xs
xsm
sm
md
lg

"เรื่องเน่าเช้านี้" จากดีกลายเป็นเน่า เพราะ "นักเล่าข่าว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถูกชาวเน็ตโจมตีอย่างหนัก กรณีนักเล่าข่าวสาวสวย "ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ" ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ หลุดพูด "ผู้ชุมนุม กวป.ชกต่อยกับพระ" จากเหตุชุลมุนหน้า ป.ป.ช.เมื่อ 25 มี.ค. ทั้งๆ ที่ภาพปรากฏชัดว่าพระสงฆ์เป็นฝ่ายโดนรุมทำร้ายอยู่ข้างเดียว เกิดเสียงวิพากษ์หนัก กระทบทั้งตัวนักเล่าข่าวสาว และนักเล่าข่าวชื่อดังอย่าง "สรยุทธ" ที่ถูกตั้งคำถามจากสังคมมาโดยตลอด จนผู้ชมบางส่วนรู้สึกแย่ และพานไม่ดูช่อง 3 ไปเลยก็มี

"น้องไบรท์" แห่งเรื่องเน่าเช้านี้

งานเข้าจนได้ สำหรับ "น้องไบรท์" นักเล่าข่าวในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ถูกชาวเน็ตรุมวิพากษ์อย่างหนักถึงการทำหน้าที่ กรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.มวลชนของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป.เข้ารุมทำร้ายพระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ อายุ 50 ปี จากจังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่าง กวป.ดำเนินการปิดล้อมพื้นที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี โดยเธอหลุดอ่านข่าวว่า "ผู้ชุมนุม กวป.ชกต่อยกับพระ" ทั้งๆ ที่ภาพปรากฏชัดว่าพระสงฆ์เป็นฝ่ายโดนรุมทำร้ายอยู่ข้างเดียว

นี่คือข้อความที่จุดประเด็นจนลุกลามกลายไปเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของนักเล่าข่าวสาวท่านนี้ จากสมาชิกรายหนึ่งที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า สวัสดี ประเทศไทย ซึ่งทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขอหยิบยกมานำเสนอต่อ โดยมีข้อความระบุไว้ดังต่อไปนี้

"ไบรท์แห่งครอบครัวข่าว 3 อ่านข่าวพระที่ถูกไล่ตี ถูกไล่ชกต่อย ขณะที่ล้มลงก็โดนรุมซ้ำ และยังโดนฉุดกระชากลากดึงจีวรเพื่อให้ถอดออก อย่างน่าสงสาร แต่ไบรท์ อ่านข่าวว่า 'เกิดการชกต่อยระหว่าง กวป.กับพระ' ... งง เพราะตามคลิป ก็เห็นอยู่ว่าพระกำลังวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด มีภาพตรงไหนที่พระกำลังชกต่อยกับกลุ่ม กวป."



อย่างไรก็ดี สำหรับกระแสดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการได้ทำการตรวจสอบรายการเรื่องเล่าเช้านี้ที่ออกอากาศช่วงเวลาประมาณ 07.33 น.ของวันอังคารที่ 25 มี.ค. พบว่าพิธีกรรายการคือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และไบรท์-น.ส.พิชญทัฬห์ มีการรับส่งในการอ่านข่าวชิ้นดังกล่าวดังนี้

สรยุทธ : ในระหว่างนั้นก่อนหน้า ขณะที่ กวป.กำลังเข้ากางเต็นท์ด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.แทนเนี่ย เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย มีชายคนนึงขับปิกอัพติดธงชาติเข้ามายังพื้นที่จนผู้ชุมนุม กวป.สั่งให้หยุดรถและเข้าตรวจค้น ปรากฏว่าในรถพบสายนกหวีดและนกหวีดคล้องคอลายธงชาติ ก็มีการพูดจากัน ระหว่างนั้นมีพระสงฆ์เข้ามาในที่ชุมนุม ... น้องไบรท์

ไบรท์ : ลักษณะคือ พระสงฆ์ต่อว่าผู้ชุมนุมก็เลยมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ผู้ชุมนุมเข้าไปชกต่อยกับพระรูปนี้นะคะ สุดท้ายการ์ด กวป.และตำรวจ-ทหารก็เข้ามาเคลียร์สถานการณ์ค่ะ

สรยุทธ : นี่เป็นคลิปที่มีการเผยแพร่กันเมื่อวานนี้นะครับ ถ้าย้อนกลับไปดู ก็จะเห็นเหตุการณ์ชุลมุนกันเนี่ยนะครับ

หลากความเห็นของเหล่าไซเบอร์

ทันทีที่ข่าวถูกนำเสนอออกไป มีหลายความเห็นที่แตกต่างกัน โดยชาวเน็ตบางส่วนมองว่า ไม่น่าจะทำให้เป็นประเด็น หรือมานั่งจับผิดกันแบบนี้

"เฮ่ย! พลาดนิดเดียว ผิดยังกะฆ่าคนตายเลยหรอ" เป็นอะไรกันไปหมด

"นั่งจับผิดกันจังนะ เหมือนพยายามหาว่าใครบ้างน้าที่อาจจะไม่ใช่พวกตัวเอง ฟังดูก็ไม่เห็นจะหลุดปากตรงไหน เค้าก็พูดสื่อได้ว่าผู้ชุมนุมเข้าไปชกพระ จะให้เขาพูดว่าไงพวกคุณถึงจะพอใจ เป็นอะไรกันมากปะถามจริง" พอทีเหอะ

"ผมไม่เห็นจะมีอะไรที่เป็นการบ่งบอกว่าพระเข้าไปชกต่อยด้วยเลยนะ ผู้ชุมนุมเข้าไปชกต่อยกับพระรูปนี้ ก็ชัดเจนในความหมายอยู่แล้ว ว่าพระถูกผู้ชุมนุมเข้าไปทำร้าย. Web คุณอย่าเสี้ยมให้มากนัก ไม่อย่างงั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสรยุทธ" thana17@yahoo.com

ขณะที่บางส่วน มองว่า สำหรับคนที่จบเกียรตินิยมคณะอักษรศาสตร์ และปริญญาโทด้านภาษาและการสื่อสาร ไม่ควรผิดพลาดในเรื่องการใช้ภาษาแบบนี้

"ชกต่อยกับ .....= ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ชกต่อย ....= ทำฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ได้ต่อสู้ คำสำคัญคือ ...กับ...ที่ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป" ช่วยแปลให้

"เป็นนักข่าวแต่ใช้ภาษาผิดพลาด อย่ามากล่าวหาคนดูคิดเกินไป กับ แก่ แต่ ต่อ ถ้ายังใช้ไม่ถูกอย่ามาแสดงความเห็นหรืออ่านข่าวเลยครับ ผมคิดว่าความพยายามทำตัวเป็นกลางของคุณ คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงไปแล้ว ข่าวนี้คือพระเข้าไปต่อว่าและโดนกระทืบกลับ!" สวยกับเหมือนสวย

นอกจากนี้ ยังมีหลายความเห็นที่ฝากเป็นบทเรียนไปถึง "น้องไบรท์" และนักข่าวรุ่นใหม่ท่านอื่นๆ ด้วย

"พลาดน่ะพลาดได้ แต่มันตั้งใจพลาดเปล่า หรือตกภาษาไทยอย่างน้อยก็ต้องออกมาขอโทษนะไม่ใช่วางเฉย" คุณ ค

"จากการพินิจพิเคราะห์..น้องไบรท์อ่านตามสคริปที่เขียนมา โดยที่เธอก็ไม่ได้วิเคราะห์ และกลั่นกรองไว้แต่แรก... เขียนอย่างไรมาก็อ่านไปตามนั้น..ดังนั้นเธอจึงคาดไม่ถึงว่า..สิ่งที่เธอได้สื่อออกไปนั้น จะกลายเป็นดาบสองคม ที่อาจย้อนกลับมาทิ่มแทงเธอ โดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว.. และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนี้ น้องไบรท์ก็ยิ่งต้องระมัดระวัง และใส่ใจให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นมาอีก" คุณทรามศักดิ์

"ผู้อ่านข่าวที่ดีจักต้องรู้รอบ ติดตามข่าวสาร หาวิธีตรวจสอบครอสเช็ก ระมัดระวังการเสนอข่าวไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของคนชั่ว ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข่าวจากสคริปต์เพียงอย่างเดียว" ญฯญ

แม้จะมีชาวเน็ตออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ทว่า "น้องไบรท์" นักเล่าข่าวสาวแห่งครอบครัวข่าว 3 กลับไม่มีทีท่าว่าจะออกมาชี้แจงแต่อย่างใด

ต่างจากครั้งที่แล้ว ที่ออกมาแลกหมัดกับ "เตชะ ทับทอง หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ" ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การรายงานข่าวของเธอ กรณีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ยิงใส่พื้นที่ชุมนุม กปปส.จนส่งผลให้มีเด็กเสียชีวิต ในพื้นที่ จ.ตราด และหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เซ็นเตอร์ สาขาราชดำริ ว่าเป็นรายงานข่าวที่บิดเบือน โดยเธอได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัวในครั้งนั้นว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานสามารถทำได้ แต่อย่าบิดเบือน และข่มขู่ พร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริงสวนกลับไป

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ "น้องไบรท์" เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในการอ่านข่าวมาแล้ว กรณีข่าว งูจงอางเล่นบทรักริมน้ำ โดยเธออ่านและบรรยายภาพตามว่า "...งูทั้งสองตัว ว่ายน้ำในสระแบบชนิดที่เรียกว่า บิดกันไปบิดกันมา น้ำแตกกระจาย..." เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้คำที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะคำว่า "น้ำแตกกระจาย" ซึ่งดูจะสื่ออารมณ์ชวนสยิวเกินขอบเขต



กรณีนี้ หากเป็นความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำที่เกิดจากการอ่านสคริปต์ของน้องไบรท์ ก็เท่ากับว่าตัวผู้อ่านอ่านข่าวแบบนกแก้วนกขุนทอง หลงลืมที่จะใช้วิจารณญาณของตนเองว่าเป็นถ้อยคำที่ไม่ควรพูดออกสื่อ แต่ถ้าหากเป็นความผิดพลาดที่เกิดมาจากการเพิ่มคำลงไป นอกเหนือจากในสคริปต์มีอยู่ ก็เท่ากับว่าเธอยังเลือกถ้อยคำมาใช้ได้ไม่ดีพอต่อบทบาท "ผู้ประกาศข่าว" ที่แบกเอาไว้บนบ่าอยู่ทุกวัน

เล่าข่าวช่อง 3 นับวันยิ่งถูกตั้งคำถาม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ข่าวช่อง 3 โดยเฉพาะรายการเล่าข่าวของ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดถึงการนำเสนอข่าว จนคนดูเริ่มรู้ทัน และเปลี่ยนช่องไปดูรายการข่าวช่องอื่นแทน โดยเฉพาะช่อง 7 ที่ส่วนใหญ่มองว่า นำเสนอได้เป็นกลางที่สุด เห็นได้จาก ผลสำรวจของนิด้าโพลในเรื่อง "ความเป็นกลางของสื่อฟรีทีวีในการรายงานข่าว" ซึ่งทำการสำรวจจากประชาชนทุกระดับการศึกษาและอาชีพ ทั่วภูมิภาค จำนวน 1,251 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 22.06 เชื่อว่า ช่อง 7 มีการรายงานข่าวที่เป็นกลางมากที่สุด รองลงมาคือ ช่อง 3 และช่องไทยพีบีเอส

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือในการรายงานของช่อง 7 และช่อง 3 ข่าวมากที่สุดนั้น ผศ.ดร.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ นิด้า บอกว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนนโยบายและปรับแนวทางการทำงานที่แตกต่างจากช่อง 9, 5, 11 ที่บริหารงานโดยรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการ

ด้าน ผศ.พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล ภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยให้ความเห็นต่อกรณีเล่าข่าวของ "สรยุทธ" ผ่านสกู๊ปของทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live เรื่อง "สาวไส้ "สรยุทธ" นักเล่าข่าวผู้มีคนดูเป็นเหยื่อ" โดยนักวิชาการท่านนี้มองว่า การเล่าข่าวโดยการใส่ความเห็นเข้าไปนั้น เป็นเพียงสีสันที่ไว้ขายข่าวในเชิงพาณิชย์ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คนในสังคมต้องการจริงๆ ก็คือ ข้อเท็จจริงมากกว่า

"นักเล่าข่าวควรใส่ความเห็นให้น้อยที่สุด คือแน่นอนว่า สรยุทธเขาทำข่าวเป็นเชิงพาณิชย์ มันจะมีความดรามาต้องการจะกระชากเรตติ้ง แต่หลายอย่างพิสูจน์แล้วว่า พอถึงวิกฤตความดรามา การใส่ความเห็นเข้าไปมันไม่ยั่งยืน สิ่งที่ประชาชนต้องการคือข้อเท็จจริง ดังนั้นคิดว่า นักข่าวเอง คนเล่าข่าวเองเขาก็รู้อยู่แล้ว ในเชิงสื่อพาณิชย์มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการจะคอมเมนต์อะไรต่างๆ ดังนั้นอาจจะทำให้น้อยที่สุด อย่างเรื่องการเมืองตอนนี้มันแรง คนแบ่งฝ่าย แค่นำเสนอให้สมดุลไม่ต้องใส่ความเห็นเลยก็ยากแล้ว"

ส่วน สิงห์ สิงห์ขจร อาจารย์ประจำสาขาวิชาประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์การ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ก็ได้พูดเอาไว้เช่นกัน ว่า รายการของคุณสรยุทธไม่ใช่รายการข่าว หากแต่เป็นรายการกึ่งวาไรตี้ที่มีการพูดถึงข่าวเท่านั้น และการเล่าข่าวที่แทรกเอาความเห็นของนักเล่าข่าวเข้าไปในเนื้อเดียวกันนั้น คนส่วนใหญ่จะแยกข้อเท็จจริงกับความเห็นออกได้ยาก

นอกจากนั้น เขายังบอกต่อไปด้วยว่า นักเล่าข่าวกับสื่อมวลชนแตกต่างกัน โดยสื่อมวลชนมีหน้าที่บอกข้อเท็จจริงเท่านั้น ขณะที่นักเล่าข่าวจะใส่ความเห็นได้ ดังนั้นถ้ามีการแยกให้ชัดเจนในอนาคตก็จะเห็นว่าจรรยาบรรณนักเล่าข่าวก็จะแบบหนึ่ง สื่อก็จะแบบหนึ่ง

ขณะที่ นักวิชาการด้านสื่ออย่าง ธาม เชื้อสถาปนศิริ ก็เคยเขียนบทความวิเคราะห์สั้นๆ “หรือไม่? อย่างไร?” โดยมีตอนหนึ่งสะท้อนภาพของรายการเล่าข่าวในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรายการเล่าข่าวที่ถูกตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่สื่อมากที่สุดอย่างรายการเล่าข่าวของ "คุณสรยุทธ"

"...ข่าวสีสัน ข่าวดรามา ข่าวเบาสมอง ข่าวดารา ข่าวใบ้หวย ข่าวปรากฏการณ์ ข่าวขัดแย้ง ฉาวโฉ่ คือสินค้าหลักของรายการคุยข่าวเล่าข่าวทุกวันนี้

สิ่งที่สรยุทธทำ คือ ทำลายแก่นแท้ของงานข่าว เอาดารา ตลก นักร้องมาอ่าน ไม่ทำข่าวเอง แต่ใช้คนดังมาอ่านข่าว เอาคนไม่ทำข่าวมาแสดงการอ่านข่าวเสมือนว่ารู้ การซื้อตัวคนข่าวในวงการ คือส่วนหนึ่งของงานข่าวแบบนี้ คือ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ อยากเป็นแบบสรยุทธ เพราะดูเก่ง เท่ รวย ในสายตาจนกลายเป็นไอดอล

วงการวารสารศาสตร์กำลังตกต่ำด้วยแนวทางข่าวแบบนี้! ที่สุดแล้ว กรรมกรข่าว เป็นแค่นักโฆษณาชวนเชื่อ "หรือไม่ อย่างไร!?" ด้วยการนำเสนอข่าวสารดรามา ไร้สาระ วนเวียน เพื่อดึงสาธารณะไปในทางที่วนหลงอยู่กับความบันเทิงมอมเมา"

หันมาดูปฏิกิริยาของผู้คนในโลกออนไลน์กันบ้าง หลังจากทีมข่าวเปิดประเด็นให้ผู้อ่านในโลกโซเชียลฯ เข้ามาแสดงความคิดเห็น ผ่านแฟนเพจ ASTV ผู้จัดการ Live ในหัวข้อ "คุณรู้สึกอย่างไรกับการทำหน้าที่ในการนำเสนอข่าวของสื่อต่อไปนี้ ระหว่างช่อง 3 กับช่อง 7 (หรือช่องข่าวอื่นๆ ทางฟรีทีวี)" ส่วนใหญ่หมดความเชื่อถือในการนำเสนอของช่อง 3 และหันมาดูข่าวช่อง 7 แทน ในขณะที่บางส่วนเลิกเสพข่าวจากฟรีทีวีแล้วหันไปพึ่งสื่อออนไลน์มากขึ้น

"เลิกดูข่าวช่อง 3 นานแล้วส่วนมากที่เห็นมีแต่ข่าวกากๆ ผมดูข่าวช่อง 7 มากกว่าตอนนี้" Ronnarith Phetchsong

"ช่อง 3 เลิกดูไปนานแล้ว เลยไม่มีความเห็น ช่อง 7,9 ดูบ้างก็ยังมีการออกข่าวเกรงใจรัฐบาลอยู่ ส่วนมากข่าวจะดู TPBS เป็นหลัก ช่อง 5 น้อยมากเพราะมันรับสัญญาณไม่ค่อยชัด เท่าไร" Suphot Chanwimaluang

"บอกตรงๆ ช่องฟรีทีวีที่ตกเป็นทาส"ไอ้แม้ว"แล้ว ไม่ไ้ด้เข้าไปดูเป็นปีละ จะมีบ้างก็ช่อง 7 เลือกดูหนังดีนิดหน่อย นอกนั้นปล่อยหยักไย่เกาะ...วันนี้ดูแต่ bluesky...ยุคสื่อทีวีที่เสนอข่าวสารที่ดีสุดเกิดในยุค ดร.สมเกียรติ แต่มาตายในยุค ดร.ทักษิณ ไอ้แม้วจอมโกง" Bakhamnoi Bkk

"สมควรปิดไปเลยคับสำหรับฟรีทีวี รายการที่ทำออกมา ไร้คุณภาพ มอมเมาเยาวชนส่วนตัวผมเลิกดูมาเกือบ 10 ปีแล้วคับ หันมาหาข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตดีกว่า" Stefan RunkZy

ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคข่าวยุคใหม่เริ่มหมดความศรัทธาในสื่อฟรีทีวี โดยเฉพาะช่อง 3 เข้าไปทุกที ทางที่ดี ทั้งตัวนักเล่าข่าวชื่อดัง และทางช่องน่าจะสำเหนียกเรียกสำนึกอันบกพร่องของตัวเองกันได้แล้ว อย่าให้ข้อครหาที่ว่า เป็นสื่อรับใช้รัฐบาลออกหน้าออกตาอย่างน่าเกลียด มอมเมาแต่ข่าวดรามา ทำให้ประชาชนยิ่งโง่ลงเรื่อยๆ ต้องชัดเจนไปมากกว่านี้

หรืออย่างกรณีนักเล่าข่าวสาวที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ คงจะเป็นบทเรียนให้ตัวเธอเอง และนักเล่าข่าวยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องเข้าใจว่า คุณกำลังรายงานข่าวท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ยิ่งอยู่ในรายการข่าวที่สังคมกำลังจับตามองอย่างไม่กะพริบด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวัง!

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live

ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง ---> "น้องไบรท์" งานเข้า หลังหลุดปาก "ผู้ชุมนุม กวป.ชกต่อยกับพระ"



เตชะ ทับทอง เปิดศึก น้องไบร์ท แลกคนละหมัด!ปมบิดเบือนข่าวเกี่ยวกับการรายงานข่าวกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ยิงใส่พื้นที่ชุมนุม กปปส. จนส่งผลให้มีเด็กเสียชีวิต ในพื้นที่ จ.ตราด และหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เซ็นเตอร์ สาขาราชดำริ
น้องไบรท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 โพสต์ข้อความชี้แจงตอบกลับเตชะ ทับทอง หลังถูกวิจารณ์การรายงานข่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น