xs
xsm
sm
md
lg

หลบร้อนการเมือง เปิดคัมภีร์เลี้ยงลูกสไตล์ "5 คุณพ่อรักชาติ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยมุมลบๆ ทั้งหมอกควัน มลพิษ คนคิดร้าย และอะไรแย่ๆ อีกมากมาย แต่ก็ใช่ว่าบ้านนี้ เมืองนี้จะเลวร้ายกันไปเสียหมด เพราะยังมีมุมบวกๆ ใน "บ้าน" ของใครหลายๆ คนที่เต็มไปด้วยมวลของความรักพัดผ่านไหลเวียนถ่ายเทดี

เรากำลังพูดถึงบ้านของ 5 คุณพ่อคนบันเทิงที่นอกจากจะรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพแล้ว บทบาทความเป็นพ่อ เป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่ M-Lite อยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านได้แวะเวียนเข้ามาอ่านกัน อย่างน้อยๆ ก็เพื่อหลบสถานการณ์บ้านเมืองร้อนๆ เข้าไปสูดอากาศเย็นสบายกับความรัก ความอบอุ่น รวมไปถึงคำสอนตามแบบฉบับของพวกเขาเหล่านี้ เริ่มกันที่

ไม่นิยมเผด็จการ "ตั้ว ศรัญญู"



เปิดบทบาทคุณพ่อรักชาติท่านแรกกันที่คุณพ่อลูกแฝด ตั้ว ศรัญญู วงษ์กระจ่าง กับการเลี้ยงดูน้องลูกหนุน และลูกหนังที่ตอนนี้โตเป็นสาวด้วยวัย 18 ปี โดยวิธีเลี้ยงลูกของคุณพ่อท่านนี้ เขาบอกว่า ไม่ใช่คุณพ่อที่เลี้ยงลูกแบบเอาตัวเองเป็นหลัก แต่จะเลี้ยงลูกบนพื้นฐานความรัก และความเข้าใจ

"ผมไม่ใช่คุณพ่อที่สั่งให้ลูกต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะโดนดุ หรือไม่ทำอย่างนี้แล้วจะโดนตี โดยหลักๆ จะอยู่กับเขาแล้วพูดด้วยเหตุผล ฟังเขา บอกเขา คุยกันเยอะๆ ซึ่งจากหลักตรงนี้ มันก็นำไปสู่วิธีคิดตั้งแต่เด็กๆ ก็คือ ผมตั้งใจจะเลี้ยงเขาด้วยการให้โอกาสเขามากที่สุด ให้โอกาสเขาได้มีโอกาสตามวัยมากที่สุด เช่น วัยที่เขาควรจะได้เล่นสนุก เขาก็ควรจะได้เล่นสนุกอย่างเต็มที่ วัยที่เขาควรจะได้เรียนรู้ก็ควรจะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ หรือวัยที่ควรจะได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง เขาก็ควรจะได้เห็น เพื่อที่เขาจะได้เลือกว่าตัวเองชอบสิ่งไหน

พอโตขึ้น ก็ปลูกฝังในเรื่องที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตของเขาในอนาคต เช่น ความมีเมตตา ความอ่อนโยน อย่างเป็นเด็กผู้หญิงก็ไปเรียนบัลเล่ต์ พอโตมาหน่อยก็ให้รู้จักเคารพกติกา มีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งผมก็หยิบยื่นให้เขารู้จักกับกีฬาตั้งแต่เด็ก เช่น ว่ายน้ำ ตีเทนนิส จากนั้นพอเขาได้รู้จักหลายๆ สิ่ง ได้รู้จักสังคมอีกแบบ เขาก็จะเลือกได้เองว่าเขาชอบสิ่งไหนแล้วก็ไปทางนั้น แต่สุดท้ายคือ ตลอดเส้นทางตั้งแต่เขาแรกเกิดจนปัจจุบัน สิ่งที่ผมพยายามปลูกฝังไว้ตั้งแต่เด็กๆ มันก็จะอยู่ในตัวเขาตลอด เป็นคนมีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เอารัดเอาเปรียบ มีความยุติธรรม มีเหตุมีผล สิ่งเหล่านี้ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ" พ่อตั้วเล่า

สำหรับแนวคิด และวิธีการเลี้ยงลูก เขาบอกว่า มีทั้งตัวอย่างจากรุ่นพ่อที่สอนเขามา และแนวทางที่ตกผลึกจากประสบการณ์ของเขาเองในแต่ละช่วงวัย

