พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระปรีชาสามารถในทุกด้าน พระราชกรณียกิจหลายด้านของพระองค์ ยังความเจริญรุ่งเรืองมาสู่พสกนิกรชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงประกาศเลิกทาส การเกิดสาธารณูปโภคพื้นฐาน การปกครองบ้านเมือง พระมหากรุณาธิคุณอเนกอนันต์เหล่านี้ จึงกลายเป็น “พระปิยมหาราช” เคารพรักของปวงชนชาวไทย
อีกหนึ่งพระปรีชาคือ ทรงสนพระทัยในเรื่องอาหารการกิน จนได้ชื่อว่าเป็นนักชิมตัวยง จนก่อเกิดตำรับเสวยมากมายในรัชกาลของพระองค์ ซึ่งมีหลักฐานจากพระราชนิพนธ์รวมทั้งจดหมายเหตุต่างๆ ที่ทรงเขียนครั้งเสด็จประพาสยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้คนในยุคนี้ ได้รับทราบถึงตำรับอาหารในสมัยก่อนอันกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่องไกลบ้าน ทรงเล่าเรื่องที่พระองค์เสด็จประพาสเมืองต่างๆ รวมทั้งทรงมีเรื่องขำขันตรัสเล่าว่า
“...ลงมือชักม่านดับไฟพยายามจะหลับ ทำไมมันจึงนึกต่อไปไม่รู้ ข้าวแกงเผ็ดโผล่ขึ้นมาในนัยน์ตาที่หลับๆ ประเดี๋ยวไข่เจียวจิ้มน้ำพริก ประเดี๋ยวทอดมันกุ้ง ปลาแห้ง พากันหลอกเสียใหญ่ หลับตาไม่ได้ต้องลืม ลืมก็แลเห็นแกงปลาเทโพ หลอกได้ทั้งกำลังตื่นเช่นนั้น จนชิ้นยำแตงกวาก็พลอยกำเริบ ดีแต่ปลาร้า ขนมจีนน้ำยาหรือน้ำพริกสงสารไม่ยักมาหลอก มีแต่เจ้ากะปิคั่วมาเมียงมองอยู่ไกลๆ...”
ผศ.ดร.ศันสนีย์ จะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะวัฒนธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักฯ กำลังวิจัยค้นคว้าเรื่อง “สำรับ” ทรงโปรดของรัชกาลที่ 5 ซึ่งนอกจากมีความเป็นมาของแต่ละสำรับแล้ว ยังมีทั้งเครื่องปรุงและเครื่องเคียงเพื่อให้ครบสำรับอาหารไทย โดยผลงานเหล่านี้จะมีการตีพิมพ์เป็นหนังสือ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปีหน้า
ส่วน “เครื่องเสวย” ที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดมีอะไรบ้างนั้น ผศ.ดร.ศันสนีย์เล่าว่า รัชกาลที่ 5 ทรงสนพระทัยและพิถีพิถันกับเรื่องอาหารมาก โดยเฉพาะ ทรงโปรดอาหารแปลกๆ เนื่องจากเสด็จประพาสไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทอดพระเนตรเห็นวัตถุดิบพื้นบ้าน และทรงเสวยอาหารแปลกใหม่เป็นประจำ บ่อยครั้งจะนำมาทรงเล่าให้ พระวิมาดาเธอฯ พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 ที่ดูแลห้องเครื่องต้นเสวยตลอดรัชกาลฟัง ซี่งพระวิมาดาเธอฯ ทรงได้รับการยกย่องเป็น “เอตทัคคะทางด้านการทำกับข้าว” ก็ทรงนำไปดัดแปลงและทำถวายจนเป็นที่พอพระทัย
ส่วน “เครื่องเสวย” ที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดนั้น มีมากมายด้วยกันดังนี้
“ขนมจีนน้ำยา” หนังสือ “สวนสุนันทา” ได้กล่าวไว้ว่า ทรงโปรดอาหารไทยมากกว่าอาหารฝรั่ง โดยเฉพาะ “ขนมจีนน้ำยา” โปรดมากเป็นพิเศษ ถึงกับมีรับสั่งให้จัดถวายทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็น และเป็นพระกระยาหารมื้อสุดท้ายก่อนเสด็จสรรคตเพียง 4 วัน
“น้ำพริกกะปิ” เป็นสำรับทรงโปรดที่จะต้องตั้งเครื่องถวายทุกครั้ง โดยต้องมี “เครื่องเคียง” ที่ขาดไม่ได้คือปลากุเลาทอด ไข่เค็ม และผักจิ้มต่างๆ โดยเฉพาะ “ปลาทูทอด” ที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ ซึ่งจะต้องเป็นปลาทูจากเพชรบุรีเท่านั้น มีบันทึกไว้ว่า ไม่โปรดปลาทูทอดที่เหม็นคาว และผู้ที่ทอดปลาทูได้ถูกพระราชหฤทัยมากที่สุดคือเจ้าจอมเอิบ ซึ่งรับหน้าที่ทอดปลาทูถวายมาตลอด ครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงมีรับสั่งไว้ว่า
“เรื่องทอดปลาทูข้าอยู่ข้างจะกลัวมาก ถ้าพลาดไปแล้วข้ากลืนไม่ลง ขอให้จัดตั้งเตาทอดปลาที่สะพานต่อเรือนข้างหน้าข้างใน บอกกรมวังให้เขาจัดรถให้นางเอิบออกไปทอดเตรียมเตาและกระทะให้พร้อม”
“ข้าวคลุกน้ำพริก” ตามปกติจะเห็นคนส่วนมากนิยมนำ “ ข้าวคลุกกะปิ” ไปไหว้พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ในเรื่องนี้ ผศ.ดร.ศันสนีย์ กล่าวว่า ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ข้าวคลุกน้ำพริกกะปิ” โดยมีที่มาจากพระราชหัตถเลขาตอนเสด็จประพาสต้นว่า
“เหลือกะปิน้ำตาลติดก้นขวด เอามาปนกับมะนาวบีบ พริกป่นโรยลงไปหน่อยคลุกข้าวกินกับหมูแฮมแลกับฝรั่ง เพลินอิ่มสบายดี”
ผศ.ดร.สันสนีย์ วิเคราะห์ว่า เครื่องปรุงและกรรมวิธีในพระราชหัตถเลขานั้น คือการทำ “น้ำพริกกะปิ” ซึ่งมีกะปิ น้ำตาลปี๊บ มะนาว และเนื่องจากไม่มีพริกขี้หนู จึงใช้พริกป่นเพื่อความเผ็ด สอดคล้องกับที่พระองค์ทรงโปรดน้ำพริกกะปิด้วย จึงไม่น่าจะเป็นข้าวคลุกกะปิที่เข้าใจกันผิดๆ
อีกทั้ง ม.จ.หญิงจงจิตถนอม ดิศกุล ยังทรงทำกะปิพล่าถวาย และเป็นที่พอพระราชหฤทัยถึงกับทรงขอเสวยซ้ำในวันรุ่งขึ้น และได้พระราชทานรางวัลเป็นสร้อยข้อมือ 1 เส้น พร้อมด้วยพระราชดำรัสว่า “ข้าได้กินน้ำพริกของเจ้า ทำให้ข้ารอดตายแล้ว”
“ข้าวต้มสามกษัตริย์” ที่มาของสำรับนี้มีบันทึกไว้ว่า เมื่อครั้งเสด็จประพาสแม่กลอง โปรดต้มข้าวต้มด้วยพระองค์เองบนเรือน โดยใช้กุ้ง ปลาทู และปลาหมึกที่ทรงซื้อจากชาวบ้านที่จับปลา จึงเรียกขานสำรับนี้ว่า “ข้าวต้มสามกษัตริย์” หรือถ้าปัจจุบันคือข้าวต้มซีฟู้ดนั่นเอง โดยครั้งนั้น กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงร่วมเสวยด้วยและออกพระโอษฐ์ว่า “ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยกินข้าวต้มอะไรที่อร่อยเหมือนวันนี้เลย”
“ซุปลูกหมา” เป็นสำรับที่ทรงคิดและโปรดปรุงด้วยพระองค์เองเสมอ ที่มาของสำรับนี้เกิดขึ้นตอนเสด็จประพาสยุโรป ทรงมีโอกาสได้ชิมอาหารฝรั่งและทรงโปรดหลายอย่าง อาทิ ซุปปอดโอโฟ ไก่นมวัวและเทอรีน เป็นต้น หลังจากเสด็จกลับแล้ว ก็ทรงปรุงซุปปอดโอโฟ และทุกครั้งจะพระราชทานให้แก่สุนัขทรงเลี้ยง เนื่องจากสุนัขทรงเลี้ยงชอบมาก พระองค์จึงทรงเรียกซุปปอดโอโฟว่า “ซุปลูกหมา” โดยปรุงจากเนื้อวัวและผัก
เครื่องเสวยที่ทรงโปรดยังมีอีกมาก แต่สำหรับผลไม้ทรงทรงโปรดมากคือ “ลูกแพร์” ที่เคยตรัสว่า “ลูกเดียวอิ่มบริบูรณ์ชื่นใจ” ส่วนน้ำที่เสวยนั้น ต้องนำมาจากแม่น้ำเพชรบุรีเท่านั้น
ข่าวโดย Manager-Celeb Online