มีเสียงอื้ออึงทั้งในโลกออนไลน์ และออฟเรคคอร์ดไม่จบไม่สิ้น ถึงความแรงของศิลปินดูโอ้ขวัญใจวัยรุ่น "โฟร์-มด" เห็นได้จากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ตกเป็นข่าวว่า "กินเกาเหลากัน" จนถึงขั้นโพสต์เหน็บกันอย่างดุเดือดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และลุกลามกลายไปเป็นข่าวว่า "วงจะแตก"
แม้จะดูเหมือนว่าออกมาเคลียร์กันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ก็ยังดูคลุมเครือ และเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั้งไลฟ์สไตล์ การทำงาน และก็เรื่องความรัก
ทีมงาน M-Lite นัดคุยกับพวกเธอที่ตึกอาร์เอสฯ โฟร์-มดสวัสดีทักทายในลุคใหม่ที่ไม่ใช่เจ้าแม่สีพาสเทลแล้ว แต่มาในมาดเท่ด้วยโทนสีดำขาว เสื้อโชว์เอวกับกระโปรงสั้นที่มีกราฟิก ปรินต์ เป็น แบบสไตรปส์ ปรินต์ หรือลายทางนั่นเอง แถมคลุมด้วยแจ็คเก็ตแขนกุดปักตัวอักษร F กับ M ที่หน้าอก ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ชุดในอัลบัมใหม่ ชื่อ "คลับ เอฟเอ็ม"
ระหว่างสนทนา ทีมงานสัมผัสได้ถึงความเผ็ดที่ซ่อนอยู่ในหวาน เปรี้ยวซุกอยู่ในเค็มปะแล่มๆ แม้ตลอดการสนทนาจะมีประชดประชัน จิกกัดพอแสบ ๆ คัน ๆ บ้าง แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังเห็นความน่ารัก สดใส จริงใจ และมีอารมณ์ขัน ตลอดจนวิธีคิดที่โตขึ้น ซึ่งถูกปล่อยผ่านถ้อยคำที่สะท้อนแต่ละจังหวะอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา ทำให้การคุยกับพวกเธอครั้งนี้ มีรสชาติที่คละเคล้ากันอย่างลงตัว
สลัดผ้า ถวายกายโชว์ "อึ๋มทวิน"
เปิดประเด็นด้วยกระแสฮอตที่ทั้งคู่ลุกขึ้นมาสลัดผ้าถ่ายแบบเซ็กซี่ เพิ่มอุณหภูมิดีกรีความร้อนให้ซู่ซ่า อู้อ่า ด้วยการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำสีสันสดใสให้แก่นิตยสารแพรว ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว งานนี้ทั้งโฟร์ และมดพร้อมนั่งเคลียร์ผ่านคำถามด้านล่างนี้
M-Lite : เตรียมตัวอย่างไรบ้างกับการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ
มด : "1 เดือน หลังจากที่ผู้ใหญ่บอกให้ถ่ายชุดว่ายน้ำ อย่างตัวมด เคยถ่ายมาก่อนแล้ว ก็เลยรู้ว่าขั้นตอนการถ่ายจริง ๆ เราควรทำอะไรบ้าง ส่วนตัวก็แค่ควบคุมอาหาร เฟิร์มร่างกาย ซึ่งก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก เพราะมดเล่นกีฬาอยู่แล้ว ตอนนั้นก็ลดไปได้ 5 โล น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 41 กิโลได้ค่ะ"
โฟร์ : "ของโฟร์ ทางค่ายบอกให้ไปออกกำลังกาย ไปฟิตเนส ตีแบด เพิ่มความอ้วน ตอนนั้นเพิ่มขึ้นมาประมาณ 4 โล จริง ๆ น้ำหนักอยู่ที่ 40 41 ขึ้นมา 45 ได้ มีกินยาบำรุงเสริมด้วยค่ะ"
M-Lite : ทำไมโฟร์เพิ่งตัดสินใจมาถ่ายชุดว่ายน้ำ แว่วมาว่ามีติดต่อเข้ามาตลอดไม่ใช่หรือ
โฟร์ : "ส่วนตัวคิดว่า มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องถ่ายชุดว่ายน้ำ เพราะกลัวคนจะด่าว่า ถ่ายทำไม คิดว่าหุ่นดีแล้วหรือ แต่พอครั้งนี้มาถ่ายคู่กับมดก็ตกลง เพราะมีเพื่อน และที่สำคัญ สามารถต่อยอดอัลบัมชุดใหม่ และงานอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมาได้"
M-Lite : เกร็งไหม
โฟร์ : "ไม่ค่อยนะคะ เพราะทีมงานน้อยด้วย ช่างไฟไม่มีเลย ใช้แสงธรรมชาติหมด แต่โฟร์แค่รู้สึกว่า ไม่รู้จะทำท่า หรือโพสท่าอย่างไรมากกว่า ออกมาชุดแรกนี่เดินคลุมผ้าเช็ดตัวออกมาก่อน เพราะอายมาก อายจริง ๆ ค่ะ แล้วทุกคนก็มองหน้า พี่คนหนึ่งบอกว่า ถอดผ้าเช็ดตัวออกจะทาครีมให้ เราก็เขิน พอถึงเวลาลงสระก็รีบถอดผ้าแล้วกระโดดลงสระเลยค่ะ (หัวเราะ)"
มด : "ไม่เกร็งค่ะ เพราะเคยถ่ายมาแล้ว แต่ก่อนถ่ายก็แนะนำโฟร์ว่า ต้องทำอะไรบ้าง สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ"
M-Lite : หลังเห็นภาพตัวเองครั้งแรก คิดว่าเซ็กซี่ไหม
มด : "โห! มากค่ะ (หัวเราะ) เซ็กซี่ที่สุดเห็นจะเป็นแผ่นหลัง และทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังเธองอนมาก ในใจตอนนั้นก็คิดว่า ไม่งอนได้ยังไง ก็ฉันแอ่นอยู่นะ (หัวเราะ)"
โฟร์ : "ตอนแรกที่ใส่ชุดก็ไม่ได้มั่นใจอะไรค่ะ แต่พอมาดูรูปหลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้ว ถึงกับร้องเฮ้ย! เพราะว่ามุมกล้อง หรือตากล้องมีส่วนสำคัญมาก ทำให้เราดูดีหรือหุ่นดีได้ (หัวเราะ) ถามว่าชอบส่วนใหญ่ที่สุด โฟร์ชอบตา กับรูปหน้าค่ะ โฟร์ว่า 2 ส่วนนี้เซ็กซี่ที่สุดแล้วค่ะ ซึ่งหลายคนก็บอกแบบนั้น"
M-Lite : คาดหวังอะไรกับการถ่ายแบบครั้งนี้
โฟร์ : "จริง ๆ ไม่ได้เน้นที่ความเซ็กซี่วาบหวิว หรือความโป๊นะคะ แต่คอนเซ็ปต์จริง ๆ คือ ให้ดูเก๋ เปรี้ยว และดูโตขึ้น เน้นหน้าจิก ๆ เหวี่ยง ๆ นิดนึง ไม่ใช่เด็กเหมือนสมัยยังแบ๊ว ๆ แล้ว"
มด : "ก็อย่างที่โฟร์พูดค่ะ เราต้องการให้คนเห็นว่า เราโตเป็นสาวแล้วนะ ไม่ใช่เด็กแบ๊วเหมือนแต่ก่อน"
เขาว่า สลัดผ้า เรียกเรตติ้ง หวังงานเพิ่ม
M-Lite : สำหรับการสลัดลุกเด็กแบ๊ว มาเป็นลุคเซ็กซี่ ด้วยการสลัดบิกินี่โชว์แผ่นหลังรับซัมเมอร์อันร้อนระอุนี้ ดูเหมือนกระแสตอบรับค่อนข้างดี แต่ก็ไม่วายที่จะถูกมองว่า เป็นการเรียกเรตติ้งให้ตัวเอง หรือสร้างกระแสให้มีงานมากขึ้น
โฟร์ : "ถามว่าสร้างกระแสไหม ก็ต้องตอบว่าสร้างค่ะ แต่เป็นการสร้างกระแสเพื่อต่อยอดอัลบัมชุดใหม่ของพวกเรา ส่วนที่เมาท์กันว่า ไม่มีกระแส ไม่มีงานแล้วก็ลุกขึ้นมาสลัดผ้าถ่ายแบบ คงต้องบอกตามตรงว่า เราเดินสายต่างจังหวัดกันตลอด ซึ่งได้เงินล้วน ๆ นะจ๊ะ ถามว่าหายไปไหน ไม่ได้หายค่ะ เพียงแต่เราเดินสายหาแฟนเพลงทั่วประเทศก็เท่านั้น"
เด็กมีปัญหา "โฟร์-มด" รับมีปัญหากันจริง
ตามมาด้วยกระแสที่เม้าท์กันไม่จบไม่สิ้นว่า ทั้งคู่ เฟก และดันทุรังทำงานร่วมกัน เพราะไม่อยากให้วงแตก ความจริงเป็นอย่างไร เรื่องนี้โฟร์-มดเปิดใจแบบหมดเปลือก ไม่ว่าจะเรื่องความสัมพันธ์ หรืออนาคตของความเป็นดูโอ้ในชื่อ "โฟร์-มด"
โฟร์ : "เพราะว่าพูดทั้งคู่ไงค่ะ ถ้าเกิดว่าอีกคนไม่พูดก็ไม่มีปัญหา อีกอย่าง นิสัยผู้หญิงอ่ะค่ะ ไม่รู้สิ กับเพื่อนที่เราคบกันมา 10 ปียังงอนกันได้ นับประสาอะไรกับคนที่ทำงานร่วมกัน อยู่ใกล้ชิดกัน มันก็ต้องมีบ้างที่โกรธ และงอนกัน เพราะยากมากที่จะคลิกกันทุกเรื่อง อย่างบางช่วง งอน ไม่พูดกันเพราะเรื่องไร้สาระ มดบอกชุดไม่สวย แต่โฟร์บอกสวย เถียงกันไปเถียงกันมาก็งอนกัน ไม่พูดกัน พอพีอาร์สาวสวยเดินเข้ามาพอดี เห็นเราไม่คุยกัน เรื่องก็ถึงนักข่าว มันก็เลยเป็นข่าว"
มด : "หรือเวลาโฟร์นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ส่วนมดก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็หาว่าทะเลาะกัน ทำไมไม่นั่งด้วยกัน ตอนนั้นอยากจะโอ้ยกรี๊ด ไม่คิดบ้างเหรอว่า เราทำงานร่วมกันมากี่ปี ไม่คิดเหรอว่า จะเบื่อหน้ากันบ้าง 9 ปี เจอกันเกือบทุกวัน แยกกันนิดนึงไม่ได้เลยหรือ (แผดเสียงแบบขำ ๆ)"
โฟร์ : "บางคนคิดว่า โฟร์มดเป็นคู่ดูโอ้ที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เฮ้ย! ไม่ต้องนั่งด้วยกันก็ได้หรือเปล่าค่ะ บางทีโฟร์อยากจะนั่งโซฟาสีดำ ยืดขายาว ๆ ส่วนมดอยากจะนั่งโซฟาสีแดง เพราะอยากนั่งเล่นมือถือ หรือถ่ายรูปเล่น สุดท้ายก็ถูกไปเมาท์ต่าง ๆ นานาว่าทะเลาะกันบ้าง ไม่กินเส้นกันบ้าง แต่ยอมรับว่า มีปัญหากันบ้าง เพราะโฟร์เป็นคนขี้รำคาญ และหงุดหงิดง่าย"
