ในยุคของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย การหางานสมัครงานทางอินเทอร์เน็ตแทบจะเป็นเรื่องปกติ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากการติดต่อมาของข้อเสนอในการให้งานทำนั้น กลายเป็นหลุมพรางที่ทำให้เสียเงินแทนที่จะได้เงิน
กับข้อเสนอทำงานสบาย ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร อิสระทางการเงิน อิสระทางเวลา ลงทุนในระยะสั้น ได้ผลตอบแทนที่ยาวนาน เหล่านี้คือคำพูดชวนฝันที่ดึงดูดนักเรียนหน้าใหม่ในชั้นเรียนของโลกแห่งความเป็นจริงเข้ามาสู่กลลวงที่ถูกวางไว้
สมัครงานผ่านเน็ต โอกาสทองของมิจฉาชีพ
พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของคนยุคปัจจุบันนั้น การหางานทำถือเป็นเรื่องปกติ เว็บไซต์หางานกลายเป็นแหล่งยื่นสมัครงานเพื่อหาโอกาสของหลายคน อาจบอกได้ว่า การโทรศัพท์ไปที่สำนักงานเพื่อเดินเข้ามายื่นใบสมัครงานด้วยตัวเองกลายเป็นตัวเลือกรองมาจากการยื่นใบสมัครงานผ่านอินเทอร์เน็ตที่มีความสะดวกสบายและรวดเร็วกว่า
เว็บหางานหลายที่จึงมีการเปิดให้ผู้เข้ามาใช้บริการกรอกประวัติทำเป็นใบสมัครงานออนไลน์ไว้
ประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เผยว่า พฤติกรรมการสมัครงานออนไลน์ของคนในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีบริการทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน ซึ่งต้องมีการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
“มันมีระเบียบหลายๆ อย่างที่ทำให้เว็บหางานหลายเว็บตอนนี้มีมาตรฐานที่ปลอดภัยมากขึ้น ทั้งการคิดค่าบริการในการหางาน การปกปิดความลับของผู้ใช้บริการ ทั้งหมดต้องลงทะเบียนกับทางกรมจัดหางานซึ่งมาถึงตอนนี้ การหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมาย หรือการค้ามนุษย์เราก็ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างไปมากแล้ว”
ความเสี่ยงในโลกออนไลน์ยังคงมีอยู่แล้วจะน้อยลง ประวิทย์มองว่าเด็กยุคใหม่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการสมัครงานส่วนมากก็รู้แล้วว่า งานแบบไหนคือธุรกิจหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นการขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่ แม้แต่รูปแบบเวิร์ก แอนท์ แทรเวลที่เคยมีกระแสข่าวมาพักหนึ่ง
“การสมัครงานควรสมัครในเว็บที่มีการจดทะเบียนถูกต้องกับกรมจัดหางานก็จะปลอดภัยที่สุด”
เว็ปหางานยอดนิยมอย่าง jobdb.com , jobtopgun.com หรือ jobkk.com แม้จะมีระบบที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจไม่ชอบมาพากลสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการเหล่านี้ได้ ตรงนี้เองที่ความปลอดภัยซึ่งดูจะมีมากขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต บางครั้งก็กลายเป็นดาบ 2 คมที่ทำให้ผู้ใช้บริการสมัครงานออนไลน์ทั้งหลายไม่ทันได้ระวังตัวและยังคงเป็นปัญหาหนักของสังคม
ทั้งนี้ ตำแหน่งงานที่ธุรกิจเหล่านี้มักจะใช้ในการสร้างจูงใจมักจะเป็นงานอย่าง นักการตลาดและนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทุกสายงานสามารถทำได้ โดยการันตีว่าจะมีรายได้ที่สูง หรือแม้แต่งานพาร์ตไทม์เพื่อหารายได้เสริมในยุคปัจจุบันก็เป็นอีกแรงจูงใจให้คนที่อยากหารายได้ในช่วงเวลาว่างของชีวิต
หลากกลลวง หลอกขายฝัน
โอกาสในการเข้าทำงานเป็นสิ่งที่นักศึกษาจบใหม่หลายคนต้องการมากที่สุด เช่นเดียวกับ นัด (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) นักศึกษาจบใหม่ที่เริ่มต้นการหางานจากการสมัครงานออนไลน์ ไม่นานหลังจากที่กรอกข้อมูลไปตามเว็บสมัครงานต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะได้เริ่มต้นชีวิตการทำงาน หลังจากร่ำเรียนมานานหลายปี ก็มีโทรศัพท์จากบริษัทแห่งหนึ่งติดต่อให้เธอมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นธุรกิจเครือข่าย - ขายตรง
“ตอนแรกได้รับการติดต่อให้มาทำงานในตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งเราได้กรอกประวัติพร้อมกับอีเมล เบอร์ติดต่อของเราไว้ที่เว็บสมัครงานหลายแห่งเพื่อหางานทำหลังจากเรียนจบ ทีมงานของเขาก็ได้เบอร์ติดต่อมาจากตรงนั้น”
โดยการชักชวนให้มาทำงานนั้นมีการโทรศัพท์เข้ามาถามทำนองว่า “มีงานทำหรือยัง? ต้องการรายได้พิเศษมั้ย? ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นหรือเปล่า?”
