ว่ากันถึงดนตรีในสายร็อค นอกจากวงดนตรีอย่าง sepia, dezember, heavy mod, พราย ปฐมพร ฯ แล้ว หนึ่งในวงโปรดของผมที่ต้องวงเล็บไว้ด้วยว่าสุดๆ ก็คือวงดนตรีที่มีชื่อว่า "ดอนผีบิน"
จำได้ว่าตอนนั้นน่าจะราวๆ ม.4 เห็นจะได้ มีเพื่อนสนิทเอาเทปม้วนหนึ่งมาให้ฟัง และก็จำได้แม่นเลยครับว่าทันทีที่ฟังเทปที่เพื่อนให้มาได้แค่เพียง 2 เพลง ผมก็บึ่งไปที่ตลาดนัดเพื่อหาซื้องานชุดดังกล่าวที่มีชื่อว่า "โลกมืด" มาเก็บไว้ในครอบครองทันที
...เดินไปตามเส้นทาง มีแต่หลุมพราง ต่างคน ต่างกัน ใจมันคนละดวง แดงดำต่ำช้า ดี เลว .. ดี เลว เลว ดี ดี เลว เลว ดี มันปนเป ดี เลว มันปนเป มันปนเป ดี เลว มันปนเป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างกันไป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างจิตใจ ต่างกันไป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างจิตใจ...(ส่วนหนึ่งจากเนื้อเพลง ต่างคน)
...ครั้งหนึ่งกับชีวิตที่ดี เราเคยมีความฝันร่วมทาง เพื่อนเอย เราสองต้องมาจากกัน ความสัมพันธ์ไม่มีวันสลาย ปิดฉากชีวิตลงตรงที่หมาย ของผู้กระหายสงคราม ตาหลับลงตรงหลุมฝังกาย ผืนดินกลบหน้า ร่างแตกสลาย กลับกลายคืนสู่ดินแดนเดิม...(เสี้ยวหนึ่งจากเนื้อเพลง ทำไม)
ทั้งชื่อวง, โลโก้ตัวอักษรที่เขียนเป็นรูปค้างคาว, ภาพปกที่ดูอึมครึมจนแทบสัมผัสถึงตัวตนปีศาจที่อยู่ข้างใน รวมทั้งเนื้อหาเพลงที่แปลกไม่เหมือนใครทั้งหมดว่าเจ๋งแล้ว แต่เมื่อได้มารับรู้ความเป็นมาของวงดนตรีวงนี้ต้องบอกว่ายิ่งน่าทึ่งมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
เอากันตั้งแต่สมาชิกของวงซึ่งเป็นสามพี่น้องผู้มีหัวใจดวงเดียวกัน คือรักและชื่นชอบในดนตรีเมทัลอันประกอบไปด้วยพี่ชายคนโต "สมบัติ แก้วทิตย์" กีต้าร์, น้องชายคนรอง "สมศักดิ์ แก้วทิตย์" รับหน้าที่มือกลอง และน้องคนเล็กสุด "สมคิด แก้วทิตย์" ในตำแหน่งร้องนำ
ชื่อวง "ดอนผีบิน" ที่ได้มาจากตำนานของบริเวณที่เป็นหมู่บ้านดอนตัน เขตอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านในปัจจุบันซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขาที่ว่ากันว่าในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่าง ชนชาติมอญ พม่า เงี้ยว และ ไทยใหญ่ทำให้มีคนล้มตายมากมาย โดยที่วิญญาณของคนตายบางส่วนก็ยังคงล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว บางครั้งบางคราวก็ออกมาสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็น หลายคนเลยเรียกขานพื้นที่แถบนั้นว่า "ดินแดนผีล่องลอย"
สำหรับงานเพลงชุดแรกของ ดอนผีบิน ชุดนี้ กว่าจะสำเร็จออกมาได้ก็ต้องบอกว่ายากเย็นเอามากๆ นับตั้งแต่ขึ้นตอนการทำเดโมที่ใช้เวลานานถึง 5 ปี อันมาจากเงื่อนไขของประสบการณ์การทำงาน และเวลาของพวกเขา
จากนั้นก็ใช้เวลานานกว่าอีก 1 ปีในการหาค่าย ซึ่งผลก็ปรากฏว่า...
"รู้สึกเขาไม่รับเราเลย (หัวเราะ)..."
"เขาให้เหตุผลหลายอย่าง แต่ละค่ายก็แตกต่างกันไป บางค่ายก็ต้องการพรีเซ็นท์หน้าตา คือเขาต้องการทำตามรูปแบบที่เขาอยากทำ แต่งานของเรามันเสร็จเป็นรูปร่างหมดแล้ว ก็เลยไม่ลงตัวกัน ตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปีที่คุยกัน" สมบัติ พี่ชายคนโตที่รับทำหน้าที่ในการหาต้นสังกัดเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร "สีสัน"
เมื่อไร้ต้นสังกัดทั้งสามจึงตัดสินใจที่จะบันทึกเสียง ทำปก ออกเทป และวางขายงานด้วยตัวเองจากเงินเก็บที่มีอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็กินเวลานานไปอีกกว่า 2 ปี เบ็ดเสร็จนับตั้งแต่มีความคิดที่จะทำเพลงจนออกมาเป็นเทปอัลบั้มที่ชื่อ "โลกมืด" พวกเขาใช้เวลาไปนานร่วม 10 ปีเลยทีเดียว!
แต่ถึงแม้จะใช้ระยะเวลานาน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือเมื่อ 20 ปีที่แล้วจะยังไม่ทันสมัยมากจนทำให้การบันทึกเสียงของเทปชุดโลกมืดออกมาไม่สมบูรณ์มากนัก ตลอดจนการวางขายก็ไม่เป็นไปในวงกว้าง ที่สำคัญก็คือแนวทางของดนตรีที่ค่อนข้างจะหนักหน่วง เนื้อเพลงที่ไร้ซึ่งเรื่องราวอกหักรักคุด แถมนักดนตรีก็ยังควานหาความหล่อได้ยาก ว่ากันง่ายๆ ก็คือทุกอย่างที่ดอนผีบินเป็นและดอนผีบินทำนั้นล้วนสวนทางกับวิถีการทำเพลงของศิลปินส่วนใหญ่ของบ้านเราอย่างสิ้นเชิง แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อบรรดาคอเพลงใต้ดินแห่ให้การตอนรับอัลบั้มชุดโลกมืดของพวกเขาในระดับที่ดีอย่างมากๆ
ส่งผลให้มีการบันทึกเสียงงานเพลงชุดนี้ออกมาอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนปกใหม่ ที่สำคัญก็คือมีการทำออกมาในรูปแบบของแผ่น "ซีดี" อีกต่างหาก
ราวๆ 2 ปีถัดมาเห็นจะได้ ดอนผีบิน ก็ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ตามออกมา ในชื่อชุด "เส้นทางสายมรณะ" คราวนี้การบันทึกเสียงเนี้ยบมากครับ ขณะที่ดนตรีก็ดูจะหนักหน่วงขึ้น แต่อะไรก็ไม่สู้เท่ากับเนื้อเพลงที่ฟังแล้วนี่มัน "มิวสิคสัจธรรม" ชัดๆ
ไม่เชื่อลองอ่านเนื้อเพลงที่มีชื่อว่า "สุดแท้ทางเดิน" ดู
...สรรพสิ่งเคลื่อนไหว เคลื่อนไปไม่เคยรอรี วัฎจักรโคจร ขึ้นลงเปลี่ยนผัน ข้ามวันมีอันเปลี่ยนแปลง
ก่อกำเนิดเกิดมา ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเหิน ลัดฟ้าลัดรุ้งมุ่งสู่ที่หมาย
ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ใครจะมีกลลวง ใครจะมีลีลา ดีเลวทรามต่ำช้า
การกระทำนำพาสู่สวรรค์ ชั้นฟ้าหรือลงโลกา เลือกเอง เลือกเอง
ใครจะทำความ ใครจะทำความเลว ใครจะมีกลลวง ใครจะมีลีลา ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
โอ สิ่งใดใครทำชั่ว...ช้า เลวทราม ตามสันดานมี
โอ สิ่งใดใครทำ ดีเลว ระยำ รับกรรมไปเถิด
เดิน(เดิน เดิน เดิน) ไป(ไป ไป ไป) เดิน(เดิน เดิน เดิน) ไป(ไป ไป ไป) ตามทาง
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
ใครจะทำความดีใครจะมีความเลว ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
มันคือสิ่งที่จริงแท้แน่นอนใจ เป็นไปตามทาง เดินตามทางไป
ไม่มีชะตากรรม ไม่มีชะตากรรม มีเพียงการกระทำ ชะตากรรมไม่มี
ไม่มีชะตากรรม ไม่มีชะตากรรม ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน...
ตามกันมาิติดๆ ด้วยเพลง "เมืองมรณา"
...ฟังเสียงโห่ร้องประกาศก้องไปทั่วแดนฟ้าผู้คนต่างบอกโลกาว่าอันตัวข้าปัญญามี
ภูมิใจในการกระทำผลงานเรียงรายเลิศล้ำนี้คือสิ่งบงบอกตอกย้ำมันสมอง ผู้นำหัวปัญญาชน
สร้างเมืองมายา อุตสา-หัสกรรม รุ่งเรืองเลิศล้ำมี ปัญญาดี เราจะมีเมืองใหม่ แสงสีวิไลศ์ ซื้อน้ำซื้อไฟ โครงการต่อไป ซื้อลมหายใจ
ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย
ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี ภูมิใจในปัญญาดี ภูมิใจในปัญญาดี
ภูมิใจในการกระทำ ภูมิใจอุตสาหกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม
ผลงานเลิศล้ำ สิ่งใดใครทำ รับผลตอบแทน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว
ทำทำทำทำ ลุกล้ำเมืองเทวดา ทำลายผืนดินผืนป่าขับไล่เมฆา ผืนฟ้าสายลม
ไปไปไปไป เราจะมีเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ซื้อน้ำซื้อไฟ โครงการต่อไปซื้อลมหายใจ
ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย
โครงการเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี
โครงการเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี ผลงานเลิศล้ำ สิ่งใดใครทำ รับผลตอบแทน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา
ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย...
จากชุด เส้นทางสายมรณะ ดอนผีบินมีอัลบั้มอย่างเป็นทางการตามออกมาอีก 4 ชุดด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่ “อุบาทว์ - อุบัติ”, “สองฟากฝั่ง” ชุดนี้อยู่กับค่ายวอร์เนอร์ มิวสิค ตามด้วยชุดที่ 5 “สัญญาณเยือน” และชุดที่ 6 "ปรากฏการณ์ ปรากฏกาย” ซึ่งชุดนี้ผมค่อนข้างจะแปลกใจทีเดียวเพราะพวกเขานั้นไปอยู่กับค่ายเพลงใหญ่อย่าง "แกรมมี่" ในสังกัด Giraffe Records นั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะอยู่กับค่ายไหน พวกเขาก็ยังคงแนวทางการทำเพลงตามแบบฉบับของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของดอนผีบินที่ผมขอยกให้เป็น "สปีด เดธ เมทัลตัวพ่อ" ของไทยเรา
ว่ากันถึงทั้ง 6 อัลบั้มของ ดอนผีบิน โดยส่วนตัวผมค่อนข้างจะชื่นชอบชุดที่ 1 และ 2 รองลงมาก็คือ ชุดที่ 3 มากกว่าชุดอื่นๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเพลงส่วนใหญ่ฟังรู้เรื่องนั่นแหละ
ชุดหลังๆ ไม่ได้ว่าไม่ดีนะครับ ยังคงดี เจ๋ง หนักแน่น เพียงแต่ผมรู้สึกว่าการร้องแบบเสียงแหบพร่าซึ่งว่ากันว่ามันเป็นวิถีของพวกเมทัลไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนนั้นถ้าไม่กางเนื้อร้องดูบางครั้งมันก็ฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลยว่าร้องว่าอะไร จนมันอดไม่ได้ที่จะให้รู้สึกเสียดายความงดงามทางภาษาของเนื้อเพลงเป็นที่สุด (รู้สึกแบบนี้ฮาร์ดคอร์เมทัลคงจะไม่ว่าอะไรกันนะครับ)
บางคนอาจจะมองว่าดนตรีเนื้อหาของเพลงก็คือสิ่งประดิษฐ์ถ้อยคำอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากจินตนาการ นักร้องนักดนตรีบางคนทำเป็นเขียนถึงร้องถึงความรักแท้ พูดถึงปัญหาความเหลวแหลกของสังคม พูดถึงการปลูกป่า การอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่พอลงจากเวทีก็นั่งซดเหล้าซัดเบียร์ ฟาดผู้หญิง แต่งตัวใช้ของแบนด์เนมราคาแพงเวอร์ หรือไอ้ที่ทำเป็นเรียกว่าเพื่อชีวิตทั้งหมดนั้นก็เพื่อชีวิตของนักดนตรีเองทั้งนั้นแหละว้า...ผมเองก็เคยรู้สึกเช่นเดียวกันครับ
แต่สำหรับ ดอนผีบิน วงนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป
หลังเข้ามาเป็นนักข่าวบันเทิงที่นี่เมื่อราว 11 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์พี่สมบัติพี่ชายคนโตระหวางที่พี่เขาเอาภาพวาดมาโชว์ที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นจะว่าไปก็ไม่มีประเด็นอะไรเลย เพียงแต่อยากจะไปเจอตัวจริงