xs
xsm
sm
md
lg

"แพรว เฌอมาวีร์" น้องนางบ้านนา..จากภูมิแพ้กรุงเทพสู่ภูมิแพ้สุเทพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพรว-เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค
หากใครได้ฟัง และดูเอ็มวี ภูมิแพ้กรุงเทพ ของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ และตั๊กแตน ชลดา คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับสาวน้อยบ้านนาผู้เยียวยาอาการภูมิแพ้กรุงเทพให้กับหนุ่มเมืองหลวง ด้วยหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มพิมพ์ใจ ไม่แปลกที่หนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่จะเกิดอาการหัวใจอ่อนไหว และตกหลุมรักจนไม่อยากดึงตัวขึ้นมาจากหลุมกันเลยทีเดียว



เรากำลังพูดถึง แพรว เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค นางเอกเอ็มวีที่มีกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางถึงความน่ารัก สดใส พอๆ กับกระแสตอบรับของเอ็มวีเพลง ภูมิแพ้กรุงเทพ ซึ่งตอนนี้มียอดวิวบนยูทิวบ์ถล่มทลาย ด้วยตัวเลขเกือบ 40 ล้านวิว หลังจากถูกเผยแพร่เมื่อ 2 ก.ย. 2556 ทำให้เพลงนี้ฮิตติดหูไปทั่วประเทศ จนล่าสุดมีการนำไปโยงเข้ากับสถานการณ์การเมือง โดยมีการดัดแปลงเนื้อหาของเพลง และตั้งชื่อใหม่เป็น "ภูมิแพ้สุเทพ"



ครั้งนี้ M-Lite ขอหลบสถานการณ์ร้อนๆ เข้าไปหลบพักในโลกของสาวน้อยคนนี้ ซึ่งในโลกใบเล็กๆ ของเธอ ต้องบอกเลยว่า บางเรื่องบางตอนไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และเธอก็พร้อมจะเปิดใจเป็นที่แรกผ่านบทสัมภาษณ์ที่ทีมงานขอถือโอกาสเชิญชวนให้เข้ามาอ่านในบรรทัดต่อไปนี้

แพรว เฌอมาวีร์ เธอคือใครกันหนอ

เชื่อว่า หลายคนที่ดูเอ็มวี "ภูมิแพ้กรุงเทพ" นอกจากความน่ารัก สดใสของนางเอกเอ็มวีแล้ว คงเกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า เธอเป็นใครมาจากไหน หากสืบให้ลึกลงไป เธอเคยมีผลงานมาแล้วหลายชิ้น เข้าวงการด้วยการถูกทาบทามจาก พจน์ อานนท์ โดยภาพยนตร์เรื่องแรกเธอเล่นเป็นตัวประกอบแก๊งกลุ่มเพื่อนนางเอกในเรื่อง แต๋วเตะตีนระเบิด จากนั้นก็ได้เป็นนักแสดงเต็มตัวในเรื่อง กองพัน ครึกครื้น ท.ทหาร คึกคัก ปัจจุบัน กำลังศึกษาอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เอกการตลาด

"พี่พจน์ อานนท์ ไปเจอหนูที่สยามค่ะ ตอนนั้นหนูอยู่ ม.4 พาน้องชายไปเรียน การแต่งตัวก็แบบเสื้อยืด กางเกงขาสั้น พี่เขาเห็นก็เลยให้พี่อีกคนขอเบอร์ติดต่อหนูไว้ แล้วบังเอิ๊ญ บังเอิญ พี่ช่างแต่งหน้าให้พวกแพรวตอนประกวดเต้นในรายการชิงช้าสวรรค์ เขาเป็นคอสตูมกองเดียวกับพี่พจน์ พอได้คุยกัน พี่เขาก็ให้ไปเล่นหนังเรื่องแต๋วเตะตีนระเบิด ซึ่งเป็นตัวรองๆ

จากนั้นก็ได้เล่นเรื่องต่อมา เป็นหนังของป๋าโน้ต เชิญยิ้ม โดยป๋าจำแพรวได้จากรายการชิงช้าสวรรค์ ซึ่งตอนนั้นแพรวไปเต้นอยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน เวลาป๋าโน้ตต้องการหานักแสดง ป๋าก็จะไปหาจากพี่พจน์นี่แหละค่ะ แพรวก็เลยได้เล่น กองพัน ครึกครื้น ท.ทหาร คึกคัก ตอนนั้นก็เลยได้เป็นนางเอกของป๋าโน้ต (ยิ้ม) หลังจากนั้นพี่พจน์ก็พาเข้ามาแคสต์งานที่โพลีพลัสฯ และก็ได้โอกาสเป็นเด็กของโพลีพลัสฯ จนถึงตอนนี้ค่ะ" เธอเริ่มต้นเล่าเส้นทางการเข้าวงการให้ฟัง

นางเอกเอ็มวีของป้าง นครินทร์

กระทั่งมาได้เล่นเอ็มวีเพลงภูมิแพ้กรุงเทพ ของ ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ และตั๊กแตน ชลดา โดยเล่นคู่กับ นิว ชัยพล พูพาร์ต เธอบอกว่า เป็นอีกหนึ่งงานที่สนุกมากๆ

"เอ็มวีตัวนี้ มีพี่ที่แกรมมี่ ดิวผ่านโพลีพลัสมาค่ะ เหมือนติดต่อว่าอยากให้ไปเล่นเอ็มวีของพี่ป้าง นครินทร์ ตอนดิวกัน ก็มีการคุยกันว่า อยากให้แพรวถ่ายรูปตอนที่ยังไม่แต่งหน้าใส่ชุดนักเรียนไปให้ดูด้วย ซึ่งแพรวก็คิดใจใจว่า ทำไมเหรอ (ทำหน้าสงสัย) ส่วนสีผมตอนนั้นก็โกรกสีสว่างนิดนึง ซึ่งพี่เขาบอกว่า ได้งานแล้วโกรกเป็นสีดำได้ไหม หนูก็ย้อมก่อนถ่าย 1 วัน

ตอนไปถึงสถานที่ถ่ายทำ (อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี) เซอร์ไพรส์มากค่ะ พี่ผู้กำกับบอกว่า ไม่ต้องแต่งหน้าอะไรเลย ส่วนผมก็ไม่ต้องไดร์ เพราะผมน้องเขาก็ตรงอยู่แล้ว มิน่าล่ะ บอกให้หนูไว้คิ้วไม่ต้องกันคิ้วนะ แต่หนูก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่เขาคงอยากได้ความเป็นสาวบ้านนาจริงๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่สนุกมาก ใช้พลังงานเยอะมาก แต่ก็สู้พี่นิวไม่ได้ พี่เขาต้องใช้พลังงานเยอะกว่าหนู เพราะเป็นตัวเล่าเรื่องหลัก"


ถามต่อไปว่ายากไหมกับเอ็มวีตัวนี้ รวมไปถึงความรู้สึกที่ได้เล่นคู่กับหนุ่มหล่ออย่าง นิว ชัยพล และนี่คือความรู้สึกของเธอ

"ตอนแรกแพรวก็ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้จะร้อง และเต้นไปด้วยอย่างไร ควรจะโยกมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายแพรวก็ยังโยกไม่ได้อยู่ดี จนเห็นพี่นิวทำ ก็เลยค่อยๆ โยกตาม (หัวเราะ) ที่นี้สนุกเลยค่ะ ร้อง เต้นจนไม่มีความเขินอายหลงเหลือกันเลยทีเดียว (หัวเราะ) ซึ่งแรกๆ อาจจะมีเกร็งๆ บ้าง แต่พอได้โยก ได้ร้องกันไป ก็หายเขินอ่ะ อีกอย่าง พี่นิวเป็นพี่ที่น่ารัก แพรวมารู้จักพี่เขาที่กองถ่าย พี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ เข้ากับคนง่าย และตั้งใจทำงานมากๆ เต้นไม่เป็น แต่พี่เขาก็พยายามซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมจนทำออกมาได้ดี หรือถ้าแพรวทำไม่ได้ตรงไหน พี่เขาก็จะคอยช่วยแนะนำค่ะ"

ไม่ถามไม่ได้กับความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนักร้องแหบเสน่ห์อย่างป้าง นครินทร์ และนักร้องเสียงคุณภาพอย่าง ตั๊กแตน ชลดา เธอบอกว่า ติดตามเพลงของพี่ป้างมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เพลงที่ชอบที่สุดก็คือเพลง ทำอะไรสักอย่าง ส่วนพี่ตั๊กแตน ได้มีโอกาสฟังเพลงของพี่เขาจากที่คุณแม่ชอบเปิดฟังอยู่บ่อยๆ

"พี่ป้างนี่ พอได้เจอตัวจริง พี่เขาเท่มากๆ ค่ะ แต่จะเป็นผู้ชายนิ่งๆ อ้าว เหรอ อื้ม อะไรประมาณนี้ ส่วนตัวก็เป็นแฟนเพลงของพี่เขาเหมือนกันนะ ส่วนพี่ตั๊กแตน (ตั๊กแตน ชลดา) น่ารัก เรียบร้อยมากค่ะ ในบทต้องเล่นเป็นคุณแม่ที่หวีผมให้แพรว ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนคุณแม่กำลังหวีผมให้แพรวจริงๆ เลยค่ะ ซึ่งแพรวรู้จักพี่ตั๊กแตน และได้ฟังเพลงของพี่เขาจากที่คุณแม่เปิดฟังอยู่บ่อยๆ หนูก็เลยมีโอกาสได้ฟังไปด้วย" เธอขยายความ ก่อนจะพูดถึงกระแสของเอ็มวีตัวนี้ รวมถึงตัวเธอที่มีคนเข้ามาดู และให้ความสนใจจำนวนมาก

"กระแสดีมากจนตัวแพรวเองไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่ที่คลิกเข้ามากันเยอะๆ ก็คงเป็นเพราะอยากฟังพี่ป้าง และพี่ตั๊กแตนร้องมากกว่าค่ะ คงไม่ได้ตั้งใจมาดูแพรวหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณพี่ป้างกับพี่ตั๊กแตน รวมไปถึงแกรมมี่ที่ให้โอกาสดีๆ กับแพรว และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พี่ผู้กำกับและทีมงานทุกคน เพราะแพรวไม่ได้แต่งหน้าทำผมอะไรเลย แต่พี่ๆ สามารถทำให้คนรัก และชอบแพรวได้มากขนาดนี้ แพรวรู้สึกดีใจมากๆ อยากจะบอกว่า พี่ค่ะ หนูขอบคุณพี่จริงๆ หนูดีใจมากที่ให้โอกาส และมอบอะไรดีๆ ให้แก่หนู"

ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความฮิตของเพลง และความน่ารักของตัวเธอเอง ทำให้เธอได้แจ้งเกิด และมีแฟนคลับติดตามเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก

"บอกตรงๆ ว่าแพรวก็ไม่คาดคิดว่ากระแสจะพุ่งเข้ามาหาแพรวแบบนี้ ซึ่งอาจจะยังไม่เยอะเท่ากับดาราดังๆ อย่างพี่อั้ม พัชราภา หรือพี่พลอย เฌอมาลย์ แต่เราคือเด็กผู้หญิงเพิ่งเริ่มทำงาน แล้วมีคนมาชอบ มีแฟนคลับที่ติดตามเรา บางงานตามมาให้ของขวัญโดยรู้ด้วยว่า แพรวชอบดอกไม้ ชอบกินขนม ซึ่งคิดไม่ถึงจริงๆ ค่ะว่าจะมีคนเอาของมาให้มากมายแบบนี้ มีพี่ถามว่ารำคาญไหม แพรวก็บอกว่า เฮ้ยพี่! แพรวจะรำคาญทำไม เพราะเขารักเรา ถ้าเกิดไม่มีพวกเขาดิ แพรวก็ไม่มีงาน อีกอย่าง เขายอมลำบากนั่งรถเพื่อเอาขนมมาให้แพรว ซึ่งตัวแพรวดีใจ และขอบคุณมากๆ ค่ะ"

"แพรวอยากจะบอกว่า พลังจากคนที่รักแพรว ชื่นชมแพรว ทุกคนเป็นพลังที่ทำให้แพรวมีแรง ไม่เหนื่อย ไม่ท้อค่ะ บางครั้งกลับบ้านมาเหนื่อยๆ เข้าไปอ่านคอมเมนต์ในแฟนเพจ หรือในยูทิวบ์ หลายๆ ความเห็นเข้ามาชมเพลง ชมแพรว ชมพี่นิว ชมทีมงาน แพรวนี่ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ (ยิ้ม) แพรวขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกๆ กำลังใจผ่านทีมงาน M-Lite ไปด้วยเลย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ" เธอเผยความรู้สึก พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณทุกๆ คำชื่นชมที่มีให้แก่กัน

อย่างไรก็ดี แม้ตัวเอ็มวีจะถูกปล่อยผ่านยูทิวบ์มาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2556 แต่กระแสก็ยังแรงไม่เลิก ล่าสุดมีการนำเพลงดังกล่าวมาแปลงล้อเลียน เสียดสีรัฐบาลแบบขำๆ โดยเฉพาะการที่ไม่สามารถต่อกรรับมือกับม็อบกปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งมีการตั้งชื่อใหม่เป็น "ภูมิแพ้สุเทพ" ผลงานล่าสุดของค่ายเพลงนอกกระแสอย่าง DRZO โดยก่อนหน้านี้เคยมีการแปลงเพลงเพื่อล้อเลียนรัฐบาลจนได้รับความนิยมมาแล้วหลายชิ้น ยกตัวอย่าง เพลงจิกกัดรัฐบาลกับเพลง "หนูไม่รู้ vs จำนำข้าว" และ "ท่านกำลังเข้าสู่บริการรัฐปรับค่าไฟ"

เด็กกิจกรรมตัวยงของโรงเรียน

ย้อนกลับไปในวันวาน น้องนางบ้านนาคนนี้ ถือเป็นเด็กกิจกรรมตัวยงของโรงเรียน ไม่ว่าจะรำ เต้น หรือการประกวด เธอก็ถูกจับขึ้นเวทีมาเกือบหมดแล้ว

"สมัยเรียน แพรวเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอดค่ะ ตั้งแต่อนุบาล 1 ถึงม.6 ซึ่งมีทั้งรำไทย เต้น และการประกวด เช่น ประกวดธิดากฐินตอนมัธยม นางนพมาศก็มี เรียกได้ว่ามีประกวดอะไร เพื่อนจับแพรวประกวดหมด (หัวเราะ) นอกจากนั้นก็เคยเป็นประธานนักเรียนตอนป.6 ส่วนตอนม.ปลาย (โรงเรียนศึกษานารี) ก็ถูกเลือกให้เป็นรองประธานสี ตอนนั้น พูดเลย ทำกิจกรรมเยอะมาก จนอาจารย์นี่จำได้ทุกคนแล้วค่ะ (หัวเราะ)"

นอกจากนั้น ยังเป็นแดนเซอร์ในวงดนตรีของโรงเรียน และเคยเข้าประดวกในรายการชิงช้าสวรรค์ด้วย ซึ่งเป็นการแข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งของนักเรียนระดับประถม และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ

"หนูเป็นเด็กเต้นของโรงเรียน เป็นมาตั้งแต่อยู่ม.1 เคยไปเต้นในรายการชิงช้าสวรรค์ด้วยนะ นี่เองคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณพ่อเริ่มเห็นว่าเราโต และมีความรับผิดชอบ ตอนนั้นหนูทำตั้งแต่ไปซื้อผ้า กลับมาเย็บชุด แม้ดูเหมือนว่าจะกระทบกับการเรียน แต่ไม่เลยค่ะ และที่บ้านก็ไม่เคยพูด และไม่เคยต้องมาคอยห่วงเรื่องเรียนของแพรวเลยนะ เพราะถึงแพรวจะเป็นเด็กกิจกรรมแต่ก็ไม่เคยทิ้งเรื่องเรียนเลยค่ะ"

ที่บ้านไม่เคยสอนให้ขี้เกียจ

ลึกลงไปถึงครอบครัวของสาวน้อยคนนี้ ดูภายนอกเหมือนจะถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนู แต่จริงๆ แล้วตรงกันข้ามเลย

"แพรวเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ค่ะ และด้วยความที่เป็นลูกคนจีน (คุณพ่อเป็นคนจีน) แน่นอนว่าแพรวไม่ได้อยู่สบายๆ แม่กับป๊าไม่เคยสอนให้แพรวขี้เกียจ อาม่าแพรวก็เหมือนกัน ท่านบอกอยู่ตลอดว่า เป็นลูกผู้หญิง ต้องทำงานบ้าน และพึ่งพาตัวเองให้ได้ อย่างน้อยๆ โตขึ้นแต่งงานเราจะได้ดูแลตัวเอง และสามีของเรา แต่เรื่องแต่งงานไว้ค่อยว่ากันเนอะ (ยิ้มเขินๆ) ตอนนี้ขอตัวดูแลตัวเองก่อนค่ะ ดังนั้น ใครมองว่าแพรวเป็นลูกคุณหนูนี่ขอเถียงเลยค่ะ เพราะนอกจากงานบ้านที่ต้องทำเป็นทุกอย่างแล้ว ที่บ้านไม่เคยตามใจเลย ให้เงินเท่านี้ ก็ต้องใช้เท่านี้ อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอาเอง" เธอเล่าก่อนจะขยายความต่อไปว่า

"คุณแม่เป็นแม่บ้านค่ะ ส่วนคุณพ่อมีธุรกิจห้องเช่า บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม่กับป๊าจะสอนให้มีความรับผิดชอบ ซึ่งแพรวเริ่มทำงานในวงการตอนมัธยม แต่พ่อแม่ก็ยังให้เงินแค่วันละ 100 บาทไปโรงเรียน เราก็ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน ใช้ชีวิตเด็กวัยรุ่นทั่วไป ไม่เคยขอเงินพ่อแม่เพิ่มถ้าไม่จำเป็น เพราะแพรวมีความรู้สึกว่า พ่อแม่เขาหาเงิน เขาเหนื่อยอยู่แล้ว พอตอนนี้เราหาเงินได้ด้วยตัวเอง เราก็ยิ่งตอบตัวเองได้ว่า มันเหนื่อยจริงๆ นะ ดังนั้น แพรวจะเห็นคุณค่าของเงิน สิ่งไหนที่ไม่เป็นจำเป็นตอนนี้ แพรวก็ยังไม่เอาดีกว่า"

"แพรว" ส่วนผสมที่ลงตัวของพ่อแม่

เมื่อถามต่อไปถึงต้นแบบของคุณพ่อ คุณแม่ นี่คือสิ่งที่เธอในฐานะลูกได้เห็น และถูกหล่อหลอมอย่างลงตัวในร่าง "แพรว เฌอมาวีร์" ในวันนี้

"คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองดีมาก ชอบชีวจิต ต้องกินข้าวเช้าทุกเช้า อีกเรื่องที่หนูเทียบแม่ไม่ติดเลยก็คือ ความเรียบร้อย หนูเรียบร้อยเท่าแม่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ (หัวเราะ) ส่วนคุณพ่อเป็นคนจีนแท้ๆ ผู้ชายคนนี้จะแมนกับลูกมาก อยู่ดีๆ คิดจะเตะก้นลูกก็เตะขึ้นมาซะงั้น และคุณพ่ออีกนี่แหละที่เป็นคนพาหนูเที่ยว เวลาว่างก็จะบอกว่า ไปลูก หนีแม่เที่ยวกัน ซึ่งหนูได้การท่องเที่ยวมาจากคุณพ่อเยอะมาก โดยเฉพาะการเที่ยวในแบบสบายๆ เห็นได้จากการไปเที่ยวแต่ละครั้ง พ่อจะไปในที่ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปกัน อย่างบางคนไปจังหวัดนี้ต้องไปที่นี่นะ แต่คุณพ่อไม่ค่ะ จะไม่มีแพลนอะไรเลย อยากไปก็ไปเรื่อยๆ แค่กินข้าวข้างด้วยกัน แค่นี้ก็มีความสุขมากๆ แล้วค่ะ

"ดังนั้น ย้อนกลับไปที่คำถามว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบให้แพรวในด้านไหนบ้าง เริ่มจากคุณแม่ อย่างที่บอกว่า คุณแม่ต้องตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าทุกเช้า แพรวเห็นเป็นประจำ ทุกวันนี้ก็เริ่มดูแลตัวเองเหมือนคุณแม่ โดยจะพยายามกินข้าวเช้า และมังสวิรัติบ้าง รวมไปถึงพยายามที่จะเด้งตัวให้ลุกขึ้นมาจากเตียงในทุกๆ เช้า

"ส่วนคุณพ่อ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ใจนักเลงนิดนึง แต่ไม่ใช่นักเลงแบบนั้นนะคะ คุณพ่อจะเป็นคนกล้าพูดกล้าทำ ซึ่งตัวแพรวเองได้ความเป็นลูกผู้ชายจากคุณพ่อค่อนข้างเยอะเลยล่ะ เห็นได้จากคนรอบๆ ตัวแพรวมักจะบอกว่า ลุคภายนอกอาจจะดูเรียบร้อย แต่พอมาได้รู้จักแล้ว โคตรแมนเลยอ่ะ จะไม่ใช่แบบ อ๋อ โอเคได้ค่ะ (ทำเสียงนิ่มๆ แบ๊วๆ) แพรวจะออกแนวห้าวๆ ห้วนๆ หน่อย แต่ไม่ใช่ว่าห้วนจนดูไม่สุภาพนะคะ"

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเป็นผู้หญิงที่มีทั้งความเป็นผู้หญิง และความง่ายๆ อะไรก็ได้ในแบบที่ผู้ชายเป็น

"แพรวไม่ใช่ผู้หญิงเพอร์เฟกต์ และไม่ได้บอกว่าตัวเป็นคนดีเต็มร้อย แต่อย่างน้อย แพรวก็เริ่มทำอะไรดีๆ ให้แก่ตัวเอง และพ่อแม่ ซึ่งตัวตนจริงๆ ของแพรว หนูเป็นคนติดดินนี่แหละพี่ ง่ายๆ ไม่ชอบคนเยอะ ชอบอยู่กับธรรมชาติ ถ้าใครได้เป็นแฟนแพรวนะ ไม่ต้องพาไปดินเนอร์หรือซื้อของขวัญแพงๆ ให้หรอก แค่ขับพาไปที่ไหนก็ได้ที่มีต้นไม้เยอะๆ แค่นี้ก็ชื่นใจละ (ยิ้ม) อีกอย่างแพรวเป็นผู้หญิงหัวโบราณ เวลาทำอะไรต้องไม่เกินงามด้วยค่ะ"

ผู้ชายในฝันของสาวแพรว

คำบอกเล่าข้างต้น นำไปสู่คำถามเจาะลึกถึงผู้ชายในฝันที่แม้จะได้เกริ่นไปแล้วว่า ไม่ชอบผู้ชายที่ให้ความฟุ่มเฟือย แต่ชอบคนที่ง่ายๆ ไม่เรื่องเยอะ นี่คือการให้สัมภาษณ์ที่หนุ่มๆ ควรหยิบปากกาขึ้นมาจด เพราะเป็นคุณสมบัติชายในฝันที่สาวแพรวอยากได้

"สาวห้าว พลังเยอะอย่างแพรว คนที่มาอยู่ด้วยต้องแมนกว่าแพรว ต้องเป็นสุภาพบุรุษ แพรวแมนขนาดนี้แล้ว คุณมาทำนิสัยง๊องแง๊ง หรือทำเยอะใส่ ถ้าเป็นแบบนั้น แพรวจะรู้สึกว่า ทำไมอ่ะ ทำไมต้องทำแบบนี้ เพราะส่วนตัวแพรวไม่ชอบคนเยอะ เราชอบคนง่ายๆ สบายๆ มีความเป็นผู้ชายสูง เป็นได้ทั้งเพื่อน และพี่ให้แพรวได้ ดูแลแพรวได้ อีกอย่าง ไม่ต้องมาซื้อของขวัญแพงๆ ให้แพรวนะ แพรวไม่อยากได้ ซึ่งแพรวมองว่า ทุกอย่างมันมีความจริงใจอยู่ในตัวของมัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรก็ตาม ขอให้จริงใจก็พอ ที่สำคัญ ถ้าเป็นคนตลก อารมณ์ดี ติดดินเหมือนกัน แพรวจะปลื้มมากเป็นพิเศษ (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ ขอดูแลตัวเองก่อนค่ะ เพราะอนาคตถ้าจะให้ใครมาดูแลเรา เราต้องดูแลตัวเองให้ได้เต็มร้อยก่อน"

แสดงว่า ตอนนี้หัวใจยังว่าง? เธอตอบคำถามนี้ด้วยท่าทีเขินอายว่า "ก็มีเข้ามาบ้างค่ะ และคนที่คุยก็ต้องมาจากความเป็นเพื่อน หรือพี่ที่รู้จักกันมาก่อน เพราะแพรวเป็นโรคจิตค่ะ ถ้ารู้ว่ามีคนเข้ามาจีบ เธอๆ เราชื่อนี้ อยู่คณะนี้ แล้วเธอล่ะ อยู่คณะอะไร ขอเบอร์หน่อยสิครับ แพรวจะปฏิเสธทันที และจะไม่ยุ่งอีกเลย จนเพื่อนๆ ดุแพรวตลอดว่าเปิดใจบ้างเถอะแก เปิดบ้างเถอะ หรือบางคนชอบเรา ถึงขนาดตามหาไลน์เพื่ออยากจะคุยกับเรา พอแอดไลน์มา แพรวก็แบบ...ใครอ่ะ ไม่เอา ไม่อยากคุยกับคนแปลกหน้า ไม่คุยๆ..หนูเป็นแบบนี้จริงค่ะๆ ไม่รู้ทำไม"

สำหรับมุมมองความรักของสาวคนนี้ เธอมองว่า ความรักคือสิ่งสวยงาม แต่บางทีก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกัน

"ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะ แต่บางทีมันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เพราะมีความรู้สึกมากกว่า น้อยกว่า บางคนรักมาก รักน้อย ถ้าความรักเข้ามา ก็ต้องจัดสมดุลให้ดีๆ สำหรับแพรวตอนนี้ เรื่องความรักยังไม่อยากเอามาทำให้ชีวิตต้องปั่นป่วน และถ้ามี วันหนึ่งต้องเจอกับอาการอกหักเข้าสักวัน เมื่อถึงตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะกินข้าวลงไหม อยากไปเรียน อยากไปสอบหรือเปล่า แพรวกลัวค่ะ กลัวจะเป็นแบบนั้น ทางที่ดี ขอตั้งใจทำงานดีกว่าค่ะ" เธอให้ทัศนะ

เมาท์สนั่น สวยขึ้นด้วยมีดหมอ?

ต่อกันด้วยประเด็นศัลยกรรมกับดารารุ่นใหม่ หรือแม้แต่รุ่นใหญ่ๆ ก็ไม่วายที่จะถูกเมาท์มอยและถูกถามจากสื่ออยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับดาราหน้ารุ่นใหม่อย่าง "แพรว" ก็มีข่าวในทำนองนี้เหมือนกัน เรื่องนี้ ไม่ถามไม่ได้ ถ้าไม่ถามก็จะถูกเอาไปนินทาตามซอกตึก ไม่มีประโยชน์ ถามตรงนี้เพื่อให้เคลียร์ไปเลยดีกว่า

"ไม่มีอะไรให้เคลียร์ค่ะ เพราะแพรวไม่ได้ทำอะไรเลยพี่ (ลากเสียงยาว) จะมีก็แต่ดัดฟัน ดัดฟันอย่างเดียวค่ะ แต่ก่อนฟันแพรวเหยินมาก บอกเลย ถ้าเกิดหารูปมาให้ดู เชื่อว่าทุกคนคงต้องตกใจ ทุกวันนี้ยังเป็นฟันกระต่ายอยู่เลย (หยีฟันให้ดู) แพรวดัดฟันมาตั้งแต่อยู่ ม.3 แล้วค่ะ ดัดอยู่ 2 ปี นอกจากนั้นที่แพรวดูดีขึ้นมาได้ อยู่ที่การดูแลตัวเองล้วนๆ ค่ะ ผิดกับเมื่อก่อนที่จะไม่ดูแลตัวเองเลย เพราะแพรวเป็นผู้หญิงที่แมนมาก (ลากเสียงยาว) เล่นบาส แบบเซอร์ๆ เท่ๆ อ่ะค่ะ คุณแม่บังคับทาครีมบำรุงผิว แพรวไม่เคยทำตามคำแนะนำท่านเลย

กระทั่ง มาเริ่มทำงานในวงการบันเทิง ก็เริ่มที่จะมาดูแลตัวเองมากขึ้น จนคนรอบๆ ข้างที่รู้จัก ฝากเพื่อนมาถามว่า ไปทำอะไรมา ฉีดผิวมาเหรอ หรือทำไมตอนมัธยมไม่ขาวเท่านี้ แพรวก็บอกนะ ว่าทาครีม ทาครีม ขาวได้จากการดูแลผิว และทาครีมจริงๆ ค่ะ แค่นั้นจริงๆ"

ถึงหนุ่มๆ ที่มีอาการภูมิแพ้กรุงเทพ

สำหรับหนุ่มๆ หรือใครก็ตามที่มีอาการภูมิแพ้กรุงเทพ นี่คือคำแนะจากสาวแพรว ผู้ที่เคยมีอาการภูมิแพ้กรุงเทพเหมือนกัน

"ถ้าเกิดเขามา ก็จะแนะนำเรื่องการอยู่กินอย่างไรให้มีความสุขค่ะ ง่ายๆ จากการอยู่อย่างพอเพียง ซึ่งแพรวมองว่า คนเราทุกวันนี้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดวัตถุอะไรมากมาย อาจจะมีบ้าง แต่การที่ได้อยู่อย่างพอดี มันก็ช่วยให้เรามีความสุขได้นะ ดังนั้น ถ้ามีใครหลงเข้ามาก็คงบอกให้เขาอยู่อย่างพอเพียง แต่ไม่ต้องถึงขั้นละทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับกรุงเทพฯ เพื่อมาเป็นพ่อหนุ่มบ้านไร่ขนาดนั้น ขอแค่หาตรงกลางให้มันพอดีก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ อีกอย่างแพรวก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับเขาเนอะ เพียงแต่ทำให้เขาเห็นว่า ลองบอกลาเทคโนโลยีและหันมาใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติดูบ้าง ความสุข และการผ่อนคลายก็จะอยู่แค่เอื้อม" แพรวแนะนำ ก่อนจะขยายความคำว่า พอเพียงให้ฟังต่อไป

"พอเพียงในความหมายของแพรวคือ พอดี ไม่มากไป แต่ก็ไม่น้อยไปจนเหมือนเราไม่มีความพยายามหรือไม่ตั้งใจทำอะไรเลย อย่างแพรวเอง แพรวไม่ใช่คนทะเยอทะยานอะไรขนาดนั้น แต่แพรวเป็นคนมุ่งมั่น มีจุดหมายว่าเราจะทำอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับถีบตัวเองจนไม่มีความสุขในชีวิตเลย ส่วนตัวมองว่า ถ้าระหว่างทางไม่มีความสุข จุดหมายมันอาจไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริงหรือเปล่า วันนี้ เวลาแพรวทำงานได้เงิน ความสุขแรกที่แพรวอยากเห็นคือ ครอบครัว หลังจากรับเงินจากการทำงานมาแล้ว แพรวก็จะแวะซื้อข้าวไปฝากที่บ้าน แม่ หนูซื้อข้าวมาฝากนะ แค่นี้ท่านก็ดีใจแล้ว"

