“บทลงโทษ!..สูบบุหรี่แล้วไม่ยอมรับ 18+” คลิปฉาวที่กำลังเผยแพร่ไปทั่วบนอินเทอร์เน็ต ณ เวลานี้ เชื่อว่าใครได้รับชมแล้ว คงรู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย กับภาพความรุนแรงของนายทหารครูฝึกกับไอ้เณร ทหารเกณฑ์ผู้น้อย ที่ถูกลงโทษแบบโหดสุดขั้ว ทั้งประเคนหมัด ศอก เท้า ดังตุ้บตั้บจนน่วมอ่วมอรทัย หนำซ้ำคลิปทำนองเดียวกันนี้ก็เพิ่งถูกส่งต่อแพร่กระจายไปก่อนหน้าแค่ไม่กี่วัน เจอคลิปเหตุการณ์น่าสะเทือนใจแบบซ้ำสองนี้เข้า หลายคนจึงรู้สึกอเนจอนาถใจกับวงการรั้วของชาติอยู่ไม่น้อย
แพร่คลิป ทหารลงโทษโหด
กระหึ่มเน็ตกับคลิปลงโทษทหารอย่างรุนแรงถึง 2 คลิป ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคลิปแรก ความยาว 3.29 นาที ปรากฏภาพชายแต่งกายชุดฝึกลายพรางของทหารบก และแต่งกายชุดฝึกลายพรางครึ่งท่อนจำนวนหลายคนกำลังใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายชายคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นพลทหารใหม่ด้วยการชกต่อย และเตะหลายครั้ง ซึ่งพลทหารดังกล่าวไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด โดยอยู่ในท่าตามระเบียบพัก และเอามือไขว้หลังตลอดเวลา
มาถึงคลิปที่สอง ความยาว 1.36 นาที ในตอนต้นของคลิประบุข้อความว่า "ผลัด 2/54 สูบบุหรี่แล้วไม่ยอมรับเลยต้องโดน.. แบบนี้" จากนั้นก็ปรากฏภาพทหาร 2 นาย ถูกจับแก้ผ้าพร้อมมัดเท้า ก่อนจะมีกลุ่มชายประมาณ 5-6 คน ผลัดเข้าเตะต่อยทหารทั้ง 2 นาย พร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย
แน่นอนว่าทั้งสองคลิปนี้คงสร้างความสะเทือนใจให้คนที่ได้รับชม และคงสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการทหารได้ไม่น้อย กับบทลงโทษอันรุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยหลังจากปรากฏคลิปออกไป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ทั้งไม่พอใจกับการลงโทษอันโหดเกินเหตุ และบ้างก็ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการฝึกทหาร
“ผมเป็นทหารครับ แต่บอกได้เลยว่ากองทัพไม่เคยมีบทลงโทษกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างนี้ และผมก็ไม่เคยทำ คนพวกนี้มันทำไปเพราะความคึกคะนอง คนแบบนี้ทำให้เสื่อมเสียไปทั้งกองทัพ”
“ทำอะไรโปรดใช้วิจารณญาณหน่อย คำสั่ง ผบ.ทบ. ก็บอกมาว่าห้ามถูกเนื้อต้องตัวทหาร มันมีวิธีการลงโทษที่ดีกว่านี้ ทำไมไม่ทำ แล้วจะถ่ายวิดีโอมาทำไม เท่านี้กองทัพบกก็เสียพอแล้วนะ ทำไมไม่สร้างเกียรติของกองทัพบก ให้มันสูงขึ้นกว่านี้”
“มันเป็นแบบนี้ทุกค่ายแหละครับ แค่นี้ยังเบาไปด้วยซ้ำ กฎต้องเป็นกฎ การควบคุมคนหมู่มากไม่ทำแบบนี้ ทหารไทยคงไม่มีประสิทธิภาพหรอกครับ”
“ทำความเข้าใจในกฎของทหารใหม่ก่อนนะครับ ประเพณีแบบนี้มีมานานมากแล้วครับ แค่สมัยก่อนนั้นไม่มีโลกโซเชียลเท่านั้นเอง ทหารใหม่ต้องรับฟังและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นครูฝึกจะโดนหนักกว่า 3-4 เท่า”
ถึงแม้ไม่อาจตัดสินชี้ขาดได้ว่าถูกหรือผิดกันแน่ แต่ในแง่ของมนุษยธรรม การทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่างรุนแรงเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องที่สมควรเท่าไรนัก รศ. ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) คอลัมนิสต์เกี่ยวกับการเมืองและการทหาร ก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย โดยแนะว่าต้องมีการวางกฎ วางระเบียบ อย่างผู้มีอารยธรรม ไม่ใช่แบบบ้านป่าเมืองเถื่อน
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ในสังคมสมัยใหม่เนี่ย ในแง่ของการบริหารไม่ว่าจะเป็นหน่วยไหนก็ตาม ต้องมีการบริหาร การจัดการ ต้องใช้กฎระเบียบ ต้องเป็นระบบ ไม่ควรใช้กำลังหรือความรุนแรงป่าเถื่อนเหมือนแต่เก่า อย่างพลทหาร ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้องก็ลงโทษตามระเบียบ ตามบทบัญญัติของทางราชการ ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง คนสมัยปัจจุบันเค้าไม่ทำกันแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาก็ควรจะมีการตำหนิและการลงโทษผู้กระทำ ว่ากระทำเกินกว่าเหตุ และจัดทำนโยบายสำหรับกองกำลังพลทั้งหลายให้เน้นการฝึกอบรมโดยใช้ระเบียบที่มีอารยธรรมหน่อย อย่าให้มีความรุนแรงอะไร อย่างเช่นเหตุการณ์นี้อีกนะครับ”
แจงคลิปฉาวสะเทือนวงการทหาร
เมื่อคลิปวิดีโอดังกล่าวแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง สร้างคำถามชวนฉงนให้ใครหลายคนว่า “ทหารกล้า ต้องฝึกฝนเคี่ยวกรำทั้งมือทั้งเท้าขนาดนี้เลยหรือ” พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจและขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า “การปกครองบังคับบัญชามีระเบียบการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงการลงทัณฑ์ที่ไม่ใช่เป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้ใดฝ่าฝืนถือเป็นการกระทำความผิดจะต้องได้รับโทษอย่างหนัก” โดยทางทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ได้ขอให้ท่านชี้แจงเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
“จริงๆ เนี่ย มันเพิ่งมาออกเผยแพร่ทางสื่อสาธารณะเอาในปี 56 นี้ จริงๆ แล้ว มันเป็นเหตุการณ์ปี 54 ทั้งสองเหตุการณ์นะครับ ทีนี้ลักษณะการทำผิดของกองกำลังพล โดยเฉพาะกำลังพลนายสิบหรือทหารรุ่นพี่เองก็ตาม มันยังมีให้เห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะในอดีตเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ว่ากองทัพเองก็พยายามที่จะปรับปรุงแล้วก็พยายามที่จะดูแลให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุด เพียงแต่มันส่งผลออกมาทางสังคมพร้อมกัน ซึ่งกองทัพเองก็ไม่ได้เห็นชอบกับสิ่งที่กระทำผิดเช่นนี้อยู่แล้ว แล้วมันเป็นโทษสถานหนักด้วยซ้ำไป น่าจะหนักกว่าภาคพลเรือนด้วย พลเรือนอาจจะโดนโทษฐานทำร้ายร่างกายอย่างเดียว แต่ถ้าสำหรับในหน่วยทหารกองทัพแล้ว มันจะมีเรื่องไม่ได้รับเงินด้วย งบบำเหน็จอะไรต่างๆ โทษที่ตามมาจะค่อนข้างเยอะกว่าพลเรือนอยู่แล้วนะครับ
แล้วหน่วยฝึกทั่วประเทศในแต่ละปีเนี่ย มันก็มีจำนวนเยอะ คือหลายร้อย หลายพัน เราก็พยายามจะให้เหตุการณ์นี้เหลือเป็นศูนย์ให้ได้ บางครั้งการกระทำที่ไม่เป็นไปตามระเบียบวินัย บางทีมันอาจจะดูเบากว่านี้ แต่ก็เข้าข่ายลักษณะนี้มันก็ยังมี ทีนี้แต่ละหน่วยก็ได้มีการลงโทษ ลงทัณฑ์ไปแล้วก็มี ไม่ใช่เฉพาะที่มีภาพปรากฏออกมาทางสาธารณะเท่านั้น แต่ก็ไว้วางใจได้ เพราะผู้บังคับผู้บัญชาในทุกๆ ระดับเนี่ยนะ ที่มีอาวุโส มีวุฒิภาวะ เค้าก็จะดูแลเปรียบเสมือนลูกหลาน เหมือนพี่น้องอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่างที่ ผบ.ทบ. ท่านก็มีความรู้สึกเหมือนกันว่า ทหารคือคนในครอบครัวของท่าน ใครจะมาทำอะไรนอกลู่นอกรอย ท่านก็ไม่ยอม”
ชายไทยขยาด ไม่อยากเกณฑ์ทหาร
ไม่แน่ว่าเหตุการณ์การลงโทษที่รุนแรงเช่นนี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชายไทยในยุคนี้เข็ดขยาดต่อการเกณฑ์ทหาร การทำหน้าที่รั้วของชาติแล้วก็ได้ เพราะเห็นได้ว่าแต่ละปีที่มีการเกณฑ์ทหาร บรรยากาศการจับใบดำ-ใบแดงนั้น คึกคักกว่าการดูมวยเสียอีก อย่างคนที่รอดตัวไปก็ดีใจแหกปากลั่น หรือปลื้มใจได้เป็นทหารจนเป็นลมล้มพับไปก็ปรากฏภาพให้เห็นทุกปี
และเมื่อคลิปความรุนแรงของวงการทหารถูกส่งต่อแพร่กระจายไป ใครหลายคนก็ยิ่งหวาดผวากับการเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ รับใช้ชาติอย่างเดียวไม่พอ บางทีดวงตกต้องรับใช้มือ รับใช้เท้า ทหารชั้นผู้ใหญ่อีกด้วย “สาเหตุหนึ่งที่พ่อแม่ เมีย ลูก ญาติ หรือใครๆ ไม่อยากให้คนในครอบครัวติดเกณฑ์ทหาร ลูกเขาเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม มึงเป็นใครวะ เอาลูกเขาไปทำแบบนี้ สักวันโดนเข้ากับตัวเองจะรู้สึก พวกสวมหัวโขนแล้วทนงตน” ความคิดเห็นหนึ่งที่แสดงความไม่พอใจต่อคลิปวิดีโอ อย่างไรก็ตาม พันเอกวินธัย เชื่อมั่นว่า เหตุการณ์นี้ คงไม่ส่งผลกระทบมากเท่าไรนัก
“คงไม่นะครับ ผมเชื่อว่าคงไม่ส่งผลมากเท่าไหร่ เพราะว่าที่จริงแล้ว หลักเกณฑ์ทั้งในปีนี้และปีที่ผ่านมา ที่จะรับทหารเข้าประจำหน่วยเนี่ย ผู้ปกครองมาส่งได้ถึงประตูเลย แล้วก็มีการเยี่ยมเยียน ถามสารทุกข์สุขดิบ ทหารที่ฝึก ที่ต้องรับผิดชอบทหารในหน่วยนั้นๆ เค้าก็จะคลุกคลีอยู่กับผู้ปกครอง อย่างตอนผมเป็นผู้ฝึกเองก็รู้จักผู้ปกครองแทบทุกคน ผมคุยเองหมดเลย อย่างบางคนมีประวัติเรื่องยาเสพติดมาฝากผม ผมก็ช่วยดูแลให้เค้าหายได้ คือเราต้องไม่เอาภาพส่วนน้อย ไปมองเป็นภาพใหญ่ของกองทัพทั้งหมด ผมเชื่อว่ากองทัพมีกระบวนการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้”
แต่หนึ่งเสียงจากคนที่มองภาพจากภายนอก กลับมองเห็นว่า ผลกระทบย่อมมีอยู่แล้วแน่นอน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนชนชั้นกลาง ที่ไม่อยากส่งลูกหลานตัวเองไปโดนซ้อมให้สะบักสะบอม
“คือคนไทยปกติก็ไม่ค่อยอยากจะให้ลูกหลานเป็นพลทหารอยู่แล้ว แล้วยิ่งมีภาพที่ไม่ดีแบบนี้ออกมา มันยิ่งตอกย้ำว่ากองทัพเรา ผู้ใหญ่เค้าปล่อยปละละเลย ทำให้มีพฤติกรรมแบบนี้ออกมา ทีนี้เมื่อถามถึงเรื่องเกณฑ์ทหาร มันก็จะมีผลต่อชนชั้นกลาง คือหมายถึงว่า ในอารมณ์ความรู้สึกของชนชั้นกลางเนี่ย ก็คงไม่อยากให้ลูกหลานของตัวเองต้องประสบกับการถูกทำร้าย การลงโทษที่รุนแรงเช่นนี้นะครับ เพราะฉะนั้น ก็อาจจะมีผลพอสมควร ในการไม่อยากให้ลูกหลานของตัวเองเข้าไปเกณฑ์ทหาร” ดร. พิชาย กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live