“ตั๊น- จิตภัสร์ กฤดากร” ดอกไม้เหล็กจากแกนนำกปปส. เผยซีนกดดัน- - ประทับใจในม็อบ และฝากถึงทักษิณว่า “เมื่อไหร่จะพอ” ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังภารกิจเพื่อชาติของเธอ มีทั้งซีนที่เกือบเสียน้ำตา ภาพความสูญเสียมานับไม่ถ้วน เชื่อว่าประสบการณ์ที่เธอได้รับ จะช่วยสานฝันให้เธอเรียนรู้การเป็นนายกฯ หญิงที่ดีได้ในอนาคตสมความตั้งใจ
ทุกเรื่อง ทุกคำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงแกร่งคนนี้ ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ไปล้วงคำตอบมาให้คุณแล้วที่นี่
รู้สึกอย่างไรกับบทบาทที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะลุกขึ้นมาสู้แบบนี้ได้
ตั๊นรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจมากค่ะ ที่ในชีวิตนี้ได้มาร่วมต่อสู้กับพี่น้องมวลมหาประชาชน สู้เพื่อประเทศชาติ สู้เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา (ยิ้ม)
ตั้งแต่คุณร่วมชุมนุมมา มีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณสะเทือนใจมากที่สุด
ถ้าเป็นเรื่องสะเทือนใจ คงเป็นทุกครั้งที่มีการลอบทำร้ายพี่น้องประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างสันติ อย่างสงบภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ มันเหมือนมีกองโจรมาลอบทำร้าย ทำให้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องมาเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือผู้หญิงที่โดนมาตลอด น่าจะเป็นเคสที่ตั๊นน่าสะเทือนใจที่สุด
อย่างเหตุการณ์ที่มีระเบิดตรงประตูน้ำ จนเด็กเสียชีวิต พอทราบข่าว ตั๊นเป็นคนแรกที่ไปโรงพยาบาล และไปพบคุณพ่อคุณแม่น้องที่เสียชีวิตทั้งสองคน ตอนนั้นน้องผู้ชายเสียชีวิตแล้ว ส่วนน้องผู้หญิงยังอยู่ในขั้นตอนผ่าตัด รู้สึกสะเทือนใจมาก (เสียงสั่นเครือ)
ตอนนั้นตั๊นไปยืนรอดูอยู่หน้าห้องไอซียูเลย เห็นพ่อแม่ของเด็กอยู่ในช่วงกำลังงง เราไปถึงก็งงกับบรรยากาศ เพราะเป็นบรรยากาศที่โศกเศร้ามาก ตั๊นพูดอะไรไม่ถูก ได้แค่จับมือแม่ของเด็กและให้กำลังใจ ตอนนั้นเรายังไม่ทราบว่าน้องผู้หญิงจะรอดหรือไม่รอด ยังบอกแม่เด็กไปว่าให้เข้มแข็งไว้เพื่อลูกสาวอีกคนหนึ่งนะ เลยรู้สึกกับเรื่องนี้มากที่สุด ไม่ได้ถึงกับร้องไห้ส่วนตัว แต่มันหลากหลายความรู้สึกจริงๆ เพราะตั้งแต่เรายกระดับการชุมนุม ความรุนแรงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตั๊นคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก ที่เศร้ากว่านั้นคือไม่เคยจับคนร้ายได้เลยสักครั้ง จึงเกิดเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา คิดว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ควรจะหยุดทำร้ายกันได้แล้ว
คุณเองก็ถูกคนไปปาระเบิดใส่ที่บ้าน มันทำให้คุณรู้สึกกลัวบ้างไหม