นอกจากการใช้ชีวิตอย่างพอดีแล้ว วิธีที่จะช่วยเยียวยาอาการภูมิแพ้กรุงเทพได้ดีที่สุดคือ ควรลดความเร่งของการใช้ชีวิตลงมาบ้าง

"โลกทุกวันนี้มันอยู่ยากขึ้นนะ ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันทับซ้อนไปมาจนแพรวรู้สึกว่า ความเป็นธรรมชาติของหลายสิ่งหลายอย่าง รวมไปถึงตัวเราเองมันค่อยๆ หายไป แพรวว่านะ ถ้าเกิดเรารู้สึกเหนื่อยมาก ลองอยู่กับตัวเอง ลองทิ้งความวุ่นวายจากเทคโนโลยีไปอยู่กับคนที่เรารักดูบ้าง ซึ่งการได้อยู่นิ่งๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบอะไร บางทีก็ช่วยให้เราได้นั่งทบทวนตัวเอง และได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ อีกมากมาย เพราะการนั่งนิ่งๆ เราก็จะฟัง และได้ยินเสียงความต้องการของตัวเราเองได้ชัดกว่าตอนที่ชีวิตวุ่นวาย ลองดูค่ะ ถ้าวิ่งมาเยอะแล้ว ก็เดินบ้างก็ได้เนอะ"

ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ถ้าโลกนี้ออกแบบได้ นี่คือโลกในความฝันที่เธออยากจะเห็นในโลกความเป็นจริง

"ถ้าโลกนี้ออกแบบได้ แพรวจะลดตึก แพรวจะปลูกต้นไม้เยอะๆ (ทำเสียงให้ดูยิ่งใหญ่) หรือถ้าจำเป็นต้องมีตึก ก็จะไม่ให้มีตึกสูงเกิน 10 ชั้น เราจะต้องมีเขตธรรมชาติ ซึ่งทุกวันนี้มันหาได้น้อยเหลือเกิน คนเราทุกวันนี้อยู่กับพื้นที่เหลี่ยมๆ แคบๆ มากเกินไป ใจคนเราก็เลยแคบลงตามไปด้วย ถ้ามีต้นไม้เยอะขึ้น คนก็จะได้รับออกซิเจนเต็มปอด หรือการได้อยู่ในที่กว้างๆ ใจคนเราก็อาจกว้างตามไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ โลกก็จะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะ"

สำหรับอนาคตต่อจากนี้ แม้ว่าเธอจะอยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่ตอนนี้ขอตั้งใจเรียน และทำงานในวงการบันเทิงให้ดีที่สุดก่อน

"งานในวงการที่ยังไม่เคยทำเลยก็คือ เดินแบบกับเป็นพิธีกร แต่สำหรับแพรว งานทุกอย่างมันมีเสน่ห์ในตัวของมัน และเป็นงานที่ท้าทายทั้งนั้น ตอนนี้แพรวว่าแพรวอยู่ในช่วงค้นหาว่าตัวเองเหมาะกับอะไรที่สุด ถ้ามีงานและโอกาสเข้ามา แพรวทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ" พูดเสร็จ ก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วบอกด้วยเสียงดังๆ ออกมาว่า ฮึบ!

//////////////////////



ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค
ชื่อเล่น แพรว
วัน/เดือน/ปีเกิด วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ 2535
การศึกษา
-จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศึกษานารี
-ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เอกการตลาด
ผลงาน
- ละคร ชิงนาง รับบทเป็น หนูนา
- ภาพยนตร์แต๋วเตะตีนระเบิด
- ภาพยนตร์กองพัน ครึกครื้น ท.ทหาร คึกคัก
- ภาพยนตร์หลวงพี่เท่ง 3
- เล่นเอ็มวีเพลงผีเสื้อที่หายไป-วงเคลียร์
- เล่นเอ็มวีเพลงภูมิแพ้กรุงเทพ-ป้าง นครินทร์ Feat ตั๊กแตน ชลดา
- ล่าสุดคือนางเอกเอ็มวีเพลง ที่พักของหัวใจ - Pianismo feat. Bianchi Bicycle Club
ความสามารถพิเศษ
- รำไทย แดนเซอร์ประกอบเพลง





เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : วารี น้อยใหญ่
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก เฟซบุ๊ก ChermaweeFanclub และอินสตาแกรม @chermawee

สกู๊ปโดย ASTV ผู้จัดการ Lite






























คู่แม่้ลูก
พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
กำลังโหลดความคิดเห็น