xs
xsm
sm
md
lg

“เก้า-สุภัสสรา” สไปร์ทซาบซ่าในวัยว้าวุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรง! จนทุกคนต้องพูดถึง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ซีรีส์จากค่ายจีทีเอชที่หยิบเรื่องเซ็กซ์ในวัยเรียนและปัญหาของเด็กคอซองออกมาตีแผ่ โดยเฉพาะตัวละครในเรื่องที่ชื่อ “สไปร์ท” เด็กผู้หญิงหน้าตาสวยใส แต่กิจวัตรของเธอคือ “ฟรีเซ็กซ์” ได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ห้องน้ำของโรงเรียน!

“ดูฮอร์โมนฯ หรือยัง? วัยรุ่นเขาฮิตกันต้องลองดู เด็กสมัยนี้น่ากลัวอยู่ แต่ถ้าไม่ดูก็คงไม่รู้พฤติกรรม ยิ่งดูยิ่งพบว่าเรื่องนี้มีแต่เซอร์ไพรส์ โอ้น้องสไปร์ททำไมน้องแรงขนาดนั้น...”
นี่คือเพลงที่แสตมป์-อภิวัฒน์ นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังแต่งล้อกระแสซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้ เราจึงไปถาม เก้า-สุภัสสรา ธนชาต ผู้รับบท ให้เธอพูดถึงตัวบทและกระแสแรงๆ ว่าทำไมถึงได้แรงขนาดนั้น?





แรง ชัด ถึง... “พลอย” คอนเฟิร์ม!
ระหว่างที่บทสนทนาของเรากำลังจะเริ่มขึ้น แฟนคลับวัยเรียนหลายร้อยก็กำลังห้อมล้อมตัวอาคารที่เก้าและเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ นั่งแต่งหน้า-ทำผมอยู่ เพื่อรอคอยจะได้เจอตัวเป็นๆ ของพวกเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าผ่านการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ชื่อดังรายการหนึ่ง
สะท้อนให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ที่วัยรุ่นมีต่อซีรีส์และนักแสดงเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่นักแสดงสาวสวยฝีมือจัดจ้านอย่าง “พลอย-เฌอมาลย์” ยังลงทุนแวะเวียนมาเพื่อถ่ายรูปกับสาวน้อยคนนี้ พร้อมคอนเฟิร์มความดังของน้องกับปากเองว่า “ติดซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ ชอบน้องเขามาก น้องเล่นได้แรง ชัด ถึง ดีค่ะ”


รู้สึกอย่างไร รุ่นพี่ชมขนาดนี้?
โอย... เขินมาก (ยิ้มเขินๆ) พี่เขาคงพูดไปงั้นแหละค่ะ แต่ก็ดีใจค่ะ เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าพี่พลอยจะมาเพราะเรา แต่จริงๆ เขาอาจจะมาเรื่องอื่นก็ได้นะ (หัวเราะ) ปกติแล้ว เวลามีคนถามว่ามีใครเป็นไอดอล หนูจะบอกว่าพี่แอน-ทองประสม กับ พี่พลอย-เฌอมาลย์ ค่ะ บุคลิกพี่เขาสองคนดูแตกต่างกันมากเลย แต่หนูชอบไปคนละแบบค่ะ

อย่างพี่แอน หนูชอบการทำงานของเขา เวลาฉากน้ำตา เขาสุดยอดมาก ประโยคนี้ต้องร้อง เขาก็ร้องได้ และพี่เขาก็ทำงานเบื้องหลังด้วย เป็นเจ้าหญิงของวงการ ส่วนพี่พลอย หนูชอบการแต่งตัว สไตล์ของเขา เปรี้ยวดีค่ะ ชอบการแสดงพี่เขาด้วย เรื่องล่าสุด “บ่วงบาป” ดูแล้วแบบมันจี๊ดจริงๆ เขาเก่งมาก (เน้นเสียง)

ได้หยิบส่วนไหนจากพี่ๆ มาใช้ในการแสดงบ้างหรือเปล่า?
โห ยังไม่มีหรอกค่ะ ยังไม่คิดจะไปเทียบกับพี่ๆ เขา เขาเก่งมาก ชอบเขาเป็นการส่วนตัวมาตั้งแต่เด็ก หนูเคยเรียนการแสดงมาเหมือนกันค่ะ แต่เรียนนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้จริงจัง ตั้งแต่ตอนเล่น “หลวงตามหาชน” ก็จะมีพี่ที่คอยบอกคอยสอนในกองค่ะ เราก็อาศัยเก็บๆ ความรู้จากตรงนั้นมาใช้

ถ้าจะให้วิเคราะห์ตัวเองว่าแสดงเป็นยังไงบ้าง พัฒนาขึ้นบ้างมั้ยจากตอนเล่นหลวงตาฯ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไม่กล้าพูดเลย ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง เพราะเวลาดูตัวเอง หนูจะรู้สึกว่าเล่นแข็งๆ ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะรู้สึกไปเองด้วยมั้งคะ เพราะน้ำเสียงเราก็ห้าวๆ ด้วย (น้ำเสียงของเธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ)

ยิ่งตอนแรกๆ นี่ ไม่กล้าดูมอนิเตอร์เลยค่ะ ไม่กล้าเปิดทีวีช่องที่กำลังฉายอยู่เลย รู้สึกว่าตัวเองหน้าบาน ยิ่งตอนเล่นเรื่องหลวงตาฯ ตอนนั้นยิ่งอวบเลย อวบมากจนต้องลดน้ำหนัก จนหลังๆ ก็พอดูตัวเองได้แล้วค่ะ เริ่มชิน (ยิ้ม) ตอนแรกๆ ไม่ค่อยกล้าดู จะหงุดหงิดตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเล่นแข็ง แล้วก็รู้สึกว่าหน้าตาเราตลกจัง เล่นอยู่ปีกว่าๆ ก็มาได้เล่นซีรีส์ฮอร์โมนฯ

เปลี่ยนมาเล่นคนละอารมณ์กันเลย ละครแนวธรรมะมาเป็นตีแผ่วัยรุ่น
บทบาทก็ต่างกันมากค่ะ หลวงตาฯ จะไม่มีบทดราม่าขนาดนี้ เวลาเล่นละครมันจะตัดเป็นซีนๆ ได้ พอถึงฉากจะร้องไห้ เราสามารถคัตก่อน แล้วเดี๋ยวค่อย insert ฉากนี้เข้าไปทีหลังเอา แต่ซีรีส์ฮอร์โมน เขาถ่ายเหมือนเป็นหนังเลย ทุกอย่างเป็นมาสเตอร์หมด ก็ต้อง keep อารมณ์มาตั้งแต่ตอนต้นเรื่องว่า ต้องร้องไห้ตรงนี้ๆ นะ มันก็เลยยากกว่า




มี “สไปร์ท” เป็นไอดอล!
ถ้าได้ลองติดตามซีรีส์เรื่องนี้ดูสักพัก จะเห็นว่าตัวละครในเรื่องเป็นตัวแทนของวัยรุ่นได้แทบทุกคาแรกเตอร์ มีทั้งเด็กเรียนที่อยู่ในกฎระเบียบ วัยรุ่นที่ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหาเพื่อแสดงความรักพวกพ้อง เพลย์บอยในคราบนักเรียนที่ฟันผู้หญิงทิ้งเป็นว่าเล่น และรวมถึงเด็กสาวที่มีความคิดเรื่องเซ็กซ์อย่างเปิดเผยในบท “สไปร์ท” สามารถมอบเรือนร่างให้ใครก็ได้ที่เธอพอใจจะมีความสุขด้วยได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เมื่อมีผลสะท้อนกลับมาหาเก้าจากน้องๆ แฟนคลับ บอกว่า “มีสไปร์ทเป็นไอดอล” เธอจึงตกใจอย่างมาก

น้องเขาได้บอกไหมว่า อยากเอาอย่างสไปร์ทตรงไหน?
ไม่ได้บอกนะคะ แต่น่าเป็นห่วงมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่คนเดียวด้วยนะคะ มีน้องๆ เขียนบอกหนูในทวิตเตอร์กันเยอะมากว่า “หนูมีสไปร์ทเป็นไอดอล” เราอ่านแล้วก็ตกใจมาก (ตาโต) แต่เราก็ไม่ได้ถามเหตุผลเขากลับมามันยังไง เพราะอะไร ก็เลยไปเล่าให้พี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์ ซึ่งเป็นผู้กำกับ) ฟัง
เห็นพี่ย้งเคยตอบตอนให้สัมภาษณ์เหมือนกันค่ะเรื่องนี้ บอกว่าสังคมไทยเราถูกปิดกั้น ผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับลูกเรื่องเพศศึกษามากเท่าไหร่ พอตัวละครนี้เป็นตัวละครที่มีมุมมองเปิดกว้าง แต่เขาก็เปิดกว้าง (ฟรีเซ็กซ์) แบบป้องกันนะ เด็กที่ไม่เคยมีใครพูดกับเขาเรื่องนี้มาก่อนก็เลยรู้สึกว่าดีมั้งคะ ก็เลยมองสไปร์ทว่าเป็นไอดอลไป


มีพื้นที่ให้ตรงนี้ อยากบอกอะไรกับน้องๆ ที่คิดแบบนั้นหรือเปล่า?
ก็อยากบอกว่าเป็นห่วงค่ะ อยากให้ดูว่าตัวละครตัวนี้อาจจะไม่เหมาะจะเป็นไอดอลของคนอื่น แต่เป็นตัวละครที่ทำให้คนอื่นเห็นว่า ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ มันผิดนะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี

อยากให้คนดูแยกแยะให้ออกค่ะว่าตัวละครตัวนี้ทำสิ่งที่ไม่ดีและผลที่เขาได้รับก็คือ แฟนเขา คนที่เขาคิดว่าจะอยู่ด้วยแล้ว สุดท้าย ผู้ชายคนนั้นก็จากไป เพราะลืมอดีตของสไปร์ทไม่ได้

การที่เราทำตัวอย่างนี้มันไม่มีค่าสำหรับผู้ชายเขา ผู้ชายก็จะเห็นว่าเราไม่มีค่า พอเห็นว่าไม่มีค่า มันก็เสียแล้วอ่ะผู้หญิง เมื่อไม่มีคุณค่าในตัวเอง หนูว่าศักดิ์ศรีมันสำคัญนะ

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างเทรนด์ใหม่เลยนะ มีวัยรุ่นหลายคนตัดสกินเฮดและถักเปียตาม ไผ่กับสไปร์ท ตัวละครเด่นในตอนนั้น
งงเหมือนกันค่ะ เขาอาจจะเห็นสไปร์ทเป็นไอดอลก็เลยทำผมตาม จริงๆ เรื่องเด็กจะมีพฤติกรรมเลียนแบบซีรีส์เรื่องนี้ อย่างที่ผู้ใหญ่พูดๆ กันมั้ย อันนี้ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันค่ะ แต่หนูว่ามันก็แล้วแต่นิสัยของคนว่าจะเลียนแบบตัวละครมั้ย แต่ถ้าเขาจะเลียนแบบจริงๆ มันก็ห้ามไม่ได้หรอกนะ ถ้าคนจะทำ ด้วยความที่มีสื่อหลายอย่างให้ดูเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะซีรีส์นี้ เด็กสมัยนี้ก็มีความรักกันเร็วด้วย มันก็อาจจะห้ามไม่ได้ และถ้ามันถึงจุดนั้น คงไม่มีใครไปห้ามเด็กทัน ก็ต้องให้เขาดูเอาไว้ค่ะ ให้เขาเห็นว่าต้องรู้จักป้องกัน ถ้าห้ามใจกันไม่ได้

พูดถึงเรื่องผมเปีย พี่รู้หรือเปล่าว่าทรงนี้เป็นทรงที่ช่างทำผมเขาบ่นมากว่าทำยากมาก แล้วรู้มั้ยว่าใครเป็นคนคิด หนูเอง (หัวเราะ) ตอนแรกคุยกับพี่สไตลิสต์ว่าจะทำทรงอะไร เพราะตัวละครตัวนี้จะทำทรงธรรมดาแบบตัวอื่นไม่ได้ จะมัดรวบเฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีความรู้สึกอยากสวยอยากเด่นอยู่ในตัว ข้างหลังผมบางฉากจะเป็นว่ามีม้วนหรือแอบถักเปียเล็กๆ ด้วย ก็เลยกลายเป็นภาระให้ช่างแบบนี้แหละค่ะ (ยิ้ม)

คิดว่าอะไรทำให้กระแสเรื่องนี้แรง เพราะกล้าหยิบเรื่องเซ็กซ์ในวัยเรียนมาพูดอย่างโจ่งแจ้ง?
อาจจะส่วนหนึ่งค่ะ แล้วก็น่าจะเป็นเพราะตัวละครมันโดดเด่นเรื่องที่มีความคิดแตกต่าง ส่วนที่กระแสสไปร์ทมันแรงขึ้นมาด้วย หนูว่าน่าจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้หญิงเปิดเผยเรื่องเพศสัมพันธ์ค่ะ ไม่เคยมีใครตีแผ่เรื่องนี้ออกมาในสังคมให้คนดูได้ดูกันขนาดนี้ คนก็เลยรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มันเด่นขึ้นมา

เวลาแสดงเป็นสไปร์ท หยิบคาแรกเตอร์มาจากไหน จินตนาการจากอะไร?
ไม่เคยมีประสบการณ์ แล้วก็ไม่เคยมีเพื่อนแรงๆ อย่างนี้เลยนะ ก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นว่าชีวิตจริงมันมีคนอย่างนี้จริงๆ ด้วย เวลาจะเล่นเป็นสไปร์ท จะจูนเป็นตัวละคร ก็ต้องทำการบ้างกับพี่ย้งเยอะมากค่ะ ทั้งก่อนวันเปิดกล้อง ตอนเวิร์กชอป ก่อนถ่ายทำ ต้องทำความเข้าใจตัวละครก่อน มีแบบฝึกหัดหนึ่งที่ได้ทำคือ ให้เราเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวสไปร์ทขึ้นมา ทำให้เข้าใจว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง ทำให้แสดงเป็นเขาได้ ก็เลยคิดว่าคนที่จะเป็นแบบนี้ก็ต้องมีภูมิหลังอีกแบบหนึ่ง




สไปร์ทใส่ถุง
คำฮิตติดปากอีกอย่างหนึ่งหลังจากกระแสเรื่องนี้ฮิตติดลมบนจนแซงคิวละครช่องฟรีทีวีไปไม่เหลือฝุ่นคือ “สไปร์ทใส่ถุง” เมื่อมีตัวละครสาวเปรี้ยวพร้อมมีเซ็กซ์ที่ไหน ต้องมี “ถุง” ยางอนามัยพร้อมกันไปด้วยทุกครั้ง เป็นสโลแกนเลย เพราะถึงแม้ตัวละครตัวนี้จะฟรีเซ็กซ์แค่ไหน แต่สิ่งสำคัญที่ทีมเขียนบทพยายามสื่อสารก็คือต้องรู้จัก “ป้องกัน” ลองชวนนักแสดงสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้ามาพูดคุยเรื่องนี้อย่างเปิดออกดูบ้าง จึงได้มุมมองของวัยรุ่นอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

น่าจะเป็นซีรีส์เรื่องแรกๆ เลยที่พูดถึงเรื่องถุงยางอนามัยกับการป้องกันไว้ชัดขนาดนี้
หนูว่าถ้ามันมาถึงจุดนั้นจริงๆ ยังไงก็ต้องมีพกไว้บ้างนะคะ มันเป็นความรับผิดชอบที่ผู้ชายต้องมี แต่ถ้าไม่มี ไม่ได้พก ก็อย่าดีกว่าค่ะ ห้ามใจกันเอาไว้หน่อย เพราะผลเสียที่มันตามมา มันจะแย่มาก

อย่างตอนล่าสุด (Episode 8) ถ้าใครได้ดูจริงๆ หนูว่าน่าจะช่วยให้คิดเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันได้อีกเยอะเลยนะคะ ถ้าเด็กๆ วัยรุ่นได้ดูคงกลัวตามกันไปค่ะ มันสะเทือนใจมากตอนที่ดาว (ตัวละครในเรื่อง) เขาจินตนาการว่าตัวเองท้องและต้องเข้าไปทำแท้ง ตอนที่เข้าไปในคลินิก ทุกอย่างมันน่ากลัวมาก ภาพมันชัดมาก เขาไม่รู้เลยว่าคนอื่นจะมองเรายังไง เราอายุน้อยไปมั้ย ไม่รู้ว่าจะเจ็บมั้ย มันกลัวไปหมดน่ะค่ะ

คนที่ดูน่าจะรับสารไปได้นะว่า ความสุขแค่แป๊บเดียว มันทำให้เกิดเรื่องราวอะไรอีกเยอะแยะ ไหนจะเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน น่าจะมีคนคิดตามได้บ้างนะ มันชี้ให้เห็นอยู่แล้วว่าถ้าคุณไม่ป้องกันจะเป็นยังไง ถ้าดูดีๆ ไม่เอาแต่อารมณ์สนุกอย่างเดียว อีกอย่างหนึ่ง ถ้าผู้ใหญ่ดูก็จะได้รู้ด้วยค่ะว่าเด็กสมัยนี้เป็นยังไงบ้าง จะได้ตามทัน

เคยดูพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่บ้างไหม?
ก็อยากให้พ่อเปิดนะ แต่พ่อติดละครช่องอื่นค่ะ (ยิ้ม) ก็มีเปิดยูทูปดูย้อนหลังบ้าง แต่ส่วนใหญ่คุณแม่ไม่ค่อยได้ดูพร้อมหนูนะ แต่เขาจะชอบดูพร้อมกันกับคุณแม่มากกว่า

หนูว่าเรื่องนี้คงช่วยสะท้อนได้บ้างนะ เรื่องกระแส ตอนนี้เราไม่ห่วงแล้ว มันดีแล้ว ติดอยู่ที่เดียวที่เรากังวลค่ะ ตรงที่คนบางส่วนอาจจะยังแยกแยะไม่ได้ บางคนอินมาก อินเกินไปทั้งๆ ที่มันก็เป็นแค่ละครที่จะสอนเรา เราดูละครเราก็อินนะพี่ มีร้องไห้ตาม แต่ไม่ได้อินขนาดที่จะทำตามตัวละครนั้น

ในมุมมองของเรา คิดว่าถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยจะเปิดกว้าง นำเสนอเรื่องเพศขนาดนี้?
ก็ถ้าไม่มีใครทำออกมาให้เห็น มันจะถึงเวลามั้ยล่ะคะ (อธิบายด้วยน้ำเสียงใส) ใครจะออกมาทำ ถ้าเราไม่กล้าเลือกหยิบมาทำ ก็จะมีคนมาถามว่าเมื่อไหร่ล่ะอยู่อย่างนี้แหละ และอีกนานแค่ไหน คนถึงจะได้เห็นว่าควรจะมีอะไรแบบนี้

ที่เรื่องนี้ถูกมองว่าแรงกว่าเรื่องอื่นๆ แรงกว่าปกติ คงเป็นเพราะเสนอมุมความคิดที่แตกต่างมากกว่าค่ะ ก็เลยดูโดดเด่นขึ้นมา ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีละครที่ตีแผ่เรื่องเซ็กซ์กับวัยรุ่นขนาดนี้ในบ้านเรา มันเลยทำให้คนหันมาสนใจ แต่ถ้าให้เทียบกับซีรีส์ฝรั่ง หนูดู Gossip Girl กับ Glee เทียบกันแล้ว หนูว่าเรายังเปิดมุมมองสะท้อนสังคมได้ไม่เท่าเขาเลย นี่แค่นิดเดียวเองค่ะ แต่แค่นี้คนก็ว่าแรงแล้ว เพราะสังคมไทยยังไม่ได้เปิดกว้างอะไรขนาดนั้น คงอีกนาน สักพักใหญ่ๆ เลยแหละค่ะที่จะเปิดกว้าง

ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องนี้ ไม่มีการเซ็นเซอร์ เพราะฉายทางเคเบิ้ล เลยอาจจะยิ่งทวีความแรงขึ้นไปอีก
หนูไม่เคยเชื่อในการเซ็นเซอร์เลยค่ะ ถึงเซ็นเซอร์ไป เด็กที่ดูแล้วอยากรู้ก็ต้องหาคำตอบให้ได้อยู่ดีว่า หลังภาพเบลอๆ มันคืออะไร ถ้าคนเขาจะทำตาม เขาก็ทำตามอยู่ดี แต่ก็เข้าใจค่ะว่าถ้าเป็นฟรีทีวีก็ควรจะทำ แต่ซีรีส์นี้ฉายทางเคเบิล ก็เลยเปิดกว้างมากกว่า ตอนแรกไม่ได้คิดจะลงยูทูปกันด้วยซ้ำค่ะ ไม่คิดว่าจะดัง ก็เลยกล้าจะตีแผ่ตรงนี้ออกมา แต่กลายมาเป็นกระแสไปได้




โตมาแบบโหดๆ
ด้วยน้ำเสียงห้าวๆ พูดจาชัดถ้อยชัดคำ ตอบทุกคำถามได้อย่างง่ายๆ สบายๆ ทำให้ชักสงสัยว่าเธอเติบโตมากับครอบครัวแบบไหน น่าจะมีพี่ชายหรือน้องชาย แต่ที่เดาไว้กลับผิด เพราะเธอเป็นลูกคนเดียว แต่ที่ดูซนๆ แบบนี้เป็นเพราะถูกเลี้ยงมาแบบโหดๆ นั่นเอง

สนิทกับคุณพ่อหรือคุณแม่มากกว่า?
สนิทกับใครเหรอคะ... (ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง) จริงๆ หนูถูกเลี้ยงมาแบบฝรั่งมากๆ เลยนะ คือคุณพ่อคุณแม่เป็นคนไทยนี่แหละค่ะ แต่พ่อแม่จะสอนให้จัดการชีวิตเอาเองค่ะ ตั้งแต่ตอน ม.ต้นแล้ว จะให้เงินมาเลยพันนึง ให้บริหารจัดการเองให้อยู่ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ แล้วเราต้องไปเรียนพิเศษเอง ไป-กลับเอง ค่าแท็กซี่ ไปกินข้าวกับเพื่อน มันไม่พออยู่แล้วค่ะ ต้องใช้ชีวิตอยู่แถวสยาม ค่าครองชีพมันสูงอยู่แล้วค่ะ ร้านอาหารก็มีแต่แพงๆ คือบ้านเราก็ไม่ได้จนนะคะ แต่พ่อแม่จะสอนให้รู้จักใช้ตังค์ แต่ตอนนั้นหนูคิดว่าหนูใช้ไม่พอจริงๆ ก็เลยตัดสินใจไปแคสต์โฆษณา คิดว่าจะได้เอาเงินที่หามาได้มาช็อปปิ้งกับเพื่อนๆ บ้าง

เงินไม่พอ แต่ไม่คิดจะขอพ่อแม่เพิ่ม?
ไม่ค่ะ เพราะเขาสอนให้เราประหยัด เราก็ต้องบริหารเงินตัวเอง พยายามหาร้านกินให้ถูกลง บางทีเพื่อนกินฟูจิ เรายังไม่กินเลยค่ะ แต่พอหลายๆ ครั้งเข้า เราก็อยากกินบ้าง ก็เลยคิดว่าหางานทำเองดีกว่า นี่คือเหตุผลที่เข้ามาแคสต์โฆษณาค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเข้าวงการ ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำงานไป ได้เงินมากินข้าว มาเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ก็พอแล้วค่ะ

พ่อแม่ก็สอนให้เรารู้จักเก็บรู้จักใช้ เราก็เคยน้อยใจเหมือนกันนะ พ่อแม่ไม่มารับมาส่งเหมือนคนอื่น กว่าจะเลิกเรียนก็ทุ่ม 2 ทุ่ม กลับรถเมล์อีก เหนื่อยเหมือนกันนะ ร้อนก็ร้อน มีวันหนึ่งร้องไห้เลย ก็ถามพ่อเลยว่าทำไมไม่มารับเราบ้าง คุณพ่อทำงานเกี่ยวกับบริษัทอสังหาฯ ค่ะ กับคุณแม่ ก็เลยจะไม่ค่อยมีเวลา

คุณพ่อก็บอกว่าถ้าลูกคนอื่น ให้พ่อแม่ไปรับไปส่งทุกวัน หลงทางเขาก็กลับบ้านเองไม่ได้นะ แต่เราไปกลับเองทุกวัน เราก็ช่วยตัวเองได้ ถ้าวันหนึ่งพ่อแม่เป็นอะไรขึ้นมา เก้ายังดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะนะ อย่างน้อยก็รู้ทางเวลาไปไหนมาไหนตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ พอคุณพ่อพูดแบบนี้ เราก็โอเค ไม่น้อยใจแล้วก็ได้ (ยิ้ม) เราเป็นคนขี้น้อยใจเหมือนกันนะคะ แต่ถ้าบอกเหตุผล เราก็จะไม่คิดแล้ว


ดูเหมือนที่บ้านไม่ค่อยโอ๋
ใช่ค่ะ เวลาเราร้องไห้ เราท้อ เราเสียใจ พ่อแม่หนูไม่เคยปลอบเลยนะ เขาจะด่าซ้ำบอกว่าอ่อนแอทำไม อันนี้จริงๆ มันทำให้เราต้องรู้จักแก้ปัญหาเอง คิดเองก่อน แต่ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เขาก็คอยช่วยเราอยู่ดีค่ะ แต่ถ้าเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เขาจะไม่มานั่งปลอบเลย เลี้ยงแบบโหดๆ ค่ะ (หัวเราะ)

แล้วเวลากลับบ้านดึก 3-4 ทุ่ม คุณแม่จะว่าเลยค่ะ ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนหัวโบราณ จะด่าเราแรงมาก ด่าแบบคนโบราณๆ เลยอ่ะค่ะ ฟังแล้วก็ตกใจว่าทำไมต้องพูดอะไรแบบนี้ เขาจะเลี้ยงมาโหด เลยอาจจะทำให้หนูนิสัยเหมือนผู้ชาย กระโดกกระเดก ทำให้รู้สึกเข้มแข็งกว่าคนอื่น เวลาอยู่กับเพื่อน ก็จะชอบอยู่กับเพื่อนผู้ชาย พูดห้าวๆ เล่นอะไรซนๆ

พ่อแม่ ไม่มีเวลาให้ บางคนหยิบมาเป็นข้ออ้างของปัญหา แต่เราไม่
เราไม่ค่อยมีเวลาให้พ่อแม่มากกว่าค่ะตอนนี้ (ยิ้ม) คงเพราะคุณแม่ชอบพูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยค่ะ พูดเตือนด้วยคำแรงๆ มันเลยทำให้รู้สึกว่าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น ไม่อยากเป็นเหมือนคำพูดเขา แม่จะพูดตลอดว่า อย่าหน้าตาดีแล้วทำตัวสวยไปวันๆ นะ ต้องเรียนให้ดีด้วย ถ้าไม่ตั้งใจเรียนมันจะลำบาก ลำบากไม่พอ ผู้ชายเขาก็จะไม่เอา ผู้ชายไม่เอาไม่พอ แม่ผัวเขาก็จะเกลียด (ยิ้ม) นึกออกมั้ยคะ คุณแม่จะเป็นคนโบราณๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องไม่เป็นแบบนั้น ต้องทำตัวดีๆ ให้เขาเห็นให้ได้ค่ะ

แล้วอีกเรื่องคือเรื่องเงินเรื่องทอง ถูกสอนมาให้ต้องประหยัด อย่าคิดว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้ ถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อมีแม่ จะทำยังไง ทุกวันนี้หาเงินใช้เองได้แล้ว ก็มีใช้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ใช้ฟุ่มเฟือยเลย นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ก็ได้ค่ะ (ยิ้ม) ไม่เคยคิดว่าจะทำงานในวงการไปนานๆ ค่ะ เลยอยากเรียนเกี่ยวกับตัวเลข ทำงานเกี่ยวกับการบริหาร น่าจะได้ไปใช้ในอนาคตได้มากกว่า

ความฝัน ไม่ใช่การเป็นนักแสดง?
ไม่เลยค่ะ เพราะรู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่าตั้งแต่แรกแล้วว่าชีวิตดารามันต้องเสียสละอะไรหลายๆ อย่าง เราก็ไม่อยากที่จะมาทำตรงนี้ ไม่ได้รู้สึกรักตรงนี้จริงๆ อาจจะเหมาะกับคนที่เขารักมากกว่าค่ะ หนูไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบคนเยอะๆ

---ล้อมกรอบ---
เรื่องวุ่นๆ ของคอซอง
ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าหยิบมาพูดคุย เป็นปัญหาวัยรุ่นวัยเรียนที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ซึ่งสะท้อนเอาไว้ในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย ลองหันมาถามสาวน้อยตัวเล็กคนนี้ดูบ้าง ว่าเธอคิดเห็นอย่างไร โดยเลือกขึ้นมาถามทีละหัวข้อ คล้ายสุ่มเลือกคำถามให้นางงามตอบ เริ่มจากเรื่องแรก “ปัญหาการตบตีกันของวัยรุ่นหญิง” และ “การยกพวกตีกันของวัยรุ่นชาย”

“จริงๆ ก็น่าห่วงเหมือนกันนะ เคยเห็นในคลิป ในข่าว แล้วก็ในเรื่องนี้นี่แหละค่ะ แต่ในชีวิตจริงไม่เคยเจอ เพราะหนูเป็นเด็กเนิร์ดอยู่ในห้อง ใส่แว่นไปเรียน สิวพรึ่บ ไม่มีใครสนใจหนูหรอก (ยิ้ม) เห็นแล้วก็เป็นห่วงค่ะ เอาเวลาไปโฟกัสเรื่องเรียนดีกว่า การใช้กำลังมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาอยู่แล้ว”

ละครเรื่องนี้คือเรื่องที่ดังมาได้ด้วยกระแสบนโลกออนไลน์ จากยอดวิวเป็นล้านๆ ผ่านยูทูป สะท้อนให้เห็นพลังแห่งโซเชียลมีเดียว่ามีมากมายเหลือเกิน เก้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน พยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก แล้วตอบว่า
“เป็นสื่อที่สำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเดี๋ยวนี้ไปเร็วมาก ทุกคนรับสื่อ คอมเมนต์ แล้วก็ปากต่อปากกันไปเร็วมาก โดยเฉพาะสังคมไทย แต่ส่วนตัวแล้วหนูไม่ค่อยได้เข้ายูทูปนะ ไม่ค่อยได้เปิดคอมพ์ เพราะประหยัด (ยิ้ม) เข้าเรื่องประหยัดอีกละ ส่วนใหญ่จะใช้ผ่านมือถือค่ะ แล้วก็ใช้แบบลิมิตด้วย เดือนหนึ่งใช้ไม่เกิน 2 GB ก็เล่นเฉพาะทวิตเตอร์กับไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊กก็ไม่ได้เข้า รู้สึกว่าเปลืองเน็ต”

ลองให้เธอพูดถึงสังคมแห่งการแชร์บ้าง โดยเฉพาะเรื่องแย่ๆ คลิปหลุดๆ ที่มีออกมาให้เห็นบ่อยๆ ส่งผลให้สังคมแห่งการแชร์ แทบจะกลายเป็นสังคมแห่งการแฉกันไปเสียแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ สาวน้อยชื่อเก้าก็มีมุมมองของตัวเองเหมือนกัน

“ด้วยความที่เป็นโลกสมัยใหม่ มันอาจจะมีเทคโนโลยีเยอะ ทำให้มีเรื่องอะไรแบบนี้หลุดออกมาให้เห็นบ่อย แต่หนูว่าก็ไม่ได้หมายความว่าสมัยก่อนมันไม่มีนะ เพียงแต่มันไม่มีโซเชียลมีเดียแบบทุกวันนี้เท่านั้นเองค่ะ ผู้ใหญ่ที่แรงๆ สมัยก่อนเหมือนอย่างสไปร์ทก็อาจจะมีก็ได้ค่ะ อาจจะมีพลอดรักกันในพงหญ้า แต่สไปร์ทเขาพลอดรักกันในห้องน้ำ แต่พอมีคลิปอะไรแบบนี้ออกมา มันก็เลยทำให้เด็กสมัยนี้ถูกมองว่าแรง

เพราะหนูก็เคยถามพ่อแม่นะคะว่ามีไหม เขาก็บอกว่ามีสิ มีคนเป็นเหมือนสไปร์ทเลย หนูก็ เฮ้ย! จริงเหรอ สมัยก่อนน่าจะปิดกั้นมากกว่านี้นะ แม่ก็บอกว่ามีลูกมี เพื่อนคุณแม่หลายคนก็บอกนะคะ บอกว่าเพื่อนฉันก็เป็น คล้ายๆ สไปร์ทเลย

ปิดท้ายด้วยนิยาม “ความรัก” กับ “เซ็กซ์” บ้าง เพราะเป็นหัวข้อสำคัญที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้แล้ว “ในมุมมองหนูนะ หนูคิดว่ารักกับเซ็กซ์ไม่เหมือนกัน แทนกันไม่ได้ ผู้หญิงบางคนอาจจะชอบคิดว่า อยากได้ความรักจากเขาก็ต้องเอาเรื่องเซ็กซ์เข้ามาแลก แต่หนูว่ามันไม่ใช่ คนเราจะรักกัน มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เรื่องเดียวหรอกค่ะ แต่ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่หวังจะได้ หนูว่าถ้าเราอยากได้ความรักจากใครสักคนหนึ่ง เราก็ต้องมีความจริงใจให้เขา มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อะไรสักอย่างหรือหลายๆ อย่างที่ความรักที่จะมีให้กัน เป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่าที่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง




---ล้อมกรอบ---
เมื่อ สไปร์ท คุยกับ เก้า
มองสไปร์ท อยากพูดอะไรกับเขาบ้าง?
มันไม่ผิดหรอกที่เธอมีความคิดแบบนี้ แต่การที่เธอมีความคิดแบบนี้ เธอควรจะรู้ตัวว่าผู้หญิงเรามีคุณค่านะ ควรจะรักษาคุณค่าในตัวเอง เพราะสุดท้าย คนที่จะอยากเขาจะอยู่กับเราในชีวิตหรือแต่งงานกัน เขาก็ต้องเห็นค่าของเรา และการที่เขาจะเห็นได้ เราก็ต้องทำตัวให้มีค่าค่ะ ไม่ทำตัวเหมือนสไปร์ทอยู่แล้ว ไม่ทำตัวให้พวกผู้ชายพูดถึงในด้านไม่ดี

ถ้าสไปร์ทมองเราบ้าง คิดว่าเขาจะพูดว่าอะไร?
แกเอ๋อป่ะวะ (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยได้ให้นิยามตัวเองเท่าไหร่




---ล้อมกรอบ---
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ: เก้า-สุภัสสรา ธนชาต
วันเกิด: 29 เมษายน 2538
ที่มาของชื่อ “เก้า”: วันเกิดที่ตรงกับวันที่ 29 และน้ำหนักแรกเกิด 2.99 ก.ก.
น้ำหนัก: 39 กิโลกรัม
ส่วนสูง: 163 เซนติเมตร
การศึกษา: คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และตั้งใจจะศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ต่างประเทศ
ผลงานเด่น: มิวสิควิดีโอ "ยิ่งไม่รู้ยิ่งต้องทำ" (ป๊อบ ปองกูล), Club Fridays The Series ตอน ครั้งหนึ่งในความทรงจำ, ละครเรื่อง "หลวงตามหาชน ผจญภัย", เดอะซีรีส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE
ภาพโดย ศิวกร เสนสอน






กำลังโหลดความคิดเห็น