xs
xsm
sm
md
lg

สู้เพื่อนาย! “ตำรวจม็อบไทย” หัวใจไม่กลัวบาป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากการชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มส่งผลสั่นคลอนความมั่นคงของรัฐบาล นำมาสู่การประกาศใช้มาตรการคุมเข้มความมั่นคง...ตั้งแต่การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง ตัดสัญญาณมือถือในพื้นที่ชุมนุม จนถึงจับรถยนต์ที่ติดธงชาติไทย

รั้วลวดหนามและกำแพงแท่งปูนถูกนำมาวางเพื่อเสริมแนวรับสร้างความปลอดภัยให้กับรัฐบาล ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับขวางกั้นวิถีชีวิตปกติของ “เหล่าคณะสงฆ์จากวัดเบญจมบพิตร”

จนกลายเป็นกระแสถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยมาตรฐานที่รุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง

วันนี้ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่แบ่งข้างแบ่งฝ่ายรุนแรงขึ้น วัดเบญจมบพิตรที่บังเอิญตั้งอยู่ในพื้นที่ท่ามกลางขัดแย้งต้องอยู่ใต้อำนาจของพ.ร.บ.ความมั่นคงและประสบชะตากรรมผิดแปลกไปจากวิถีปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!!

ทนไม่ไหว! พระแฉผ่านเฟซบุ๊ก

โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กถือเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่ทรงพลังอย่างหนึ่งในยุคปัจจุบัน หลังจากการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงจากเหตุชุมนุมทางการเมือง วัดเบญจมบพิตรต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงร้ายแรงที่สร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งพระในวัดที่ผู้คนที่จะเข้ามาทำบุญ พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรของวัดเบญจมบพิตรเลือกใช้เฟซบุ๊กในการบอกเล่าถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น

พระมหาอภิชาติได้ระบุไว้ว่า มีการล้อมรั้วลวดหนามและก่อแท่งปูนเป็นกำแพงขึ้นมากั้นทางเข้า - ออกวัดจนมีพระบางรูปถึงขั้นบอกว่า บรรยากาศเหมือนกับอยู่ในสนามรบ ปิดล้อมชนิดคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมาตั้งศูนย์ตั้งแต่ช่วงประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง พระภิกษุและสามเณรแทบจะไม่สามารถบิณฑบาตได้เลย

“การมาปิดทางเข้าวัด พร้อมทั้งเข้ามากินมานอนแล้วก็ทิ้งเศษขยะไว้ให้พระเณรเก็บ เอาแท่งปูนพร้อมทั้งลวดหนามมากันทางบิณฑบาต มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองของพวกเราเลยครับ เพราะการสร้างบาปสร้างกรรมนั้นมันเป็นงานของพวกเรา จบงานชิ้นนี้พวกเราจะเอาไปเป็นผลงานเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง จะได้กลับมาสร้างผลงานให้มันมากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก” หัวหน้าพระวิทยากรของวัดเบญจมบพิตรโพสต์เป็นเชิงยั่วล้อไว้ในเฟซบุ๊กของตนเอง

ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นผลกระทบอย่างร้ายแรงหลังจากพระสงฆ์รวมถึงสามเณรไม่สามารถบิณฑบาตรได้คือการที่พระภิกษุรวมกับสามเณรในวัดที่มีมากกว่า 100 รูปต้องอดข้าวอดน้ำ นอกจากนี้ยังพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเข้าทำฝึกซ้อมการปราบจลาจลภายในบริเวณวัดซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ต่อประเด็นทางออกของปัญหานี้พระมหาอภิชาติมองว่า ทำได้ง่ายๆ คือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ายแท่งปูนและลวดหนามออกจากแยกวัดเบญจมบพิตรและถนนศรีอยุธยา ไปปิดที่คอสะพานตรงถนนนครปฐมและท้ายกำแพงวัดตามลำดับ ก็จะสามารถป้องกันคนบุกทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว

“อย่างน้อยวัดก็ยังมีทางให้พระ เณร และญาติโยมเข้าออกได้บ้าง บริเวณหน้าพระอุโบสถซึ่งเป็นสถานที่บิณฑบาตก็จะไม่ได้รับผลกระทบ พระขอแค่นี้ตำรวจให้ได้ไหม ถ้าได้หลวงพี่ก็อนุโมทนาสาธุ แต่ถ้าไม่ได้ สงครามประสาทระหว่างพระ เณรกับตำรวจปราบจลาจลก็ยังดำเนินต่อไป เจริญพร”

หลังจากความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นทีมงานASTV ผู้จัดการ LIVE ได้สอบถามไปยังวัดเบญจมบพิตร พระรูปหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ - นามสกุล) เผยว่า ความเดือดร้อนนี้เริ่มตั้งแต่ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงซึ่งกินเวลายาวนาน โดยการตั้งศูนย์ของเจ้าหน้าที่นั้นทับกับจุดที่พระสงค์และสามเณรของวัดไปบิณฑบาตส่งผลให้พุทธศาสนิกชนไม่สะดวกในการมาตักบาตร

“ปัญหาใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นมี 2 อย่าง 1.การปิดทางเข้า - ออกวัดซึ่งทำให้ชาวพุทธมาตักบาตรกันไม่สะดวกส่งผลให้วัดมีอาหารไม่เพียงพอ นอกจากชาวพุทธที่จะมาฟังเทศน์ในวันพระก็ลดน้อยลงด้วย 2. ตำรวจเข้ามาทำกิริยาไม่เหมาะสมในเขตวัด เพราะวัดเบญจมบพิตรเป็นพระอารามหลวงพิเศษ เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประจำมันทำให้ดูไม่ดีทำให้นักท่องเที่ยวลดลง”

โดยกิริยาที่ไม่เหมาะสมนั้น เขาเผยว่าคือการที่เจ้าหน้าที่เข้ามานั่งพักถอดเสื้อนอกออกบ้าง คุยกันเสียงดังโขมงโฉงเฉงบ้าง กระทั่งสูบบุหรี่และทิ้งขยะสกปรก พระท่านนี้บอกว่า วัดเบญจมบพิตรถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากต่างประเทศมากมาย การเข้ามาเห็นพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมนัก

“ยังไม่ได้คุยกับตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา มีแต่คุยกับตำรวจที่มาทำไม่เหมาะสม เขาก็บอกว่า พระต้องไปบอกกับทางหัวหน้า พระก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าตำรวจอยู่ไหน ยังไม่ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาแต่ยังไงคงต้องมีคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้แน่นอน”

สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้น พระท่านนี้มองว่าสามารถทำได้โดยมองว่าเป็นการเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยที่ผ่านมากับเหตุชุมนุมก็เคยมีการทำงานในลักษณะนี้ หากแต่ไม่ส่งผลกระทบให้วัดต้องเดือดร้อนอย่างที่เป็นอยู่

“ที่ผ่านมาก็ไม่ถึงขั้นที่เป็นปัญหา ตำรวจเข้ามาอยู่ในวัดเลย ไม่ถึงกับปิดกั้นแต่ตอนนี้คือมาวางปิดกั้นทางที่พระจะไปบิณฑบาต คือการทำงานของเจ้าหน้าที่สามารถทำได้นะ ตั้งเต็นท์ได้แต่ต้องเอื้อเฟื้อกับทางวัดด้วย อย่ามาตั้งปิดจมูกปิดปากพระแบบนี้ มันต้องเอื้อเฟื้อกัน ถ้ามาตั้งก็ต้องถามทางวัดก่อน ตรงนี้ทางวัดใช้อะไรประจำหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาไม่ได้มาถามก่อนเลย”

การกระทำที่แสนอุจาดของภาครัฐ

คุณสมบัติข้อหนึ่งของพ.ร.บ.ความมั่นคงคือการให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้กระทำการละเมิดสิทธิประชาชนได้ ด้วยเหตุเพราะสถานการณ์อันไม่ปกติ โดยที่การละเมิดนั้นไม่ถือว่าผิดกฎหมาย

แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นที่วัดเบญจมบพิตรนั้น ผศ.ดร.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้นิยามว่า มันคือสิ่งอุจาดที่รัฐกระทำต่อประชาชนโดยไม่จำเป็น

“การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง มันสามารถเว้นไม่ทำให้เกิดภาพที่อุจาดแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันอุจาดมาก ผมผ่านไปวันก่อน หากพูดเป็นภาษาทางสถาปัตยกรรมต้องเรียกว่าทัศนอุจาด มันเป็นการนำความน่าเกลียดมาประจานบ้านเมืองตัวเอง เหมือนเรามีของสวยแต่เอาขยะมาวางไว้ข้างหน้า”

เขามองว่า กรณีนี้เป็นความจงใจสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เป็นยุทธศาสตร์ที่ทำให้คนรู้สึกไม่ดีกับการชุมนุมทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น

“ถ้าเราไปเห็นรูปแบบที่รัฐจัดการจะพบว่ามันเป็นการเหมารวมหรือเอาสะดวก อาจจะเรียกว่ามักง่ายเลยก็ได้ เพราะมันทำให้ประชาชนเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น ผมมองว่า รัฐต้องการสร้างความรู้สึกเดือดร้อนขึ้นมาเพื่อให้คนเห็นว่า มีม็อบที่สร้างไม่มั่นคงเกิดขึ้น ใครที่เดือดร้อนก็ให้ไปโวยวายเอากับม็อบ มันเป็นการโยนบาปให้กับคนที่เขามาชุมนุมมาใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อเรียกร้องในความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น”

กับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เขาเห็นว่า วัดเบญจมบพิตรน่าจะประท้วง แม้กระทั่งหน่วยงานที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบก็ควรทำด้วย เพราะวัดแห่งนี้ก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง การกระทำของรัฐที่แปลงให้วัดมีสภาพไม่ต่างจากสนามรบยิ่งเป็นการทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวเกินความจำเป็น

“มันไม่ผิดกฎหมายเพราะให้อำนาจ แต่มันกระทบความสงบสุข ความดีงามของสังคมซึ่งมันใหญ่กว่ากฎหมาย ตอนนี้รัฐยึดเอาความมั่นคงของรัฐบาลเป็นสำคัญมากกว่าความดีงามทุกอย่างแล้ว”

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตำรวจ เขามองว่าจะได้รับผลดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการไม่ต้องทำงานหลัก การได้รับเบี้ยเลี้ยงพิเศษจนถึงความดีความชอบในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์เห็นว่า ไม่ควรนิ่งดูดายแต่ต้องเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง

“หากพิจารณาตามหลักการและเหตุผลของพ.ร.บ.ความมั่นคงแล้ว มันจะต้องมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ฉะนั้นเราค่อนข้างจะลำบาก สิ่งที่ทำได้คือ 1. ยื่นต่อศาลปกครองให้ระงับกฎหมายนี้เพราะมันไม่ได้มีเหตุร้ายอะไร 2. ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้เขาดำเนินการแก้ไข เขาจะทำหน้าที่บอกรัฐแทนเรา 3. ให้เรียกร้องต่อกรรมการสิทธิมนุษยชน”

ทั้งนี้ เขาทิ้งท้ายถึงรัฐบาลว่าควรคิดให้มากกับการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ไม่ให้กระทบต่อประชาชน และภาพลักษณ์ของประเทศ

“ถ้ารัฐอยากให้ประเทศเราน่าอยู่ก็จงยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงซะ และถ้าจะให้ดีก็อย่าให้มีกฎหมายแบบนี้ในสังคมไทยอีกเลย”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊กของพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตร




ภาพทหารฝึงปราบปรามจลาจลในเขตวัด

กำลังโหลดความคิดเห็น