์ ทางวัดก็ได้แบ่งข้าวก้นบาตรให้ทาน รวมถึงให้เงินสัปดาห์ละ 50 บาท เป็นการตอบแทนน้ำใจของเด็กๆ และหากมีเวลาก็จะสอนธรรมะให้เด็กๆ เพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจด้วย”
ทว่า เหตุผลของฝั่งเจ้าอาวาสกลับยังไม่ดีพอสำหรับพระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
“การให้เด็กผู้หญิงเดินถือปิ่นโตตามพระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่ผิด และการที่อ้างว่า เด็กผู้ชายติดเกมนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ที่เด็กผู้ชายทั้งหมดจะติดเกม ถึงอย่างไร วัดก็ไม่ควรนำเด็กผู้หญิงมาเป็นเด็กวัดเด็ดขาด” และความเห็นนี้สอดคล้องกับ อรวรรณ กิจสวัสดิ์ ตัวแทนจากศาสนาคริสต์ที่ออกมาพูดถึงประเด็นนี้เอาไว้
"เท่าที่รู้จักหลักของศาสนาพุทธ มันก็ดูไม่เหมาะสม แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดจะทำให้ศาสนาเสื่อม มีข่าวอื่นที่ทำศาสนาพุทธเละเทะกว่านี้ตั้งเยอะแยะไป เรื่องแบบนี้น่าจะมองที่เจตนามากกว่า แต่เจตนาดีที่แสดงออกผิดวิธีก็ต้องโดนตำหนิเป็นธรรมดา เราคิดว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่แสดงออกถึงการอยากทำความดีเพื่อศาสนาที่ดีกว่านี้"
สมัยนี้ คิดดี ทำดี ตายฟรี?
“เพราะหนูอยากทำความดี ตอบแทนบุณคุณพระสงฆ์ และอยากออกกำลังกายค่ะ” นี่คือหนึ่งเหตุผลจาก ด.ญ.รัชดาภรณ์ วัย 9 ขวบ เด็กสาวผู้ร่วมออกเดินบิณฑบาตกับพระสงฆ์ เธอเล่าว่า เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ที่ฐานะทางบ้านบีบบังคับให้เธอ และเพื่อนๆ อีก 5 คน ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 อันเป็นเวลาที่เด็กอายุแค่นี้ ควรจะได้ซุกตัวใต้ผ้าห่ม ปั่นจักรยานออกจากบ้านร่วม 2 กิโลเมตร เพื่อไปช่วยพระสงฆ์ที่วัดคลองเป็ดเหนือ หิ้วปิ่นโตออกบิณฑบาต
รวมทั้งยังช่วยกวาดศาลาการเปรียญ ถูพื้นโบสถ์ ล้างห้องน้ำ และกวาดใบหญ้าภายในวัด ซึ่งทุกคนภายในชุมชนหมู่ 4 ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ก็เห็นด้วย พากันชื่นชมในสิ่งที่พวกเธอตั้งใจทำ
ทว่า ภายในดวงตาใสซื่อ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ระหว่างกล่าว เธอกลับไม่รู้เลยว่า เวลานี้กระแสก่นด่าจากสังคมถึงพฤติกรรมของเธอ ซึ่งกำลังจะผลักดันให้ชีวิตประจำวันและความบริสุทธิ์ใจนี้ ถูกปิดกั้น
แม้งานนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะลงความเห็นประณามการกระทำทางฝั่งพระสงฆ์และเด็กสาวกันมากกว่าเห็นชอบ แต่ท่ามกลางคำสบประมาทว่าร้ายเหล่านั้น กลับสวนทางกับมุมมองของ ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์ สุดตะคุณ หัวหน้าพระวินยาธิการ อย่างเห็นชัดเจน
"อาตมามองว่า การปล่อยให้มีเด็กผู้หญิงมาร่วมเดินบิณฑบาตนั้น จริงอยู่ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อาจทำให้ภาพลักษณ์ของพระ รวมถึงศาสนา ถูกมองไปในเชิงลบ เพราะตามหลักพระธรรมวินัย ได้บัญญัติไว้ชัดเจนแล้วว่า พระสงฆ์และสตรี ห้ามปฏิบัติกิจร่วมกัน โดยเฉพาะกิจของสงฆ์ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูที่เจตนาของพระ และเด็ก ด้วยว่าเข้าข่ายไปในทางลามกอนาจาร ชู้สาวหรือไม่
แล้วตัวพระสงฆ์เองได้จับเนื้อต้องตัวเด็กหรือเปล่า ถ้ามีพฤติกรรมส่อในทางนั้นจริงๆ ก็ถือว่าพระรูปนั้นผิดพระวินัย ต้องหลุดพ้นจากสภาพการเป็นพระในทันที แต่ถ้าไม่เข้าข่าย รวมถึงเป็นการช่วยเหลือ ส่งเสริมเด็กในทางที่ดี ข้อนี้ผ่อนปรนได้"
ส่วนกรณีที่พุทธศาสนิกชน รวมถึงชาวเน็ตหลายคนรุมโวยว่า หากปล่อยให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นต่อไป รังแต่จะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมนั้น ท่านเจ้าคุณยังขอท้วงติงไว้อีกนิดหนึ่งว่า
“เราอยู่ในยุคที่ถูกสอนให้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์มากเกินไป และเราก็คาดหวังกับสิ่งนี้มากเกินไปว่าจะทำให้เราเป็นคนดี เป็นคนที่สังคมยอมรับ ทั้งที่จริงเราเองคงลืมไปว่า บางครั้งกฎก็ทำให้เรามองข้ามความเมตตาและจริยธรรมไป ในฐานะที่อาตมาก็เป็นผู้บวชเรียนคนหนึ่งจึงอยากจะฝากไว้ว่า เราทุกคนสามารถทำดีได้โดยไม่ต้องพึ่งกฎเสียทุกข้อ
อย่างที่เด็กมาช่วยพระเพราะหวังทำดี สร้างบุญกุศล และพระก็ช่วยเด็ก ด้วยใจเมตตา อยากให้เด็กใฝ่ดี ถึงจะดูไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ก็ควรจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ดีกว่าให้เด็กเหล่านั้น อดข้าวจนต้องไปขโมยของ หรือหลงผิดไปขายบริการไม่ใช่หรือ น่าใจหายนะที่ทุกวันนี้ ทุกคนคิดเพียงแต่ว่า การจะทำดีให้ถูกต้อง คือทำแล้ว ต้องให้ผู้อื่นเห็นว่ามันดีด้วย ไม่ได้ทำเพราะจิตใจของเราใฝ่มองว่ามันดีเอง”
ASTVผู้จัดการ Live