กลายเป็นปรากฎการณ์มวยไทยที่ทำให้หลายคนต้องหลงรักจากทัวร์นาเมนท์มวยไทยหญิงอาชีพ “สุดสวยมวยไทยโลก” เวิลด์ มวยไทย แองเจิลส์ 2013 ที่นำเอามวยไทยหญิงจากทั่วโลกมาประชันทั้งความสวยที่ดึงดูด และแม่ไม้มวยไทยที่งดงาม
จากความเชื่อดั้งเดิมของมวยไทยที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานที่เป็นสังเวียนสู้ของชายฉกรรจ์ มีข้อห้ามกระทั่งไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปยืนอยู่บนเวที
แต่มาถึงวันนี้กับเสียงตอบรับและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากคำดูถูกในวันวาน สู่สังเวียนที่พิสูจน์ความเก่งกาจของผู้หญิงในวันนี้ นำมาซึ่งคำตอบบนผืนผ้าใบที่มองเห็นได้จากหยาดเหงื่อและความทุ่มเทของพวกเธอ หญิงสาวแท้จริงทั้งงดงามและแข็งแกร่ง!
“ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ” สวยพิฆาต ฟาดไม่เลี้ยง
นักมวยสาววัย 18 ปี ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ หรือ เฟี๊ย -หยาดรุ้ง เต๊ะหิรัญ ในเรื่องความสวยการันตีอยู่บนใบหน้าอย่างปฏิเสธเสียไม่ได้ ส่วนในเรื่องเชิงมวยจัดจ้านไม่แพ้กัน 'หนักหน่วง' โดยเฉพาะ 'การฟาดแข้ง' คือไม้ตายของ สวยพิฆาตรายนี้
พ่วงดีกรีแชมป์มวยไทยหญิงศึกภูธรภาคอีสาน, นักมวยไทยหญิงยอดเยี่ยมศึกมวยภูธร ภาคอีสาน, แชมป์ชมรมมวยสยามภาคตะวันออก, แชมป์มวยรอบพยัคฆ์สาว, แชมป์มวยรอบยุทธหัตถี สุพรรณบุรี และอีกหลายรายการ
ชมมณี เล่าว่าเริ่มต้นในสังเวียนมวยเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ เรื่องของเรื่องคือเห็นพี่ชายซ้อมมวย แล้วนึกสนุก อยากลองจึงเข้าไปขอลองชกมวยเอาดื้อๆ
เด็กหญิงวัยกระเตาะ ซ้อมมวยอยู่ราว 4-5 เดือน เธอขอครูฝึกว่าอยากขึ้นประลองเชิงมวย กลายๆ ว่ามีแววด้วยก็เลยได้ขึ้นชกเวทีแรกในงานวัด ถึงแม้จะได้รับความพ่ายแพ้ แต่เวทีที่สองเธอสอยคู่ต่อสู้ร่วงได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม
ชมมณี บอกว่ารักการต่อยมวยมาก ถึงที่ผ่านมาจะมีความรู้สึกท้อบ้างแต่ก็ต่อสู้ผ่านช่วงเวลาแย่ๆ มาได้ แน่นอนกำลังใจจากตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด “เราถึงขนาดนี้แล้ว ไปอีกนิดนึงมันจะเป็นอะไรไป ใกล้จะถึงความเป็นจริงแล้ว”
เจ้าของสัดส่วน 34-27-35 หนึ่งสาวผู้เข้าชิงชัยในศึก สุดสวยมวยไทยโลก เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาร่วมประชันหมัดกับบรรดานักมวยสาวสวยที่คัดมาทั่วโลก แม้รูปร่างสาวไทย (สูง166 ซม. / น้ำหนัก55 กก.) จะเป็นอุปสรรคเมื่อขึ้นชกกับชาวต่างชาติที่รูปร่างใหญ่กว่าอยู่บ้าง แต่ ชมมณี ยืนกรานว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวคู่ต่อสู้แม้แต่น้อย แถมบอกอีกสภาพจิตใจเต็มร้อยร่างกายก็ฟิตเปรี๊ยะ พร้อมพ่นพิษกำปั้นแล้ว
มวยถือเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ผู้หญิงควรเรียนรู้เพื่อรู้วิธีเอาตัวรอดในยามคับขัน มวยไม่ได้เป็นกีฬาที่แสดงออกซึ่งความรุนแรงแต่ผสมศาสตร์และศิลป์ของการต่อสู้ไว้ด้วยกัน ชมมณี ทิ้งท้ายว่า อยากให้วงการมวยหญิงได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งในการแข่งขันรายการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยผู้คนก็ได้รับรู้ว่ากีฬามวยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่เพศชาย งานนี้ต้องย้ำว่า 'ผู้หญิงสวย' ก็เป็นเจ้าสังเวียนได้เช่นกัน
“เดือนนภา” เสือสาวสังเวียนเดือด!
