ข่าวโชเฟอร์วัยดึก สนองความคึก เหยียดมือมาลูบไล้ขาอ่อนของผู้โดยสารสาวอย่างไร้ยางอาย กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง คิดดูว่าออกหากินได้เพียง 6 วัน กระทำอนาจารแบบนี้ไปแล้ว 5 ราย! ที่น่าตกใจคือรายที่ตกเป็นข่าวดัง นั่งมาด้วยกัน 3 คน แต่แท็กซี่ก็ยังไม่ยอมละความหื่น ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ โชเฟอร์คนเดียวกันนี้ มีเหยื่อโทร.ร้องเรียน “1584” แล้วหลายครั้ง แต่กว่าจะดำเนินการจับตัวได้ก็ผ่านไปเกือบอาทิตย์
ชวนให้ต้องหันกลับมามองเรื่องมาตรการรับเรื่องร้องเรียนของกรมการขนส่งทางบก ว่าสายด่วนที่ตั้งใจให้เป็น “ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ” ทุกวันนี้ ได้ทำหน้าที่ “คุ้มครอง” ให้ประชาชนไว้วางใจได้แล้วหรือยัง?
และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมแล้วที่จะตอบคำถามคาใจเกี่ยวกับ “แท็กซี่มหาประลัย” หลากหลายรูปแบบที่คุกคามคนเมืองอยู่ในขณะนี้
คิดเห็นอย่างไรบ้างต่อแท็กซี่ที่ถูกข้อหา "กระทำอนาจารหญิงอื่นในที่สาธารณะ" รายล่าสุด?
ผมเป็นคนบอกให้ไปจับเองแหละครับ เหตุมันเกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ตอนเช้า เป็นช่วงที่น้องนักศึกษาเขาโทร.มาแจ้งที่ 1584 ประเด็นสำคัญที่ฟังแล้วน่ากังวลคือ ตลอดช่วง 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-7 มี.ค.เนี่ย โชเฟอร์รายนี้โดนแจ้งมาแล้ว 5 ครั้ง คือเฉพาะวันที่ 2 มีคนแจ้งเข้ามา 3 ครั้ง ช่วงสายๆ กับช่วงเที่ยง วันที่ 7 ช่วงสายๆ มีคนโทร.มาแจ้งอีก 1 ครั้ง และช่วงบ่ายๆ มีอีก 1 ครั้ง แต่เป็นแจ้งย้อนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ผมเลยถามไปทางขนส่งว่าทำไมไม่ไปจัดการตั้งแต่วันที่ 2 ที่มีคนแจ้งเข้ามา 3 ครั้ง
ตามปกติแล้ว เวลามีคนแจ้งมาทาง 1584 ทางขนส่งจะมีการตรวจสอบ เข้าไปรับเรื่องร้องเรียนทุกวันอยู่แล้ว ส่วนรูปแบบที่จะจัดการต่อไปได้ก็คือ จะมีการแจ้งไปยังเจ้าของอู่ ให้ทางโชเฟอร์เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาก่อนภายในไม่เกิน 7 วัน เพราะเวลาคนส่วนใหญ่แจ้งเข้ามา จะระบุเลขทะเบียนรถ ไม่ได้แจ้งชื่อเป็นรายบุคคล ก็เลยต้องติดต่อผ่านทางอู่ เพื่อให้เจ้าของอู่ไปค้นหาว่า คนขับรถคันนี้ ณ ช่วงเวลานั้นคือใคร แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการสืบสวนดำเนินคดีต่อไป ทางขนส่งสามารถจัดการในเรื่องใบอนุญาติขับขี่ได้อย่างเดียว แต่ไม่สามารถเข้าไปจับกุมดำเนินคดีทางอาญาได้ เรื่องของการจับกุมต้องให้เจ้าทุกข์เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี
จริงๆ แล้วการดำเนินการของขนส่งควรจะรวดเร็วและเด็ดขาดกว่านี้ด้วยซ้ำ คือไม่ใช่มาตรฐานเดียวกับข้อหา “ปฏิเสธ ไม่รับผู้โดยสาร” แต่ข้อหา “ลวนลามผู้โดยสาร” แบบนี้ ควรจะรีบไปตามตัวให้ถึงบ้าน ซึ่งหลังจากที่ทางเราเร่งรัดไป ก็สามารถไปตามตัวเขาได้ตอนเย็นวันนั้นเลย
จากกรณีนี้ก็ต้องยอมรับว่าการทำงานของทางกรมการขนส่งฯ ยังต้องปรับปรุง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซึ่งถือว่าเป็นภัยกับสังคม ต้องรีบดำเนินการทันที ซึ่งครั้งนี้ก็ใช้วิธีโทร.กลับไป แนะนำให้น้องไปแจ้งความ และช่วยประสานกับทางตำรวจให้เข้าไปจับตัวและดำเนินคดี ต่อจากนี้ ในส่วนของทางขนส่งที่จะทำได้ก็คือ ยึดใบอนุญาตขับขี่สาธารณะและไม่ต่อให้โชเฟอร์รายนี้
ถ้าคนร้ายรายเดิมกลับมาขับแท็กซี่อีก ใครจะมานั่งตรวจสอบประวัติว่าโดนยึดใบอนุญาตแล้ว?
ถ้าทำผิดแบบนี้แล้ว เขาจะถูกยึดใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ ซึ่งก่อนจะทำใบนี้ได้ ต้องมีการเช็กประวัติหลายๆ อย่าง ทั้งคดีอาญาและสารเสพติด และในกรณีโชเฟอร์รายนี้ ใบอนุญาตขับขี่สาธารณะของเขาหมดอายุไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ยังไม่ได้ดำเนินเรื่องขอต่ออายุอยู่ นี่ก็ถือเป็นความผิด 1 กระทงแล้ว ซึ่งคนที่ต้องรับความผิดนี้มีอยู่ 2 ส่วน คือส่วนของคนขับ กับส่วนของเจ้าของอู่ เจ้าของอู่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เขาจะได้ช่วยเคร่งครัดในการคัดเลือกคนขับให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้โชเฟอร์คนนี้ก็อยู่ในห้องขังเรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนเรื่องการตรวจสอบไม่ให้ผู้กระทำผิดรายเดิมกลับมาทำอาชีพแท็กซี่อีก ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะทำ “การเชื่อมโยง database ระหว่างคนขับแท็กซี่กับเจ้าของอู่” เพราะตอนนี้ ถ้าคนขับทำผิดปุ๊บ เราไม่สามารถส่งข้อมูลไปยังเจ้าของอู่ทุกอู่ได้ว่า คนขับคนนี้ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ขับต่อไป แต่หลังจากที่ทำระบบใหม่แล้ว ถ้าสมมติคนขับคนนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เราจะได้ส่งข้อมูลไปยังเจ้าของอู่ทุกอู่เลยว่าคนขับคนนี้ทำผิดนะ จะได้มีข้อมูลมาแชร์กัน จะได้ไม่เกิดปัญหาว่า โชเฟอร์ที่ทำผิดคนเดิม ออกจากอู่นี้เพราะเขาไม่ให้ขับ แล้วไปเข้าอู่ใหม่อีก
และถ้าเรามี database ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งหมดแบบออนไลน์ ต่อไปก็จะทำให้ทราบว่าคนขับคนนี้ที่เพิ่งก่อเหตุ ตอนนี้ออกเวรแล้วหรือยัง และไปขับรถคันไหนอยู่ แต่ปัจจุบันนี้ ทางขนส่งอยากทราบข้อมูลเพื่อจะตามตัวโชเฟอร์ ก็ต้องแจ้งเป็นครั้งๆ ไปเพื่อตรวจสอบว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงไหนแล้ว
ผมคิดว่าภายใน 1-2 เดือน ระบบนี้ก็น่าจะเสร็จครับ ถ้าระบบนี้เสร็จ ทางขนส่งเองก็จะเช็กข้อมูลทั้งหมดจากออนไลน์เลยว่า โชเฟอร์ที่ต้องการตามตัวคือใคร ขับรถทะเบียนอะไรอยู่ และทางอู่ก็จะได้รู้ข้อมูลประวัติอาชญากรรมด้วยว่า ไอ้คนขับคนนี้เคยทำคดีชั่วร้ายอะไรไว้บ้างหรือเปล่า ก็จะช่วยให้การตรวจสอบดีขึ้น ซึ่งทางกรมการขนส่งฯ จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบตรงนี้
ที่ผ่านมา เรื่องการร้องเรียนเกี่ยวกับแท็กซี่ เรื่องไหนที่ให้ความสำคัญอันดับต้นๆ?
เรื่องภัยสังคมต้องอันดับ 1 อยู่แล้วครับ เช่น การลวนลาม พูดจาหยาบคาย พฤติกรรมลักทรัพย์ ล่อลวง ฯลฯ เพราะถ้าเข้ามาจัดการช้าไป เขาอาจจะก่อเหตุเพิ่มขึ้นอีก แต่เรื่องอื่นๆ ก็ยังทิ้งไม่ได้ เพราะทุกคนที่โทร.มาก็คาดหวังว่า 1584 ต้องช่วยได้ และผมก็มองว่าสายด่วนตรงนี้น่าจะเป็นพลังที่สำคัญในอนาคต เพราะถ้าเราให้พลังอยู่ในมือผู้บริโภค โชเฟอร์ที่คิดร้ายก็จะกลัว ผมว่าวิธีนี้ได้ผลกว่าการให้ทางขนส่งไปตั้งด่านตรวจแน่นอนครับ ตั้งไม่ไหวหรอก แท็กซี่ก็มีเกือบแสนคัน สายตรวจก็ไม่พอที่จะตรวจทุกคัน และมีกำลังไม่พอที่จะตระเวนดูที่เกิดเหตุ เพราะฉะนั้น สายด่วน 1584 เราต้องทำให้ดี ไม่ใช่จะทำแค่สร้างภาพไม่ได้
เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เกี่ยวกับแท็กซี่ทุกวันนี้คือ...?
ก็คือเรื่อง ไม่รับผู้โดยสารนี่แหละครับ ถามว่าแก้ได้มั้ย ผมว่าถ้าไม่ออกมาตรการจับแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ ยอมรับว่าเรายังแก้ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราก็พยายามทำอยู่ครับ มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีหลายมิติที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนคดีลวนลามที่ร้องเรียนเข้ามา เท่าที่เห็นก็ไม่ได้มีเข้ามาบ่อยๆ นะ
คิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ปัญหา “ปฏิเสธผู้โดยสาร” แก้ไม่ตกเสียที?
ต้องยอมรับว่าสายตรง 1584 เป็นการปฏิบัติงานแบบกึ่งๆ ปลายเหตุ คือพอโชเฟอร์ไม่รับผู้โดยสารแล้วค่อยให้แจ้งร้องเรียน แต่ก็เป็นวิธีที่ยังต้องทำครับ ส่วนเรื่องแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร เราก็ยังพยายามหาวิธีอยู่ครับ มันเริ่มมาตั้งแต่เรื่องจรรยาบรรณของคนขับแล้ว แต่ก็ต้องเข้าใจว่าแท็กซี่ก็มีทั้งคนที่ไม่ดีปะปนมาในหมู่แท็กซี่ดีๆ ทำให้ภาพเสียไป
มามองให้ลึกถึงเหตุจูงใจที่ทำให้เขาไม่รับผู้โดยสาร มองที่เรื่องมิเตอร์เอง ถ้าจะแก้ปัญหา ก็อาจจะต้องแบ่งมิเตอร์ออกเป็นหลายช่วง ให้มีทั้งราคาเริ่มต้น, ราคาช่วงรถติด, ราคาช่วงรถวิ่ง ฯลฯ ถามว่าทำไมคนขับส่วนหนึ่งถึงไม่ยอมรับผู้โดยสาร-ไม่ยอมไป ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ารถมันติด ค่ามิเตอร์ที่ได้มันไม่คุ้ม ซึ่งทางเราก็กำลังศึกษาอยู่ว่า ช่วงที่รถจอดนิ่งตอนรถติด ค่ามิเตอร์อาจจะถูกไปหน่อย วิ่งช้าไปหน่อย เลยทำให้คนขับไม่อยากไปทางนั้นเพราะรู้แล้วว่าจะเจอรถติด อันนี้เราก็ต้องลองให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายครับ ปัญหาอาจจะมีหลายด้านให้ต้องแก้
ส่วนเรื่องข้ออ้างเติมแก๊ส อันนี้คงอ้างไม่ได้ และต่อไปทางขนส่งก็ต้องพยายามแก้กันที่ต้นเหตุจริงๆ เพราะการจับกุม มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ก็ต้องเอาข้อมูลหลายๆ ด้านมาวิเคราะห์กันอีกทีหนึ่งครับ แต่ก็ยังอยากให้ประชาชนอาศัย 1584 ได้นะครับ ถ้ามีอะไรก็ให้แจ้งเข้ามาเลย ช่วยกันเป็นหูเป็นตาต่อไป ผมก็จะพยายามแก้ไขตรงนี้ให้ดีที่สุด
ปัญหาเยอะขนาดนี้ อยากให้ช่วยแนะนำวิธีการเลือกแท็กซี่ที่จะไม่เป็นปัญหา
(หัวเราะ) ถ้าจะให้เลือกจากภายนอก จากสีแท็กซี่ ผมว่าก็คงไม่ค่อยต่างกันหรอก มันขึ้นอยู่กับคนมากกว่า ผมว่าคนดีก็เยอะนะ แต่มีส่วนหนึ่งที่ไม่ดี เลยทำให้ภาพพจน์ไม่ดี ส่วนเรื่องจะแก้ปัญหาโดยให้มี Lady Taxi อาจจะไม่เหมาะ เท่าที่ฟัง feedback ดูแล้ว คนก็ไม่เห็นด้วยเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะรายละเอียดมันยิบย่อยลงไปอีก ผมว่าเอาแท็กซี่แบบธรรมดาให้ดีก่อนดีกว่า
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
อิสสริยา อาชวานันทกุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
[Info] แท็กซี่แบบนี้ อย่าปล่อยไว้ ต้องจัดไป!
“แท็กซี่” แชมป์สุดแย่! ผู้โดยสารร้อง “1584” ห่วย!