ถึงคราวผ้าเหลืองไทย ต้องแปดเปื้อนกันอีกครั้ง!! หลังจากแฟนเพจเฟซบุ๊กดังอย่าง “Fuckghost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย” แชร์ภาพพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งกำลังประกอบพิธีกรรมผิดวินัยเสริมเสน่ห์ให้สตรีภายใต้ชื่อพุทธิศักดิ์คลินิก จนภาพดังกล่าวนำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่พุทธศาสนิกชน ถึงความไม่เหมาะสมของพฤติกรรมคนเป็นพระ
เป็นที่รู้กันว่าตามหลักพระธรรมวินัยของสงฆ์ คนเป็นพระไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ยิ่งโดยเฉพาะกับการทำเสน่ห์ ยิ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อหลักธรรมคำสอน ทว่า ขณะนี้กลับมีภาพของพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง แชร์ว่อนในโลกออนไลน์ ขณะกำลังปิดแผ่นทองคำเปลวลงบนใบหน้าหญิงวัยกลางคนและแม่ชี ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพิธีกรรมที่เรียกว่า “การลงนะหน้าทอง หรือ หน้ากากทองคำ” โดยมีรูปแบบก็ยังเหมือนกับการมาร์กหน้าด้วยทองคำแบบที่สถานเสริมความงามชื่อดังมักทำกัน
และเมื่อภาพนี้ถูกวิจารณ์หนักเข้า แน่นอนว่าผู้ดูแลศาสนา อย่าง สงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงไม่อยู่เฉย
“ผมได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายฯ ชมรมคนรักพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งดูภาพพุทธิศักดิ์คลินิกแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าบุคคลในรูปเป็นพระจริงๆ” นอกจากนี้ ประธานเครือข่ายฯ ยังย้ำชัดเจนอีกว่า ในวันพุธจะมาถึง เวลา 14.00 น. ตนจะเข้าไปแจ้งความกับกองปราบฯ เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลในภาพให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกันทางฝ่ายสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า เวลานี้ทางสำนักงานกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาอย่างละเอียดว่า ผู้ประกอบพิธีกรรมสุดอุตรินี้เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ และอยู่วัดใด หากได้ข้อมูลหลักฐานระบุชัด จะจับสึกให้พ้นสภาพจากการเป็นพระทันที
ส่วนโทษทัณฑ์ที่บุคคลในภาพจะได้รับนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังระบุอีกว่า “หากเป็นพระจริง การกระทำนี้ก็เข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ เพราะเป็นการกระทำลักษณะพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ที่เข้าข่ายอุตริ อวดอ้างโดยการโฆษณาชวนเชื่อผ่านอินเทอร์เน็ต บอกว่าเป็นการเสริมดวงชะตา”
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้เริ่มคืบหน้า เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊ก “Fuckghost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย” ที่เป็นผู้เผยแพร่ภาพดังกล่าวตั้งแต่แรก ได้นำภาพบรรยากาศในงานครบรอบวันคล้ายวันเกิดพระครูไพบูลพัชรสุนทร หรือหลวงพ่อเณร ที่จัดภายในวัดซับอุดมมงคลธรรม อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ มาโพสต์เปรียบเทียบกับสถานที่ที่ประกอบพิธีกรรม รวมถึงได้ยืนยันว่าเป็นวัดนี้จริง
อย่างไรก็ดีแม้หลายฝ่ายจะมองกรณีดังกล่าวเป็นความผิดว่าเป็นพฤติกรรมที่พระไม่สมควรทำ และเห็นด้วยกับการให้พ้นสภาพจากการเป็นพระ ทว่าสำหรับ ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์ สุดตะคุณ หัวหน้าพระวินยาธิการ กลับเห็นต่าง ท่านแนะนำว่า
“ผู้หญิงในภาพที่เข้ามาประกอบพิธีเยียวยารักษาคนนั้นอาจเป็นญาติพี่น้องของพระที่ทำ อีกอย่างก็ยังไม่รู้ด้วยว่า ท่านได้ถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นการถูกเนื้อต้องตัวจริงๆ โทษเพียงอาบัติ ยังไม่ถือว่าขาด”
ส่วนกรณีที่ทางวัด ใช้ชื่อว่า “พุทธิศักดิ์คลินิก” ท่านเจ้าคุณเล่าว่า ชื่อนี้อาจตั้งขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทางวัดจะจัดเป็นคลินิกเสริมความงามเสมอไป อาจก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน หรือรักษาเยียวยาผู้ป่วย
นอกจากนี้ ท่านเจ้าคุณประสิทธิ์ สุดตะคุณ ยังชี้อีกว่า หากทางฝ่ายที่กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการทำเสน่ห์จริง ก็จะว่าไปตามผิด ตามโทษธรรมวินัย ส่วนตอนนี้อยากให้ประชาชนอย่าเพิ่งปักใจเชื่อเพียงแค่เห็นจากภาพ จนกว่าจะได้ข้อมูลที่แน่ชัดกว่านี้