เมื่อตอบตกลง ระหว่างการเดินทางมาสัมภาษณ์งานเธอก็ได้รับการติดต่อจากพนักงานของบริษัทแห่งนั้นบ่อยจนผิดสังเกต
“เหมือนเขาโทร.มาหาบ่อยมาก ถามว่าถึงไหนแล้ว มาถูกมั้ย? มันผิดปกติ คือมาสัมภาษณ์งานปกติก็แค่นัดสถานที่ แล้วเราก็ไปสัมภาษณ์งานตามเวลานัด แต่ที่นี่โทร.ตามตลอด มีการเทกแคร์ดูแลเป็นพิเศษ”
เมื่อมาถึงอาคารสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ในย่านรัชดา เธอเห็นสภาพตึกชั้นล่างที่ดูรกร้างก็ชวนให้รู้สึกสงสัยในความไม่ชอบมาพากล แต่หลังจากที่นัดเข้าไปในลิฟต์และออกมาในชั้น 8 ซึ่งเป็นสำนักงาน การดูแลของพนักงานในออฟฟิศตั้งแต่ประตูลิฟต์เลื่อนเปิดก็ทำให้นัดรู้สึกวางใจขึ้นมา
“พอขึ้นลิฟต์เข้าถึงสำนักงานก็ได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษ ดูแลดีมาก พอให้มานั่งรอก็มีเกมให้ทดสอบไอคิว มีขนมให้ทานก่อนจะเข้าห้องประชุม”
หลังจากนั้นเธอก็พบตัวเองอยู่ในห้องประชุมพร้อมกับคนที่ถูกชักชวนมาแบบเดียวกับเธอ ซึ่งโดยมากมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป “ยังเป็นนักเรียน นักศึกษาอยู่ก็มี ทุกคนก็ได้รับการดูแลที่ดีมากๆ ด้วย มีอยู่ประมาณ 20 คน เมื่อเข้าไปในห้องประชุมก็จะมีนักพูดออกมาพูดถึงธุรกิจที่จะมาร่วมทำด้วยกัน ซึ่งนักพูดก็มีบุคลิกที่น่าเชื่อถือ ใส่สูท พูดจาฉะฉาน พร้อมหว่านล้อมหลายอย่างให้เราเปิดใจให้กับธุรกิจของเขา มีจิตวิทยาในการโน้มน้าวใจที่เก่งมากๆ”
กลเม็ดในการพูดจาหว่านล้อมจูงใจของนักพูดในธุรกิจขายตรง หรืออาจเรียกว่าแชร์ลูกโซ่นั้นมีหลากหลายรูปแบบ โดยมักเริ่มจากการเล่าประวัติของตัวเอง อาจเป็นประวัติที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นนักศึกษาที่ไม่ตั้งใจเรียนซึ่งจะเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายคนที่มาฟังในห้อง จากนั้นก็พูดถึงความสำเร็จหลังจากที่ตัวเองได้มาร่วมทำธุรกิจนี้ มีภาพตัวเองก่อน - หลังทำธุรกิจเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างที่เห็นชัดคือ ฐานะที่ร่ำรวยขึ้น และรูปร่างหน้าตาที่ดูดีโดยบอกว่า มาจากรายได้และการใช้ผลิตภัณฑ์
“จะมีรูปตัวเองก่อนและหลังประกอบธุรกิจ ก็จะมีรถ มีบ้าน มีได้ไปเที่ยวต่างประเทศ จากนั้นเขาก็จะเริ่มอธิบายแผนธุรกิจ พูดถึงตัวเลข และข้อมูลผลิตภัณฑ์ เริ่มบอกว่าตัวเองเป็นขายตรง ซึ่งพอคนรู้สึกไม่ดีกับคำว่าขายตรง นักพูดก็จะเริ่มยกตัวอย่าง เทียบการขายตรงของตัวเองกับอาชีพอื่นๆ เช่น ครูก็ขายความรู้ เหมือนทุกอาชีพก็เป็นการขายเหมือนกันหมด การขายตรงนั้นเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนก็ทำกัน เขาพูดให้เรารู้สึกคล้อยตามแบบนั้น”
