xs
xsm
sm
md
lg

เปรี้ยวซนปนห้าว สาวแน่นอก “ป๊อปปี้ 3.2.1”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกหนึ่งศิลปินคนสำคัญ ผู้สร้างกระแสแน่นอกไปทั่วบ้านทั่วเมือง “ป๊อปปี้ -ชัชชญา ส่งเจริญ” สาวน้อยมากความสามารถทั้งร้อง ทั้งเต้น ออกโรงมาประชันความแน่นกับสาวสั้นเสมอหูใบเตย อาร์สยาม (ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน) จนยอดวิวเพลงในยูทิวบ์พุ่งกระฉูดทะลุหลักล้าน ภาพลักษณ์ภายนอกหลายคนอาจคิดว่า เธอดูแรง ตามสไตล์สาวมั่นในยุคนี้ แต่เชื่อเถอะว่าเธอไม่ได้แบบนั้น เพราะบทสนทนาต่อไปนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่า สาวป๊อปปี้นั้นแสนซุกซนปนห้าวชวนประหลาดใจเป็นที่สุด

เพลงเด็ดทะลุหลักล้าน

“ก็ดีใจค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนฟังเพลงเราขนาดนี้” น้ำเสียงใสฟังแล้วสดชื่นของสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม “ป๊อปปี้ -ชัชชญา ส่งเจริญ” สาวสวยหนึ่งเดียวในวง 3.2.1 (ทรีทูวัน) เจ้าของบทเพลง รักต้องเปิด (มันแน่นอก) ที่โด่งดังมีผู้เข้าชมผ่านยูทิวบ์ถึงหลักล้าน เพลงยอดนิยมที่ไปไหนมาไหนก็ต้องได้ยิน แถมด้วยท่าเต้นชวนแดนซ์ ลูกเล็กเด็กแดงเอาไปเต้นกันสนุกสนาน พิสูจน์ได้จากการเต้นคัฟเวอร์กันจนแน่นอินเทอร์เน็ต ขนาดสาวน้อยคนนี้ยังตะลึงงัน

“ป๊อปเปิดดูในยูทิวบ์ทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะ) แบบมีคนเอามาคัฟเวอร์ใหม่ทุกวันเลย เราก็ตื่นเต้น ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาคัฟเวอร์เพลงเราเยอะขนาดนี้มาก่อน แล้วบางทีก็เป็นชาวต่างชาติ เราก็แปลกใจว่าเค้ารู้จักเพลงเราได้ไง ก็ตื่นเต้นมาก เอามาแชร์ เอามาคุยกันสามคน (ป๊อปปี้-กวิน-ทีเจ) พอวันไหนเจอคนมาคัฟเวอร์แปลกๆ ก็เอามาส่งให้กันดูค่ะ”

รอยยิ้มพิมพ์ใจของสาวน้อยคนเดิม เล่าเรื่องถึงการทำงานร่วมกันครั้งแรกกับสาวสั้นเสมอหู เพราะหนูคือ “ใบเตย” จากค่ายอาร์สยาม ด้วยความที่เธอทั้งสองรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ครั้งยังเป็นศิลปินฝึกหัด การมาร่วมร้องแจมครั้งนี้เลยออกมาประทับใจใครหลายคน

“ส่วนตัวป๊อปก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับพี่ใบเตยอยู่แล้ว เพราะเป็นศิลปินฝึกหัดด้วยกันอยู่แต่แรก ก็เคยเต้น เคยร้องเพลงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยจะสนิทกับเราเป็นพิเศษ แล้วพี่เค้าก็น่ารักมาก คอยเป็นห่วงเราตลอด พอมารู้ว่าจะได้ทำเพลงด้วยกันก็รีบบอกพี่ใบเตย พี่เค้าก็ดีใจ เพราะก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาออกผลงานเพลงด้วยกัน”

นอกจากเพลงที่ปลุกกระแสทั้งเมืองแล้ว ป๊อปปี้เองยังฉีกแนวจากอัลบั้มก่อนๆ ด้วยการหั่นผมเป็นสาวเปรี้ยวเสียด้วย ซึ่งเธอบอกว่าทุกอัลบั้มก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งอยู่แล้ว “ก็เป็นการเปลี่ยนลุคจากอัลบั้มที่แล้วค่ะ แต่ละอัลบั้มก็จะเปลี่ยนลุคมาตลอดนะคะ อย่างอัลบั้มแรกก็ธรรมดา อัลบั้มที่สองก็ปลายผมสีแดงเลย อัลบั้มที่สามก็ทองทั้งหัวแล้วก็ตัดผมสั้นเลย” (ยิ้ม)

สาวน้อยนักร้องขาแดนซ์

ด้านชีวิตวัยเยาว์ของสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก ทั้งเรียนเต้น เรียนร้องเพลง อยากเรียนอยากรู้อะไรที่บ้านจัดให้ จัดเต็ม ส่วนแรงบันดาลใจในการร้องเพลงของเธอนั้น เริ่มมาจากการเข้าไปดูคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ จากนั้นเส้นทางความฝันในการเป็นนักร้องของเด็กหญิงป๊อปปี้ก็เริ่มต้นขึ้น

“ตั้งแต่เด็กเลย คุณพ่อคุณแม่ก็จะชอบฟังเพลง ชอบพาไปดูคอนเสิร์ต ก็มีครั้งหนึ่งได้ไปดูคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด แล้วเราเห็นพี่เค้ายืนอยู่บนเวที มีคนดูอยู่เต็มอิมแพค เราก็รู้สึกว่าอยากเป็นคนนั้น มีคนมาชื่นชอบ มากรี๊ด ก็เลยบอกคุณพ่อ-คุณแม่ว่าหนูอยากเป็นแบบพี่คนนี้ โชคดีที่คุณพ่อ-คุณแม่ก็สนับสนุนด้วยค่ะ ก็เลยพาไปเรียนร้องเพลงหลังจากนั้น

ส่วนเรียนเต้น ป๊อปปี้เรียนมาก่อนหน้าเรียนร้องเพลงค่ะ เริ่มต้นจากบัลเลต์ เพราะคุณแม่อยากให้เรียน (หัวเราะ) ชอบดูแบบเต้นสวอน เลค ก็เลยจับป๊อปปี้ไปเรียน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเรายังไม่ชอบด้วยซ้ำ ก็เรียนมาเรื่อยๆ
แล้วป๊อปก็ชอบทั้งสองอย่างนะคะ ไม่ได้คิดว่าชอบอะไรมากกว่าอะไร เพราะคิดว่ามันต้องไปพร้อมกัน เวลาหนูเต้นก็จะชอบร้องเพลงอออกมาด้วย หรือเวลาร้องเพลงก็จะไม่ชอบอยู่นิ่งๆ ก็จะเต้นหรืออย่างน้อยก็ต้องมูฟตัวเองบ้าง เลยคิดว่าสองอย่างมันต้องไปพร้อมกัน”

ถึงแม้จะได้รับการผลักดันเคี่ยวกรำทั้งการร้องเพลงและการเต้นมาตั้งแต่เด็ก แต่ทักษะทั้งหมดก็ยังไม่มากพอสำหรับการเป็นศิลปิน ในการออดิชันครั้งแรกป๊อปปี้จึงต้องหอบความผิดหวังกลับมา จนป๊อปปี้เองท้อใจ แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้ ด้วยคำพูดของคุณแม่ที่ว่า “นี่เราเรียนมาตั้งกี่ปี แค่ผิดหวังครั้งเดียวเองนะ” และจากนั้นความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่ที่นั่น ป๊อปปี้ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นศิลปินหน้าใหม่ในที่สุด

“ป๊อปเริ่มจากเรียนร้องเพลงตั้งแต่ 9 ขวบค่ะ แล้วทีนี้มีพี่ๆ แคสติ้งของอาร์เอสมาที่โรงเรียน เค้าก็เลยเรียกมาออดิชันดู ตอนนั้นป๊อปปี้อายุประมาณ 14-15 ค่ะ ตอนนั้นก็จะได้ทำอัลบั้มเดี่ยวของอาร์เอส แล้วก็กำลังจะได้ถ่ายปกแล้ว คุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องทำเพลงแล้ว แต่ตอนหลังโดนยกเลิกโปรเจกต์ ตอนนั้นก็ท้อมาก เพราะเด็กๆ อ่ะค่ะ ก็ใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปิน อยู่ดีๆ เอ้าความฝันจบแล้ว ทั้งที่เมื่อวานนี้ยังดีๆ อยู่เลย ก็ร้องไห้เสียใจ แล้วผ่านไปปีหนึ่งก็กลับมาอีก คราวนี้มาออดิชันเหมือนเดิม ตอนแรกก็จะได้อยู่วง Kiss Me Five แล้วก็โดนออกอีกรอบหนึ่ง คือกว่าจะได้มาอยู่วงทรีทูวัน ก็รอบที่สาม รอบที่สี่แล้ว

ตอนนั้นก็ท้อมากค่ะ ด้วยความที่เป็นเด็กด้วย ก็ร้องไห้บอกแม่ ไม่เอาแล้ว ไม่เรียนร้องเพลงอีกแล้ว แม่ก็จะบอกว่า นี่เราเรียนมาตั้งกี่ปี แค่ผิดหวังครั้งเดียวเองนะ ตอนนั้นก็หายไปเป็นปีเลยค่ะ เอาเวลามาซ้อมร้อง ซ้อมเต้น แล้วก็กลับมาออดิชันใหม่

พอตอนมาออดิชันอยู่วงทรีทูวัน เราก็ไม่หวังแล้ว เราก็คิดในใจแล้วว่าไม่ได้แน่ๆ เพราะตอนนั้นก็มีผู้ชายสองคนแล้ว เหลือผู้หญิงอีกหนึ่ง ทางค่ายก็เรียกเด็กผู้หญิงมาประมาณ 30-40 คน ก็เลือกคนเดียว เราก็ว่าคงไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายก็ได้ คือมันอาจจะเป็นดวงของเราด้วย ที่ไม่ได้อันอื่นๆ แล้วมาได้อันนี้ที่อาจลงตัวกับเรามากที่สุด”

จากนั้น เส้นทางการเป็นศิลปินตามความใฝ่ฝันก็ดำเนินต่อไป ป๊อปปี้เล่าว่า นอกจากการเป็นศิลปินนั้นต้องร้องได้ดี เต้นได้เป็นแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้ขณะเป็นศิลปินฝึกหัด ที่เหมือนกับว่าป๊อปปี้ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น

“ต้องเรียนทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งการร้อง การเต้น การเอนเตอร์เทน เพราะโชว์ครั้งหนึ่ง เราก็ต้องแสดงศักยภาพของเราให้มากที่สุด มันมีคนอื่นๆ ที่ก็ทำได้เหมือนกัน ร้องเพลงก็ร้องได้เหมือนกัน เต้นก็เต้นได้ เพราะฉะนั้น ป๊อปเลยคิดว่ามันต้องมีบางอย่างที่โดดเด่นออกมาจากคนอื่นให้ได้ สำหรับป๊อปคือการเป็นตัวของตัวเอง การดึงคาแร็กเตอร์ของตัวเองออกมาให้มากที่สุด

แล้วการเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดในอาร์เอส เค้าจะไม่ได้แค่สอนร้อง สอนเต้น แต่เค้าจะสอนการเป็นศิลปิน การเอนเตอร์เทนคน การใช้ชีวิตและมุมมองในการทำงานทุกอย่างค่ะ แล้วก็เหมือนเป็นการไปจูนให้เข้ากันกับเพื่อนร่วมวงอีกสองคนด้วยค่ะ”

วันนี้เธอคว้าฝันมาได้สำเร็จ เป็นนักร้องสมใจ ป๊อปปี้สารภาพว่า ความคิดของเธอกับความเป็นจริงนั้นต่างกันมาก เธอไม่เคยคิดว่าการเป็นศิลปินต้องทำได้มากกว่าการร้องเพลงให้คนฟัง แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ในวันนี้ป๊อปปี้จึงเรียนรู้ว่าการเป็นในสิ่งที่เธอตั้งใจไม่ใช่เรื่องง่าย และที่สำคัญที่สุดคือการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะคลื่นลูกใหม่ต่างก็ซัดตามหลังมาอยู่เรื่อยๆ

“ต่างกันมากค่ะ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย ป๊อปเคยคิดว่ามันคือการขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีแค่นั้นเอง พอมาอยู่จุดๆ นี้ มันไม่ใช่แค่ร้องเพลงอย่างเดียวค่ะ มันต้องทำอะไรก็ได้ให้เราโดดเด่นขึ้นมา มันยากมากสำหรับป๊อปปี้

ยิ่งตอนออกอัลบั้มแรกๆ ยังไม่มีคนรู้จักมากเท่าไหร่ การที่เราจะไปโชว์แต่ละที่ มันต้องอาศัยแฟนคลับ มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมีคนมารู้จักเรา ชอบเรา เราก็ต้องให้เค้ารักในเราที่เป็นแบบเรา แล้วเราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาด้วย เพราะทุกวันก็จะมีศิลปินหน้าใหม่ๆ ที่เค้ากำลังโตมาเรื่อยๆ ถ้าเราอยากอยู่ให้ได้นานที่สุด เราก็ต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”

ร่วมงาน 2 ชายหนุ่ม

สิ่งที่ยากในการเป็นศิลปินอีกอย่างของป๊อปปี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของสมาชิกร่วมวงที่เป็นชายหนุ่มถึง 2 คน กวิน-กวิน ดูวาล และ ทีเจ-จิรายุทธ ผโลประการ เมื่อถามถึงเพื่อนๆ วงทรีทูวัน สาวป๊อปปี้ลู่ไหล่ลงก่อนจะตอบ

“โอ้ย (ลากเสียงยาว) คือตอนแรกพวกเค้าสองคนไม่อยากได้ป๊อปปี้เลย อันนี้รู้ เพราะเค้าสองคนมาก่อนไง เค้ามีสิทธิ์เลือก ก่อนหน้าที่ป๊อปจะเข้ามา เค้าก็จะเลือกแบบเซ็กซี่ๆ แล้วตอนนั้นหนูอายุ 15 ไม่มีความเซ็กซี่เลยแม้แต่นิดเดียว (หัวเราะ) ก็งุ้งงิ้งตามภาษา เค้าก็คงจะไม่ปลื้ม มาวันแรกที่เจอกันเค้าก็ถาม คนนี้หรอ แล้วเราเองก็รู้สึกว่า ทำงานกับผู้หญิงเรายังไม่เคยเลย แล้วนี่ต้องมารวมกลุ่มกับผู้ชาย แล้วเราต้องทำตัวยังไงล่ะ ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กอยู่เลย ทำตัวไม่ถูก แล้วเค้าก็จะแซวหนูว่าแอ๊บแบ๊วตลอดเวลา

แต่ว่าพอมาอยู่ด้วยกันมันก็มีปัญหาบ้าง ต้องมีทะเลาะกันบ้าง แล้วยิ่งผู้ชายความคิดก็จะไม่ค่อยตรงกับผู้หญิงอยู่แล้ว เลยทำให้ป๊อปได้เรียนรู้อย่างหนึ่งคือต้องไม่เป็นคนเซนซิทีฟค่ะ แรกๆ เค้าพูดอะไรนิดอะไรหน่อย เราร้องไห้แล้ว ทำไมต้องพูดอย่างนี้กับน้อง ผู้ชายเค้าจะใช้คำพูดแรงไง เราก็จะรับไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเหมือนป๊อปปี้กลายเป็นผู้ชายในวงไปแล้ว (หัวเราะ) พอมาปรับตัว มาจูนกัน มันก็โอเคค่ะ”

