ในบรรดานายแพทย์ที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคมะเร็งของประเทศไทย เชื่อว่าต้องมีชื่อ นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ อยู่ในลิสต์ดังกล่าวนี้ด้วย เพราะเขาได้รับการขนานนามว่าเป็น "หมอเทวดา" ผู้ใช้ตัวยาสมุนไพรไทยควบคู่กับการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน จนสร้างความมหัศจรรย์ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งมาแล้วหลายต่อหลายราย
แต่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญในวงการแพทย์ทางเลือกของไทย เมื่อ "คุณหมอเทวดา" ที่พึ่งและผู้ปลุกชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งให้กลับมามีกำลังใจอีกครั้งท่านนี้ ได้จากไปอย่างสงบในวัย 93 ปี ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน
แม้จะลาลับโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่สิ่งที่คุณหมอท่านนี้ได้สร้างเอาไว้ นับว่ามีประโยชน์อย่างประมาณค่าไม่ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่การค้นคว้าวิจัยสมุนไพรไทยเพื่อรักษาโรคมะเร็ง แต่การที่คนคนหนึ่งยอมอุทิศตัวเองเพื่อผู้อื่น และสังคม ย่อมหมายความว่า เขาต้องมีคุณสมบัติ และมีวิธีคิดที่น่าเรียนรู้อยู่ไม่น้อย
"หมอเทวดา" ชื่อนี้ไม่ธรรมดา
กล่าวสำหรับ นพ.สมหมาย เชื่อว่าหลายคนรู้จักคุณหมอท่านนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายร้อยคนทั้งชาวไทย และต่างชาติ แม้มะเร็งบางชนิดจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยให้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง โดยใช้ตัวยาสมุนไพรไทยควบคู่กับการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน
ลึกลงไปถึงตัวคุณหมอ พื้นเพเดิมเป็นคนจ.สิงห์บุรี สำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าศึกษาต่อทางการแพทย์ที่ศิริราช และทำงานในร้านขายยาเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2494 ท่านเริ่มสนใจการใช้สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งมาตั้งแต่ปี 2508 เพราะเล็งเห็นความจริงที่ว่า "ในโลกนี้ธรรมชาติทำให้เกิดโรค ธรรมชาติก็ต้องมีตัวยาแก้โรคให้ด้วย"
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าวิจัยการแพทย์ทางเลือกอย่างสมุนไพร จนเมื่อปี 2512 ได้พบคนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายโดยได้ใช้สมุนไพรรักษาจนหาย จากนั้นจึงใช้สมุนไพรรักษาคนไข้เรื่อยมา เกิดเป็นเส้นทางใหม่ที่เรียกว่า "การแพทย์ทางร่วม" ในการรักษามะเร็ง หลังจากย้ายไปสร้างความเจริญให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วลาออกเพื่อไปเป็นหมอที่บ้านเกิด คือ โรงพยาบาลสิงห์บุรี ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า "ที่นี่ผมได้ทำงานที่ตั้งใจ พร้อมได้อยู่ดูแลคุณแม่ไปพร้อมๆ กัน"
คลินิกหมอสมหมาย จึงเกิดขึ้น ณ บ้านไม้หลังใหญ่ ข้างตลาดปลาสด จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านละแวกนั้น รวมทั้งคนต่างจังหวัดที่เข้ามารับการรักษาตามคำร่ำลือถึงกิตติศัพท์ "หมอเทวดา" จากที่เคยเปิดการรักษาโรคทั่วไป ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นสถานที่สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างจริงจัง ท่ามกลางความหวังของผู้เข้าทำการรักษาจำนวนมาก
"อย่าเรียกผมว่าหมอเทวดาเลย จริงๆ แล้ว ผมก็เป็นแค่หมอธรรมดา"
เป็นคำบอกเล่าแบบถ่อมตัวของนพ.สมหมาย คุณหมอผู้อุทิศตัวเองเพื่อรักษาโรคมะเร็งให้แก่ผู้ป่วยทั่วประเทศมานานกว่า 40 ปี
ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2542 นพ.สมหมาย ได้มอบสูตรยาให้แก่องค์การเภสัชกรรมโดยร่วมงานกับ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้ได้รับรางวัลแม็กไซไซ จนปี พ.ศ.2552 ก็ประสบความสำเร็จในการคิดค้นเป็นสูตรยาตำรับแรกของเมืองไทยที่เป็นที่ยอมรับในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน ทำให้ท่านถูกเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นแห่งชาติ สาขาพัฒนาสังคม รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี 2554 ซึ่งแต่ละปีจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น
คุณหมอหัวใจน่ากราบ
หากย้อนกลับไปดูความมุ่งมั่นทุ่มเทตลอดชีวิตการทำงานของนพ.สมหมาย คงไม่เกินไปนักถ้าจะบอกว่า หัวใจของคุณหมอทั้งหล่อและน่ากราบมาก เพราะในวัยเกษียณที่ใครหลายคนเลือกที่จะพักผ่อน หรือเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อหาความสุขในบั้นปลายชีวิต แต่คุณหมอท่านนี้ กลับไม่หยุดทำงาน และเลือกที่จะเสียสละเวลาเพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งใจไว้เลยว่า จะเกษียณตัวเองเมื่ออายุ 90 ปี
แม้ปากจะบอกว่า ตั้งใจจะเกษียณตัวเองในวัย 90 ปี แต่กลับพบเห็นท่านทำงานรักษาคนไข้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังนำสูตรสมุนไพรไปเผยแพร่ให้แก่องค์การเภสัชกรรม เพื่อให้มีการต่อยอดงานวิจัย และสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ต่อไป โดยท่านให้เหตุผลว่า "ผมไม่อยากให้ยานี้ตายไปกับผม"
ปัจจุบ้น แม้องค์การเภสัชกรรม จะได้รับการอนุญาตจากทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสมุนไพรสูตรดังกล่าวแล้ว โดยระบุสรรพคุณคือแก้น้ำเหลืองเสีย ไม่ใช่รักษาโรคมะเร็ง แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของคุณหมอท่านนี้ และเชื่อว่า ยาสูตรดังกล่าวคงจะเป็นประโยชน์ในการรักษามะเร็งและช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดพ้นจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น
ด้วยอายุที่ใกล้ 100 เต็มที มีคนเคยถามท่านมากมายว่าอายุเท่านี้แล้ว ยังจะรักษาคนไข้อีกหรือ ทำไมไม่ไปพัก และนี่คือคำพูดของคุณหมอที่เคยตอบไว้เมื่อครั้งไปออกรายการทูไนท์โชว์เมื่อปีก่อน (9 กรกฎาคม 2555)
"ในเมื่อมีคนมาให้รักษาจะให้ไล่เขากลับไปหรืออย่างไร แล้วอีกอย่างเราก็มีวันหยุดถึง 2 วัน (ด้านลูกชายที่มาออกรายการด้วย แซวว่า พอถึงวันหยุดทีไรก็จะหงุดหงิดอยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ)" เมื่อนพ.สมหมายได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะ และบอกว่า "คลินิกปิดมันเงี๊ยบ เงียบ"
สำหรับเหตุผลว่าทำไมเกษียณแล้วยังไม่หยุดทำงาน และหาความสุขในบั้นปลายชีวิตเหมือนคนอื่นๆ เขา คุณหมอคนเดียวกันบอกว่า เพราะอาชีพหมอเป็นอาชีพที่รักมาก และดีใจทุกครั้งที่สามารถช่วยคนอื่น และบรรเทาทุกข์ที่หนักให้มันเบาบางลงได้
ส่วนอีกมุมที่ทำให้เห็นหัวใจที่หล่อ และน่ากราบของคุณหมอท่านนี้ ก็คือความเห็นอกเห็นใจผู้ป่วยที่ยากจน โดยเฉพาะค่ารักษา เพราะหากเป็นการรักษาในโรงพยาบาลมีชื่อทั่วไป ค่ารักษาเกี่ยวกับโรคร้ายนี้ คงไม่น้อยกว่าหลักหมื่น หรือหลักแสน แต่สำหรับ นพ.สมหมาย เคยกล่าวติดตลกไว้ว่า
"ใครนั่งรถเบนซ์มา ก็แพงหน่อย ใครไม่มีตังค์มา ก็ให้ฟรี (ยิ้ม)" ก่อนจะขยายความเสริมว่า "รักษามาเกือบ 40 ปี มีพอกินพอใช้ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้น มันอยู่ที่ใจ ได้น้ำใจ ได้ทางความรู้สึก แค่นั้นพอแล้ว" เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงจาคะในตัวของคุณหมอท่านนี้ได้เป็นอย่างดี
มุมของลูก เล่าถึงพ่อผู้ทุ่มเท
อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ และควรแก่การหยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง ก็คือมุมของความเป็นคุณพ่อที่ทุ่มเท และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกชาย
บอกเล่าจาก อัศวิน ทองประเสริฐ ทายาทของคุณหมอเทวดา ในฐานะผู้สืบทอดอุดมการณ์การรักษา และผู้จัดการคลินิก "นายแพทย์สมหมาย" เขาบอกว่า คุณพ่อเป็นคนมุ่งมั่น และมีจิตใจที่ดี เวลาคนไข้มาทำการรักษาที่คลินิก รายไหนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ คุณพ่อจะเดินไปหา และเข้าไปตรวจถึงที่
สำหรับคนไข้ที่มารักษานั้น มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้หญิงส่วนมากจะป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายจะป่วยเป็นมะเร็งตับ โดยคุณพ่อจะทำการรักษาเดือนละ 1 ครั้ง เมื่อครบ 1 เดือนจะนัดมาดูอาการอีกที
แม้บางวัน ข้อความบนบอร์ดกระดานจะรายงานคิวที่ยาวเหยียดมาก ซึ่งเป็นผลมาจากสื่อที่เผยแพร่ออกไป ทั้งหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ ต่างประโคมข่าวไปทั่วทุกหนแห่ง แต่คุณหมอสมหมายยังยืนยันเช่นเดิมว่า "จะตรวจทุกคน ไม่ต้องกลัวมาเสียเที่ยว" ซึ่งบางวันยาวไปถึง 5 ทุ่ม เที่ยงคืนเลยก็มี
และไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่มาทำการรักษากับคุณหมอสมหมาย แม้แต่ชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกที่ได้ยินชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็งให้หายได้ ต่างก็ข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้รักษาด้วยความหวังที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข แม้บางราย ดูจะเป็นความหวังที่ริบหรี่ แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจขึ้นมาได้บ้าง
"คุณพ่อท่านรักในวิชาชีพเป็นอย่างมาก สมมติว่าวันหยุดคลินิกเราต้องเตรียมตัวไปเที่ยวกัน แต่เมื่อเปิดประตูบ้านมีคนไข้รออยู่ ทริปนั้นก็จะล่มลงทันที (ยิ้ม) ตอนนี้คุณพ่อก็อายุ 92 แล้ว แต่ก็ยังรักษามะเร็งอยู่ทุกวัน โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บป่วยใด ๆ เลย และหากท่านใดที่หมดกำลังใจ ท่านก็จะให้กำลังใจ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สอนผมในทุก ๆ เรื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สูงอายุทั่วไปที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย
ท่านเป็นคุณหมอที่มีจรรยาบรรณ พร้อมรักษาทุกคน ที่ผ่านมา ผมรู้ว่าท่านเหนื่อย แต่ความสุขของท่าน ก็คือการที่รักษาคนไข้ได้สำเร็จ แค่เพียงท่านได้ยินว่า หนูหายแล้วค่ะ หนูดีขึ้นแล้วค่ะ ท่านก็จะยิ้มทุกครั้ง และนี่ก็เป็นความสุขของท่าน" ลูกชายคนเก่งเล่าถึงคุณพ่อเมื่อครั้งไปออกรายการทูไนท์โชว์ร่วมกันในปี 2555
แม้วันนี้จะไม่มีท่านแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความหวังของผู้ป่วยโรคมะเร็งจะดับไปด้วย เพราะยังมี นพ.นิกร ไวประดับ ซึ่งเป็นหลาน เข้ามาสานต่อดูแลรักษาคนไข้ต่อไป
คนเก่งวงการแพทย์ที่โลกไม่ลืม
กว่า 40 ปีที่ นพ.สมหมาย อุทิศแรงกาย แรงใจ และสละเวลาตลอดชีวิตของการทำงานเพื่อค้นหาสูตรยาสมุนไพรที่จะมาพิชิตโรคร้าย จนมีสำนักพิมพ์ต่างๆ ตีพิมพ์ประวัติชีวิต และแนวทางในการรักษาของท่านออกเป็นหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ซึ่งหนังสือเหล่านี้ เปรียบเสมือนเป็นคู่มือสำหรับคนเป็นโรคมะเร็งทุกคน โดยชี้ให้เห็นถึงความรู้เท่าทัน และทางรอดจากโรคร้ายดังกล่าว ตลอดจนวิธีการอยู่กับมะเร็งอย่างเข้มแข็ง
วันนี้ ไม่มีท่านแล้ว แต่สิ่งที่นายแพทย์ท่านนี้ให้ความสำคัญมาตลอด ก็คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เริ่มจากพยายามกินให้เป็น เน้นบริโภคผักสดพื้นบ้าน สมุนไพร และธัญพืชต่างๆ ประกอบกันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ และมีกำลังใจที่จะต่อสู้เมื่อพบว่ากำลังป่วยเป็นโรคร้ายนี้ โดยเฉพาะครอบครัวที่ถือเป็นกำลังใจสำคัญ
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวชีวิตในมุมต่างๆ ของคนเก่งวงการแพทย์ทางเลือก "นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ" เทวดาของผู้ป่วยมะเร็ง บุคคลดีเด่นแห่งชาติ ปี 2554 ผู้อุทิศตนเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่โลกต้องไม่ลืม
//////////////////////
ประวัติชีวิต
ชื่อ-สกุล : นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 ธันวาคม พ.ศ.2464
ภูมิลำเนา : จ.สิงห์บุรี
พี่น้อง : 7 คน
การศึกษา :
- โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ถนนสี่พระยา จนจบ ม.5
- โรงเรียนอำนวยศิลป์ ม.6-ม.8
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเภสัชศาสตร์ ปริญญาตรี
- แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รุ่น 55
การทำงาน :
- สถานเสาวภา สภาชาดไทย ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ วัคซีน, เซรุ่ม
- แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลศิริราช
- หัวหน้าศัลยแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช
- ควบคุมดูแล คลังโลหิต โรงพยาบาลศิริราช
- รับราชการอยู่ที่รพ.ตำรวจ 8 เดือน
- นายแพทย์ประจำ สาธารณสุข จ.สิงห์บุรี
- ผู้อำนวยการรพ.สิงห์บุรี
- เปิดคลินิกรักษาโรงมะเร็ง จ.สิงห์บุรี (เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง)
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE