ปัตตานี - ทหารพราน 4409 ปัตตานี ผุดไอเดียใหม่ นำทหารควบม้าออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ด้านเด็กๆ สุดปลื้มใจแห่ขอขึ้นม้า และให้หญ้ากินตลอดเส้นทาง เผยเป็นการลดภาพลักษณ์ความรุนแรงในพื้นที่ เตรียมเริ่มโครงการใช้ม้านำขบวนคุ้มครองครู นักเรียนกลับบ้าน
วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เกิดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าที่จะยุติลงได้ ถึงแม้วันนี้จะมีหลายฝ่ายออกมายอมรับว่าเหตุการณ์มีท่าทีลดน้อยลง แต่เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากที่ผู้ก่อความไม่สงบเลือกเป้าหมายเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเลือกออกลาดตระเวนโดยการใช้กลยุทธ์เดินเท้ามากกว่าใช้รถยนต์ในการลาดตระเวน ทั้งนี้ เพื่อลดความสูญเสียเป็นหมู่คณะ แต่เนื่องจากบางพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบมีเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร การเดินเท้าอาจทำให้ต้องใช้เวลานานในการเข้าถึงพื้นที่
ล่าสุด ร้อย ร.ทหารพราน 4409 ตั้งฐานอยู่ที่บ้านบน ต.ปาเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นำโดย ร.ต.สมชัย ศรีพรหม ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4409 ที่ได้ปิ๊งไอเดียให้ทหารในสังกัดทั้งชาย หญิง ประยุกต์ใช้ม้าเป็นพาหนะในการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย และเข้าหามวลชน ด้วยการควบม้า สามารถสร้างสีสันให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ชุดนี้ลงพื้นที่หมู่บ้าน ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ บางครั้งชาวบ้านจะเอาหญ้า หรือ อาหารมาให้ม้ากินเพื่อสร้างความสนิทสนมกับม้า หลายโอกาสที่จะมีเยาวชนในพื้นที่เป้าหมาย ให้ความสนใจขอขี่ม้า นับเป็นการสร้างสีสันที่กระชับความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับชาวบ้านได้เป็นอย่างดีได้อีกทางหนึ่ง
ร.ต.สมชัย ศรีพรม ผบ.ร้อย ทพ.4409 กล่าวว่า จากต้นทุนที่พ่อแม่เป็นชาวนา ที่บ้านจะเลี้ยงม้าไว้ข้นข้าวเปลือก แต่เมื่อมีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ก็ได้คิดมาประยุกต์กับงานที่ทำ จึงเก็บเงินมาก้อนหนึ่ง ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เงินไม่พอก็ได้นำรถจักรยายนต์ไปขายรวบรวมแล้วได้ประมาณ 2 แสนกว่าบาท ได้ม้า 4 ตัว ตัวเมีย 2 ตัวผู้ 2 ตัว ตั้งชื่อ บุพผา มะลิ ลักกี้ และสีนิล เป็นม้าพันธุ์ไทย เพราะจะดูแลง่ายอยู่ง่ายกินง่าย ค่าใช้จ่าย 2 แสนกว่าบาทที่สะสมมา ยังไม่รวมกับอานม้า และอุปกรณ์ อีกหลายอย่างที่ต้องเอามาใช้ ทำให้ติดหนี้ไปก่อนส่วนนั้น ตอนนี้ก็ใช้เงินเดือนผ่อนจ่าย รวมทั้งค่าอาหารม้าอีก โชคดีที่มีชาวบ้านช่วยหลายอย่างแล้ว ฟาง 100 กิโล ชาวบ้านเอามาให้ ก่อไผ่ก็ไม่ต้องซื้อชาวบ้านให้ไปเอามาใช้ทำเป็นคอกม้า กล้วยเราปลูกรอบๆ ฐาน หญ้ากำลังพลจะออกไปหามาจากพื้นที่บ้างชาวบ้านเอามาให้บ้างเป็นอะไรที่ รู้สึกว่าทำแล้วมีความสุข ติดหนี้ก็ยอม หลายคนตั้งคำถามว่า เราบ้าหรือเปล่า แต่ก็ไม่คิดมาก คิดแค่ว่าเรามีความสุขกับงานที่เราทำ