ผลิตภัณฑ์ที่ถูกพูดถึงเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่มีราคาสูง และมักมีคุณสมบัติเกินจริง ทว่าสิ่งจูงใจสำคัญได้แก่ การได้เงินมาง่ายๆ การได้ไปเที่ยวต่างประเทศ และการเป็นเด็กที่หาเงินใช้ได้เองไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ลงทุนเพียงน้อยนิดแต่ได้รับผลตอบแทนสูง โดยมีการพูดถึงความเป็นไปได้อย่างน่าเชื่อถือ ผ่านแผนการทำธุรกิจที่มีความซับซ้อน เวลา 1 - 2 ชั่วโมงคือเวลาที่ใช้ในการจูงใจ ซึ่งหากมีเงินไม่พอก็มีการแนะนำให้ไปยืมเงินคนรู้จัก หรือกู้มาเพื่อลงทุน
และแรกเริ่มของการสมัครสมาชิกเธอเผยว่า บริษัทจะใช้คำว่า ร่วมซื้อหุ้นของบริษัทพร้อมทั้งได้ผลิตภัณฑ์ไปด้วย
“ทันทีที่ออกจากห้องประชุม พนักงานก็จะเข้ามาถามเราเลยว่าจะร่วมเป็นสมาชิกหรือไม่? คือบีบให้เราตัดสินใจเดี๋ยวนั้น แล้วยังมีจิตวิทยาบอกว่า คนที่อยู่ในออฟฟิศนั้นตัดสินใจร่วมลงทุนแล้วก็ได้เงินมาแล้วจริง ยังมีการบอกอีกว่าเป็นช่วงโปรโมชันให้เรารีบตัดสินใจด้วย จะได้ 20 หุ้นจากปกติได้หุ้นเดียวในราคา 6,000 บาท นอกจากนี้หากยังไม่แน่ใจก็ต้องเสียเงินขั้นต่ำเป็นค่าจองสิทธิ์ 1,000 บาทก่อน”
หลังจากนั้นพนักงานจะเดินลงมาส่งเธอถึงชั้นล่างของอาคารพร้อมขอเบอร์ติดต่อ และไลน์(line) ไว้พูดคุยเพื่อตีสนิท
“จากนั้นพนักงานก็จะทักมาเรื่อยๆ ว่า เดี๋ยวเอาเงินมาจ่ายใช่มั้ย? แล้วเจอกัน” เธอเผยต่อว่า พอจ่ายเงินครบเป็นค่าตำแหน่งซึ่งจะมีลำดับตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่ได้ตำแหน่งก็จะต้องมาทำงานเป็นคนที่ชักชวนคนเข้ามาอีกทอดหนึ่งต่อๆ กันไป โดยจะได้ค่าหัวของการชวนคนมาร่วมฟังหัวละ 200 บาท และค่าหัวคนที่สมัครร่วมงาน 3,000 บาท
นั่นคือกรณีแรกที่เธอเจอซึ่งต่อมาเธอก็เจอกับกรณีคล้ายกันนี้อีกกับบริษัทที่อ้างว่าเป็นงานพาร์ตไทม์รายได้ดี ทำงานผ่านอินเทอร์เน็ต และครั้งนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคนในวงการบันเทิงเป็นเจ้าของธุรกิจ พร้อมทั้งสำนักงานที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิทก็ทำให้เธอรู้สึกว่า ที่นี่ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
“กรณีต่อมาที่เจอเหมือนเป็นแชร์ลูกโซ่ที่ตีตลาดระดับบน เพราะค่าสมาชิกแพงมากๆ ค่าแรกเข้าสูงถึง 42,000 บาท แต่การตกแต่งต่างๆ ดูมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า”
โดยค่าสมัครสูงนั้นจะได้รับบัตรกำนัลยาสมุนไพรซึ่งมีมูลค่า 60,000 บาท ถ้าขายหมดก็จะได้กำไร แต่เธอให้ความเห็นว่า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากของมีราคาแพงเกินไป นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ในการดึงคนเข้ามาสมัครที่ไม่ได้บังคับให้ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น หากแต่ปล่อยให้กลับไปคิดก่อนแล้วค่อยมาสมัครภายหลังได้
“บริษัทนี้แพง ดูน่าเชื่อถือ และเลือกใช้วิธีไม่บังคับให้เราสมัครแต่จะโทร.มาถามทุกวันแทน”
หากสมัครไปแล้วเธอเผยว่า จะได้ตำแหน่งทำงานในนั้นหาคนเข้ามาเหมือนที่บริษัทแห่งแรก โดยจะได้ค่าหัวสูงถึง 5,000 บาทต่อคน
“แต่เราทำไม่ได้ เรารู้สึกว่ามันบาปที่จะหลอกให้คนอื่นมาสมัครต่อจากเรา”
แชร์ลูกโซ่ - ขายตรง - ธุรกิจเครือข่ายในปัจจุบันมีเส้นแบ่งในทางกฎหมายที่แยกจากกันได้ยาก จึงเป็นสาเหตุให้ธุรกิจเหล่านี้ยังคงอยู่ในสังคมไทยโดยที่ยังคงหลีกเลี่ยงการลงโทษจากกฎหมาย ยิ่งเครือข่ายกว้างก็ยิ่งยืนระยะในการจ่ายผ
ลประโยชน์ได้นานขึ้น บางครั้งก็ยาวนานเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดจนทำให้หลายคนลองเสี่ยงกับการลงทุน
และในโลกยุคใหม่ที่มีข้อมูลมากล้น ใครพูดจริง? ใครพูดเท็จ? ใครเสียประโยชน์? หลายครั้งการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจส่วนตัว แต่การรู้เท่าทันกลลวงในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ข้อเสนอในเชิงธุรกิจซึ่งมีความหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายถูกเคลือบมากับตำแหน่งงานที่ดูดี ไลฟ์สไตล์ในฝันของคนยุคใหม่
“งานที่มีอิสระด้านเวลา รายได้ และไลฟ์สไตล์ที่กำหนดเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบมีเจ้านายมาบังคับ ไม่ชอบโดนสั่ง หรืออยู่ในกฎเกณฑ์ ลองรับข้อมูลไม่เสียหาย” ข้อความทำนองนี้ยังคงมีอยู่ในอินเทอร์เน็ตเพื่อล่อหลอกยื่นข้อเสนอการทำงานเกินจริง...เกินความจริงโดยทั่วไปที่ว่า มนุษย์เราต้องทำงานหนักจึงจะประสบความสำเร็จ
5 ตำแหน่งงานที่ถูกหลอกมากที่สุด
1.งานพาร์ตไทม์ โดยมีนิยามว่า ทำงานน้อยรายได้เยอะ ทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงิน ตรงกับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ซึ่งสามารถตีกลุ่มเป้าหมายทั้งคนที่กำลังหางานทำ รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาที่ยังเรียนอยู่ได้อีกด้วย
2.นักการตลาด เป็นคำเรียกตำแหน่งที่ดูดีเพื่อใช้ในการดึงดูดให้คนเข้ามาหาที่สำนักงาน โดยรายละเอียดงานนั้นก็มีความเป็นนักการตลาดอยู่ ทำให้นักศึกษาที่เรียนมาทางด้านการบริหาร - การตลาดที่ถือว่ามีอยู่มาก หันมาสนใจกลุ่มธุรกิจนี้
3.นักประชาสัมพันธ์ เป็นอีกคำเรียกชื่อตำแหน่งที่ดูดี มีรายได้สูง นักศึกษาที่จบด้านนิเทศศาสตร์ซึ่งมีอยู่มาก โดยที่ตลาดงานในปัจจุบันไม่พอรองรับก็ทำให้มีส่วนหนึ่งเลือกเสี่ยงกับธุรกิจที่นำผลประโยชน์และความฝันมาวางไว้ตรงหน้า
4.งานโฆษณา เป็นที่รับรู้ในสังคมมาโดยตลอดว่างานโฆษณานั้นมีรายได้มหาศาล ยิ่งกับการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตในยุคนี้ ยิ่งทำให้ฟังดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่งของชีวิต
5.นักธุรกิจ การทำธุรกิจที่ต้องมีการลงทุนแบบนี้จะถูกบอกว่า กำไรทั้งหมด งานทั้งหมดเป็นของตัวผู้มาทำงานเอง เหมือนเป็นเจ้านายตัวเอง เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆของตัวเอง หรือไม่ก็เป็นผู้ร่วมหุ้นในบริษัท
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE