ถือเป็นหนึ่งพลังสำคัญในการออกมาขับไล่ระบอบชั่ว สำหรับกลุ่ม "ดอกไม้เหล็ก" ทั้งหญิงแท้ หญิงเทียมที่ต่างลุกขึ้นมารวมพลังขุดราก ถอนโคนระบอบทักษิณแบบไม่ให้เหลือซาก ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างสีสัน และสร้างพลังให้แก่การชุมนุมเท่านั้น พวกเธอยังปล่อยแถวออกปฏิบัติการขับไล่รัฐบาลรักษาการตามจุดต่างๆ กันอย่างชนิดที่เรียกว่า ไม่ห่วงสวยกันเลยทีเดียว
เห็นได้จากการรวมพลังขับไล่รัฐบาลเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะประกาศยุบสภาไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของการออกมา เนื่องจากส่วนใหญ่เห็นว่า ต้องออกมาช่วยกันขับไล่นายกฯ และรัฐบาลรักษาการ รวมถึงกำจัดเผด็จการทางรัฐสภาที่แฝงอยู่ภายใต้การเลือกตั้งที่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยออกไปด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณให้สิ้นซาก ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากอำนาจของระบอบทุนนิยมสามานย์ที่ทักษิณใช้ในการยึดครองประเทศไทย และนำไปสู่วัฒนธรรมทางการเมืองที่มีจริยธรรม และได้รัฐบาลที่บริหารประเทศตามหลักธรรมาภิบาล
กลุ่มสตรี รวมพลังขับไล่ยิ่งลักษณ์
มวลมหาประชาชนขับไล่รัฐบาลในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีกลุ่มสตรีจากหลายภาคหลายจังหวัดเข้ามาอาสาเปลี่ยนแปลงประเทศกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณบ้านพักรักษาการนายกฯ ที่ซอยโยธินพัฒนา 3 ที่มีทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ แม้ว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีจะไม่อยู่บ้าน เพราะเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคอีสาน แต่ผู้ชุมนุมก็ยังเดินทางไปที่บ้านเพื่อกดดันและแสดงสัญลักษณ์ในการขับไล่รักษาการนายกรัฐมนตรี
เริ่มกันที่ คุณอี๊ด แสดงความเห็นในฐานะภรรยาของท่านนายพลรายหนึ่ง โดยเธอบอกผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ว่า การออกมาครั้งนี้มาเพื่อแสดงให้รักษาการนายกรัฐมนตรีได้เห็นในเชิงสัญลักษณ์ว่า มวลมหาประชาชนไม่เอาระบอบทักษิณอีกต่อไปแล้ว
"ดิฉันมาในครั้งนี้ มาที่บ้านท่านรักษาการนายกฯ ก็เพื่อแสดงให้รู้ว่า พวกเราไม่เอาคุณ และระบอบทักษิณแล้ว ซึ่งเราไม่ได้มาทำร้าย หรือทำอะไรคุณ เรามาแค่วางดอกไม้จันทน์ เพราะก่อนหน้านี้เอาดอกกุหลาบไปให้ก็แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยาตอบรับในทางสำนึกแต่อย่างใด ครั้งนี้ก็เลยเอาดอกไม้จันทน์มาวางให้ที่หน้าบ้าน ก็เท่านั้นเองค่ะ
แม้ว่าท่านจะไม่อยู่บ้าน แต่ลึกๆ อยากให้ท่านอยู่บ้าน เพื่อจะได้รับรู้เสียงของประชาชนจริงๆ ถ้าอยู่ในกลุ่มที่มีแต่คนสอพลอ ท่านก็จะไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้เสียงของประชาชนจริงๆ ว่าประชาชนต้องการอะไร และแม้วันนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่เราก็เชื่อในพลังสตรี ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ และเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่" เธอเผย
ส่วน คุณหมวย แม่ค้าวัย 34 ปี เธอเป็นอีกหนึ่งเสียงของสตรีในการออกมาร่วมขับไล่รักษาการผู้นำหญิงครั้งนี้ด้วย โดยเธอบอกด้วยความอัดอั้นว่า ทนไม่ไหวแล้วกับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ รวมไปถึงระบอบทักษิณที่ชั่วร้าย เห็นแก่ตัว และคอยโกงกินประเทศชาติ
"ที่ออกมาวันนี้ ส่วนตัวออกมาเพื่อขับไล่ผู้นำโง่ๆ ที่อ่านภาษาไทยยังผิด บริหารประเทศก็ไม่เป็น ตอบคำถามอะไรก็ไม่ได้ ตอบทีนึงก็ต้องโยนไปกระทรวงนั้น กระทรวงโน้น ถามว่าคุณจะเป็นผู้นำเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นจะเอาไว้ทำไม เอาไว้ไม่ได้หรอก อย่างกู้เงินมา 2 ล้านล้านบาท จะกู้มาทำไม แค่นี้ประเทศไทยก็จะเป็นหนี้ตายอยู่แล้ว ลูกหลานเราจะกินอะไร กินแกลบหรอค่ะ คือมันไม่ไหวแล้วอ่ะ ข่าวฟรีทีวีบางช่องก็ปิดหูปิดตาประชาชน อย่างวันที่มาบ้านนาง ก็รู้ค่ะว่านางไม่อยู่บ้าน แต่อยากมาดูบ้านนางสิว่า จะใหญ่โตด้วยเงินประชาชนขนาดไหน และถ้าเจอก็อยากจะบอกว่า คุณปูค่ะ ถ้าหน้าไม่หนาเหมือนคอ-นก-รีต คุณออกไปเถอะค่ะ ประเทศชาติจะได้เจริญขึ้น"
ไม่เพียงแต่กลุ่มสตรีในซ.บ้านรักษาการนายกฯ แล้ว ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ปล่อยแถวออกปฏิบัติการขับไล่รัฐบาลตามจุดสำคัญอีกหลายจุด เริ่มกันที่เวที "อโศก" งามจิต มุทะชากุล อายุ 55 ปี อาชีพนักเขียน เธอชูป้าย "เวลาของปูหมดแล้ว ไป..ไป..ไปลงนรกซะเถิดอีปู" ก่อนจะพูดถึงนายกหญิงคนแรกของประเทศ ในสายตาเพศหญิงด้วยกันว่า
"ครั้งใดที่เราถึงพูดถึงผู้นำหญิงคนนี้ อย่างแรกที่รู้สึกเลยก็คือความอาย ส่วนตัวรู้สึกอับอายมากที่มีผู้นำลักษณะอย่างเขา เริ่มตั้งแต่ขาดสามัญสำนึก ไม่รู้จักอาย ขาดความรับผิดชอบ โง่ ไร้สมอง ไม่รู้จักกาลเทศะ ที่เห็นชัดๆ เลยก็เมื่อครั้งที่ต้อนรับประธานาธิบดี โอบามา นี่น่าอายที่สุด"
"ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ส่วนตัวมองว่า เธอทำลายภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทยมาก เพราะผู้หญิงไทยในอดีตที่ผ่านมา เป็นวีรชนที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์หลายท่านหลายคนมาก นายกฯ ท่านนี้มาทำลายความเป็นนักสู้ รักชาติบ้านเมือง ถ้าเขามีสามัญสำนึกในความรักชาติบ้านเมืองสักนิดนึง เขาควรจะออกไปตั้งแต่ประชาชนออกมาแสดงความไม่พอใจเขาแล้วค่ะ ซึ่งการออกมาครั้งนี้ก็เพื่อให้รู้ว่า ฉันไม่ต้องการเธอ ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว..ปู"
ทั้งนี้ เธอยังให้ความเห็นต่อไปอีกว่า "ส่วนไม่ชอบพฤติกรรมของทักษิณมานานแล้ว ไม่ว่าครั้งไหนที่มีการแสดงออกถึงความไม่ชอบทักษิณ และมีการขับไล่พวกพ้องของทักษิณก็จะออกมาทุกครั้ง เพื่อมาแสดงให้เห็นว่า 1 พลังของเราสามารถรวมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการขับไล่เขาออกไปได้สักวันหนึ่ง ส่วนอะไรที่ไม่พอใจในตัวทักษิณ ก็เพราะว่าโอหัง จาบจ้วงสถาบัน"
ตามมาด้วย เกศณี ศักดิ์ไพศาล ชาวสวน วัย 53 ปี การที่ออกมาครั้งนี้ เพราะอยากขุดราก ถอนโคนระบอบชั่วให้สิ้นซากไปจากประเทศไทย
"ส่วนตัวเคยออกมาสู้เรื่องโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน เพราะว่าได้รับผลกระทบโดยตรง บ้านพี่ได้รับผลกระทบโดยตรงเลยต้องออกมาสู้ และไม่มีวิธีการไหนที่จะหยุดรัฐบาลนี้ได้ นอกจากไล่ออกไปทั้งหมดเลยมันถึงจะไม่เกิดขึ้น ถามว่าในสายตาคนต่างชาติเขามองผู้นำหญิงของเราอย่างไร เขาคงมองว่า ผู้หญิงไทยได้แต่สวยและดูดี แต่ขาดสติปัญญา อาจจะทำให้หลายคนมองแบบนั้นค่ะ ว่าผู้หญิงไทยคิดไม่เป็น ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่"
อย่างไรก็ดี เธอมองว่า แม้จะเป็นแค่เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่ง แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ทำอะไรเลย
"ต้องออกมาแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเราเป็นหนึ่งในคนที่ไม่พอใจ อยากจะให้เขาออกไป จะได้มีโอกาสปฏิรูป มีรัฐบาลที่ดีกว่านี้ นั่นเป็นความหวังนะ" เธอปิดท้าย พร้อมกับหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าไล่
ขณะที่ อัจจิมา ดุลคนิต อายุ 48 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว หัวหน้าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)สมุทรปราการ ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เธอยอมรับว่า เคยเอาใจช่วยนายกฯ คนนี้มาตลอด แต่ด้วยการบริหารประเทศที่มีแต่ปัญหา และทำเพื่อพวกพ้อง ทำให้เปลี่ยนใจ
"ตอนเริ่มต้นก็เหมือนว่าจะไปด้วยดี แต่หลังๆ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว มันเริ่มเปลี่ยนไป ถึงเขาจะเป็นผู้หญิง แต่ก็คิดว่าผู้หญิงก็น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ เราเคยคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เลวร้ายกว่าเดิมอีก ยิ่งไม่ได้มองเห็นประเทศชาติและผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แต่ไปทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ก็ยิ่งสมควรออกจากตำแหน่งนี้ไป"
"ส่วนตัวไม่แน่ใจว่า พลังของมวลมหาประชาชนจะทำให้เขาออกไปไหม ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมหรือไม่ยอม แต่อย่างน้อย เราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้แสดงออก สังคมอาจจะมาฉุกคิดได้ว่าอย่างน้อยก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจเขา ถ้าอยู่เงียบๆ ก็จะไม่มีใครรู้เลยว่ามีคนที่ไม่พอใจ ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมตื่นตัวค่ะ"
ฟากเวทีบริเวณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คุณยายรักชาติที่จูงมือหลานสาววัย 5 ขวบมาด้วย บอกว่า "วันนี้ที่มาร่วมชุมนุม เราต้องการให้รัฐบาลลาออกค่ะ อีกอย่างคือเราไม่ต้องการให้เขาอยู่ในแผ่นดินไทยอีกต่อไปแล้ว วันนี้ก็วันหยุด บ้านเราก็ใกล้ก็ต้องมาช่วยกันค่ะ ก็อยากให้รัฐบาลเข้าใจประชาชน ทุกๆ คนที่ออกมาเนี่ย อยากให้บ้านเมืองสงบ รัฐบาลต้องเห็นใจประชาชนบ้าง พวกเราไม่ได้มาไม่ดี เรามาอย่่างสงบ ดังนั้น วันนี้เราต้องรวมกันเป็นพลังประชาชน ส่วนหลานสาว ที่ให้เขามาร่วมชุมนุมเพราะอยากให้เขาได้เรียนรู้ อีกอย่างคือเขารักในหลวงมาก" คุณยายเผย
ทั้งนี้ คุณยาย ฝากไปถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วยว่า "ยิ่งลักษณ์คุณออกไปได้แล้ว เพราะคุณบริหารประเทศชาติไม่ได้ คุณทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนมาก"
ส่วน เวทีที่บริเวณ หอศิลป์กรุงเทพฯ ร.ศ.กมลา นาคะศิริ และ ลัดดา แสวงพรรค์ ข้าราชการอาวุโส เพื่อนร่วมรุ่นร่วมสถาบันจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดใจต่อการเข้าร่วมชุมนุม บริเวณหอศิลป์ฯ ในครั้งนี้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร่วมชุมนุม แต่เข้าร่วมมาหลายครั้งแล้ว ทั้งที่จุฬาฯ ทั้งราชดำเนิน โดยมีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียว คือ อยากให้นายกฯ รักษาการลาออก
"รัฐบาลไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว รัฐบาลทำผิดมาหลายอย่างแล้ว ตั้งแต่ไม่เคารพศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้เขาออก..ลาออกได้แล้วค่ะ ให้เขาลาออกเพื่อที่จะได้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง เรารักการเลือกตั้ง รักประชาธิปไตย แต่ตอนนี้เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยมันก็ไม่มีประโยชน์ มันต้องปฎิรูปก่อน" ร.ศ.กมลา กล่าว
ถามต่อไปว่าเกรงเรื่องความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งคู่ตอบเสียงแข็งว่าไม่กลัว และไม่ได้มากันแค่ 2 คน ยังมีครอบครัวทั้งสามี และลูกๆ เข้าร่วมแสดงพลังมวลชนในครังนี้ด้วย
"ทำไมไม่ยอมออกสักที มันไม่เคยมีเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำไมถึงไม่รู้สึกรู้สากันเสียบ้าง ไม่ใช่พูดแต่ปากแต่ต้องปฏิบัติเพื่อประเทศชาติ เพื่อความถูกต้อง คือเขาไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เหมือนใครในโลก เป็นคนประหลาด" ลัดดา เพื่อนร่วมรุ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้ความเห็น
ปัญญาชนคิดยาว ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
มาฟังเสียงของตัวแทนกลุ่มปัญญาชนกันบ้าง ไตเติ้ล-กานติ์ชนิต สินธวานุวัฒน์ นักศึกษาชั้นปี 1 วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม สาขาวิชาผู้นำสังคม ธุรกิจ และการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมมาก่อน แต่หลังจากที่มีร่างพ.ร.บ.ต้านนิรโทษกรรมให้แก่ตระกูลชินวัตร ส่วนตัวรู้สึกว่า ทนไม่ได้ที่รัฐบาลใช้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับคนผิด และไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะบริหารประเทศไทย
"เมื่อก่อนนี้ไตเติ้ลเป็นเด็กคนหนึ่งที่มองว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว แต่หลังจากมีผู้บริหารประเทศที่ไม่มีความสามารถ ปรับเปลี่ยนกฏหมายเพื่อครอบครัวตนเองแล้วรู้สึกทนไม่ได้ ขนาดหนูเป็นผู้หญิงยังรู้สึกอายแทนจริงๆ ทำไมเราถึงมีนายกรัฐมนตรีหญิงที่ไม่มีความสามารถที่จะบริหารประเทศได้ เวลาแถลงข่าวแต่ละครั้งต้องอ่านโพย แถมยังอ่านผิดๆ ถูกๆ ไม่รู้จักอายเด็กประถมบ้างหรือไง"
ไตเติ้ล บอกอีกว่า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะวนกลับมาเจอแต่เรื่องเดิมๆ
"ในวันนี้ไตเติ้ลได้เห็นคนไทยออกมาแสดงพลังกันอีกครั้ง รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่คนไทยรักประเทศ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนอะไรจากรัฐบาล แต่เชื่อว่า พลังของมวลชนในวันนี้จะทำให้ต่างชาติและคนทั่วโลกได้เห็นว่า คนไทยทั้งประเทศทนไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น" เธอเผย
ด้าน ปาเจรี-ปีย์วรา มโนสิทธิศักดิ์ คู่พี่น้องคนสวยจากรั้วอัสสัมชัญที่จูงมือมากับคุณพ่อคุณแม่ผู้รักชาติ โดยเธอทั้งสอง บอกว่า อยากให้รัฐบาลรักษาการตระหนักถึงพลังประชาชนที่ออกมาตบเท้าขับไล่ และอยากให้ทุกอย่างจบลงเสียที แต่ถ้ายืดเยื้อก็ต้องสู้กันอย่างอหิงสาต่อไป
แม้ว่าอากาศจะร้อน ผู้คนเบียดเสียด แต่พวกเธอก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องลำบาก เรื่องนี้ ปาเจรี เปิดใจว่า "ไม่ได้คิดว่ามันลำบากอะไร ก็ถือว่าก็เพื่อประเทศชาติก็เพื่อครอบครัว เพื่อทุกคน ถ้าเรารักเอาความสบายอย่างเดียว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่คิดว่ามันลำบาก"
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวมโนสิทธิศักดิ์ ลงมติเป็นเสียงเดียว "อยากให้เขาคืนอำนาจแก่ประชาชนก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง อยากให้เขาคืนอำนาจให้เรา ไม่ใช่แค่ลาออก อยากให้คืนอำนวจด้วยไม่ใช่ยังรักษาการ อย่าทนอยู่เลย เหมือนที่ทุกคนพูดนั้นแหละ ไปได้แล้ว.. ขอปฏิรูปแล้วมาสู้กันดีกว่า"
เสียงกบฏจาก "ดอกไม้เทียม"
ทางด้านกลุ่มเพศที่สามในนามของ "ดอกไม้เทียม" ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ฟังได้จาก ไก่โต้ง-รัชระวี จิรประภากุล หนึ่งในขบวนกบฏดอกไม้เทียมที่เดินทางมาบ้านรักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำทีมโดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และนางทยา ทีปสุวรรณ สำหรับการออกมาครั้งนี้ ไม่ขอเลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขอเลือกข้างในหลวง และความถูกต้องตามแบบที่มันควรจะเป็น
"ส่วนตัวขอเลือกข้างความถูกต้องค่ะ ที่สำคัญ หนูรักในหลวง การที่ออกมาครั้งนี้ก็เพื่อใช้สิทธิ เสรีภาพที่เรามี แสดงพลังของสาวประเภทสองในเชิงบวก ว่า เราไม่เอาระบอบทักษิณ ซึ่งการออกมา เราไม่มีการใช้ความรุนแรงใดๆ แต่จะเป็นไปในทางสันติวิธี และแสดงให้เห็นว่า ถึงเวลาต้องฟังพวกเรา และในวันนี้ เรามิสทิฟฟานี่โชว์ที่มากัน 20 ชีวิตก็ขอแสดงพลังให้เห็นว่า เราไม่ต้องการการบริหารประเทศภายใต้ระบอบแบบนี้"
เมื่อถามต่อไปถึงภาพผู้นำหญิงของไทยในสายของสาวประเภทสองคนหนึ่ง เธอให้ทัศนะว่า "ลึกๆ แล้ว ไม่ได้รังเกียจผู้นำหญิงท่านนี้นะคะ เราเข้าใจในความเป็นผู้หญิงที่ต้องแบกรับภาระงานบริหารประเทศทั้งประเทศ ไหนจะเรื่องครอบครัวที่ต้องมาเจอกับกระแสกดดันต่างๆ มากมาย เพียงแต่เราไม่ชอบนโยบายในเรื่องของร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการบริการประเทศที่ไม่เป็นธรรมภายใต้ระบอบทักษิณก็เท่านั้นค่ะ"
ด้าน กั้ง ดาวเด่นประจำ Tiffany Show แห่งเมืองพัทยา เพื่อนร่วมอาชีพนางโชว์ บอกสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า "การที่ออกมาวันนี้ เรามาด้วยใจเต็มร้อยค่ะ มาเพื่อทำหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกถึงสิ่งที่ควรจะทำ และต้องทำให้มันถูกต้อง" เธอเผยด้วยท่าทีนิ่งๆ ก่อนจะทิ้งท้ายถึงผู้นำหญิงคนแรกของประเทศว่า "อะไรที่มันผิด มันก็คือผิดอ่ะค่ะ อย่าดื้อดึงต่อไปอีกเลยค่ะท่าน"
เสียงเด็ก พลังเด็ก เปลี่ยนประเทศ
ไม่เพียงแต่สาวแท้ สาวเทียมที่ออกมาขับไล่ระบอบชั่วเท่านั้น จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ยังได้เสียงเล็กๆ ของเด็กๆ มาด้วย 4 คน
เริ่มกันที่เด็กใต้จากจังหวัดกระบี่ ภัทร จินา วัย 9 ขวบ เขาให้ความเห็นด้วยแววตามุ่งมั่นว่า "มาไล่ยิ่งลักษณ์ครับ เขาโกงชาติ เขาทำให้ประเทศเราไม่น่าอยู่" และเมื่อถามต่อไปว่า เราเป็นเด็กคิดว่าจะช่วยอะไรได้ เขาสวนทันทีว่า "ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งนะครับ มีสิทธิเท่ากับผู้ใหญ่เหมือนกัน"
ถัดมา เป็นเสียงเล็กๆ จาก บวรนันท์ หรับหมาด วัย 13 ปี จากอยุธยา สำหรับเหตุผลที่มาในครั้งนี้ เขาตอบแบบใสๆ ว่า "มาขับไล่ระบอบทักษิณ เพราะเขาทำให้ของแพง ทำให้คนเดือดร้อนครับ"
เช่นเดียวกันกับ ก้องภพ ถำอุทก วัย 10 ขวบจาก ร.ร.การเคหะท่าทราย ที่แม้จะตัวเล็กจิ๋ว แต่หัวใจ และคำพูดกลับบิ๊กไซส์
"การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนครับ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ส่วนสาเหตุที่มาวันนี้ ผมอยากไล่ตระกูลชินครับ เพราะเขาขี้โกง เขาใช้เงินซื้อเสียง แล้วเขาก็ไม่รักในหลวง"
ปิดท้ายกันที่ จิตญา ธนเจริญวัชร นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนโสมาภานุสสนณ์ รามคำแหง สาวน้อยคนนี้เดินทางมากับครอบครัวที่รักชาติ รักในหลวง ส่วนตัวเธอจะมีความเห็นอย่างไร ไปฟังกัน
"อยากให้พวกเขาออกไป เพราะว่าโกงกันแบบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าเราปล่อยให้เขาเอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาใช้ หรือว่า 2.2 ล้านล้าน มันก็จะทำให้ลูกหลาน น้องๆ เราต้องใช้หนี้ไปกันอีก 50 ปีเลยค่ะ"
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการปะทะหรือเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นก็คงเป็นเรื่องที่ต้องระแวดระวัง ทีมข่าวฯ ถามว่าสาวน้อยดอกไม้เหล็กรู้สึกกลัวบ้างหรือเปล่า "ไม่กลัวค่ะ"
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเสียงส่วนหนึ่งของมวลมหาประชาชนที่ออกมารวมพลังขับไล่รัฐบาลรักษาการครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายเดียวกันก็คือ กดดันนายกฯ และรัฐบาลรักษาการให้ปฏิเสธการรักษาการ เพื่อปฏิรูปประเทศชาติก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นประเทศไทยต้องตกอยู่ภายใต้วงจรอุบาทว์ของเผด็จการทางรัฐสภาที่มีนักการเมืองบางคนทำตัวเป็นขี้ข้า และร่วมมือกับทักษิณโกงกินประเทศชาติอีกต่อไปแล้ว...
เรื่องโดย ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live