"สิ่งที่พ่อผมสอนมามันก็เป็นหลักใหญ่ๆ ในเรื่องของความถูกต้อง และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักแบ่งปัน เรื่องเหล่านี้เป็นหลัก ที่จำได้เลยก็คือ อยู่กับความถูกต้อง มีความซื่อสัตย์ รู้จักแบ่งปัน รู้จักเห็นใจคนอื่น เหล่านี้เป็นแกนหลักๆ สิ่งเหล่านั้นมันอยู่ในตัวเราแน่นอน เพราะมันเป็นประสบการณ์ตรงที่เราได้รับมาจากพ่อ จากนั้นในแต่ละช่วงอายุเราเองมันก็จะมีตามยุคสมัย อย่างเช่น ตอนเด็กๆ เราอยากได้อะไรแล้วตอนนั้นพ่อเราไม่เข้าใจ หรือโตมาหน่อยเรารู้สึกช่วงเราเป็นวัยรุ่นอยากรู้จักสิ่งนั้น อยากลองสิ่งนี้ แล้วในยุคสมัยของเราโอกาสมันอาจจะไม่มีนัก มันก็จะรวมว่าเมื่อเรามีลูกเราจะให้โอกาสเขาได้เจอกับสิ่งเหล่านี้" คุณพ่อลูกแฝดเผย

เมื่อถามถึงนิยามความเป็นพ่อในแบบของ ตั้ว ศรัญญู โดยให้เลือกระหว่างคุณพ่อขาโหด หรือคุณพ่อที่ตามใจ เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบว่า

"ผมไม่ได้เลือกว่าเป็นพ่อแบบไหน คือจริงๆ มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งเด็กจะรู้เองว่าเรื่องแบบไหนควรคุยกับพ่อ เรื่องแบบนี้พ่อสนุก เอาด้วยก็ไปเล่นกัน เรื่องแบบนี้ไม่ได้ต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าทำไม่ถูกพ่อดุแม่ดุ สุดท้ายเราต้องรู้จักกัน เอาหัวใจไปหลอมรวมด้วยกัน คือเราจะพูดกันเสมอ พ่อลูกกันเราหัวใจเดียวกัน เราอยู่ข้างเดียวกันเสมอ เพราะฉะนั้นมีอะไรก็พูดกัน มีปัญหาเผชิญปัญหาก็เผชิญร่วมกัน ก็ช่วยเหลือกันครับ"

นก ฉัตรชัย ไม่ต้องสอนแต่ทำให้เห็น



ทางด้าน คุณพ่อลูกสาม นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช ครอบครัวเจ้าของรางวัลครอบครัวร่มเย็นในปี 2556 สำหรับแนวการเลี้ยงลูกของคุณพ่อท่านนี้ เขาเชื่อมาตลอดว่า "ถ้าเราทำสิ่งที่ถูกที่ควร ลูกก็จะทำแบบนั้น" ซึ่งเป็นการเลี้ยงลูกในแบบ "ไม่ต้องสอนแต่ทำให้เห็น"

"แนวการเลี้ยงลูกของผม เป็นการเลี้ยงลูกที่ปลูกฝังมาจากรุ่นสู่รุ่น ผมเห็นจากพ่อ พ่อผมเป็นตำรวจ เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผมมาตลอด เราก็จะได้เห็นว่า พ่อทำงานอย่างไร พ่อมีอุดมคติกับชีวิตของตัวเองอย่างไร เราก็เกิดการเลียนแบบ เพราะคนยอมรับในสิ่งที่พ่อเราเป็น พ่อไม่เคยคอร์รัปชัน ไม่โกงกิน

พอมีลูก ผมก็พยายามที่จะเป็นคนดีให้เหมือนพ่อ และคิดว่าถ้าเราทำดีแบบพ่อ ลูกต้องซึมซับสิ่งดีๆ เหมือนกับที่เราซึมซับมา โดยเฉพาะการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในกรอบตามแบบฉบับของคนไทย รักประเทศชาติ รักในหลวง ซึ่งพวกเขาก็รู้สึก และปฏิบัติตามเรานะ ถามว่าเป็นคุณพ่อที่ดุไหม จริงๆ แล้วดุครับ ตีครับ ถ้าทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ก็โดนครับ แต่พอลูกๆ โตขึ้นก็น้อยลง" คุณพ่อลูกสามเผยแนวทางการเลี้ยงลูก

แม้จะดูเป็นคุณพ่อที่เข้ม และค่อนข้างดุ แต่ลึกๆ แล้ว คุณพ่อท่านนี้ เป็นคุณพ่อที่เปิดใจกว้าง หากลูกๆ มีปัญหาก็พร้อมจะพูดคุยเสมอ อย่างทุกวันนี้ ลูกๆ จะรู้ว่าเรื่องไหนต้องคุยกับใคร แม้บางเรื่องจะปิดบัง คนเป็นพ่ออย่างเขาก็เข้าใจ เพราะเป็นมุมของวัยรุ่น ส่วนตัวจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่จะดูอยู่ห่าง ๆ นอกจากนั้นยังเป็นคุณพ่อที่รู้จักเพื่อนลูกเกือบทุกคน บางครั้งมีทริปไปเที่ยวก็พาเพื่อนของลูกไปด้วย

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ลูกไม่ต้องดีมาก แต่อย่าชั่ว



ถึงคิวนักแสดงเจ้าบทบาทที่ได้รับรางวัลการแสดงมาครอบครองทั้งผลงานทางจอแก้วและจอเงินแทบทุกสถาบัน อีกทั้งยังเป็นร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ และผู้กำกับมือทอง เจ้าของวาทะแห่งปี "ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน" ในงานประกาศผลและมอบรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 1 ณ หอประชุมกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรากำลังพูดถถึงผู้ชายชื่อ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง สามีของ แดง ธัญญา โสภณ ซึ่งไม่เพียงแต่ความรักชาติยิ่งชีพแล้ว เขายังเป็นคุณพ่อของน้องบีบี-เอกนรี ลูกสาววัย 18 ปี และน้องไรเฟิล-ภูรีพงษ์' ลูกชายวัย 17 ปี ที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการเห็นลูกๆ ทั้งสอง เติบโตเป็นคนดีของประเทศชาติ

''ลูกของผม ถ้าอยากทำอะไรก็ว่ากันไป เพราะผมเป็นคนที่ไม่กดดันลูก ไม่คาดหวังอะไรกับตัวเขา สิ่งที่หวังอย่างเดียวเลย อย่าไปทำร้ายคนอื่น แล้วก็ไม่ต้องดีมาก แต่อย่าชั่ว ถามว่าหวงลูกสาวไหม เราห่วงมากกว่าเพราะเขาเริ่มโตจะไปไหนมาไหนก็ต้องถามไถ่ให้ละเอียดหน่อย''

"เต๋า สมชาย" โหดเพราะรักและหวังดีกับลูก



ตามมาด้วย บทบาทคุณพ่อของนักแสดงขาบู๊ เต๋า สมชาย เข็มกลัด หลังจากสลัดชีวิตโสด มาแต่งงานกับ ยุ้ย-อัฐมาศ อัศววิมล ภรรยาสาวนักการตลาด และมีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน 2 คน คือ น้องสมใจ-ด.ญ.สรรกมล และน้องสุขใจ-ด.ช.พลภัทร ชีวิตที่เคยเป็นคนเลือดร้อน ไม่กลัวตาย กลับค่อยๆ เพลาลงจนดูสงบ และสุขุมขึ้น และนี่คือวิธีการเลี้ยงลูกในแบบฉบับเต๋า สมชาย ที่ถึงแม้จะดูโหดในสายตาพ่อแม่หลายๆ ท่าน แต่ที่โหดก็เพราะว่ารัก และหวังดีกับลูก

"ตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิดมา ผมกับภรรยาตั้งใจว่าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาอย่างดีที่สุดในแบบฉบับของเรา ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการไม่เหมือนกัน และถ้าถามผมเวลานี้ มันไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก เพราะสุดท้ายเป้าหมายเดียวกันคือความรัก ดังนั้น เลี้ยงลูกแบบเต๋า สมชาย เลี้ยงง่ายๆ ครับ กินง่าย อยู่ง่าย เพราะชีวิตที่เราใช้ในแต่ละวัน มันก็ยากแล้ว ถ้าใช้วิธีการดำเนินชีวิตให้มันยากขึ้นไปอีก ผมว่าคนเราจะอยู่ลำบาก และก็จะอยู่ยาก

ยกตัวอย่างเรื่องการกิน ผมสอนลูกเสมอว่า อย่าเลือก แล้วก็อย่าผลัด คือตอนนี้ถึงเวลากินก็ต้องกินเลย อย่าบอกว่าหนูไม่หิว เพราะเดี๋ยวพอทำอะไรสักอย่าง จะไม่มีเวลากินแล้วหนูก็จะอดกิน พูดง่ายๆ คือ มีกินก็ต้องรีบกินก่อน อย่าผลัด ไม่กินก็ไม่มีพลังไปทำอย่างอื่น อย่างบางวัน เขาไม่กิน ผมเททิ้งเลยนะ จะไม่มีการเก็บไว้กิน ซึ่งวิธีการของผม บางคนอาจจะมองว่า โหด ผมว่าไม่โหดหรอกครับ ผมอยากให้เขารู้ว่า มีกินต้องรีบกิน เพราะมื้อหน้าเราไม่รู้ว่าจะได้กินหรือไม่ และพยายามบอกเขาว่า สิ่งที่พ่อแม่เลือกให้ คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว"

นอกจากนี้ เขาเป็นคุณพ่อที่ไม่ชอบขังลูกไว้ในกรงทอง ถ้าวันหนึ่งที่เห็นว่าลูกพร้อม และอยากออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เขาและภรรยาก็พร้อมจะที่เปิดทางให้

"วันนี้เรามีโอกาสได้คุยกับเขา ได้นอนอยู่กับเขา หรือได้ทำอะไรให้เขาทุกอย่าง ผมว่ามันเป็นความสุข แต่ผมบอกกับภรรยาผมเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้น เราต้องอ้าแขนรับลูกเลยนะ ไม่มีเหตุผล รับได้ทุกเหตุผล เพราะวันหนึ่งผมจะปล่อยให้เขาออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเขาเองแน่นอน ผมไม่ชอบให้เขาเป็นลูกแหง่ ผมชอบให้เขามีความคิดเป็นของตัวเอง มีทางปฏิบัติที่ดี มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผมไม่ชอบคนเห็นแก่ตัว เพราะถ้าเห็นแก่ตัวนี่จบเลย คือเราจะมองข้ามทุกอย่างในโลกนี้ ทุกอย่างมันจะเป็นเหตุผลของเราหมด คนเราจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ครับ"

นอกจากนั้น "ความดี" คือหัวข้อสำคัญที่บ้านนี้เน้นย้ำกับลูกๆ ทั้ง 2 คนมาโดยตลอด

"ผมสอนลูกผมเสมอว่า หนูต้องเป็นคนดีนะ เพราะถ้าหนูเป็นคนไม่ดี อย่างหนึ่งที่หนูควรจะต้องเข้าใจก็คือ หนูต้องรับผิดชอบในสิ่งที่หนูทำ เพราะผมใช้ชีวิตด้วยตัวของผมเองมา 40 กว่าปี 30 ปีที่ผมออกมาจากบ้าน ผมรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด รวมไปถึงวันนี้ การเป็นหัวหน้าครอบครัวคือหน้าที่อันใหญ่หลวง ผมทำงานหนักก็เพื่อครอบครัว ผมโชคดีที่มีภรรยาเก่ง และคอยช่วยผมเลี้ยงลูกเวลาที่ผมต้องออกไปทำงาน" เต๋า สมชายเผย

อี้ แทนคุณ สอนลูกรู้จักพึ่งพาตัวเอง



ปิดท้ายกันที่ อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ หลายคนรู้จักเขากันดีจากการเป็นพิธีกรหลายๆ รายการ จนกระทั่งได้เป็นส.ส.เขตดอนเมือง จากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากบทบาททางด้านการเมืองแล้ว เขายังเป็นคุณพ่อที่น่ารักของ "น้องฌาน" ลูกชายวัย 6 ขวบ ที่ตอนนี้ความหล่อจะแซงหน้าคุณพ่ออยู่แล้ว ส่วนวิธีการเลี้ยงลูกของเขาก็มีหลาย ๆ เรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย

"พ่อแม่ทำให้ผมรู้ว่า การลดความต้องการของตัวเองลง ทำให้เรามีความสุขมากที่สุด เพราะยิ่งต้องการมาก เราก็จะเหนื่อย และทุกข์มาก สิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายทอดมาสู่รุ่นลูกของผม ซึ่งผมจะเลี้ยงลูกแบบไม่ตามใจ แต่จะพยายามฝึกฝน และสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด เหมือนกับผมในวัยเด็ก เริ่มง่ายๆ จากงานบ้าน อย่าคิดว่ากำลังทรมาน หรือทำร้ายเขา แต่ความเหนื่อยในวัยเด็ก จะทำให้เขาเข้มแข็ง และหนักแน่นในตอนโต เหมือนกับพ่อแม่ที่สอนผมมาตลอด" เป็นคำสอนในวันวานที่เขานำมาใช้สอนลูกให้ได้ดีในวันนี้

นอกจากนั้น คุณพ่อท่านนี้ ยังสอนลูกตามแนวทางของพ่อหลวง นั่นก็คือ "ความพอเพียง" ซึ่งคำสอนดังกล่าว อี้มองว่า จะเป็นตัวที่สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กทุกคนได้เติบโต พร้อมเผชิญกับโลกได้อย่างเท่าทัน และเข้มแข็งต่อไป เช่นเดียวกับตัวเขา ผู้เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาก่อน ย่อมรู้ดีว่า ความพอเพียงที่ครอบครัวปลูกฝัง และใช้เป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่อย่างไม่เกินตัว พึ่งพาตัวเอง ทำให้เขาหนักแน่น และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้าภายนอก รวมทั้งไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นที่มีพร้อมมากกว่า เพราะจะยิ่งทำให้เกิดตัณหา และมีทุกข์ในการดิ้นรน

"พ่อรักชาติ" เผยความในใจถึง "พ่อหลวง"

ศรัณยู วงษ์กระจ่าง



"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง ด้วยเวลาสั้นๆ ยากที่จะหาคำจำกัดความที่จะทดแทนความรู้สึกที่เรามีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือท่านเป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง เป็นแบบอย่างในทุกๆ ด้านของพสกนิกร พระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน พระจริยวัตรของพระองค์ท่าน คุณูปการที่พระองค์ท่านทำต่อประชาชนทั้งประเทศ มีเยอะจนพูดไม่หมด เพราะฉะนั้น ถ้าบนแผ่นดินนี้ ถ้าจะมีใครสักคนที่จะเป็นแบบอย่าง เป็นต้นแบบให้เรานึกระลึกถึง และเทิดทูนได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเว้นจากพ่อแม่ในสายเลือดที่ให้กำเนิดเราจริงๆ แล้ว ก็มีพระองค์ท่านเท่านั้นที่อยู่ในใจของพสกนิกร ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนกันเช่นนี้ครับ"

ฉัตรชัย เปล่งพานิช



"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงงานหนัก และเหนื่อยเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด พระองค์ท่าน เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนไทย หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการทำงาน ความเสียสละ ความพอเพียง ความมีเมตตา นี่คือสิ่งที่ครอบครัวผมเห็น และนำมาเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกๆ ทุกคน"

พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง



"ไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าพ่อ และไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามากกว่าคำว่าพ่อ"

สมชาย เข็มกลัด



"พระองค์ท่านคือที่สุดของหัวใจฮะ ทุกวันนี้ผมชี้แนะลูกผมตามแนวทางที่พระองค์ท่านได้บอก ลูกผมรู้จักในหลวงครับ ลูกผมได้ดู ลูกผมได้ยืนตรงเคารพธงชาติ หรือทำตามที่ผมบอก เพราะผมจำมาจากพระองค์ท่าน คือวันนี้ ผมจะบอกว่าไม่มีอะไรที่สุดเท่ากับในหลวงของเรา ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ รักในหลวง ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ทุกคนไม่เคยลืมพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเลย พระองค์สอนให้รู้จักความพอเพียง รู้จักความเอื้อเฟื้อ รู้จักว่าความดีมีอยู่จริง วันนี้ผมคือคนไทยคนหนึ่งที่อยากจะบอกว่า พระมหากรุณาธิคุณของท่าน เป็นสิ่งที่ล้นฟ้าจริงๆ เราก็ได้แต่เอ่ยคำว่า พวกเราทุกคนรักท่าน พวกเรารักในหลวงครับ"

แทนคุณ จิตต์อิสระ



"ผมเลี้ยงลูกตามรอยพ่อหลวงที่ทรงสั่งสอนในหลักความพอเพียง ผมจะสอนลูกตลอด เพราะเชื่อว่าวิถีชีวิตที่ไม่ได้สร้างให้ลูกจากใจ เขาอาจจะเสียไปได้ด้วยน้ำมือของเรา และยากต่อการรื้อฟื้นกลับคืนมาได้ โดยความพอเพียงจะเป็นตัวที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กทุกคนได้เติบโตพร้อมเผชิญกับโลกได้อย่างเท่าทัน และเข้มแข็งต่อไป"

////////////////////////

สกู๊ปโดย ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Lite

*** ขอบคุณข้อมูลประกอบบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ที่ลงตีพิมพ์ในสยามดาราเมื่อปี 2553 และภาพประกอบสวยๆ จากข้าวหลามหนองมน แฟนเพจ และอินสตาแกรมของคุณพ่อคนดังทั้ง 5 ท่าน


กำลังโหลดความคิดเห็น