"อย่างโฟร์ร้องเพลงท่อนนี้แล้วมดบอกไม่ใช่ เราก็บอกว่า ผิดอะไร นี่ดูดิ มดก็บอกไม่ใช่ ต้องร้องท่อนนี้ จากนั้นโฟร์ก็วางไมค์แล้วกลับบ้านเลย เพราะถ้าเห็นหน้าปุ๊บแล้วหงุดหงิด พูดจริง ๆ นะ ให้ลุยก็ลุย ให้ตบก็ทำหมดอ่ะ แต่โตแล้วไง เราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ดังนั้น กลับบ้านเลยดีกว่า จากนั้นก็เข้าไปด่ากันต่อ (หัวเราะ) เพราะฝ่ายหนึ่งตั้งสเตตัสด่า ส่วนเราก็ไม่ยอม"
มด : "ด่ากันไปด่ากันมา จนต้องมีฝ่ายยอมแพ้ มดก็เลยแบบ มันไม่ใช่อารมณ์ที่จะมาด่ากันไปด่ากันมา ตอนนั้นแบบว่า อะไรอ่ะ รำคาญแล้ว ไม่ไหวละ ก็เลยเข้าไปแชตคุยว่า สรุปจะคุยดี ๆ ไหม ซึ่งไม่ใช่เป็นการง้อใครก่อน แต่มันรำคาญว่าอะไรกันนักกันหนา"
โฟร์ : "ทุกวันนี้ เจออะไรจะนิ่งอย่างเดียว ด้วยความที่เราโตแล้วด้วย ยอมรับว่าที่ผ่าน ๆ มายังเด็กด้วยค่ะ อารมณ์แตกตลอดเวลา ตอนนี้พอมีอะไรที่ทำให้หงุดหงิดโฟร์ก็จะนิ่ง พอผ่านไปสักพัก เราก็จะกลับมาคิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องทำงาน มันเลือกไม่ได้ เราก็แบบ ช่างมัน ผ่านไปสักชั่วโมงอาการนอยด์ (เซ็ง ๆ) ก็หายไปเอง"
มด : "เก่งเนอะ นอยด์ (เซ็ง ๆ) เองหายเอง (แอบจิกกัดเพื่อนด้วยอารมณ์ขัน)
M-Lite : สรุป ความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
มด : "พี่ว่าที่เห็นอยู่ เราสองคนเป็นอย่างไรค่ะ (หัวเราะ)"
โฟร์ : "คือจะบอกว่า ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแล้ว ถ้าเกิดว่ามี เราก็จะบอกว่ามี อย่างที่ผ่านๆ มา ถ้าความสัมพันธ์ของเรา 2 คนมีปัญหา เราก็บอกว่า มีปัญหาจริง ซึ่งถ้าเกิดมีปุ๊บมันก็ต้องเคลียร์ได้อยู่แล้ว เพราะว่าผู้ใหญ่ไม่ปล่อยให้เราทะเลาะกันจนทำงานไม่ได้หรอกค่ะ"
วงแตก หรือไม่แตก เอาให้เคลียร์
M-Lite : เรื่องนี้ ไม่ถามไม่ได้ ถ้าไม่ถามก็จะถูกเอาไปนินทาตามซอกตึก ไม่มีประโยชน์ ถามตรงนี้ดีกว่า เขาว่ากันว่า โฟร์-มด วงจะแตกและอาจจะไม่มีโฟร์มดให้เห็นอีกแล้ว
โฟร์ : "ก่อนมาถึงอัลบัมชุดนี้หลายคนเห็นว่าเราหายไป บวกกับกระแสข่าวต่าง ๆ ทำให้คิดกันไปว่า โฟร์มดไม่มีแล้วเหรอ วงแตกใช่ไหม ซึ่งบางทีเขาไม่เข้าใจว่ากระบวนการทำงาน คือกว่าจะแต่งเพลงได้ กว่าจะเข้าห้องอัด กว่าจะเลือกซื้อผ้า มันต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ไม่ใช่แค่ 3 วันแล้วจะทำได้ ส่วนอนาคต ก็คืออนาคต หากวันหนึ่งมดบอกว่าเบื่อ อยากเป็นฮิปฮอป แล้วเราจะบอกว่า อยากร้องอาร์แอนด์บี ถึงวันนั้นเราก็คงต้องแยกกันไป ไม่ใช่ว่าวงแตก แต่เพื่อความต้องการของแต่ละคน บวกกับความโตขึ้นของเราทั้งสอง"
M-Lite : ตอนนี้เริ่มอิ่มตัวกับการทำงานเพลงหรือยัง
โฟร์ : "โฟร์เคยคุยกับคนที่ถามเหมือนกันนะคะว่า อิ่มตัวคืออะไร คือเราได้เงินเยอะแล้ว หรือว่าเราควรจะหยุดเพราะคนเบื่อเรา คือโฟร์ไม่เข้าใจกับคำ ๆ นี้ ถ้าอิ่มตัวหมายถึงการพอหรือยังกับการเป็นนักร้อง โฟร์ก็เลยรู้สึกว่า ทำไมต้องเลิกอ่ะ ถ้าสมมติวันหนึ่งโฟร์ไม่ได้พิการ โฟร์ก็คงไม่เลิกทำงาน แต่ตราบใดที่ยังเป็นคนปกติครบ 32 ก็คือยังทำต่อไปเรื่อย ๆ อิ่มตัว หรือไม่อิ่มตัวจริง ๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ และโอกาสมากกว่าค่ะ"
