เจอภาพ “น้องหมาเลียแก้ว” ภายในร้านไอศกรีมชื่อดัง นั่งกินดื่ม-จิบน้ำจากภาชนะซึ่งใช้ร่วมกับคนเข้าไปภาพเดียว เรียกได้ว่าสะเทือนโลกออนไลน์ไปทั้งบาง!!
หลายคนเข้ามาก่นด่า พานตั้งข้อสงสัยไปถึงระดับ “สำนึกสาธารณะ” ของเจ้าของเจ้าสี่ขาตัวนั้นว่า ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างไหม เหตุใดจึงไม่เห็นใจคนใช้แก้วต่อจากน้องหมาบ้าง รวมถึงร้านอาหารเหล่านั้น ยินยอมให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปทำพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?!
เข้าใจหมา แต่ไม่เข้าใจคน
การโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมของเจ้าของหมารายนี้คงไม่เป็นข่าว และความรักที่มีต่อเจ้าสี่ขาคงไม่เป็นที่ขัดหูขัดตาคนทั่วไป ถ้าเขาไม่พาน้องหมาเข้าร้านสุกี้ชื่อดัง นั่งร่วมโต๊ะ ทำท่าป้อนอาหาร โดยมีภาพหนึ่งทำท่าซ่อนน้องหมาแล้วบรรยายว่า “แอบเข้ามา พี่พนักงานเขาทำเป็นไม่เห็นกัน ขอบคุณค้าบ” ที่หนักกว่านั้นคือภาพน้องหมาตัวเดียวกันนี้ “เลียแก้ว” จิบน้ำจากแก้วที่เจ้าสี่ขาไม่ควรจะได้รับสิทธิให้ใช้
ภาพดังกล่าวสร้างอาการบาดตาบาดใจแก่คนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ใช้บริการร้านไอศกรีมชื่อดังร้านนั้นอยู่เป็นประจำ จนเกิดการแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ ถกเถียงถึงความไม่เหมาะสมของเจ้าของสุนัขรายนี้ที่รักสัตว์เลี้ยงเกินไป จนลืมเห็นใจลูกค้ารายอื่น รวมถึงตัวร้านอาหารเองก็ถูกตั้งคำถามเหมือนกันว่า เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยให้นำสุนัขเข้าไปในร้านและทำพฤติกรรมเช่นนี้!?!
ความไม่พอใจดังกล่าว ถีบให้กระทู้ “เดี๋ยวนี้สุนัขเข้าทานใน MK สุกี้ได้ด้วยเหรอคะ” กลายเป็นกระทู้แนะนำบนเว็บบอร์ดพันทิป มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่มีจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ได้รังเกียจน้องหมา แต่รับไม่ได้กับพฤติกรรม “เกินพอดี” ของคนเลี้ยงมากกว่า และได้แต่ภาวนาให้แก้วที่ถูกน้องหมาเลียนั้น ได้รับการล้างอย่างดีก่อนส่งต่อสู่ปากลูกค้าสองขาอย่างเราๆ
“สุนัขไม่ใช่หนูแฮมสเตอร์ จะได้แอบใส่กระเป๋าเสื้อเข้าไปโดยทางร้านไม่รู้ไม่เห็นได้ ร้านควรตอบคำถาม เพราะคนที่ไม่ต้องการกินอาหารและอยู่ร่วมบริเวณกับสัตว์เลี้ยงก็มี คิมเป็นคนหนึ่งที่รักสัตว์ ชอบสุนัข เคยเลี้ยงสุนัขมาเป็นสิบๆ ปี แต่ไม่เคยให้สุนัขเข้ามาอยู่ในบ้าน และเมื่อจับแล้ว ต้องล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง ไม่เคยให้สุนัขใช้ภาชนะร่วมกับคน นอกจาก MK กับ Swensens ยังมีผู้ประกอบการร้านอื่นๆ ที่ควรต้องตอบคำถามเรื่องนโยบายการให้สุนัขเข้าร้าน และนั่งอยู่ในบริเวณรับประทานอาหาร ” Ms.Kim
“ถึงจะรักหมายังไง ก็ต้องนึกถึงคนที่เขารังเกียจบ้าง” ครอบครัวตัว ม.
“ไม่รังเกียจหมา รังเกียจเจ้าของ” คืนสำคัญอีกคืน
“รู้ว่ารักหมา นะครับ คุณจะซื้อ สร้อยเพชร ราคา 10 ล้าน เหมือนคุณดวงตา ตุงคะมณี ดาราชื่อดัง ซื้อให้หมา แต่อยู่ในบ้าน ไม่มีใครว่า แต่ถ้าออกมาในที่สาธารณะ ควรเคารพความรู้สึก ของคนอื่นบ้างครับ อย่างที่ผมว่า กาลเทศะ เป็นสิ่งสำคัญ มันเป็น สิทธิ ของคุณ แต่ จิตสำนึก ต่อคนอื่นก็ควรจะมี” น้าลีโอ
"มันเป็นอะไรครับ หมามันกินข้าวที่บ้านไม่ได้เหรอ ผมเลี้ยงหมามา 20 กว่าปี ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเอาหมาเข้าร้านอาหารเลย" Natural29
“พาสัตว์เข้าร้านได้แบบนี้ เดี๋ยวคราวหน้าพาวัวไปกินสุกี้ด้วยดีกว่า” ขี้เหงา...เอาแต่ใจ
รัก “ลูก” ให้ถูกที่
ลองมาทำความเข้าใจในมุม “คนรักสัตว์” กันบ้าง ธนาสุทธิ์ วุฒิวิชัย เจ้าของคาเฟ่น้องหมา “Coffee & Puppy” มองว่าเจ้าของน้องหมาเจ้าปัญหารายนั้น แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ทำความผิดอะไรร้ายแรง ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมขนาดนั้น ถือเป็นการแสดงความรักที่บริสุทธิ์ต่อสัตว์เลี้ยงอย่างหนึ่ง แต่ที่ผิดคือ มันดัน “ผิดที่ผิดทาง” เท่านั้นเอง
“สุดแสนจะเข้าใจหัวอกของคุณพ่อคุณแม่ (เจ้าของสัตว์เลี้ยง) นะครับ ส่วนใหญ่จะไม่ได้มองว่าเขาเป็นสุนัข แต่มองว่าเขาเป็นคน เป็นลูก เป็นสมาชิกในครอบครัวมากกว่า ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้น สะท้อนกันถึงเรื่องจิตสำนึกคนเลี้ยงสัตว์เลยมั้ย ผมว่าบางทีคุณพ่อคุณแม่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ ไม่ใช่คนเลวร้าย เขาแค่ไปเที่ยวกับลูกเขา ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ได้คิดว่าจะกระทบต่อคนอื่นมากมาย ผมว่ามีเยอะเลยคนที่คิดว่า ลูกเขาก็ตัวแค่เนี้ย น่ารัก อย่าไปรังเกียจเขาเลย เขาไร้เดียงสา ก็คงแค่นั้นแหละครับ ไม่ได้จะทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ ผมว่าไม่มีใครมีเจตนาที่จะทำอย่างนั้น
ที่เป็นประเด็นกันขึ้นมา ผมก็เข้าใจนะครับว่าคนทั่วไปอาจจะไม่สบายใจที่เห็นน้องหมาใช้แก้วเดียวกับที่ใช้กับคนทั่วไป แม้แต่ตัวผมเองที่เป็นคนรักสัตว์เหมือนเขา ผมยังมองว่าถึงแม้จะรักขนาดไหน แต่ถ้าอยู่ในที่สาธารณะก็ไม่ควร แต่ถ้าอยู่บ้านตัวเอง ใช้ภาชนะที่เป็นส่วนตัว จะป้อนกันด้วยปากก็ตามสบาย ซึ่งผมก็ทำ บางทีทานกูลิโกะกันคนละข้างกับลูกก็มี ลูกเลียปาก ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รังเกียจเลยเพราะเขาคือลูกเรา
แต่ก็เป็นธรรมดาที่คนทั่วไปจะมองว่าไม่สะอาด จะให้ไปดื่มต่อ-ทานต่อ ก็ต้องแสลงใจเป็นเรื่องปกติครับ เพราะแม้แต่คนที่รักสุนัข กับลูกตัวเองเขาโอเคนะ แต่ถ้าเป็นลูกคนอื่น เขาก็อาจจะรังเกียจก็ได้”
ส่วนเรื่องที่มีคนวิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าเจ้าของสุนัขรายนี้เป็นเพื่อนกับคนในวงการหลายคน เพราะมีรูปดาราตบเท้าเข้ามาถ่ายคู่น้องหมากันอย่างคับคั่งอินสตาแกรม ทำให้กลายเป็นคนปกติที่มีคนติดตาม Follow มากกว่าคนทั่วไป และอาจเป็นสาเหตุผลักให้นึกถ่ายรูปสร้างประเด็นอวดโลกออนไลน์ขึ้นมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าของคาเฟ่คนรักน้องหมาได้แต่ขอตอบแบบกลางๆ เอาไว้ว่า
“คนที่ถ่ายรูปคู่สัตว์เลี้ยงอาจจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่รักและอยากจะถ่ายโชว์ให้เพื่อนๆ ได้รู้ว่าตอนนี้เราทำกิจกรรมอะไรกับเขาบ้าง นั่นคือความบริสุทธิ์ใจจริง กับอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะถ่ายรูปน้องเพื่อให้ตัวเองเป็นคนสำคัญขึ้นมามากขึ้น อันนี้เราก็บอกไม่ได้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน ก็แล้วแต่จะเลือก Follow กันครับ ซึ่งไม่ผิด ถ้ารู้จักกาลเทศะ ทำตัวให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ผมว่าทุกฝ่ายก็แฮปปี้”
อันตราย? น้ำลายหมาสู่ปากคน
ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาทต่อสังคมที่คนเลี้ยงสัตว์พึงมีเท่านั้น แต่ที่ทำให้กรณีนี้เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เป็นเพราะคนส่วนใหญ่นึกกลัวเกรงโรคที่อาจมากับน้ำลายของน้องหมาหากล้างภาชนะที่เจ้าสี่ขาเลียทิ้งไว้ไม่สะอาดนั่นเอง ความวิตกในครั้งนี้ ทีมสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มีคำอธิบาย
“ถามว่าถ้าสุนัขเลียของในแก้ว แล้วจะมีโรคติดต่อไปถึงคนได้มั้ย ก็ต้องบอกว่าขนาดที่ติดต่อกันจากคนสู่คนยังทำได้เลย อย่างเป็นไวรัสตับอักเสบ กินจานเดียวกัน หรือมีเชื้อไวรัสบางตัว แบคทีเรียบางตัว ส่วนใหญ่มันก็สามารถติดกันได้ มันคือเรื่องสุขอนามัย แต่สิ่งที่จะช่วยได้คือเรื่องของความร้อนในการฆ่าเชื้อ ถ้าฆ่าเชื้อดีก็คงไม่ติดต่อ”
เมื่อพูดถึงโรคที่อาจติดต่อได้จากสุนัข คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึง “โรคพิษสุนัขบ้า” ติดต่อทางน้ำลายจากการกัดแล้วปล่อยเชื้อ แต่ทุกวันนี้มีการฉีดวัคซีนเข้ามา จึงช่วยให้สุนัขส่วนใหญ่รอดพ้นจากโรคดังกล่าว ทำให้โอกาสที่จะเจอสุนัขที่เลี้ยงอย่างดีแล้วเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามีน้อยมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โรคจากสุนัขก็ไม่ได้มีแค่โรคเดียว แต่ยังมีอีกมากมายตามที่กำลังจะสาธยายให้ฟัง
“แบ่งการติดเชื้อออกเป็นหลายกลุ่ม กลุ่มที่ 1 กลุ่มพยาธิ มีเห็บหมัดแล้วน้องหมาไปเกา หมัดกัดเข้าไป ซึ่งในทางเดินอาหารของหมัดมีไข่พยาธิอยู่ชนิดหนึ่งซึ่งมีโอกาสที่จะแพร่ได้ กลุ่มที่ 2 พวกโรคผิวหนัง บางทีเลียปากน้องหมาก็ติดโรคได้แล้ว และกลุ่มที่ 3 เรียกว่าแบคทีเรีย ซึ่งอันนี้จะหนักหน่อย
มีการตีพิมพ์ในภาควิชาสาธารณสุขเลยในต่างประเทศ บอกเลยว่าจากการเพาะเชื้อในปากสุนัขมาตรวจพบว่ามีแบคทีเรียที่มีการก่อโรคที่ติดต่อจากสุนัขไปสู่คนมากกว่า 15 ชนิด!! ซึ่งจริงๆ แล้วอาจมีมากกว่านั้น แต่ตัวที่เจอหลักๆ พบว่ามันก่อโรคได้จริงๆ อาจจะก่อโรคในแง่ของทางเดินอาหาร ท้องเสีย หรือมีลักษณะติดต่อทางผิวหนัง ยิ่งถ้าเราเป็นแผลในช่องปาก ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะติดโรคได้ง่ายขึ้น”
ส่วนเรื่องความกังวลของลูกค้าโต๊ะข้างๆ ว่าจะติดโรคหรือไม่นั้น “มันไม่มีโรคอะไรติดต่อร้ายแรงแบบกระโดดข้ามโต๊ะได้ขนาดนั้นนะ” สัตวแพทย์บอกอย่างนั้น จะมีปัญหาก็เพียงคนที่มีภูมิแพ้ บางคนอาจเป็นหอบหืด แพ้ขน แพ้สารระคายเคือง ร้านอาหารจึงควรมีกฎออกมาตั้งเอาไว้เลยแต่ละที่ ควรแบ่งสัดส่วนระหว่างคนรักสัตว์กับบุคคลทั่วไปให้ชัดเจน ส่วนตัวเจ้าของผู้หลงรักเจ้าหน้าขนเอง ก็ควรหมั่นเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของตน โดยเริ่มจากการเข้าตรวจดูแลสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี
“วัคซีนรวมก็ควรฉีดตามปกติ แล้วก็อย่าลืมเรื่องการควบคุมเห็บหมัด พยาธิภายนอกภายในให้เรียบร้อยด้วย ส่วนตัวสถานที่เอง ควรจะมีระเบียบออกมาให้ชัดเจน ให้มีลักษณะการควบคุมการทำลายเชื้อ ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย ส่วนในแง่ของความรับผิดชอบ ถ้าเจ้าของจะพาน้องหมาไปที่ไหน ก็ต้องมีอุปกรณ์เตรียมติดตัวไปด้วย ถ้าน้องอึก็ต้องเก็บทำความสะอาด ต้องเคร่งครัดทั้งในส่วนสถานที่และตัวเจ้าของเอง จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมโดยรวม”
หากรู้จักรักสัตว์ให้ถูกที่ พาเขากินและขี้ให้ถูกทาง สนองความสุขของตัวเองไปพร้อมๆ กับหัดรู้จักเห็นใจผู้อื่นบ้าง เรื่องดรามาในสังคมคงลดลง และคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับคราบน้ำลาย หรือผลพวงจากพฤติกรรมความไม่รับผิดชอบของคนในสังคมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
---ล้อมกรอบ---
โหวตดรามา อย่าพาสุนัขเข้าร้าน!!
คิดดูว่าผู้คนบนโลกออนไลน์อินกับประเด็น “น้องหมาเลียแก้ว” กันมากขนาดไหน ถึงขั้นแตกหัวข้อออกไป สร้างกระทู้โหวตแสดงความไม่พอใจต่อกรณีการพาสัตว์เลี้ยงเข้าร้านอาหารร่วมกับคน โดยตั้งชื่อกระทู้ว่า “ถ้าคุณกำลังนั่งทานอาหาร แล้วมีคนพาสุนัขเข้ามาในร้าน คุณจะทำอย่างไร” การโหวตยอดสุดท้าย ณ วันที่ 8 พ.ค. 2556 เวลา 19.00 น. มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 104 คน ให้ผลออกมาตามนี้
เรียกผู้จัดการร้านมาต่อว่า ปล่อยให้เข้าได้อย่างไร จำนวน 52 คน
ไม่โวยวาย แต่จะไม่มาเหยียบร้านนั้นอีกเลย จำนวน 19 คน
เฉยๆ นั่งทานอาหารปกติต่อไป จำนวน 16 คน
เรียกผู้จัดการมาต่อว่า และไม่ขอจ่ายเงิน ปล่อยหมามาใช้ของร่วมกับคนได้อย่างไร จำนวน 7 คน
ต่อว่าเจ้าของสุนัข จำนวน 4 คน
เช็คบิลแล้วเดินออกไปเงียบๆ จำนวน 3 คน
อื่นๆ จำนวน 3 คน
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE