xs
xsm
sm
md
lg

ราชวงศ์ กับ โซเชียลเน็ตเวิร์ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดนเพียงใช้ปลายนิ้วมือสัมผัสทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ก็จะถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน โซเชียลเน็ตเวิร์กจึงกลายเป็นกระแสฮอตฮิตที่ระบาดไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ประชาชนหลายพันล้านคนที่หันมาให้ความสนใจเท่านั้น แม้แต่ราชวงศ์ทั่วโลกก็ยังหันมาสื่อสารด้วย Social Network กันมากขึ้น
 
เมื่อพูดถึงเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น ต้องยกให้ราชวงศ์อังกฤษเริ่มให้ความสนใจกับสังคมออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2540 โดยเปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับราชวงศ์อย่างเป็นทางการ ต่อมาในปี 2550 ได้ใช้ยูทิวบ์เพื่อการเผยแพร่ภาพพระราชกรณียกิจ รวมถึงเปิดทวิตเตอร์ในปี 2552 และล่าสุดเมื่อปลายปี 2553 พระราชวังบักกิ้งแฮมได้เปิดตัวเฟสบุ๊คของสมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 อย่างเป็นทางการ โดยเนื้อหาจะมีทั้งหมายกำหนดการงานพระราชกรณียกิจ รวมถึงภาพพระราชกรณียกิจต่าง ๆ และพระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์ทุกพระองค์

รวมถึงสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษเกือบทุกพระองค์ก็ทรงมีทั้งเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ทั้งแบบส่วนพระองค์ แบบที่เป็นทางการและที่กลุ่มบุคคลทำถวายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมี Facebook.com/TheBritishMonarchy เพื่อใช้รายงานข่าวพระราชสำนักอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ

ซึ่งนอกจากราชวงศ์อังกฤษแล้ว ราชวงศ์อื่น ๆ ในยุโรปก็ทรงหันมาสนพระทัยกับโซเชียลเน็ตเวิร์กกันมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้านายรุ่นหนุ่มสาวหลายพระองค์ อาทิ เจ้าหญิงเมตเต-มาริต พระวรชายาในเจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ ที่ทรงใช้ Twitterในการสื่อสารกับประชาชนทั่วไป และล่าสุดก็คือ Princess Marie Chantal แห่ง Greece ที่เริ่มใช้ Instagram

สำหรับประเทศไทยนั้น ล่าสุดนิตยสารเอเอสทีวีสุดสัปดาห์เพิ่งจะเปิดตัวอินสตาแกรมของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งทรงใช้พระนามในอินสตาแกรมว่า “NichaX” โดยมีคนติดตามมากถึง77,165 Followers ทั้งนี้ อินสตาแกรมของทูลกระหม่อมนั้นส่วนมากจะโพสต์พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ในหลากหลายพระอิริยาบถที่เป็นกันเองกับประชาชนจนทำให้ผู้ติดตามอินสตาแกรมต่างเข้ามาโพสต์ชื่นชมพระองค์เป็นอันมาก นำมาซึ่งความรู้สึกเหมือนประชาชนได้ใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น

สำหรับราชวงศ์ของไทยพระองค์อื่นก็ทรงให้ความสนใจกับโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับพสกนิกรมากขึ้นเช่นกัน

ล่าสุดก็มีเฟสบุ๊คของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงใช้เฟสบุ๊คในพระนาม “พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา”โดยเนื้อหาในเฟสบุ๊คของพระองค์หญิงศรีรัศมิ์ส่วนใหญ่เป็นพระฉายาลักษณ์ที่เกี่ยวกับพระกรณียกิจที่ได้ทรงปฏิบัติในวาระต่างๆ รวมถึงโครงการสายใยรักฯ โดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์ของราชวงศ์จักรีที่หาชมยาก ซึ่งได้รับความสนใจจากพสกนิกรที่เข้ามาโพสต์และขอแชร์เป็นจำนวนมาก


ในเฟสบุ๊คของพระองค์หญิงศรีรัศมิ์นี้มีคนเข้ามาพูดคุยด้วยมากถึง 104,666 คน รวมถึงมีคนกดแชร์กดไลค์ในแต่ละโพสต์เป็นจำนวนมาก ไม่นับรวมถึงการเข้ามาคอมเมนต์ในแต่ละโพสต์เป็นจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งส่วนมากจะเข้ามาชื่นชมพระบารมีของราชวงศ์ทุกพระองค์ แสดงถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยเป็นจำนวนมากที่มีแด่สถาบันพระมหากษัตริย์

ตัวอย่างที่ขอยกขึ้นมาจากเฟสบุ๊คของพระองค์หญิงศรีรัศมิ์ อาทิ Sarapee Pompaktongchi ที่ได้เป็นเพื่อนกับเฟสบุ๊คของพระองค์หญิงฯ ก็ได้เข้ามาแสดงความชื่นชมในพระฉายาลักษณ์ครอบครัวที่พระองค์หญิงฉายพระรูปร่วมกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ว่า “ทรงน่ารักเหมือนพระบิดาตอนทรงพระเยาว์มากทรงพระเจริญเพคะ”

Putthiy Pansaeng ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ในเว็บเพจด้วยความชื่นชมว่า “เคยส่งผลงานเข้าประกวดสิ่งประดิษฐ์ฯ ได้เฝ้าใกล้ชิดตอนฉายพระรูป แอบมองพระพักตร์อยู่หลายครั้ง ทรงพระสิริโฉมมาก พระพุทธเจ้าคะ และทรงงานอยู่ตลอด ทรงเหนื่อยบ้างมั๊ยพระพุทธเจ้าคะ”

เฟสบุ๊คของพระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ มิได้มีเพียงแค่เผยแพร่ภาพพระกรณียกิจของพระองค์ที่ได้เสด็จยังที่ต่างๆเท่านั้น หากแต่ยังได้นำเสนอพระราชกรณียกิจอันสำคัญของเจ้านายเกือบทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเมื่อครั้งที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามมกุฎราชกุมารี เสด็จ ฯ แทนพระองค์ ไปทรงร่วมในพระราชพิธีเจ้าชายวิลเลม - อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งเนเธอร์แลนด์ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์ เฟสบุ๊คของพระองค์หญิงฯได้นำพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมฯ และ สมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้กับพสกนิกรชาวเนเธอร์แลนด์มาขึ้นเฟสบุ๊ค ประชาชนที่เข้ามาในเฟสบุ๊คต่างแสดงความปลาบปลื้มพร้อมกับกดไลค์และกดแชร์เป็นจำนวนมากเพื่อส่งต่อความปลาบปลื้มนี้ไปยังเหล่าเพื่อน ๆ จนในเวลานั้นพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง 2 พระองค์ได้ถูกเผยแพร่ในเฟสบุ๊คของประชาชนชาวไทยกันอย่างท่วมท้น

เช่นเดียวกับ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ก็ทรงมีเฟสบุ๊คที่ทรงใช้ชื่อว่า “ Pat Mahidol ” แต่เฟสบุ๊คนี้เจ้าหญิงนักกฏหมายทรงตั้งขึ้นมาเป็นส่วนพระองค์กับพระสหายที่สนิทจำนวนร้อยกว่าคนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพระสหายเมื่อครั้งสมัยทรงศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มคนที่ชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์ภาได้รวมตัวกันสร้างเว็บเพจ เรารัก “องค์ภา” ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ภาพพระกรณียกิจของพระองค์ภา รวมถึงพระอิริยาบถส่วนพระองค์ต่างๆของเจ้าหญิงนักกฏหมายมาโพสต์ในเฟสบุ๊ค โดยถือเป็นเว็บเพจทางการของพระองค์ เพราะได้รับพระอนุญาติจากพระองค์ให้สามารถเผยแพร่ภาพพระกรณียกิจต่างๆผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก

เฟสบุ๊ค เรารัก “องค์ภา” ล่าสุดมีคนมากดไลค์และกดแชร์มากถึง 57,249 ไลค์ มีเพื่อน 24,925 คน ซึ่งแต่ละคนล้วนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างชื่นชมในพระปรีชาสามารถในฐานะเจ้าหญิงนักกฎหมายไทย

Worawit Ji ได้แสดงความคิดเห็นในเว็บเพจ เรารัก “องค์ภา” ด้วยความชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของเจ้าหญิงนักกฎหมายไทยด้วยว่า “เจ้าหญิงคนเก่งของประชาชน”

ส่วนChawalit Kongmeepol ก็ได้แสดงความชื่นชมด้วยความปลาบปลื้มใจว่า พสกนิกรชาวไทยชื่นชมพระวิริยอุตสาหะของพระองค์เป็นอันมาก ทรงพระเจริญ หรือ Kaewalin Somnee ก็ชื่นชมในพระกรุณาธิคุณของเจ้าหญิงนักกฏหมายที่ได้เสด็จไปทรงเกี่ยวข้าว ณ แปลงสาธิตในพระดำริ ที่บ้านกำแมด ตำบลวังทอง ด้วยความซาบซึ้งว่า “ทรงอยู่บนฟ้าทรงโน้มพระองค์ลงมาช่วยชาวนาเป็นพระกรุณาธิคุณเพคะ”

นอกจากนี้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ก็ทรงใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการติดต่อกับพระสหายคนสนิทผ่านทางอินสตาแกรมเช่นเดียวกัน โดยทรงใช้ชื่อในอินสตาแกรมส่วนพระองค์ว่า “siri 918”

นี่ยังไม่นับรวมถึงเหล่าบุคคลต่าง ๆ ที่รวมใจรวมกลุ่มกันสร้างทั้งเว็บไซต์ และเฟสบุ๊คขึ้นมาจำนวนมากมาย อาทิ คนไทยรักในหลวง , เรารักสมเด็จพระเทพ , เรารักฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ , เรารักในหลวงและราชวงศ์จักรี โดยโซเชียลเน็ตเวิร์กเหล่านี้ทำขึ้นเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงพระฉายาลักษณ์เก่า ๆ ที่หาชมได้ยากเพื่อแสดงความจงรักภักดี

จึงนับเป็นมิติใหม่ที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ทรงใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กให้เป็นช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนพระองค์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกเช่นกันที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลของพสกนิกรชาวไทยที่ร้อยใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อออกมาแสดงพลังชื่นชมและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ข่าวโดย ทีมข่าว Celeb online


กำลังโหลดความคิดเห็น