มด : "มดคิดว่า โฟร์-มด สามารถไปได้เรื่อย ๆ นะคะ เราแค่หาสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่มให้มันมีสีสันขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งหนูก็ไม่สามารถตอบได้ว่า โฟร์-มดจะอยู่อีกกี่ปี แต่เฮียตอบได้ค่ะ เฮียบอกอีก 3 ปีค่ะ ซึ่งเราก็ต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อนว่า เฮียจะให้เราทำอะไรต่อ แต่ตอนนี้เราก็ยังเป็นโฟร์-มดไปเรื่อย ๆ ถ้าถึงจุดนั้น คงเป็นจุดที่เราโต ๆ กันแล้ว เราก็คุย ๆ กันแล้วว่า คอนเสิร์ตใหญ่อำลา โฟร์-มด เราจะวีลแชร์กัน เพราะเข่าไม่ไหวแล้วค่ะ (หัวเราะ)"
โหด มันส์ ฮา..โฟร์มด VS แฟนคลับ
แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับการเป็นศิลปิน นักแสดงก็คือ "แฟนคลับ" เพราะถือเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนหลักกลุ่มสำคัญเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับโฟร์-มดที่มีแฟนคลับติดตามให้กำลังใจมาตลอด และก็มีเรื่องโหด มันส์ ฮามาเล่ากันแบบตรงไปตรงมาถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อแฟนคลับด้วย
M-Lite : ความสนิทสนมกับแฟนคลับมีมากน้อยแค่ไหน
มด : "ก็ตบหัวกันได้เลยค่ะ (หัวเราะ)"
โฟร์ : "แบบนั้น เขาก็ถีบเอาสิคะ (หัวเราะ) คือ จริง ๆ แล้ว เรามีความสนิทสนมกับแฟนคลับค่อนข้างมาก เพราะเขาตามเรามาตั้งแต่ตัวเท่าบ่าเรา ตอนเข้าวงการใหม่ ๆ ตอนนี้ก็ยังตามอยู่ ตัวนี่สูงกว่าเราเยอะมาก เรียกว่าโตมาด้วยกันเลย ส่วนชื่อก็จำได้เกือบหมดทุกคน เพราะทุกปีจะมาเจอกัน ขอบคุณพวกเขาที่ติดตาม และชื่นชอบผลงานของพวกเรา เหมือนที่ผ่านมาเพิ่งครบรอบ 9 ปี พวกเขาก็ส่งข้อความมาแสดงความยินดี และให้กำลังใจ ซึ่งบางคนมีไลน์โฟร์ด้วยซ้ำ เรียกว่าเป็นเพื่อนกันไปแล้ว อย่างเช็กอินว่ากินข้าวอยู่ที่นี่ แฟนคลับก็เข้ามาถาม เราก็ชวน ๆ กันมากินข้าว"
มด : "อย่างที่โฟร์บอก เราสนิทกันมาก บางคนตามเราตั้งแต่เรียน จนตอนนี้ทำงานกันหมดแล้ว บางคนเป็นถึงนักข่าวก็มี หรืออีกคนที่ประทับใจมาก คือ ชอบทวิตรายงานสภาพอากาศให้พวกเรา รายงานตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว วันนี้ก็ยังทวิตบอกอยู่เลย ซึ่งเขาใช้ชื่อว่า เดอะ เวตเตอร์แมน"
โฟร์ : "ใช่ค่ะ เขาคนนี้จะรายงานว่า วันนี้อากาศ...อาจมีฝนตกลงมา และทิ้งท้ายด้วยกำลังใจ และข้อคิดดี ๆ เสมอ เช่น ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของโฟร์มดนะครับ คิดดี ชีวิตก็จะดี ดังนั้น ทุก ๆ วัน โฟร์กับมดก็จะแต่งตัวจากการรายงานสภาพอากาศของพี่เขา ถ้าวันนี้บอกว่า ร้อน 42 องศาเซลเซียส เราก็จะใส่เสื้อกล้าม หรือวันนี้ฝนตก เราก็จะพกร่มกันมา ซึ่งจะรายงานในช่วง 7-8 โมงเข้าทุกวัน"
M-Lite : ได้ข่าวว่า ครั้งหนึ่งมดถึงกับเอ่ยปากตักเตือนแฟนคลับมาแล้ว เรื่องมันเป็นอย่างไร
มด : "มดเคยพูดประโยคหนึ่งกับแฟนคลับคนหนึ่งค่ะ ซึ่งมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้มดต้องพูดคำนี้ออกมา คือ เคยเจอแฟนคลับใส่ชุดนักเรียนมาตอนบ่าย มดก็ถามว่า น้องมาทำอะไร หนูมาหาพี่ค่ะ อ้าวแล้วหนูไม่เรียนเหรอ หนูมาหาพี่ค่ะ ตอนนั้นมดพูดได้เลยว่า น้องค่ะ ถ้าน้องอยากเป็นแฟนคลับพี่ แล้วน้องรักพี่ น้องกลับไปเรียนเถอะ ไม่ต้องมาตามพี่หรอก หนูไม่จำเป็นต้องมาตามพี่ติด ๆ แบบนี้ก็ได้ พ่อแม่ให้เงินน้องมาเรียนหนังสือ ไม่ใช่หนีมาตามพวกพี่ พี่รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ ถ้าชอบพี่ และอยากตามพี่จริง ๆ ติดตามจากสื่อก็ได้ค่ะ หรือว่างก็มาได้ มดก็พูดแบบนี้ไป เพราะเป็นห่วงน้องเขา”
M-Lite : แล้วน้องคนนั้นเขาว่าอย่างไร
โฟร์ (พูดแทรกขึ้นมา) : "น้องเขาก็ตบหัวมดไปทีนึงค่ะ (หัวเราะยาว)"
มด : "ใช่ ๆ (หัวเราะ) เย้ย น้องเขาก็อึ้ง ๆ ไปสิค่ะ เราก็อธิบายต่อว่า พี่ไม่ได้ว่าหนูนะ พี่แค่หวังดี เรื่องไหนที่บอกได้พี่ก็อยากจะบอก น้องก็..ค่ะ ๆ พอวันรุ่งขึ้นปรากฏว่า น้องไปตามศิลปินคนอื่นจ้า (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ มดก็ไม่ซีเรียส แต่อย่างน้อย ๆ เราก็ได้บอกในสิ่งที่ถูกต้องกับน้องเขาไปแล้ว"
แฟนคลับเข้าใจ พูดตรง อารมณ์ไม่ดีก็บอกไม่ดี
โฟร์ : "แฟนคลับจะรู้ว่า เราเป็นคนพูดตรง สิ่งไหนที่สัมภาษณ์ไป นั่นคือ เรื่องจริง หรือเวลาเหนื่อย ๆ จากงาน แล้วมีแฟนคลับมาขอถ่ายรูป โฟร์ก็จะพูดตรง ๆ เลยว่า หยุด วันนี้ไม่อยากถ่าย เหนื่อยว่ะ หงุดหงิด ซึ่งยอมรับว่า แรก ๆ ไม่ค่อยทำ แต่พอสนิทก็เริ่มพูด แฟนคลับก็บอก โอเค รู้เรื่อง ถ่ายตัวเองก็ได้ ดังนั้น แฟนคลับโฟร์ หรือมดจะรู้หมดเลยว่า เราเป็นคนอย่างไร
อย่างถ้าวันไหนอารมณ์ดี ยืนให้ถ่าย 5 ชั่วโมงยังได้เลยค่ะ อีกอย่าง โฟร์ไม่ใช่คนขี้ประจบ ขี้เอาใจ อุ้ย สวยจังเลย หล่อจังเลย ไม่มี ดังนั้น เวลาที่ข่าวออกไปแล้วไม่จริง แฟนคลับก็จะรู้เลยว่า นี่ไม่ใช่คำพูดพี่โฟร์ เราก็บอกเก่งมาก ฉลาด ๆ ส่วนเขาก็ได้แต่ให้กำลังใจเรา"
M-Lite : แฟนคลับอายุน้อยสุดเท่าไร
มด : "อนุบาลค่ะ เพราะเคยไปเล่นคอนเสิร์ตที่โรงเรียนอนุบาล"
โฟร์ : "ถ้าส่วนใหญ่ ก็วัยทำงานค่ะ ไปจนถึงมีครอบครัว อย่างบางคนวิ่งมาถ่ายรูปให้ลูก บอกว่า ลูกสาวชอบมากค่ะ แต่ถ่ายกับคุณแม่หน่อยนะคะ ส่วนลูกไม่ได้ถ่าย (หัวเราะ)"
8 ปี 9 อัลบัม เรียนรู้อะไรบ้าง
โฟร์ : "ย้อนกลับไปดูตั้งแต่อัลบัมแรก อื้อหือ (หัวเราะ) หน้าเยอะมาก แก้ม ตาก็แบบ โอ้ว ไม่จะอยากพูด แถมตอนนั้นดัดฟัน ยิ้มทีนี่เต็มปาก ดูแล้วทุเรศมากค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ยิ้มแบบนั้น ส่วนการทำงานก็ได้เรียนรู้เยอะมากค่ะ อย่างเรื่องกระแสข่าว ถ้าข่าวไหนไม่จริง โฟร์ก็เฉย ๆ นะคะ แต่จะเหนื่อยก็ตอนที่ต้องมาตอบว่า ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง ซึ่งจะย้ำกันอยู่ประมาณสัก 3-4 ครั้ง"
มด : "มดค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ก็เรียนรู้ในสิ่งที่วัยรุ่นหลาย ๆ คนไม่ได้เรียน มดได้ทำงานก่อนวัย เริ่มทำงานในวงการตั้งแต่อายุ 13 ตอนนั้นรู้เลยว่า การหาเงินมันเหนื่อยแค่ไหน บางคนอาจจะใช้เงินพ่อแม่สนุกสนาน แต่สำหรับมด พอได้มาทำงานและใช้เงินที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา ทำให้เราได้รู้คุณค่าของเงิน"
M-Lite : ตอนนั้น ไม่กลัวเหรอว่า ชีวิตวัยรุ่นของเราจะหายไป ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ลั้นลาเต็มที่กับกลุ่มเพื่อน เพราะต้องเข้าใจว่า เป็นศิลปินดาราต้องรักษาภาพอยู่ตลอด
มด : "ได้อย่าง เสียอย่างค่ะ ใช่คำนี้ดีกว่า ส่วนตัวอาจจะรู้สึกเสียช่วงเวลาในวัยรุ่นไป หรือเสียความเป็นส่วนตัวไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามดจะไม่มีเพื่อน มดก็ยังมีเพื่อนอยู่ แต่เราอาจไม่ได้ไปแฮงก์เอาต์ ไปเที่ยวเล่น ซึ่งมดโชคดีที่เพื่อนเข้าใจ แต่ถ้าเกิดมดไม่ได้เข้ามาทำงานในวงการ มดก็จะไม่รู้เลยว่า ทำงานหาเงินมันเป็นอย่างไร ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องเผชิญกับผู้คน และปัญหามากมายขนาดไหน"
โฟร์ : "ส่วนตัวโฟร์ ไม่รู้สึกอึดอัดเลยนะ โฟร์ก็เที่ยวปกติ เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ถามว่าทุกวันนี้เจอเพื่อนไหม เจอ กินไหม กิน เที่ยวไหม เที่ยว แต่โฟร์เป็นคนไม่ชอบออกทุกคืน หรือเที่ยวทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ นาน ๆ เจอเพื่อนทีก็จะเจอกันที่ร้านอาหาร ไม่ใช่ร้านเหล้า ดังนั้นชีวิตวัยรุ่นของโฟร์ไม่ได้หายไปเลย เพียงแต่ว่ามันมีอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ ความรับผิดชอบในเรื่องงาน ก็เท่านั้นเองค่ะ"
หมดเปลือกเรื่อง "ความรัก"
เมื่อถามถึงความรัก ทั้งคู่ถึงกับก้มหน้านิ่ง ที่นิ่งไม่รู้ว่าเขิน หรือยังไม่พร้อมที่จะบอก แต่ก็ไม่รอดที่จะต้องตอบคำถามในประเด็นนี้
มด : "ไม่มีผู้ชายค่ะ ตอนนี้ท้องว่างมากค่ะ (หัวเราะ) ถามว่าโตแล้ว เป็นสาวแล้ว แต่มันควรจะมีหรือเปล่าพี่ สำหรับมด ยังไม่มีเข้ามาเลยค่ะ เพราะเราก็ทำแต่งาน อย่างบางช่วง ทำงานทั้ง 7 วันเลย และอีกอย่าง พอโตขึ้นเราค่อนข้างเลือกเยอะ ไม่ใช่ว่าเลือกที่หน้าตาหรือว่าอะไรนะ แค่เลือกที่เข้าใจเราไหม รับเราได้ไหม เราไม่มีเวลาให้นะ เราไม่ใช่ผู้หญิงจ๋า เราค่อนข้างห้าวนะ ที่สำคัญ ต้องรักครอบครัวเรานะ ถ้าโอเค เราก็โอเค"
โฟร์ : "ความรักไม่ได้เป็นยังไงค่ะ ตอนนี้ก็แฮปปี้ดี เพราะว่าโฟร์ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง มีเข้ามาค่ะ เพราะหนูสวยขนาดนี้ (หัวเราะ) ถ้าบอกว่าไม่มี มันก็คือ โกหกอ่ะ"
มด : "คนไหนคะ"
โฟร์ : "พูดชื่อได้เหรอ (หัวเราะ) ส่วนตัวไม่ได้ปิดบังอะไรนะ ไปไหนก็ไปด้วยกัน กินข้าว ดูหนัง หรือไปเที่ยวกันปกติ แต่ถ้าวันไหนถูกถ่ายได้ ก็ค่อยมาเคลียร์อีกทีว่า อ๋อ คนนี้เอง"
มด : "แล้วจะแต่งงานกันเมื่อไรคะ"
โฟร์ : "ก็ค่อยว่ากันอีกนะคะ แต่ตอนนี้แฮปปี้ดีค่ะ”
อัลบัมใหม่ ลุคใหม่ โตกว่าเดิม
สำหรับการกลับมาของโฟร์-มดในอัลบัมใหม่ชุดที่ 9 "คลับ เอฟเอ็ม" ทั้งคู่ก็ถือโอกาสเปลี่ยนลุคโดยสิ้นเชิง แต่ที่หลายคนคาใจก็คือ สรุปแล้วโฟร์-มดจะเปลี่ยนแนวเป็นนักร้องสาวขาร็อกแล้วหรือ เพราะเท่าที่ดูจากชุด มีการใช้สีขาวดำ บวกกับมีเครื่องประดับเท่ ๆ ให้เห็นกันด้วย
โฟร์ : "มันไม่ใช่ฮิปฮอป ไม่ใช่ร็อก คือจริง ๆ เราก็ถามว่านี่เราจะเป็นร็อกเหรอ แต่ไม่ใช่ค่ะ เรายังเป็นป็อปเหมือนเดิม ที่เห็นจากชุด มันเป็นลายกราฟิกขาวดำ ซึ่งกำลังมาในตอนนี้ เพราะขนาดไปชอปปิ้ง เทรนด์ขาวดำเต็มไปหมดเลย เราก็แบบ เออ ๆ สงสัยนางกำลังมา และที่ผ่าน ๆ มาโฟร์มดมีส่วนร่วมกับแฟชั่นตลอดเวลาอยู่แล้ว ที่สำคัญ เราไม่เคยทำสีขาวดำมาก่อน ทำออกมา ก็ดูเก๋ เท่ และดูโตขึ้นมาก กระแสตอบรับก็ดีค่ะ"
มด : "เรื่องแนวเพลง และชื่ออัลบัม ก็มาจากการที่เราจัดรายการวิทยุ ชื่อว่า คลัป เอฟเอ็ม ตอบปัญหาเกี่ยวกับความรัก ยิ่งกว่าพี่อ้อย พี่ฉอดอีกค่ะ เพราะด่ากระจาย (หัวเราะ) อย่างแฟนคลับคนไหนเขียนเข้ามาบอกว่า ตัวหนูสวยมาก เราก็จะตอบไปทันทีว่า ส่งรูปมาให้พี่ดูได้ไหมค่ะน้อง อะไรประมาณนี้ ก็ขำ ๆ กันไป ด้วยความที่เราจัดกันแบบเป็นตัวเอง ผู้ใหญ่ก็เลยเอาไอเดียตรงนั้นมาเป็นคอนเซ็ปต์อัลบัมใหม่ที่เหมือนว่า โฟร์มดรับปรึกษาปัญหาหัวใจ"
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น อัมบัมชุดนี้ได้ 4 หนุ่มขาโจ๊ะ ขวัญใจเด็กแนว "เดอะ ริชแมน ทอย" มาเป็นศิลปินแขกรับเชิญพิเศษด้วย และก็ถือโอกาสเดินหน้าโชว์ลีลาเก๋า ดอดจีบสองสาว โฟร์-มด ผ่านเพลง "แฟนคันแรก" โดยเนื้อเพลงอินกับเนื้อหานโยบายรถคันแรกของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์"
มด : "พี่ ๆ เขาน่ารักมากค่ะ เพิ่งเข้าใจจริง ๆ ว่า อินดี้เป็นอย่างไร ตอนเด็กเราคืออินดี้ดี ๆ นี่เอง พี่เขาอะไรก็ได้ แต่ความอะไรก็ได้ พี่เขาจะไม่หลุดคาแร็กเตอร์ หรือความเป็นตัวตนของเขา อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง เพราะพี่ ๆ เขาไม่เคยเต้นมาก่อน อีกอย่างเพลงเป็นการร้องโต้ตอบกันอย่างสนุกสนาน เช่น จริงหรือ จริงสิ๊ พี่ ๆ ทั้ง 4 ก็เลยมีเขินเป็นธรรมดา"
M-Lite : มี 4 กลุ่มขาโจ๊ะมาร่วมงานแบบนี้ กลัวไหมว่าจะมีข่าวกุ๊กกิ๊กกัน
โฟร์-มด พูดพร้อมกัน : "พี่เขาไม่มีท่าทีกับพวกหนูหรอกค่ะพี่ขา (ลากเสียงยาว)"
โฟร์ : "ขนาดเข้าใกล้ ยังไม่เดินมาใกล้เลยค่ะ (หัวเราะ) พี่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตื่นเต้นและเขินมากที่ได้ร่วมงานกับโฟร์-มด แต่พอหลัง ๆ เริ่มรู้สึกรำคาญ หนวกหู เพราะพวกเราก็จะเวิ่นเว้อกันมาก คุยกันตลอด และก็จะเสียงดังมาก ไม่แปลกที่พี่เขาจะรำคาญ และไม่อยากเข้าใกล้ (หัวเราะ) แต่ก็สนุกค่ะ พี่ ๆ เขาน่ารักมาก"
M-Lite : แฟนเพลงจะได้อะไรจากอัลบัมชุดนี้
มด : "แน่นอนว่า คนฟังจะได้ความเป็นโฟร์-มด และเดอะ ริชแมน ทอย รวมกัน เป็นส่วนผสมใหม่ที่ลงตัว เรียกว่า สนุก และได้เห็นอะไรแปลกใหม่แน่นอนค่ะ"
โฟร์ : "ฝากด้วยนะคะ พวกเราตั้งใจทำผลงานนี้กันมาก ทั้งการร้อง การเต้น และการถ่ายเอ็มวีที่เป็นมหากาพย์มาก ซึ่งหลาย ๆ คนตื่นเต้น และให้ความสนใจกับอัลบัมชุดนี้มาก ๆ รับรองว่าดังแน่นอนพี่"
มด : "ถ้าไม่ดัง ฉันไม่รู้ด้วยนะ (หัวเราะ)"
โฟร์ : "ถ้าไม่ดัง ขอไปทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนมดก็กลับไปเรียน (หัวเราะ)”
กลัวถูกเด็กรุ่นใหม่แทนที่บ้างไหม
ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ มีเด็กใหม่ ๆ ถูกปั้นขึ้นมาไม่ซ้ำหน้า โดยเฉพาะค่ายกามิกาเซ่ ซึ่งเป็นค่ายของโฟร์-มดเองที่ปั้นเด็กใหม่ขึ้นมาตลอด ถามว่ากลัวตกอันดับ หรือถูกน้องใหม่เข้ามาแทนที่ไหม ไปฟังคำตอบจากเธอทั้งสองกันเลย
โฟร์ : "ถามว่ากลัวไหม แล้วจะให้กลัวอะไร กลัวว่าเขาจะร้องเพลงเพราะกว่าไหม ไม่กลัว เพราะกว่าก็ร้องไปสิ หรือกลัวว่าเด็กใหม่ ๆ จะสวยใส น่ารักกว่าไหม ก็ไม่กลัวนะ เพราะหน้าใครหน้ามัน คนเราชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และถ้าถามว่ากลัวเด็กใหม่ ๆ จะเข้ามาแทนที่ไหม ยอมรับว่า ตอนแรกมีหวั่น ๆ บ้าง อย่างทางค่ายปั้น แคท แพท ขึ้นมา ใจตอนนั้นคิดเลยว่า โฟร์-มดไปแน่เลย เพราะน้องเขาสวยจริง ๆ พอทำเพลง ร้องเพลงออกมาก็เริ่มเฉย ๆ เพราะเพลงคนละแนวกัน แต่ถ้าซ้ำเราหมด เราก็กลัวเหมือนกันนะ ถ้าวันหนึ่งน้องขึ้นมา แล้วโฟร์-มดจะอย่างไรดี"
อนาคตโฟร์-มด
M-Lite : ต้องยอมรับว่า วงการบันเทิงมีเกิด แล้วก็ต้องมีดับ แม้จะยังไม่ดับ แต่เมื่อเวลาผ่าน สิ่งที่ตามมาคืออายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น การจ้างงานก็มีน้อยลงเป็นธรรมดา ตรงนี้มีการรับมือกับอนาคตไว้อย่างไร
โฟร์ : "อยากทำธุรกิจนะ ส่วนตัวชอบทำเล็บ ทำผม หรืองานที่เกี่ยวกับความสวยความงาม โฟร์อยากทำเอง คือ อยากลงมือไปทำ อยากนั่งทาเล็บให้ลูกค้า อะไรแบบนี้ อยากทำเองจริง ๆ แต่ถ้าเกิดยังไม่ได้ทำเองก็คงยังไม่คิดทำ"
มด : "ถ้าการเป็นนักร้องอิ่มตัวจริง มดคงเป็นนักแสดงอ่ะค่ะ ส่วนอื่น ๆ ก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบค่ะ (หัวเราะ)"
M-Lite : สิ่งไหนคิดว่าอยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำ หรือได้ทำแล้ว
มด : "นักร้องก็ได้เป็นแล้ว นักแสดงก็ได้เป็นแล้ว ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็เริ่มมีความรู้สึกอยากเป็นผู้จัดละครเหมือนกันนะ เพราะเป็นอะไรที่สนุกดีนะ แต่กว่าจะถึงตอนนั้น มดคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะมากทีเดียว ที่แน่ ๆ คือ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ”
โฟร์ : "โฟร์อยากเป็นดีเจ วีเจค่ะ ซึ่งก็ได้ทำแล้วในคลับ เอฟเอ็ม เพราะเป็นงานที่สนุก ได้พูด ได้ตอบ ได้คุยเล่น มันเป็นตัวตนของเราจริง ๆ เหมือนพอเวลาเราฟังคนอื่นพูด หรือจัดรายการแล้วมันหงุดหงิด เช่น ทำไมไม่พูดแบบนั้น ทำไมไม่พูดแบบนี้"
มด (เสริม) : "ก็เขามีสไตล์ของเขา (ลากเสียงยาว)"
โฟร์ : "พอมันหงุดหงิด มันก็เลยไม่อยากฟัง พอได้มาจัดเอง เราได้จัดในสิ่งที่อยากจัด ถ้าได้ต่อยอดไปเรื่อยๆ ก็คงสนุกดีค่ะ ส่วนสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ แล้วอยากทำที่สุด คือ การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เช่น ธุรกิจสวย ๆ งาม ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นภาพในหัวเลยค่ะ (หัวเราะ)"
M-Lite : เห็นทั้งคู่มีงานละครทางช่อง 8 ด้วย อยากรู้ว่านักร้อง กับนักแสดง ชอบอะไรมากกว่ากัน
มด : "ชอบทั้งสองอย่างเลยค่ะ สนุกกันคนละแบบ"
โฟร์ : "จริง ๆ เล่นละครเป็นงานที่สนุกค่ะ เพราะโฟร์ชอบการแสดงอยู่แล้ว จริง ๆ ที่มาอยู่บริษัทได้ ใจคืออยากเป็นนักแสดง แต่แค่ยังไม่มีบทให้ลง ก็เลยถูกส่งไปเรียนร้องเพลงเล่น ๆ ก่อน เรียนไปเรียนมาก็ได้เป็นนักร้อง แต่นักร้องเป็นงานที่สนุกเช่นกัน พอมีโอกาสได้เล่นละครก็ลองเล่นดู ปรากฏว่า สนุกค่ะ ชอบที่แบบชีวิตจริงทำไม่ได้แล้วมาทำในละคร ซึ่งมีบทให้เล่นหลากหลาย"
M-Lite : อยากให้ทั้งสองคนทิ้งท้ายอะไรสักหน่อย
โฟร์ : "ไม่มีคติอะไรนะคะ แต่ทุกครั้งที่โฟร์เจอปัญหา โฟร์ได้ครอบครัวช่วยเสมอ เพราะบางทีเราเด็ก เราตัดสินใจเองอะไรไม่ค่อยได้ หรือทำไปแล้วมันผิด ที่บ้านไม่เคยว่า และไม่เคยซ้ำเติมเลยแม้แต่ครั้งเดียว บอกแค่ว่า ไม่เป็นไร วันหลังก็รู้ไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน"
มด : "พอเราเริ่มโตมากขึ้น เริ่มเข้าใจในสิ่งที่แม่คิดมากขึ้นว่าที่ผ่านมา แม่เขาเป็นห่วงเรา เพียงแต่ตอนนั้นยังเด็ก แล้วก็ดื้อ ดังนั้น เมื่อก่อนเหมือนแม่สอน เรามักมีกำแพงกั้นอยู่ตลอด แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าที่แม่พูด แม่สอน แม่พูดเพื่อให้เราพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตอนนี้ก็ฟัง ไม่รู้จะไปเถียงทำไม เถียงไปก็ไม่เคยชนะ (หัวเราะ) ฟังเขาให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ และคงถึงเวลาของเราแล้วล่ะค่ะ ที่จะต้องทำอะไรเพื่อท่านบ้าง เพราะท่านเลี้ยงดู และเหนื่อยกับเรามามากแล้ว"
หลังจบการสนทนา ภาพเด็กมีปัญหาที่ฝังอยู่ในหัว เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดตามมาคือ มุมมอง และวิธีคิดของ “โฟร์-มด” ที่โตขึ้นมาก แม้ใครหลายคนจะมองว่าคู่นี้แรง แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับเธอ ทุกคำพูดถูกปล่อยผ่านถ้อยคำที่ชัดเจน และตรงไปตรงมา เพราะถ้าให้มาเสแสร้ง แกล้งจริงใจ พวกเธอบอกว่า นั่นไม่ใช่จริตที่แท้จริง แต่นั่นคือ การโกหก และไม่จริงใจต่อกัน
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : โฟร์ (ศกลรัตน์ วรอุไร)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 25 ตุลาคม 2529
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง
กิจกรรมยามว่าง : เล่นเน็ต/เล่นเกม/ดูหนัง/ชอปปิ้ง
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
------------------------------------------------------------------
ชื่อ-นามสกุล : มด (ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 12 เมษายน 2534
ความสามารถพิเศษ : เล่นเปียโน/รำไทย/เต้น jazz
กิจกรรมยามว่าง : เล่นเน็ต/ฟังเพลง/ดูหนัง/อ่านหนังสือ
การศึกษา : กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ด
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
ภาพโดย พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และขอบคุณภาพประกอบจากเพจของโฟร์-มด