xs
xsm
sm
md
lg

อะไรอิน-อะไรเอาต์ กับ “เทรนด์ศัลยกรรม 2013”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใครๆ ก็อยากหน้าเด็ก ตึงเป๊ะ ดูอ่อนวัยกันทั้งนั้น งั้นมาดูสิว่า เทรนด์ความงามปี 2013 อะไรกำลังเอาต์ และเทรนด์ศัลยกรรมอะไรที่กำลังมาในบ้านเราขณะนี้ จะสวยหล่อแบบเกาหลี หรือแบบตะวันตก ลองมาฟังคำบอกเล่าของ นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและชะลอวัย ผู้ก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC (Aesthetic Innovation Center ) ล่าสุดยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการต่างประเทศ เอเชียแฟซิฟิก สมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อความงาม และศัลยกรรมความงาม

ใสปิ๊งไร้ริ้วรอยกับทรีตเมนต์หน้าใส
“หน้าใส” ยังคงเป็นเทรนด์แรงดีไม่มีตก แต่เดิมต้องการเพียงหน้าขาวแต่เดี๋ยวนี้ต้อง “ขาวใสวิ๊ง” ถึงจะสวยแบบเพอร์เฟกต์ ใช่ว่าจะมีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่อยากหน้าใส ทว่าหนุ่ม ๆ เดี๋ยวนี้ก็รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิงด้วยเช่นกัน คุณหมอแนะว่าคิดจะทำทรีตเมนต์หน้าใสเหมาะกับคนอายุน้อยเท่านั้น แต่หากอายุมากที่มีริ้วรอย ร่องลึก หรือหย่อนคล้อย คุณหมอบอกว่าเสียเงินเปล่า ๆ เปลี่ยนไปทำโบทอกซ์ดีกว่า
เมื่อก่อนการทำทรีตเมนต์หน้าใส ลบริ้วประเภทที่ใช้หลักการผลักประจุ (ไอออนโต) หรือใช้ “คลื่นอัลตราโซนิก” ทว่า ตอนนี้วิธีการนี้กลับไม่ได้เป็นที่นิยมแล้ว หากแต่เป็นกลุ่มทรีตเมนต์ใหม่ Electroporation คือ การผลักวิตามินลงสู่ผิว ที่ตอนนี้พัฒนาเพิ่มเป็นหัวร้อน และหัวเย็น -10 °C ถึง -15 °C ที่ดูไม่เป็นอันตรายกับผิวหน้า แถมทำให้หน้าสวยเด้งทันตาเห็น ถูกใจวัยรุ่นใจร้อนชัวร์

หน้าพังเพราะหลุมสิว จนต้องพึ่ง “เลเซอร์”
วัยรุ่นสมัยนี้แค่สิวขึ้นเม็ดเดียวก็ต้องวิ่งโร่ไปหาหมอเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เนี่ยพอสิวหายสิ่งที่ตามมากลับเป็น “หลุมสิว” และ “รอยแผลเป็น” ที่ยากต่อการรักษา เมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้หลายคนหันไปพึ่งการรักษาโดยใช้ “เลเซอร์แก้หลุมสิว แผลเป็น” ไม่ว่าจะเป็น Fraxel, Fine scan, E-Matrix ฯลฯ ที่ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน
แต่อย่าเพิ่งดีใจไปเพราะการรักษาแบบ “เลเซอร์แก้หลุมสิว แผลเป็น” กลุ่มนี้นั้นมาพร้อมปัญหามากมาย บางรายรักษาไม่ได้ผล หรือบางรายได้รับความร้อนจากตัวเลเซอร์ หรือ RF ทำให้ผิว Burn และดำ โดยเฉพาะคนขาวถ้ารักษาด้วยวิธีนี้จะเห็นเส้นเลือดฝอยโผล่ออกมาอย่างชัดเจน จนทำให้คนขาวขยาดกับการทำเลเซอร์
เทรนด์ตอนนี้ต้อง Stem Cell ที่กระตุ้นเซลล์ให้สร้างเซลล์ใหม่ และ Conditioned Media กันด้วยการใช้สารอาหารมาเพาะเลี้ยง Stem cell รวมถึง Intradermal Air Dissector เป็นตัวกระตุ้นฟื้นฟูผิว แก้ร่องลึกติดแผลเป็นลึกและลดขนาดรูขุมขน ที่ตอนนี้ถือว่าการรักษาแบบนี้ฮอตฮิตแบบสุดๆ

เทอร์มาจ หลบไป อัลเทอร่า มาแล้ว
เมื่อพูดถึง “เทอร์มาจ” คุณสาวๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าทำแล้วจะเจ็บมาก แถมผลที่ได้มาก็ไม่ดีซักเท่าไหร่ ดังนั้น ใครที่อายุมากกว่า 40 ปี ต้องคิดให้รอบคอบว่าจะทำเทอร์มาจดีหรือไม่ มิเช่นนั้นจะเสียใจว่าทำไมทำไปแล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นที่ใบหน้าเลย เพราะพลังงาน RF นั้นควบคุมเป้าหมายได้ยาก เนื่องจากคลื่น RF มักถูกชั้นไขมันดักจับ และอาจทำให้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังฝ่อหรือบางลง ทำให้ใบหน้ายุบตัวและหย่อนลงมากขึ้น ทำให้ “เทอร์มาจ” เริ่มไม่ได้รับความนิยมในหมู่แพทย์แล้ว เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เก่า และเอาต์แสนเอาต์ แตกต่างกันกับ อัลเทอร่า ที่สามารถควบคุมเป้าหมายใต้ผิวหนังและระดับความลึกได้ดีกว่า และไม่มีผลต่อการฝ่อตัวของชั้นไขมัน ทำให้ตอนนี้การรักษาแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

“ฟิลเลอร์” เลือกดีๆ หน้าจะได้ไม่พัง
เมื่อปีที่ผ่านมากระแสข่าวพริตตี้เสียชีวิตจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพก และการฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดนั้นเป็นที่พูดถึงหนาหูในแวดวงการแพทย์และผู้ที่คิดจะลองฉีดฟิลเลอร์ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์เริ่มชะลอตัวลงในช่วงท้ายของปี 2012 แต่ล่าสุดทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบริษัทผู้นำเข้ายาฟิลเลอร์ก็ตบเท้าออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปี 2013 นี้บริษัทนำเข้ายาฟิลเลอร์จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% ยิ่งทำให้คุณสาวๆ หายกลัวเป็นปลิดทิ้งและหันมาใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการเสริมความงามโดยที่ไม่ต้องฝ่าตัดแค่ฉีดก็สวยปิ๊ง ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบวิธีนี้กัน
หลายคนคงสงสัยแล้วก่อนหน้านี้ที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์จนตาบอด หรือเสียชีวิตนั้นสาเหตุหลักๆ ก็คือ หากเราเลือกราคาที่ถูก ยาที่ใช้ก็ไม่ได้คุณภาพ รวมถึงแพทย์ผู้ที่ฉีดให้อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นจริงๆ ดังนั้นแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ มี 2 แบบ คือ New Era of Filler Injection ยุคใหม่ของการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ ที่เป็นการเปลี่ยนจากฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม แก้ร่องลึก มาเป็นการปรับรูปหน้าให้ดูดีแทน และอีกวิธี คือ Facial Transform เทคนิคการฉีดลงบนกระดูกใบหน้า ที่เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งอนาคตของการเปลี่ยนโครงกระดูกใบหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรมฝ่าตัดจนต้องเสียเลือดเสียเนื้อ อยากสวย อยากหล่อ คมเข้มแบบตะวันตก หรืออ่อนหวานแบบเกาหลีก็ทำได้

ร้อยไหม...กระชากวัยคุณป้า คุณยาย
ใช่ว่าหนุ่มสาวเท่านั้นที่อยากสวยหล่อ คนมีอายุก็ต้องการความอ่อนเยาว์เช่นนั้น ดังนั้น “การร้อยไหม” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เลือก เพราะการร้อยไหมเป็นเหมือนมนต์วิเศษที่สามารถทำให้คุณย่า หรือคุณป้า กลายร่างเป็นสาวแรกรุ่นอายุเพียงเลข 3 ได้
ดังนั้น “การร้อยไหม” จึงยังคงได้รับความนิยมกับสาวๆ ชาวไทยในปี 2013 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้บริโภคเองก็เริ่มที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเลือกวิธีร้อยไหม เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ผู้บริโภคมีความรู้และเลือกมากขึ้นว่าควรจะใช้วิธีการอย่างไร ควรเลือกคลินิก หรือโรงพยาบาลไหน รวมถึงคุณหมอคนไหนมีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือในด้านนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากข่าวการร้อยไหมที่ไม่ได้ผล หรือการร้อยไหมแล้วเป็นพังผืด รวมถึงค่าใช้จ่ายการร้อยไหมก็แพงหูฉี่ หากคุณเป็นเศรษฐีก็คงไม่สะเทือนขนหน้าแข้ง แต่กับคนหาเช้ากินค่ำแต่อยากหน้าดึง ละอ่อน ก็ต้องคิดหนักเพราะไหมทองคำเส้นหนึ่งราคาก็เส้นละแสนเท่านั้นเอง

ทะลวง “ไขมัน” ออกไป
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเรื่องรักสวยรักงามต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ทว่า เรื่องของรูปร่างก็สำคัญไม่แพ้เรื่องใดในโลกนี้ และการดูดไขมันด้วยเครื่อง (Laser, Ultra sound, RF) ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนอ้วนที่มีชั้นไขมันหนาด้วยการทำ VASER Lipo โดยใช้ ultrasound หรือ การทำ Ultra Z , Ultrasonic lipolysis แต่วิธีการนี้ก็ยังทำให้คนอ้วนเริ่มกลัวกับผลข้างเคียง เพราะบางรายนั้น ผิวเป็นลูกคลื่น หรือไขมันไม่ลดตามที่วาดฝันไว้ แถมโชคร้ายเกิดผลข้างเคียงขณะการรักษาด้วย อย่างที่มีข่าวออกมาตามสื่อบ่อยๆ เช่น ช่องท้องทะลุ เพราะแพทย์ผู้กระทุ้งไขมันมันมือไปหน่อยทำให้อวัยวะภายในเกิดอันตรายได้ หรือบางรายร้ายแรงถึงขึ้นเสียชีวิตเลย เป็นต้น ทำให้กระแสดูดไขมันในเกาหลีเริ่มลดลงจากการที่พบผลข้างเคียงมากขึ้น แต่ในเมืองไทยยังคงมีคนอ้วนรอคิวทำอยู่ เพราะเป็นทางออกเดียวที่เมื่อเข้าไปแล้ว พอออกมาก็ตัวเบาหวิว น้ำหนักหายไปตามใจชอบ

ตาสวย จมูกหยดน้ำ หน้าอกคับซี ปรับเปลี่ยนโครงหน้า
หนุ่มๆ สาวๆ รู้หรือไม่ว่าการทำศัลยกรรมความงามบริเวณหน้าผากและคาง นั้น เป็นจุดที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ง่ายและสวยกว่า ส่วนบริเวณของ “ใบหน้า” ที่ควรผ่าตัด คือ เปลือกตาบนและจมูก สำหรับบริเวณที่อาจต้องผ่าตัดร่วมกับการรักษาแบบกึ่งผ่าตัด คือ ใต้ตา เช่น ผ่าตัด แล้วมาฉีดฟิลเลอร์ กับร้อยไหม บริเวณที่นิยมทำศัลยกรรมมากที่สุดในเมืองไทย คือ จมูก และหน้าอก แต่การเสริมหน้าอกต้องเลือกวัสดุที่ได้มาตรฐานและมีใบรับประกัน
ส่วนการผ่าตัดจมูกนั้น มี 2 แบบ คือ แบบเปิดและแบบปิด 90% ของเกาหลีเป็นการผ่าแบบเปิด ค่ารักษา 5,000 US ขึ้นไป ถ้าเป็นการผ่าแบบปิดมักไม่ต่างกับการทำศัลยกรรมเสริมจมูกในเมืองไทย ซึ่ง 95% ในเมืองไทยเป็นการทำแบบปิด โดยมีค่ารักษาตั้งแต่ 8,000-150,000 บาท
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดจมูกแบบเปิดมักสวยกว่า แต่มีความยากกว่ามาก ทำให้แพทย์ผู้ทำต้องเป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งจริง ก่อนผ่าตัดจมูกควรถามแพทย์ก่อนว่าเป็นการทำแบบใด และหลังทำสามารถแก้ปัญหาได้ตรงความต้องการหรือไม่ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ควรรู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรม จะได้ไม่โดนหลอก หรือใช้วิธีการรักษาที่ผิดๆ จนหน้าพังกันนะคะ





กำลังโหลดความคิดเห็น