xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "เชอรีน เดอะสตาร์ 9" กับบทพิสูจน์ความเป็น "ดาว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล
อาจกล่าวได้ว่า ชื่อ "เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล" ถูกจุดให้เป็นประเด็น และมีการพูดถึงตั้งแต่เข้ามาสมัครเดอะสตาร์ 9 กระทั่งผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย และขึ้นมาเปล่งแสงแห่งดาวบนเวทีค้นฟ้าคว้าดาว

ด้วยนามสกุลที่บ่งบอกสถานะว่าเธอเป็นน้องสาวของ "นิชคุณ" หนึ่งในสมาชิกวง 2PM ภายใต้สังกัดเจวายพีของเกาหลีใต้ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยจับตาดูเธอมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดมีบางกลุ่มวิจารณ์กันหนาหูในทำนองที่ว่า ความดังของพี่ชาย เป็นตัวหนุนชั้นดี หรือ "เส้น" ที่ใครๆ ก็มองว่าใหญ่ ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง

ทว่าการไม่ได้เข้ารอบต่อไปในสัปดาห์แรก ก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นอย่างแจ่มชัดแล้วว่า ครอบครัวที่ร่ำรวย มีชื่อเสียง ไม่สามารถช่วยให้เธอได้ไปต่ออย่างที่ใครหลายคนคิด เหลือก็แต่ความกดดันเรื่องการเป็นน้องสาวของพี่ชายผู้โด่งดัง ที่กลับกลายเป็นความหนักใจ และแรงกดดันมหาศาลต่อจากนี้

หนูกับพี่ เราไม่ใช่คนเดียวกัน

"การเป็นน้องพี่นิชคุณ มีนิดนึงค่ะที่ทำให้หนูรู้สึกกดดัน เพราะหนูต้องถูกคาดหวังจากคนอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่หนูจะบอกกับตัวเองเสมอก็คือ ตั้งใจ และทำให้ดีที่สุด ใช้ความสามารถที่มีอยู่ให้เต็มที่ หนูมีทักษะการเต้นก็เต้นอย่างเต็มที่ ถ้าสิ่งที่เราทำ เราได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังถูกมองว่าดังเพราะพี่ หรือทำไม่ได้ดีสมกับเป็นน้องนิชคุณ หนูก็ถือว่าหนูเต็มที่แล้วค่ะ เพราะเราไม่ใช่คนเดียวกัน ทำมาอย่างไรระดับมันก็ไม่เท่ากันอยู่แล้ว"

นี่คือคำพูดของ "เชอรีน" ที่เริ่มเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านคอลัมน์ M-OPEN หลังจากจบงานเปิดตัวอัลบัมเดอะสตาร์ 9 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคล้ายกันกับที่เธอให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ในประเด็นเดียวกัน นั่นก็คือ การมีภาพของพี่ชาย "นิชคุณ" ติดตามเป็นเงาตามตัว

"แค่ทำงานเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน สุดท้ายทุกอย่างก็คือตัวเรา ที่ บ้านสอนเสมอว่า การที่พี่เป็นดารา เหมือนเปิดประตูให้เราเข้าไป แต่ที่เหลือก็ขึ้นกับเรา พี่ชายเปิดทางให้แล้ว ถ้ามันไม่มีอะไร สุดท้ายก็ไม่มีใครเชียร์เราอยู่ดี"

เมื่อถามลึกลงไปถึงการตัดสินใจเข้ามาในเส้นทางสายบันเทิง เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเห็นพี่ชายเป็นไอดอล ประกอบกับความรักและหลงใหลในการเต้นที่มีอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสจึงคว้ามันเอาไว้

"เอาจริง ๆ ตอนแรกคุณแม่ไม่ให้มาประกวดด้วยซ้ำ เพราะเห็นพี่นิชคุณเข้ามาแล้ว ทำงานหนักมาก คุณแม่เลยกลัวมากว่าถ้าเข้าไปแล้ว เราจะไม่ไหว สุดท้าย หนูก็เข้ามาประกวดเดอะสตาร์โดยที่ไม่ได้บอกคุณแม่เลย (หัวเราะ) คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แรก ๆ อาจจะดูงง ๆ แต่ท่านก็พร้อมสนับสนุนค่ะ เพราะท่านจะเปิดโอกาสให้ลูกได้คิด และตัดสินใจเอง แต่การทำสิ่ง ๆ นั้นต้องสุจริต และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นพอ"

"ถามว่าตอนนั้น ถ้าไม่ได้เข้ารอบเดอะสตาร์ หนูก็คงไปเรียนทำเค้กค่ะ เพราะตอนเด็ก ๆ หนูมีความฝันว่า อยากเปิดร้านเค้ก อยากจะมีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง"

ทั้งนี้ เธอได้เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่ตกรอบในสัปดาห์แรกด้วยความรู้สึกเสียดาย แต่ก็ยอมรับกับผลโหวตของคนไทยทั้งประเทศ

"ตกรอบเป็นคนแรกเลย ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าเสียดายเหมือนกันนะ เพราะเหมือนเพิ่งขึ้นเวทีได้ 2 ครั้งเอง อีกอย่าง เหมือนได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ไม่เต็มที่ คือพูดง่าย ๆ หนูยังไม่ได้ชินกับเวทีเลย ถึงเวลาต้องไปแล้วเหรอ อ้าว อะไรยังไง ยังไม่ได้ทำอะไรบนเวทีเลย แต่ผลออกมาแล้ว ก็ต้องยอมรับค่ะ คิดเสียว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว"

อย่างไรก็ดี ก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้ตัวเองเข้ามาสู่วงการมายาแบบเต็มรูปแบบในรายการเดอะสตาร์ 9 เธอเธอเคยแสดงทั้งละครช่อง 5 ละครเวที แต่ที่ถนัดสุด เห็นจะเป็นการเต้นโคฟเวอร์แดนซ์ศิลปินเกาหลี โดยเธอได้มีโอกาสไปแสดงโชว์หลายต่อหลายงาน

หนูไม่ใช่คุณหนู

การเติบโตมาในครอบครัวที่พร้อม และมีชื่อเสียง ทำให้ใครหลายคนมองว่าเธอเป็นคุณหนูที่สุขสบาย มีพ่อแม่คอยตามใจ แต่หากได้ฟังเรื่องนี้จากปากของเธอ อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย

"คุณพ่อคุณแม่มักจะสอนให้พึ่งตัวเองเสมอค่ะ หนูไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูเลย ตอนเด็ก ๆ หนูอยากกินไอศกรีม แม่ก็แค่ยื่นเงินแล้วให้ไปซื้อกินเอง ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยังบวกเลขไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่คุณแม่ก็จะบอกว่า นี่แบงก์ 20 นะ พ่อค้าเขาจะถอนมาให้ 3 เหรียญนะ อะไรแบบนี้ค่ะ คือ เขาจะสอนแบบนี้เสมอ ไม่ตามใจ แต่จะให้ทำอะไรด้วยตัวเอง"

"ส่วนเรื่องตีนี่ไม่มีเลยค่ะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่จะใช้คำพูดมากกว่า ถ้าเกิดหนูอารมณ์เสีย ก็จะถูกบอกว่า อยู่นอกบ้านไปก่อนไหมแล้วค่อยเข้ามา ซึ่งครอบครัวหนูจะไม่คุยกันตอนอารมณ์เสีย แต่จะรอให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน นั่นจะทำให้การคุยกันได้ผลมากกว่า"

ถึงวันนี้ การที่ลูกชาย และลูกสาวได้เข้ามาอยู่บนเส้นทางสายบันเทิง แน่นอนว่า คนเป็นพ่อแม่ต้องรู้สึกเป็นห่วง เพราะต้องยอมรับว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ มีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ เช่นเดียวกับเชอรีน เธอจะมีคุณแม่คอยเน้นย้ำในเรื่องของการวางตัวอยู่ตลอด

"คุณแม่จะบอกเสมอว่า วางตัวดี ๆ นะลูก อย่าทำให้เสียชื่อเสียง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ" เธอเผย

สอดรับกับคำพูดของ "เย็นจิต หรเวชกุล" คุณแม่ของทั้งเชอรีน นิชคุณ และรวมไปถึงพี่น้องอีก 2 คน ที่เคยให้สัมภาษณ์ ผ่าน ASTVผู้จัดการออนไลน์ เอาไว้อย่างมีแง่คิด

"สิ่งที่แม่กลัว และห่วงลูกก็คือ ความเหลิงจนลืมตัวตนว่าทุกคนก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้น แม่จะบอกลูกๆ เสมอว่า เราคือคนคนหนึ่งที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่น แต่ในขณะเดียวกัน คุณไม่มีโอกาสไปเหยียบคนอื่น รวมไปถึงการใช้ชีวิตของลูก ๆ ที่จะต้องไม่ประมาท หากก้าวพลาด คุณจะโทษใครไม่ได้เลย นอกจากตัวเราเอง" นี่คือสิ่งที่แม่ของเธอได้เน้นย้ำมาโดยตลอด

เจ้าระเบียบ หวงพี่ชายสุดๆ

ด้านตัวตนของสาวน้อยคนนี้ เห็นเป็นคนสบาย ๆ อะไรก็ได้ หารู้ไม่ว่าเธอเป็นคนเจ้าระเบียบมาก แถมยังหวงพี่ชายทั้งสองคนแบบสุดๆ อีกต่างหาก

"พูดถึงเชอรีน แล้วนึกถึงอะไร นึกถึงเต้นมั้งค่ะ คือ หนูเป็นคนที่ชอบเต้นมาก ๆ มีดนตรีหรือไม่มีดนตรีฉันก็เต้นได้ตลอดเลย (หัวเราะ) อย่างเวลาเดินทางไปไหน หรือเวลาอยู่ในห้าง นึกอยากจะเต้นก็จะเต้นกลางห้างเลย (หัวเราะ) ส่วนนิสัยส่วนตัว หนูเป็นคนระเบียบค่ะ ชอบจัดของในห้อง หรืออย่างการจับคู่สี หนูค่อนข้างฟิก เช่น สีนี้ต้องคู่กับสีนั้นเท่านั้น นี่แหละค่ะ ตัวตนของหนู เป็นคนเจ้าระเบียบ และค่อนข้างละเอียดอ่อนค่ะ"

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นน้องสาวที่หวงพี่ชายแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่ณิชฌาน หรือพี่นิชคุณ

"หวงพี่ชายมากถึงมากที่สุด (ลากเสียงยาว) หวงแบบห่วง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้ามา หนูจะสแกนก่อนเยอะมาก เพราะหนูมองไกลว่า ถ้าพี่ชายคุยกับใคร วันหนึ่งเขาอาจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ถ้าเราไม่ชอบเขา แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร ดังนั้นหนูจะนั่งมองก่อนว่า ผู้หญิงคนนี้โอเคไหมกับพี่ชายเรา ถ้าเข้ามาแล้วจะทำให้พี่ชายเราเสียใจไหม คือหนูจะห่วงความรู้สึกพี่ชายด้วยค่ะ"

กระนั้น อาการหวงของเธอ ไม่ใช่อาการหวงแบบนางร้ายในละคร แต่จะเป็นลักษณะดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ มากกว่าที่จะเข้าไปบงการ

"บ้านหนูจะไม่แนะนำกันตรง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะสมหรือไม่ แต่เราจะดูอยู่ห่าง ๆ เราจะไม่แบบ..ผู้หญิงคนนี้ไม่โอเคนะ หนูจะค่อยๆ กระแซะ ๆ เข้าไประหว่างเขา (หัวเราะ)" เธอขยายความ

เมื่อน้องสาวขอเมาท์พี่ชาย

มาถึงหัวข้อที่ให้น้องสาวพูดถึงพี่ชาย (นิชคุณ) กันบ้าง เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่า ในความเป็นศิลปินที่สาว ๆ ตามกรี๊ด เวลาอยู่ในบ้านจะมีมุมที่น่าสนใจอย่างไร

"จริง ๆ หนูไม่ค่อยได้อยู่กับพี่นิชคุณเลยนะคะ ตั้งแต่หนูจำความได้ พี่เขาก็ไปต่างประเทศแล้ว แต่เมื่อก่อน พี่นิชคุณเป็นคนที่น่ารักมาก (ลากเสียงยาว) แต่ก็ชอบแกล้งน้องมาก ๆ ด้วย (หัวเราะ) อย่างตอนเด็ก ๆ เรามักจะเล่นปลาเป็นปลาตายกัน มีครั้งหนึ่งไปซ่อนตัวอยู่ใต้ฟูกพับ พี่เขาก็รู้แหละว่าเราอยู่ใต้นี้ เขาก็นั่งทับ แล้วบอกว่า เอ้ อยู่ไหนน้า อยู่ไหนน้า แล้วก็ขย่ม ๆ หนูก็โอ้ย ๆ พี่ พอแล้ว ๆ ค่ะ พอโตมา พี่เขาก็ไปอยู่อเมริกา จากนั้นก็ไปอยู่เกาหลี หนูกับพี่แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย"

"ส่วนเรื่องอื่น ๆ (นึก) อ้อ พี่นิชคุณเป็นคนชอบเซอร์ไพรส์มาก แต่หนูชอบทำล่มตลอด (หัวเราะ) มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนไปเกาหลีด้วยกัน และเป็นวันคล้ายวันเกิดหนู พี่นิชคุณให้หนูไปอยู่อีกห้องหนึ่ง และเขาจะอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยแผนของเขาคือ จะเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดให้หนู แต่หนูดันไปเคาะประตูอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องที่พี่เขาซ่อนเค้กเอาไว้ พี่เขาก็บอกว่า เข้ามาไม่ได้ แต่สุดท้ายก็แผนแตก ยอมเปิดให้เราเข้ามา (หัวเราะ)"

"ถ้าถามว่าพี่นิชคุณเป็นคนดุไหม ไม่ดุนะ พี่เขาเป็นคนใจดี พูดจามีเหตุผล แต่ถ้าผิดแล้วไม่ฟังบวกกับเถียง เขาจะดุ แต่หนูก็ไม่ค่อยเถียงนะคะ เพราะกลัวค่ะ กลัวพี่ชาย แต่เวลาพี่เขาอารมณ์เสีย จะไม่มีการขึ้นเสียงนะคะ ถ้าเมื่อไรเผลอเถียงขึ้นมา เขาก็จะบอกว่า ทำไมถึงเถียง หนูก็แบบ โอ้ว หนูขอโทษ สำหรับแฟนคลับที่รู้จักดาร์กคุณนะคะ ก็จะรู้ค่ะว่า น่ากลัวขนาดไหน หนูคนนึงล่ะ ไม่กล้าเด็ดขาด" พูดจบเธอก็ส่ายหน้าด้วยความกลัวพี่ชายคนนี้

มุมน่ารักของเหล่าแฟนคลับ

แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับการเป็นศิลปินก็คือ "แฟนคลับ" เพราะถือเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนหลักกลุ่มสำคัญเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวเชอรีนที่มีแฟนคลับให้กำลังใจมาตลอด นี่คือส่วนหนึ่งความน่ารักของแฟนคลับที่เธออยากจะเล่าสู่กันฟัง

"มีช่วงแรก ๆ ที่อยู่ในบ้านค่ะ พอเปิดตัวเสร็จ จะมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่ง น่ารักมาก ตอนนั้นยังไม่ได้ทำป้ายไฟให้หนู แต่พวกเขาเอากระดาษปกรายงานมาเขียนชื่อหนู และคำว่าไฟท์ติ้งๆ แล้วก็มายืนถือกัน 4-5 คน หนูว่าน่ารักดีค่ะ และทุก ๆ ครั้งที่เราออกไปพบสื่อ แฟนคลับกลุ่มนี้ก็จะยืนถือป้ายกระดาษ น่ารักค่ะ ชอบ ๆ ซึ่งหนูเคยบอกแฟนคลับว่า ไม่ต้องทำป้ายไฟให้ก็ได้ ขอแค่กระดาษลัง แล้วเขียนชื่อหนู แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ (ยิ้ม)"

"ดังนั้น หนูอยากจะบอกแฟนคลับทุก ๆ คนว่า ขอบคุณนะคะ ที่ติดตามหนูมาถึงวันนี้ ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวหนู และสัญญาว่าจะพัฒนาต่อไปเพื่อแฟนคลับ และคนไทยที่เป็นกำลังใจให้หนูค่ะ ส่วนคนที่มองว่าหนูอีกแบบ หนูอยากบอกว่า สุดท้ายแล้ว การเข้ามาในวงการ ถ้าสมมติมีพี่ส่งเข้ามาจริง ใช่ค่ะ เราอาจใช้ชื่อพี่ ทำให้เราดังง่ายขึ้น แต่ถ้าเราไม่มีความสามารถ เราก็อยู่ไม่ได้ แต่ความสามารถเริ่มต้น หนูไม่สามารถพัฒนาได้เท่าพี่เขาหรอกค่ะ เพราะตอนนี้เขาพัฒนาไปไกลมากแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยมองหนูว่าหนูเป็นคนละคนกับพี่เขาเถอะนะคะ แล้วมาติดตามพัฒนาการของหนูกันดีกว่า หนูพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อผลงานที่ดี มีคุณภาพค่ะ" เธอบอก

บอกตรงๆ..รักจังเลย

มาคุยกันถึงซิงเกิลแรกของเธอกันบ้าง บอกตรงๆ..รักจังเลย เธอบอกว่า เป็นแนวเพลงจี๊ดจ๊าดจัดจ้านกับป็อปแดนซ์เดิร์น ๆ แถมเนื้อร้อง และลีลายังโดนใจวัยรุ่นอีกด้วย

"เอ็มวีของหนูจะออกสไตล์เต้น ๆ น่ารัก ๆ แล้วในเพลงก็จะมีการนำศัพท์วัยรุ่นเข้ามาใส่ด้วย ทำให้ดูทันสมัย และฟังดูสนุก ๆ ค่ะ เช่นคำว่า จุงเบย หรือคำว่าฟิน ซึ่งคำหลังหนูชอบใช้อยู่บ่อย ๆ เพราะติดเพื่อนมาค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็เป็นแค่ภาษาพูดที่อยู่ในเพลงนะคะ ชื่อเพลงก็จะเขียนออกมาอย่างถูกต้องตามหลักภาษาไทยค่ะ"

"ถามว่ายากไหม จริง ๆ ก็ยากนะคะ แต่หนูจะพยายามสนุกกับมันมากกว่า ดังนั้น จึงมองข้ามความยากไป ยากนิดนึงค่ะ แต่ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ (ยิ้ม) เพราะได้พี่ผู้กำกับ และพี่ ๆ ทีมงานช่วยกันแนะนำเป็นอย่างดี คือพี่ ๆ ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังจะช่วยแนะนำตลอด แล้วแต่ว่าฝ่ายไหน ถ้าเป็นฝ่ายกองถ่ายก็จะแนะนำว่า เล่นอารมณ์นี้นะ ถ่ายทอดออกมาแบบนี้นะ น่ารัก สดใส แต่ถ้าเป็นพี่ ๆ ที่ดูในเรื่องการร้องก็จะแนะนำเรื่องเสียง ตรงนี้เอื้อนอีกนิดนะ หรือท่อนนี้ควรจะเว้น และหยุดตรงไหน รวม ๆ แล้ว เป็นการทำงานที่สนุกดีค่ะ" เธอเล่า

เมื่อถามถึงอนาคตต่อจากนี้ เธอบอกว่า เรื่องเรียนเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการทำงานในวงการบันเทิง จะไม่ทิ้งเรื่องเรียนเด็ดขาด

"ตอนนี้ก็ทำงานไป เรียนไปค่ะ สมัครมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วค่ะ เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพค่ะ ซึ่งเรื่องการเรียนนี่ทิ้งไม่ได้เลย และที่เข้าเรียนคณะนี้เพราะหนูชอบ อยากรู้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เพราะตั้งเป้าว่าอยากทำงานในวงการค่ะ คือ จะเป็นงานอะไรก็ได้หนูทำหมดเลย"

ส่วนเรื่องสเปกผู้ชาย เธอแย้มให้ฟังด้วยท่าทีเขินอายว่า "สเปกของหนูแปลกนะคะ ถ้าไม่ชอบผู้ชายตี๋ไปเลยก็จะชอบผู้ชายผิวคล้ำตาโต (หัวเราะ) ส่วนบุคลิก จะชอบผู้ชายแบบแมน ๆ อย่างพระเอกเรื่องเจมส์ บอนส์ 007 ภาคล่าสุด หนูชอบเขามาก เก่ง และเท่มาก ๆ ค่ะ"

นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แม้จะมีกระแสกดดันต่าง ๆ มากมาย แต่การมีครอบครัวที่อบอุ่น และแฟนคลับที่รักเธอจริง เป็นขุมพลังที่คอยผลักหลังให้เธอก้าวต่อแบบไม่หยุดยั้ง ส่วนคนที่มองในแง่ร้าย และคอยเปรียบเทียบเธอกับพี่ชาย..เวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ความเป็น "ดาว" ที่แท้จริงของเธอ

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite

ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรมเชอรีน และภาพสวย ๆ บางส่วนจากแฟนคลับที่น่ารัก








พี่นิชคุณกับน้องเชอรีน

พี่น้องขี้เล่น

พร้อมหน้าครอบครัวหรเวชกุล
กำลังโหลดความคิดเห็น