ASTVผู้จัดการรายวัน - "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ออกปากยอมรับถูกปลดพ้นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา เจ้าตัวบอกไม่รู้กี่ชิ้น หลังมีกระแสข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์ ไม่พอใจในความเรื่องมากของมารดานักแสดงหนุ่ม แม้ทุกฝ่ายออกมาประสานเสียงไม่มีอะไรในกอไผ่ เจ้าตัวลั่นไม่มีผลกระทบต่อรายได้เพราะเท่าที่มีก็ใช้ไม่หมดแล้ว แต่จะถือเป็นบทเรียน พร้อมแอบหวังหนัง "คู่กรรม" ทำรายได้ร้อยล้าน
หลังมีข่าวออกมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องว่าบริษัทยักใหญ่ "ยูนิลีเวอร์" เจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าหลากลายรายการได้ปลดพระเอกนักแสดงหนุ่ม "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าเพราะไม่พอใจความเรื่องมากของมารดานักแสดงหนุ่มก่อนที่ทุกฝ่ายจะออกมายืนยันประสานเสียงว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นนั้น
อย่างไรก็ตามล่าสุดก็เป็นทางด้านของตัวพระเอกหนุ่มเองที่ออกมายอมรับว่าตนเองได้ถูกถอนโฆษณาบางส่วนออกไปจริงๆ ส่วนจะถึง 5 ชิ้นตามที่มีกระแสข่าวลืออกมาหรือไม่นั้นตนไม่สามารถบอกได้ พร้อมกับยืนยันว่ารู้สึกเฉยๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นและคิดว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้ตนได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง
“โดนถอดโฆษณาใช่ครับ จริงๆ โฆษณาทุกวันนี้มันก็นับจำนวนไม่ได้อยู่ครับ แต่ว่าอันไหนที่หลุดไป อย่าเรียกว่าหลุดดีกว่า ไม่แน่ใจว่าโดนถอดไปกี่ตัวต้องไปดูอีกที ส่วนจะกี่ตัวต้องดูกลางปีอีกที ตัวอื่นที่เพิ่มเข้ามาคงต้องรอดูดีกว่าครับ รอดูกัน คือผมก็รู้สึกเฉยๆ ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ ผู้บริหาร ผมก็มีหน้าที่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้เสียดายหรือรู้สึกอะไรมันเฉยๆ (หัวเราะ) เรื่องผลกระทบผมว่าไม่เกี่ยวกัน แล้วแต่ผู้บริหารพิจารณาในส่วนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร ในส่วนนี้ผมก็ทำตามหน้าที่ของผม”
“ไม่ใจหายครับ ผมเฉยๆ จริงๆ ไม่ได้เสียดายหรือว่าอะไร และก็ไม่นอยด์ครับ ยังใช้ชีวิตปกติ ผมว่ามันเป็นการเรียนรู้ไปในตัว คือมีถอดมีเพิ่มผมเฉยๆ อย่าไปยึดติดกับอะไรเลยครับ ของพวกนี้มันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว (ไม่เสียดายรายได้ที่เคยได้เหรอ?) พี่ครับทุกวันนี้ก็ใช้ไม่หมดแล้วครับ ถามว่าเสียดายไหม ไม่ได้อยู่ที่เงินมากกว่าครับ ตอนนี้ผมมามองในเรื่องของเวลาอยากจะแบ่งเวลาให้ลงตัวมากกว่านี้”
เตรียมกลับขอนแก่นไปทำเรื่องผ่อนผันทหารเหตุเพราะเวลาน้อย เผยถ้าหมดเกณฑ์ผ่อนผันก็คงต้องจับใบดำใบแดง พร้อมหวังภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" ที่ตนนำแสดงทำรายได้ร้อยล้านหลังกระแสตอบรับการฉายรอบสื่อมวลชนเป็นไปด้วยดี
"กระแสก็ค่อนข้างดีครับ ก็ดีใจที่มีคนคอยมาชมคอยมาติชมแนะนำ ก็ดีใจมาก อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูลองไปดูก่อน กระแสส่วนมากจะชม ผมก็ฟังคำวิจารณ์ ใครก็บอกว่าหนังค่อนข้างดีมาก อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูลองไปดูก่อน กระแสไม่ดีไม่มีครับผม (บางคนบอก ณเดชน์ เล่นดีจนกลบนางเอกไปเลย?) จริงๆ แล้วเรื่องนี้คาแรกเตอร์นางเอกทำให้พระเอกน่าสงสารอยู่แล้ว มันคือประเด็นที่พี่เขาอยากให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”
“ส่วนที่คนเอาไปเปรียบเทียบกับหนังพี่มากฯ จริงๆ พี่มากฯเป็นแนวสนุกสนานอยู่เยอะนะ หนังแนวคอมเมดีคนไทยก็ชอบดูอยู่แล้ว ส่วนใครที่ชอบหนังรักและใครที่เป็นแฟนคู่กรรมก็ลองไปดูเวอร์ชันนี้ไม่เสียตังค์ฟรีแน่ๆ จริงๆ มันเป็นหนังรบกัน แล้วแต่มุมมองมันคนละแนว แล้วแต่คนชอบมากกว่าจริงๆ ผมกับพี่โอ้ก็คุยกัน ไม่มีไรอยู่แล้ว ก็ขำๆ ครับ”
หลังมีข่าวออกมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องว่าบริษัทยักใหญ่ "ยูนิลีเวอร์" เจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าหลากลายรายการได้ปลดพระเอกนักแสดงหนุ่ม "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าเพราะไม่พอใจความเรื่องมากของมารดานักแสดงหนุ่มก่อนที่ทุกฝ่ายจะออกมายืนยันประสานเสียงว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นนั้น
อย่างไรก็ตามล่าสุดก็เป็นทางด้านของตัวพระเอกหนุ่มเองที่ออกมายอมรับว่าตนเองได้ถูกถอนโฆษณาบางส่วนออกไปจริงๆ ส่วนจะถึง 5 ชิ้นตามที่มีกระแสข่าวลืออกมาหรือไม่นั้นตนไม่สามารถบอกได้ พร้อมกับยืนยันว่ารู้สึกเฉยๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นและคิดว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้ตนได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง
“โดนถอดโฆษณาใช่ครับ จริงๆ โฆษณาทุกวันนี้มันก็นับจำนวนไม่ได้อยู่ครับ แต่ว่าอันไหนที่หลุดไป อย่าเรียกว่าหลุดดีกว่า ไม่แน่ใจว่าโดนถอดไปกี่ตัวต้องไปดูอีกที ส่วนจะกี่ตัวต้องดูกลางปีอีกที ตัวอื่นที่เพิ่มเข้ามาคงต้องรอดูดีกว่าครับ รอดูกัน คือผมก็รู้สึกเฉยๆ ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ ผู้บริหาร ผมก็มีหน้าที่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้เสียดายหรือรู้สึกอะไรมันเฉยๆ (หัวเราะ) เรื่องผลกระทบผมว่าไม่เกี่ยวกัน แล้วแต่ผู้บริหารพิจารณาในส่วนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร ในส่วนนี้ผมก็ทำตามหน้าที่ของผม”
“ไม่ใจหายครับ ผมเฉยๆ จริงๆ ไม่ได้เสียดายหรือว่าอะไร และก็ไม่นอยด์ครับ ยังใช้ชีวิตปกติ ผมว่ามันเป็นการเรียนรู้ไปในตัว คือมีถอดมีเพิ่มผมเฉยๆ อย่าไปยึดติดกับอะไรเลยครับ ของพวกนี้มันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว (ไม่เสียดายรายได้ที่เคยได้เหรอ?) พี่ครับทุกวันนี้ก็ใช้ไม่หมดแล้วครับ ถามว่าเสียดายไหม ไม่ได้อยู่ที่เงินมากกว่าครับ ตอนนี้ผมมามองในเรื่องของเวลาอยากจะแบ่งเวลาให้ลงตัวมากกว่านี้”
เตรียมกลับขอนแก่นไปทำเรื่องผ่อนผันทหารเหตุเพราะเวลาน้อย เผยถ้าหมดเกณฑ์ผ่อนผันก็คงต้องจับใบดำใบแดง พร้อมหวังภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" ที่ตนนำแสดงทำรายได้ร้อยล้านหลังกระแสตอบรับการฉายรอบสื่อมวลชนเป็นไปด้วยดี
"กระแสก็ค่อนข้างดีครับ ก็ดีใจที่มีคนคอยมาชมคอยมาติชมแนะนำ ก็ดีใจมาก อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูลองไปดูก่อน กระแสส่วนมากจะชม ผมก็ฟังคำวิจารณ์ ใครก็บอกว่าหนังค่อนข้างดีมาก อยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูลองไปดูก่อน กระแสไม่ดีไม่มีครับผม (บางคนบอก ณเดชน์ เล่นดีจนกลบนางเอกไปเลย?) จริงๆ แล้วเรื่องนี้คาแรกเตอร์นางเอกทำให้พระเอกน่าสงสารอยู่แล้ว มันคือประเด็นที่พี่เขาอยากให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”
“ส่วนที่คนเอาไปเปรียบเทียบกับหนังพี่มากฯ จริงๆ พี่มากฯเป็นแนวสนุกสนานอยู่เยอะนะ หนังแนวคอมเมดีคนไทยก็ชอบดูอยู่แล้ว ส่วนใครที่ชอบหนังรักและใครที่เป็นแฟนคู่กรรมก็ลองไปดูเวอร์ชันนี้ไม่เสียตังค์ฟรีแน่ๆ จริงๆ มันเป็นหนังรบกัน แล้วแต่มุมมองมันคนละแนว แล้วแต่คนชอบมากกว่าจริงๆ ผมกับพี่โอ้ก็คุยกัน ไม่มีไรอยู่แล้ว ก็ขำๆ ครับ”