อายุเพียง 19 แต่ประสบการณ์ฟาดแข้งบนสังเวียนของเธอก็ไม่เป็นสองรองใคร ชนะ 19, เสมอ 1 และ แพ้ 8 คือผลงานที่ “เสือสาวสามพราน” ฝากเอาไว้ พร้อมกับตำแหน่งแชมป์อีก 4 รายการที่ยืนยันได้อย่างน่าเชื่อถือว่า เธอคือหนึ่งใน “นางฟ้ามวยไทย” ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ฝีไม้ลายมือและฝีเท้าก็แน่ไม่แพ้กัน
“แนท-ภานุมาศ ทันท่าหว้า” คือชื่อจริงๆ ของเธอ แต่ชื่อที่คนในแวดวงเวทีผืนผ้าใบรู้จักกันดีคือ “เดือนนภา ม.รัตนบัณฑิต” สาวน้อยคนนี้เริ่มยืนบนสังเวียนเดือดมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ด้วยแรงสนับสนุนจากคุณอาซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวย “เกียรติเกรียงศักดิ์” เด็กน้อยวัยใสจึงเริ่มฟาดแข้งฟาดขาด้วยความสนุกสนาน
“ตอนแรกเป็นนักกรีฑากับนักกีฬาวอลเล่ย์บอลมาก่อนค่ะ แล้วพอดีคุณอาเป็นเจ้าของค่ายมวย (เกียรติเกรียงศักดิ์) ชอบมวย ก็เลยแนะนำให้เราลองหัดชกมวยดูค่ะ ซื้อกระสอบทรายมาให้เราเตะตั้งแต่ตอนอายุ 12 เห็นว่าหนูเตะแรงดี จับเราไปหัดซ้อมมวยกับคนอื่นๆ ดู พอซ้อมกับคนอื่นก็เลยเกิดคึกอยากต่อยขึ้นมา ก็เลยต่อยเลยค่ะ หัดได้ 3 เดือนก็เริ่มชก ชกครั้งแรกก็ชนะน็อกเลย เขาปล่อยหมัดมาได้ 3 ครั้ง เราชกออกไปครั้งเดียว ชนะน็อกเลย ดีใจมากก็เลยเริ่มเอาจริงเอาจังมาตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ”
ทุกวันนี้มีคุณอาเป็นอาจารย์ผู้สอนเชิงมวย และมีพี่เขยเป็นเทรนเนอร์ให้ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ในแวดวงฟาดแข้ง แต่ยังคอยสนับสนุนอย่างเดียว “ตอนแรกๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้สนับสนุนอะไรมากนะคะ เพราะว่าเขากลัวเราเจ็บค่ะ แต่บ้านเราจะอยู่ติดกับบ้านคุณอา หนูก็ชอบเข้าไปค่ายซ้อมบ่อยๆ พอคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเราสามารถชกได้โดยไม่เจ็บตัวอะไรมากมาย ป้องกันตัวเองได้ เขาก็สนับสนุนให้ชกค่ะ”
แชมป์จากเวที “วันทรงชัย” รุ่น 108 ปอนด์, เวที “อัศวินดำ” รุ่น 112 ปอนด์, เวที S1 รุ่น 115 ปอนด์ แล้วก็ แชมป์ “สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก” รุ่น 122 ปอนด์... นี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของแนทอุ่นใจได้ว่าเธอจะไม่เอาหน้าสวยๆ ไปรับหมัดคนอื่นให้เจ็บตัวจนน่าเป็นห่วง เพราะฝีไม้ลายมือของเธอมีรางวัลการันตีมาตลอดเส้นทางนักชก
ฟาดแข้งโชว์ลีหน้าและหน้าสวยๆ อยู่บนเวทีผืนผ้าใบมาถึง 6 ปีแล้ว แน่นอนว่าสาวน้อยหน้ามนคนนี้ต้องมีท่าไม้ตายเป็นของตัวเอง “ลูกแข้งขวาค่ะ แข้งขวาหนูจะหนัก แตะแรง” และถึงแม้จะเคยมีประสบการณ์การชกในต่างแดนและได้รับความพ่ายแพ้มาครั้งหนึ่ง แต่เธอก็บ่ยั่น พร้อมเสมอที่จะแลกหมัดกับนักชกต่างแดนบนเวที “เวิลด์ มวยไทย แองเจิลส์ 2013” (World MuayThai Thai Angels: WMA) หรือ “สุดสวยมวยไทยโลก” ที่เพิ่งเปิดศึกไปเมื่อไม่นานนี้ และนี่คือหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเตรียมพร้อมของเธอ
“ทุกเช้าก็จะตื่นมาวิ่งตั้งแต่ตอนตี 5 ค่ะ วิ่งประมาณ 12 กม. กลับมาก็เตะกระสอบ ยกละ 5 นาที 5 ยก แล้วก็เล่นเชิง (ซ้อมเหมือนชกจริง แต่ใส่สนับแข้งป้องกัน) ต่ออีก 15 นาทีค่ะ”
ตอนนี้หลายคนหันมาสนใจนักมวยหญิงบนเวทีนี้กันอย่างมาก และเรียกพวกเธอว่า “นางฟ้ามวยไทย” ถามแนทว่าคำนิยามนี้สำหรับตัวเธอเองคืออะไร เธอก็ให้คำตอบทันที
“นอกจากหน้าตาจะสวยแล้ว ก็ต้องมีอาวุธที่เป็นศิลปะป้องกันตัวไทยๆ อย่างมวยไทยจริงๆ ที่สามารถงัดออกมาใช้ได้ เวทีนี้เขาคัดเลือกหน้าตาของนักมวยด้วย และทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกก็ต้องผ่านการชกมวยมาแล้วจริงๆ ค่ะ เคยผ่านสังเวียนมาแล้ว มีประสบการณ์แล้วค่ะ”
แสดงว่ายอมรับว่าตัวเองสวยในระดับที่ถูกเลือกมาแล้ว? คนถูกถามได้แต่หัวเราะเขินๆ แล้วตอบว่า “ก็อยู่ในระดับพอไปวัดไปวาได้ค่ะ แต่ถ้ามีใครมาเรียกหนูว่า นางฟ้ามวยไทย หนูคงเขิน (น้ำเสียงของเธอบ่งบอกความรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ)”
ไม่ว่าผลการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นเช่นไร แนทก็รู้สึกยินดีที่สปอตไลต์กลับมาฉายที่มวยไทยหญิงอีกครั้ง “เพราะที่ผ่านมา ตลาดมวยไทยมวยหญิงในบ้านเราไม่ค่อยมีใครสนใจมากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับต่างประเทศ บ้านเขาบูมมาก มีน้อยครั้งมากที่จะจัดมวยหญิงไปแข่งกับต่างประเทศค่ะ หรือจัดครั้งนึงก็ได้ค่าตัวน้อย
เปรียบเทียบง่ายๆ ผู้ชายชกเวทีภูธรทั่วไป จะได้ค่าตอบแทนครั้งละ 5-6 พัน เต็มมวยหญิงได้เต็มที่ไม่เกิน 3 พันค่ะ หรือเวลาไปชกต่างประเทศ มวยหญิงจะได้ค่าตัวอยู่ที่ หมื่น 2 หมื่น แต่มวยชายจะได้ค่าตัว 5-6 หมื่นค่ะ ถือว่าต่างกันเยอะมาก
แล้วมวยหญิงก็ยังมีอุปสรรคมากกว่าด้วยนะหนูว่า เพราะเรามีรอบเดือน ก่อนหน้านี้หนูก็ใช้วิธีกินยาเลื่อนตลอด เพื่อไม่ให้ตรงกับแมตช์ที่ต้องแข่ง แต่หลังๆ มันมีผลข้างเคียง พอกินยาเลื่อนออกไปแล้วพอรอบเดือนมาทีนึง จะรู้สึกปวดท้องมากๆ ก็เลยเลิกกินไป ทุกวันนี้ถ้ารอบเดือนมาตรงกับวันชก หนูก็ไม่กินยาเลื่อนแล้วค่ะ ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นอุปสรรคทำให้ความพร้อมของร่างกายหายไปสัก 20-30 เปอร์เซ็นต์เลย”
“ผู้หญิงก็ต่อยมวยไทยได้”
หลายปีที่ผ่านมาในวงการมวยไทยหญิง “ชุ้มเกียรติเพชร” หรือ พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ โปรโมเตอร์ชื่อดังผู้จัดทัวร์นาเมนท์ “สุดสวยมวยไทยโลก” เวิลด์ มวยไทย แองเจิลส์ 2013 เผยว่า ได้รับความสนใจจากคนดูน้อยมาก น้อยกว่ามวยหญิงจากต่างประเทศเสียอีก
“มวยหญิงในประเทศเราถือว่ามีน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้หญิง หรือต่างประเทศ มวยหญิมีเพียง 100 กว่าคนเท่านั้น ขณะที่ต่างประเทศมีเป็น 1000 คน”
ด้วยเพราะความเชื่อเดิมที่มองว่า ผู้หญิงคงจะต่อยมวยไม่เป็น คงจะไม่สามารถออกท่าแม่ไม้มวยไทยได้อย่างผู้ชาย ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดๆ เพราะแท้จริงมวยหญิงก็มีแม่ไม้ที่เทียบเท่ามวยชายได้เหมือนกัน
“ที่ผ่านมามวยหญิงในประเทศเราจะเงียบมากๆ การจัดทัวร์นาเมนท์นี้ขึ้นมาก็เป็นการปลุกกระแสและเปิดพื้นที่ให้มวยไทยเข้าไปถึงผู้หญิง และผู้หญิงหันมาต่อยได้ด้วย เพราะทัวร์นาเมนท์นี้มันทำให้เห็นว่า การฝึกมวยนั้นไม่ได้มีแต่ความรุนแรง หากแต่คนที่มาต่อยมวยมีรูปร่างที่ดูดี มีสุขภาพที่ดี และสวยได้ด้วย”
โดยการจัดทัวร์นาเมนท์นี้มีจุดเริ่มต้นจากความคิดที่ว่า “หญิงก็สามารถต่อยมวยได้เหมือนผู้ชาย” หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกได้เปลี่ยนไป เขาเองก็เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้ ดังนั้นเรื่องของกีฬามวยก็เช่นกัน เขาก็เริ่มคัดเลือกมวยจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาประชันกันในเวทีนี้
“เราก็จอยกับโปรโมเตอร์หลายๆ ที่ คัดเลือกยากมาก เพราะสิ่งหนึ่งที่เราคัดมาเป็นพิเศษคือหน้าตาที่ต้องสวย แต่ฝีมือก็ต้องมีชั้นเชิงด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่หน้าตา 100 แต่ฝีมือ 20 - 30 ก็ไม่เอา หน้าตาอาจจะ 60 ฝีมือต้องสัก 60 ความยากจึงอยู่ที่ตรงนี้ หลายครั้งเจอนักมวยที่สวย เราก็อยากให้มาลงแข่ง แต่ฝีมือไม่ได้ เราก็ไม่เอามา”
หลังจากสืบเสาะแสวงหานางฟ้ามวยไทยจากทั่วโลกมาด้วยความยากลำบาก สิ่งหนึ่งที่ต้องเผชิญคือคติในแง่ลบต่อมวยหญิง และเขาเลือกจะจัดมวยแบบทัวร์นาเมนท์หรือที่เรียกกันว่า “มวยรอบ”
“ถ้าปกติจะจัดเป็นคู่ 2 - 3 คู่ต่อยกันวันเดียวจบ แบบนั้นมันไม่ดัง จะไม่ประสบผลสำเร็จ คนก็จะไม่รู้จัก เลยตัดสินใจให้เป็นมวยรอบแบบนี้”
แต่อคติที่ยังฝังอยู่ในหัวว่า มวยหญิงคงไม่เป็นที่นิยมยังคงมีอยู่ ทำให้ช่วงที่ผ่านมาทัวร์นาเมนท์ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร แต่เมื่อการถ่ายทอดสดรอบแรกผ่านพ้นไป กระแสตอบรับก็เป็นคำตอบที่ย้ำชัดถึงความคิดที่ว่า “ผู้หญิงก็ต่อยมวยไทยได้”
“เท่าที่โทรเข้ามาคุยกับผมทุกคนก็แปลกใจกันว่า ผู้หญิงสามารถออกแม่ไม้มวยไทยได้ขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้อย่างน้องนักมวยไทยก็มีคนสนใจจะให้ไปแสดงหนังแล้ว คือมวยหญิงที่คัดทุกคนเก่งมาก หลายคนมีดีกรีแชมป์แต่อาจจะเป็นแชมป์ต่างจังหวัด ต่อยในเวทีเล็กๆ ทำให้ยังไม่มีชื่อเสียง เวทีนี้จึงเป็นสิ่งที่จะผลักดักให้เห็นว่า มวยไทยหญิงมีความสวยงามอย่างไร”
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นครั้งนี้มุมหนึ่งก็ถือเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง หากแต่อีกมุมปรากฎการณ์ก็ถือเป็นการส่งผ่านความงดงามในศิลปะวัฒนธรรมแม่ไม้มวยไทย จากกีฬาที่เคยอยู่คู่แต่กับชายหนุ่มข้ามกำแพงเปิดใจไปสู่หญิงสาวที่หลายคนอาจแรงบันดาลใจ แล้วหันมามองเห็นความสวยงามที่แฝงศิลปะมวยไทยมากขึ้น!
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE
ข้อมูลเพิ่มเติม: แฟนเพจ World Muay Thai Angels