“12 ปีที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอเข้าใจสภาพพื้นที่ และสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ การใช้ม้าเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว ประกอบกับได้คุยกับชาวบ้านก่อนที่จะลงมือทำ ชาวบ้านเขาก็เห็นด้วยบอกว่าทำเลยผู้กอง ก็เลยตัดสินใจทำ พอเอามาใช้จริงๆ ชาวบ้านสนใจมาก เวลาเจ้าหน้าที่ชุดนี้ลงพื้นที่จะเห็นบรรยากาศที่ชาวบ้านโบกมือ เด็กวิ่งมาขอขี่ม้า ตอนนี้เย็นๆ ที่ฐานกลายเป็นสนามขี่ม้าไปเลย ชาวบ้านที่ผ่านก็จะแวะดูก็เลยจัดให้เป็นชมรมขี่ม้าไปเลย พอชาวบ้านมาเราก็จัดเลี้ยงชากาแฟบริการ ทำให้เรามีเรื่องคุย พอคุยกันเราก็เข้าใจกัน”
พอเสียงตอบรับดีก็เป็นเหตุจูงใจทำให้มีกำลังใจคิดต่อยอดงานมวลชน ในเดือนหน้าจะมีหลายโครงการเกิดขึ้น ทั้งโครงการดอกไม้เหล็กบนหลังม้า ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการฝึก อาสาสมัครทหารพรานหญิงขี่ม้า ก่อนลงพื้นที่เข้าหาชาวบ้าน รวมทั้งโครงการ ร่วมใจสร้างรอยยิ้มบนหลังม้า เป็นการทำงานร่วมระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยการใช้ม้าในการเข้าพื้นที่ แน่นอนเมื่อความสนใจของเด็กๆ มีมากก็เลยมาคิดโครงการพาน้องกลับบ้าน โดยการใช้ม้านำขบวนนักเรียนจากโรงเรียนกลับมาที่บ้าน ทุกวันนี้นอกจากภารกิจเข้าทำงานมวลชน และรักษาความปลอดภัยวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะมีโครงการเล่านิทานบนหลังม้าที่โรงเรียนตาดีกา จะใช้เจ้าหน้าที่ที่นับถือศาสนาอิสลาม เล่านิทานที่เป็นประวัตินบี ที่มีการใช้ม้า
ส.อ.จำรัส เข็ดคม หัวหน้าชุด ครูฝึก และหัวหน้าชุด กล่าวว่า การใช้ม้าในการรักษาความปลอดภัย มั่นใจว่าจะปลอดภัย เพราะม้าเหมาะสำหรับลัดเลาะภูมิประเทศได้ทุกที่ ทำให้ไม่ต้องใช้เส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางเดิมในการรักษาความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าหน้าที่ได้ระดับหนึ่ง
สำหรับการดูแลม้า เราเน้นดูแลแบบม้าบ้านๆ ที่เลี้ยงไว้ใช้งาน ก็ไม่มีอะไรมาก ตื้นเช้ามาก็จะเอาออกมานอกคอกม้า เพื่อให้ม้าได้กินหญ้าที่ติดน้ำค้างก่อน สักพักก็จะเอาไปอาบน้ำ แล้วให้กินข้าว จากนั้นก็จะเอาอาหารม้ามาให้อีกช่วงเทียง วันไหนมีภารกิจก็จะออกไปประมาณ 10 โมง ก่อนจะกินข้าว พอเสร็จกลับมาอาบน้ำ ถึงจะกินข้าววันไหนที่มีการฝึกกำลังพลม้า 4 ตัวนี้ก็จะทำงานเหนื่อยกว่าทุกๆ วัน เพราะการฝึกคนที่ไม่เคยขี่ม้า ต้องการทำความรู้จักมันก่อนทำความสนิทสนม คุ้นเคย จากนั้นขี่ช้าๆ กว่าจะได้วิ่งควบม้าได้ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เรามีม้าแค่ 4 ตัว ม้าจึงต้องทำงานหนัก “ยิ่งช่วงนี้ม้าตัวเมียทั้ง 2 ตัวที่มีท้องทั้งคู และถ้าคลอดลูกออกมาก็ต้องใช้เวลา 3 ปี กว่าจะเอาแม่มาใช้งานได้ งานหนักหลังจากนี้ จึงต้องตกอยู่ที่ม้าตัวผู้ทั้ง 2 ตัว”
ด้าน นายนันทรัตน์ บัวแย้ม ปลัดอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่า การทำงานร่วม ทหารตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการดูแลความสงบเรียบร้อย อ.สายบุรี เป็นอำเภอหนึ่งที่มีเหตุการณ์มีความหลากหลายของวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อนำความสุขให้แก่ชาวบ้านโดยการใช้สื่อต่างๆ โดยเฉพาะโครงการร่วมใจสร้างรอยยิ้มบนหลังม้า ถือเป็นภารกิจที่ดี โดยเฉพาะการใช้ม้าในการลงพื้นที่ภาพจะอ่อนโยนกว่าการที่ใช้รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์เข้าไปได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ตั้งใจทำงานเพื่อคืนความสุขให้แก่พี่น้องในพื้นที่
นายอาฮามัด สือรีสอ ชาวบ้านปาเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่า เห็นด้วยต่อวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบนี้ การที่ทหารเข้าพื้นที่ด้วยรถฮัมวี่ กับทหารเข้าพื้นที่กับขี่ม้า ภาพ ที่ชาวบ้านเห็นคนละเรื่องกัน “ขี่ม้ามาจะรู้สึกว่าเป็นมิตร เป็นเพื่อนกันได้ แต่พอมากับรถนี้ความรู้สึกจะต่างกันเลย เด็กๆ ก็ชอบ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ให้ความสนใจ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขาตัวเองยังอยากหาซื้อเอาไว้ใช้งานสักตัว ถ้ามีโอกาสคิดว่าวิธีการที่ใช้เข้าหามวลชนแบบนี้ดีมากได้ใจชาวบ้านมาก”
นายอับดุลอาซิ มะหะ เยาวชนบ้านปาเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีโอกาสได้ขี่ม้า เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ทหารใช้ม้าแทนรถยนต์ในการเข้าพื้นที่ พยายามมาตลอดที่จะขอขี่แต่มักจะได้เพื่อนขี่ตลอด คราวนี้มีโอกาสถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด “แรกๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น กลัวม้าจะดีดจะเอาไม่อยู่ แต่พอได้ขึ้นไปขี่รู้สึกไม่อยากลงจากหลังม้าเลย รู้สึกว่าตัวเองเท่มากตอนอยู่บนหลังม้า ถ้ามีโอกาสจะตั้งใจเก็บเงินซื้อม้าสักตัว เพราะการได้ขี่ม้าดีกว่าได้ขี่รถจักรยายนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทหารเข้ามาหาชาวบ้านด้วยวิธีการที่อ่อนโยนเช่นนี้
ด.ช.อุสมาเจะแม กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยวันนี้ เกิดความวุ่นวายขึ้นทันทีเมื่อ พี่ๆ ทหารชุดนี้ได้มารักษาความปลอดภัยมาถึงโรงเรียนตาดีกาประจำหมู่บ้าน เด็กๆ ที่กำลังทำข้อสอบอยู่ในห้องเรียนต่างวิ่งออกมาดูม้า บางเข้ามาขอขี่ม้า และบางก็ขอลูบสัมผัส ใครที่ได้ขี่ม้า ถือว่า ก็จะได้รับการชื่นชมจากเพื่อนๆ เช่นเดียวกับน้องอุสมา เจะแม กับน้องซอฟา ลาเต๊ะ น้องสองคนบอกว่าดีใจที่สุด วันนี้ได้ขี่โชว์เพื่อนๆ ซึ่งต่างจากทุกวันที่ต้องไปขี่ที่ฐาน น้อยมากที่เพื่อนจะเห็น วันนี้ดีใจที่สุด บอกไม่ถูก วันนี้ทหารใจดีเอาม้ามาให้ขี่ถึงที่ตาดีกา เพื่อนๆ ที่เห็นเขายกนิ้วให้ แล้วก็พูดว่า เก่ง ชอบขี่ม้าที่สุดเลยเพราะการขี่ม้าจะสนุก