เผลอหลุดปากออกมาว่า พอมาอยู่ด้วยกันมันก็มีปัญหาบ้าง ปัญหาที่ว่าคืออะไร ป๊อปปี้หัวเราะเขินก่อนจะตอบว่า ความขี้เล่นของสองหนุ่มนั่นเอง แต่ตอนนี้ทุกคนก็โตขึ้น และปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นจากแต่ก่อนแล้ว

“ปัญหาเหรอ พวกเค้าสองคนชอบเล่น ขี้เล่นเกินบางครั้ง (หัวเราะ) แต่มันก็เป็นเสน่ห์ของเค้า แรกๆ หนูก็จะขยันไง อยากซ้อมนู่นซ้อมนี่ ทำงานก็อยากทำให้เต็มที่ แต่ทีนี้ เค้าเป็นผู้ชายด้วยแล้วตอนนั้นก็ยังเด็กๆ ก็จะซน ไม่ตั้งใจ แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนก็พัฒนาขึ้น
อย่างวันแรกที่ป๊อปเจอกับพี่ทีเจ ป๊อปทึ่งมากอ่ะ ไม่คิดว่าเด็กอายุ 17 คนหนึ่ง จะแต่งเพลงเอง ทำเพลงอันเดอร์กราวนด์ แร็ปได้ ส่วนกวินเอง เค้ามาจากต่างชาติ ต่างภาษากับเรา แต่เค้าก็เข้าใจในความเป็นไทย เข้าใจในความเป็นเราทรีทูวัน”

ตัวจริงป๊อปปี้ ทั้งซน ทั้งห้าว

“ถ้าเอาจากที่มีคนบอกป๊อปข้างนอกนะคะ ถ้าป๊อปอยู่นิ่งๆ คนไม่รู้จักกัน เค้าจะมองว่าป๊อปเป็นคนแรงมาก ด้วยในเอ็มวี ในเพลงดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เป็นผู้หญิงเปรี้ยว เฉี่ยว แข็งๆ หยิ่ง ด้านลบทุกอย่างเลย (หัวเราะ) แต่ถ้ารู้จักป๊อปจริงๆ แล้วเนี่ย ป๊อปไม่ใช่คนเรียบร้อย พูดตรงๆ แต่ถ้ากับผู้ใหญ่เราก็ให้ความเคารพนะคะ ป๊อปจะเป็นเด็กหงุมหงิม แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนอยู่ข้างนอกหลังจากการทำงานแล้ว ก็จะเป็นตัวของตัวเอง มีอะไรก็พูดออกมาเลย เป็นคนตรงๆ ออกห้าวๆ ด้วยซ้ำ ยิ่งอะไรที่ผู้หญิงเค้าเป็นกันนะ เป็นสาวหวานๆ หนูไม่มีเลย” (หัวเราะ)

สาวน้อยนักแดนซ์ ป๊อปปี้ ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตอบคำถามได้ว่า ตัวเธอเป็นคนอย่างไร โดยป๊อปปี้สารภาพว่า เธอออกจะซนๆ ห้าวๆ ไม่เหมือนที่ใครหลายคนจินตนาการเอาไว้เลย และเรื่องเซอร์ไพรส์คือเห็นเธอแสบๆ แบบนี้ แต่รักเรียน ชอบเรียนเป็นที่สุด
“หนูชอบเรียนค่ะ แต่ก็พอเรียนได้นะแต่ไม่ถึงขั้นมืออาชีพ (หัวเราะ) อย่างเรียนบัลเลต์ รำไทย แจส ฮิป-ฮ็อป ป๊อปปิ้ง ร็อกกิ้ง แต่มั่วอ่ะ คืออยากเรียนทุกอย่างค่ะ เพราะคุณแม่ชอบก็ส่งเรียนหมดทุกอย่างเลย”