ไม่กลัวค่ะ ในเมื่อตั๊นได้ตัดสินใจออกมาตรงจุดนี้แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราก็พร้อมทำใจไว้แล้ว ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าการข่มขู่เป็นกระบวนการที่พยายามทำให้เราถอย ทำให้เราหมดความหวัง ทำให้เราไม่กล้าออกมาสู้ แต่ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ว่าเขาทำเพื่ออะไร เราจะไม่กลัว และรู้ว่าเราสู้เพื่ออะไร เพราะเรามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
ช่วงที่บ้านตั๊นโดนปาระเบิด เกิดเหตุประมาณตอนตี 3 ตี 4 ตั๊นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะเขาปาระเบิดเข้ามาในโรงรถ แล้วเราอยู่ในบ้าน มาทราบอีกทีตอนตื่นเช้าก็ตกใจ แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่แล้ว เตรียมตัวเตรียมใจไว้อยู่แล้ว คนอื่นยังโดนหนักกว่าตั๊นมากเลย
แล้วทางครอบครัวมีส่วนให้กำลังใจคุณอย่างไร
ต้องบอกว่าการที่ตั๊นออกมาสู้ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจส่วนตัวค่ะ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจของทั้งครอบครัว ดังนั้น ตั๊นต้องเข้มแข็งเอาไว้ เพื่อไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงตั๊นมากกว่า เพราะว่าท่านเองก็ไม่ได้อยากให้ตั๊นออกมา แต่เมื่อเราตัดสินใจออกมาแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้และจิตใจต้องเข้มแข็งด้วย
ตั๊นไม่เคยทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นความอ่อนแอในตัวเรา เพราะไม่อย่างนั้นท่านจะยิ่งเป็นห่วง ทุกวันนี้ก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว ที่ทำให้ท่านเป็นห่วง ท่านไม่ได้อยากให้เราออกมาแบบนี้ เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ทำให้บางครั้งความคิดเห็นของเราอาจจะไม่ตรงกันบ้าง เพราะบางทีคุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ได้อยู่ตรงจุดที่ตั๊นยืนอยู่ จึงอาจไม่ทราบรายละเอียด หรือไม่ได้สัมผัสพี่น้องมวลมหาประชาชนด้วยตัวท่านเอง
แต่ตั๊นบอกได้ว่าไม่สามารถทิ้งการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้ ในเมื่อเราได้ตัดสินใจออกมายืนอยู่ตรงจุดนี้ เราเป็นส่วนหนึ่งที่เชิญชวนพี่น้องออกมาสู้กับเรา แล้วอยู่ดีๆ เราจะมาทิ้งกลางคัน ก็คงจะทำไม่ได้ ยิ่งเราได้สัมผัส ได้อยู่สู้ด้วยกันมาเป็นเวลาตั้ง 6 เดือน ตั๊นก็มีความผูกพันกับพี่น้องมวลมหาประชาชน แต่อย่างที่บอก ตั๊นก็พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจให้ได้มากที่สุดค่ะ
ตั้งแต่ชุมนุมมา เจอเรื่องประทับใจอะไรจากกลุ่มผู้ชุมนุมบ้าง
ประทับใจที่ผู้ชุมนุมหัวใจนักสู้ และสู้ไม่มีถอยค่ะ (ยิ้ม) ตั๊นประทับใจในการเป็นจิตอาสาของหลายคนมากที่เข้ามาช่วย เจอน้องคนหนึ่งชื่อน้องวิว อายุ 9 ขวบ เขามาเปิดห้องสมุดอยู่ที่นี่ เอาหนังสือมาให้คนอ่าน หรือบางคนมาช่วยเก็บขยะ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไร แต่เต็มใจมาช่วย แม้กระทั่งโรงเรียนใต้ต้นไม้ในสวนลุมฯ นี้ ครูทุกคน หรือผู้ช่วยทุกคนเป็นจิตอาสาหมดเลย เขามาด้วยใจล้วนๆ ไม่ได้รับเงินเดือน แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว
นอกนั้นยังมีพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด บางคนทิ้งบ้านทิ้งครอบครัวมาสู้กับลุงกำนัน มีน้องคนหนึ่งเขียนจดหมายมาบอกว่าคิดถึงพ่อ แต่ก็เข้าใจว่าพ่อไม่ได้กลับบ้านมา 4 เดือนแล้ว เพราะมาร่วมชุมนุมและมาช่วยลุงกำนัน เลยเป็นภาพประทับใจที่เห็นหลายคนเสียสละแบบนี้ค่ะ ทุกวันนี้ตั๊นเลยมีความสุขที่ได้สู้เคียงข้างพี่น้องที่มีหัวใจรักชาติ มีอุดมการณ์เดียวกัน คือสู้เพื่อประเทศชาติ
แล้วเหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณเหนื่อย หรือท้อแท้ใจมากที่สุด
ไม่มีนะคะ เพราะยิ่งโดนกดดันมากเท่าไร ยิ่งทำให้ตั๊นสู้ เพราะเราเชื่อในอุดมการณ์ที่ทำ สู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง สู้เพื่ออะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา มันเหนือกว่าสิ่งที่ๆ เราคนเดียวจะทำได้ แต่เป็นพลังของคนหลายๆ คนรวมกัน บางทีพอมานั่งนับวัน นับเดือน จะรู้สึกว่าเฮ้ย..นานจัง แต่พออยู่อย่างนี้ทุกวันไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
แต่ถ้าถามว่าเหตุการณ์ไหนที่ทำให้รู้สึกกดดันที่สุด คงเป็นวันที่ต้องนำมวลชนไป ช่อง 5 ตอนนั้นตั๊นได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำพามวลชนไปที่ช่อง 5 รู้สึกกดดันมาก เพราะถือเป็นจ๊อบใหญ่มาก เราไปโดยมีเป้าหมายว่าต้องให้เขาถ่ายทอดสดตอนลุงกำนันพูดให้ได้ตอน 5 โมงเย็น ต้องพามวลชนไปตั้งแต่ 10 โมงเช้า เหนื่อยและกดดัน ตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะค้างหรือไม่ค้าง รู้สึกว่าอยากจะทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ อยากให้บรรลุเป้าหมายทุกอย่าง กลัวเหมือนกัน แต่ดีที่ทุกอย่างก็เรียบร้อย ตั๊นต้องขอบคุณพี่น้องมวลมหาประชาชนที่ไปด้วยกับตั๊นในวันนั้น ทุกคนน่ารักมาก เชื่อฟังในสิ่งที่เราบอก ไม่เกเร
มีซีนที่คุณอ่อนแอหรือร้องไห้บ้างไหม
ตั้งแต่มาทำงานตรงนี้ ตั๊นยังไม่เคยร้องไห้ค่ะ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้รู้สึกบ้าง อาจไม่ถึงกับร้องไห้ คือ วันที่ตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลจาก “ภิรมย์ภักดี” มาเป็น “กฤดากร”
ช่วงนั้นประทับใจและซาบซึ้งกำลังใจจากพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนในเขตที่ตั๊นเคยดูแล คนที่อยู่เขตดุสิต หรือเขตราชเทวีก็ตามมาให้กำลังใจตั๊นที่ราชดำเนิน หรือแม้แต่พี่น้องมวลมหาประชาชนเอง ทุกคนรีบมาแสดงตัวให้กำลังใจเรา และบอกว่า “ไม่ว่าจะใช้นามสกุลอะไรก็ตาม ตั๊นก็ยังเป็นที่รักของมวลมหาประชาชน” ทำให้ตั๊นประทับใจมากค่ะ
ใจหายไหมที่อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็ต้องมาเปลี่ยนนามสกุลเพราะเรื่องการเมือง
ใจหายอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าตั๊นภูมิใจในทั้งสองฝั่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสกุล “กฤดากร” หรือ “ภิรมย์ภักดี” เพราะครึ่งหนึ่งของตั๊นเป็นกฤดากรอยู่แล้ว และทั้งสองฝั่งบรรพบุรุษของตั๊นได้ทำคุณงามความดี ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อประเทศชาติมาตลอด ฝั่งครอบครัวคุณแม่ก็รับข้าราชการ รับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ส่วนฝั่งคุณพ่อตั๊น คุณชวดแม้จะเป็นพ่อค้าเชื้อสายจีน แต่ท่านได้ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมมาโดยตลอด เช่น สร้างอาร์ตเลนในสวนลุมฯ หรือหลาย อย่างที่ครอบครัวทางคุณพ่อสร้างไว้ แต่ไม่เคยใส่ชื่อ ไม่เคยลงนาม เพราะไม่จำเป็นต้องให้คนรู้ เราทำให้โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนมากกว่า นี่เป็นสิ่งที่สั่งสอนอยู่ในครอบครัวเรามาโดยตลอด ตั๊นจึงภาคภูมิใจทั้งสองฝั่งค่ะ
ช่วงที่คุณต้องเปลี่ยนนามสกุลนั้น มีคำพูด ไหนที่คนอื่นพูดและทำให้คุณรู้สึกเจ็บบ้าง
คำพูดอาจจะไม่มี แต่ตั๊นแค่..(เสียงสั่นเครือนิดๆ) อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตั๊นด้วย เพราะอย่างที่บอกว่าการตัดสินใจออกมาสู้ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจส่วนตัว ไม่ได้มีครอบครัวมาเกี่ยวข้องเลย ดังนั้นไม่ค่อยแฟร์ที่อยู่ดีๆ มาโยงธุรกิจของครอบครัวเข้ามาเกี่ยวโยงกับกระบวนการของ กปปส. ซึ่งพี่น้องคนอื่นๆ ญาติคนอื่นๆ เขาไม่ได้เห็นด้วยตรงจุดนี้ แต่ก็โดนโยงไป ตรงนี้ตั๊นก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเขาด้วยค่ะ
การที่ตั๊นออกมาเปลี่ยนนามสกุล เพื่อแสดงให้เห็นว่าครอบครัวและธุรกิจไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการของ กปปส.ตั๊นรู้ว่าการออกมาเคลื่อนไหวกับ กปปส. ครั้งนี้ได้มีแรงกดดันไปทางด้านครอบครัวด้วย ก็เห็นใจคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องมารับแรงกดดันตรงนี้ด้วย ดังนั้น สิ่งที่ตั๊นพยายามทำมากที่สุดคือ ตีตัวออกห่างให้ได้มากที่สุด
เคยถูกคนข่มขู่ด้วยวิธีไหนหรือเคยถูกขู่ในโซเซียลเน็ตเวิร์กไหมคะ
ไม่มี เพราะไม่ได้อ่านค่ะ ตั๊นรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการใส่ร้ายป้ายสี ถ้าเราไปอ่านข้อความที่คนอื่นเขียนข่มขู่มา
เขาก็จะสะใจ เราจะยอมตกเป็นเหยื่อเขาทำไม ในเมื่อเรารู้ทันเขาว่าต้องการอะไรจากเรา เขาทำเพื่ออยากให้เรารู้สึก แล้วถ้าเราไปอ่านและรู้สึกตามกับเขา เขาก็ชนะแล้ว
แล้วทุกวันนี้คุณใช้ชีวิตอยู่ยังไง ในสถานการณ์ที่ดูไม่ค่อยปลอดภัยแบบนี้
ไม่ค่อยได้ไปไหนค่ะ ปกติก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่สวนลุมฯ กับพี่น้องมวลมหาประชาชน กินข้าวที่นี่ ตั๊นไม่ได้กลับบ้านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่ Shutdown Bangkok คือพอเริ่มยกระดับการชุมนุมขึ้นมา ก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเลย แต่เมื่อตัดสินใจออกมาทุ่มเทตรงนี้แล้ว เราก็ต้องสู้ต่อไป
ตอนนี้เวลาไปไหน ตั๊นจะมีการ์ดคอยดูแลความปลอดภัยรอบนอก และเราก็ต้องคอยระวังตัวเองด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะมีผู้ร้ายหรือคนลอบทำร้ายเราไหม คือตั๊นคิดว่าการที่คนมาลอบทำร้ายแกนนำ เขาทำเพื่อต้องการให้กระทบกับกำลังใจของผู้ชุมนุมมากกว่า สมมุติว่าถ้าเกิดเขาทำสำเร็จ ผู้ชุมนุมจะรู้สึกว่าเขาไม่ปลอดภัยแล้ว ขนาดแกนนำยังโดนเลย ดังนั้นเราก็ต้องคอยดูแลตัวเองด้วย
อนาคตอันใกล้นี้ มีแผนการชุมนุมหรือวันเผด็จศึกอย่างไรบ้างคะ พอจะเปิดเผยได้ไหม
ไม่ทราบจริงๆ เลยค่ะ เพราะต้องรอฟังลุงกำนัน ลุงกำนันคงจะเป็นคนเดียวที่ทราบ ช่วงนี้ก็เหมือนเป็นการรอ เราก็ไปให้กำลังใจพี่น้องข้าราชการ พี่น้องรัฐวิสาหกิจอยู่เรื่อยๆ นะคะ มาถึงขั้นนี้แล้ว รออีก 2-3 เดือนก็ยังไหวค่ะ
อยากรู้ว่ามีสิ่งไหนที่คุณไม่ชอบในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ตั๊นคิดว่ารัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมมามากแล้ว แต่ยังดื้อรั้นที่จะยังคงอยู่ เรื่องที่ชัดเจนคือ เขาจะใช้กฎหมายต่อเมื่อเข้าข้างฝั่งของเขา แต่พอกฎหมายตัดสินไม่ตรงกับตามที่เขาต้องการ เขาก็ไม่ฟัง หาว่าศาลลำเอียง คือ คุณจะเลือกเอาแต่ได้ๆ มันไม่ใช่แล้ว
แล้วการที่คนทั้งประเทศลุกขึ้นมาขนาดนี้ มันก็ชัดเจนแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการเคลื่อนไหว หรือกระบวนการไหนที่สามารถทำให้คนทั้งประเทศลุกขึ้นมาได้ขนาดนี้ และแค่นี้คุณยังไม่ยอมเสียสละให้ประเทศชาติ คุณบอกมาทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่ที่จริงชัดเจนว่าคุณทำเพื่อระบอบทักษิณ และเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น
นโยบายไหนของรัฐบาลที่คุณไม่ชอบมากที่สุด
ที่ไม่ชอบมากที่สุดคือ โครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวนา น่าสงสารมาก นอกนั้นตอนนั้นหาเสียง ยังมีเรื่องของแท็บเล็ต คือมันเป็นนโยบายประชานิยม ซึ่งในที่สุดก็เจ๊ง และไม่มีใครได้รับผลประโยชน์จากตรงจุดนั้นเลย มีแต่แค่ผู้ซื้อขาย ผู้รับเหมาที่ได้รับ โกงกินกันไปสนุกสนานเมามันมาก ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยเรา
แล้วเรื่องของประชานิยมทำให้สร้างวัฒนธรรมที่ไม่ค่อยดีกับสังคม ปลูกฝังสิ่งไม่ดีแก่เด็ก อยู่ดีๆ มาให้ของ เห็นแล้วไม่ค่อยเวิร์ก แท็บเล็ตพังไปไม่รู้ว่ากี่เครื่อง ตั๊นว่าคงมีเด็กหลายล้านที่ไม่ได้แท็บเล็ตด้วยซ้ำไป อันนี้ทำให้เห็นว่าขนาดเด็กๆ เขายังเอาเปรียบเลย
ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เจอตัวคุณทักษิณ คุณอยากจะพูดอะไรกับเขา
อยากถามเขาว่า “เมื่อไรจะพอ” ตั๊นเชื่อว่าเขาฉลาดพอที่จะคิดเองได้ เขาไม่ใช่คนโง่ แต่ทุกอย่างที่เขาไม่ยอมหยุด ทุกอย่างที่มันยาวมาถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะความโลภมาก เลยอยากจะถามเขาว่าเมื่อไรจะพอ
ถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว คุณวางแผนอนาคตการเมืองอย่างไร จะลงเล่นการเมืองไหม
เรื่องนี้ยังไม่ได้แพลนเลยค่ะ เพราะเราต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่เราสู้ ดังนั้น เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของอนาคตอยู่
ยังฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
นี่ก็เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ทุกคนมีความฝันได้ใช่ไหมคะ (ยิ้มเขิน) ตั๊นขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อนค่ะ
ทีนี้มาเรื่องของหัวใจบ้าง มีกระแสข่าวว่าคุณพบรักกลางม็อบกับ “คุณขิง-เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” โฆษกของกปปส. ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
ขิงกับตั๊นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เรารู้จักตั้งแต่ตอนเรียนอยู่อังกฤษ เล่นการเมืองมาพร้อมๆ กันตั้งแต่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เลยถือเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกว่า
รู้สึกอย่างไรที่คนเชียร์ให้เป็นแฟนกัน
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ แต่ตั๊นคงต้องขอทำหน้าที่ตรงนี้ไปก่อนค่ะ (ยิ้ม)
ประทับใจอะไรในตัวคุณขิง-เอกนัฎบ้าง
ขิงเป็นคนเก่งค่ะ และเขาเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมาก
ทั้งสวยและเก่งแบบนี้ คิดว่าคุณคงจะเนื้อหอมน่าดู มีคนมาจีบเยอะไหม
ไม่ค่ะ เพราะตั๊นอยู่แต่ในพื้นที่ชุมนุม อยู่ในสวนลุมฯ เลยไม่มีโอกาสเจอใครมากเท่าไหร่
อยากรู้ว่าผู้ชายที่จะพิชิตใจคุณได้เป็นคนแบบไหน
คงเป็นคนอบอุ่น น่ารัก รักครอบครัว เข้าใจในการทำงานของเรา เข้าใจว่าเราทำงานตรงนี้ ก็อาจมีเวลาให้เขาน้อย เพราะงานที่เราทำอยู่ ทำเพื่อส่วนรวม เคยมีคนบอกตั๊นว่าการเป็นนักการเมือง ประชาชนต้องมาก่อน เพราะประชาชนเลือกเราแล้ว เราจะทำให้ประชาชนผิดหวังไม่ได้ เขาจึงต้องเข้าใจตั๊นตรงนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนักการเมืองก็ได้ ขอให้เขาเป็นคนดีและเข้าใจเราก็พอแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ มีอะไรอยากฝากถึงคนไทยบ้างคะ
ตั๊นอยากให้ทุกคนได้เห็นความโหดร้ายและความโหดเหี้ยมของระบอบทักษิณที่มีมาในประเทศ 10 กว่าปีแล้ว สิ่งที่เขาได้ทำกับสังคมไทย คือ ทำให้เกิดความแตกแยก ทำให้คนดีแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม แต่เชิดชูคนชั่วคนโกง อยากจะให้เห็นตรงจุดนี้ว่ามันไม่ถูกต้อง คุณคงไม่ต้องการสังคมแบบนี้ให้ลูกหลานคุณแน่ๆ ดังนั้นอยากให้ลุกขึ้นมาสู้กับเรา เพราะสิ่งที่เราทำ ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เราทำเพื่อคนไทยทุกๆ คนค่ะ (ยิ้ม)
(ล้อมกรอบ) กิจกรรม 24 ชั่วโมงของตั๊น - จิตภัสร์
9.00 น. ตื่นนอน
10.00 น. เคลื่อนขบวนไปสถานที่ราชการต่างๆ หลังเคลื่อนขบวนเสร็จ ถ้ามีเวลาว่าง ตั๊นก็จะแวะไปที่โรงเรียนใต้ต้นไม้ที่อยู่ในสวนลุม มาดูความเรียบร้อยของที่นี่ เพราะเป็นโครงการที่ตั๊นทำเอง โดยได้รับมอบหมายจากพี่สาทิตย์ (สาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ซึ่งบางทีทีมงานก็ต้องมาเบิกซื้อเบิกจ่ายอุปกรณ์ เพื่อเอามาสอนเด็กๆ
17.30 -18.30 น. อ่านจดหมายที่เด็กเขียนจดหมายให้ลุงกำนันบนเวที มีประมาณวันละ 10 ฉบับ เพราะเด็กเขาอยากจะบริจาคเงิน อยากจะมีส่วนร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ เขาจะเขียนมาในจดหมายเลยว่าขอให้อ่านให้ฟังบนเวทีว่าจดหมายถึงมือเราแล้ว
22.00 -23.00 น. สรุปข่าวประจำวันเป็นภาษาอังกฤษบนเวที กปปส.
24.00- 01.00 น. เข้านอน
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live
สุพรรษา แก้วแสงธรรม