ส่วนตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมีประยุกต์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แปลกกว่าศิลปินคนอื่นๆ ทั่วไป ที่มักจะเลือกด้านนิเทศศาสตร์ เพราะเหมาะกับสายงานของตัวเอง แต่ป๊อปปี้กลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะเธอมองว่า อยากได้อีกอาชีพหนึ่งไว้รองรับตัวเองในอนาคต

“จริงๆ ป๊อปเลือกไว้สองอย่างนะคะ คือวิศวกรรมศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ แต่ตอนเด็กๆ ป๊อปมุ่งจะเรียนนิเทศศาสตร์อย่างเดียว เพราะว่าชอบอะไรที่เกี่ยวกับการแสดง พอเราได้มีโอกาสมาทำงานในด้านนี้ เราก็เลยรู้สึกว่าตรงนั้นเราสามารถออกมาหาประสบการณ์ข้างนอกได้ อย่างอาชีพนักร้องเอง ป๊อปก็คิดว่ามันไม่ได้ยืนยาว ก็เลยอยากจะมีอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถรองรับเราได้ในอนาคต แล้วก็คุณพ่อด้วยแหละ คุณพ่อจบวิศวกรรมศาสตร์ เค้าก็จะอยากให้หนูมีความรู้ทางด้านสายวิทย์ เพราะสายศิลป์เรามีแล้ว ก็เลยเลือกเรียนค่ะ

ตอนเรียนก็สนุกนะคะ ด้วยความที่ป๊อปก็ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อย่างเคมีเนี่ย หนูไม่มีพื้นฐานด้านเคมีเลยนะ คือจริงๆ เรียนวิทย์มาน้อยมาก พอเรามาลองเรียนก็จะได้รู้ว่ามันจะยากขนาดไหน แล้วคนอย่างเราจะทำได้มั้ย ซึ่งทางบ้านก็จะเป็นห่วงค่ะ แล้วก็จะคอยบ่นๆ ด้วยนิดหนึ่ง อย่างคุณแม่ก็จะชอบพูดว่า เนี่ยจะเรียนวิทย์ทำไม เห็นอยู่ว่ามันยาก เรียนไม่ไหว ส่วนคุณพ่อก็จะแบบ ทำได้ ทำได้ ก็จะขัดๆ กันเอง (หัวเราะ) มันก็ดีนะ ถ้าเราได้โอ๋อย่างเดียว เราคงไม่ได้ลองทำอะไรเลยชีวิตนี้ ตรงนี้ป๊อปก็จะได้กำลังใจมาจากคุณพ่อ-คุณแม่เยอะค่ะ”

ล่าสุดตอนนี้ ป๊อปปี้กำลังจะมีร้านขายเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ เป็นของตัวเองด้วย “ก็กำลังทำร้าน Accerserrie เป็นของตัวเองค่ะ แบบพิมพ์เสร็จหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้หลอมค่ะ ก็ใกล้แล้ว เพราะป๊อปคุยงานมาตั้งแต่ต้นปี เพิ่งจะได้เริ่มลงมือทำกันมาสักพัก” ด้านผลงานเพลงตอนนี้กำลังมีเพลงใหม่ซิงเกิ้ลที่ 2 เพลง เธอมีเขา (White Flag) อัลบั้ม มันDay และกำลังฟิตร่างกายขึ้นคอนเสิร์ต AIS One-2-Call! Kamikaze K Fight Concert วันที่ 13 ตุลาคม 2556 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอนด้วย ใครติดใจในเสน่ห์ความซนปนห้าวของสาวน้อยป๊อปปี้ก็อย่าลืมติดตามผลงานของเธอได้

ข่าวโดย M-Lite
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์






กำลังโหลดความคิดเห็น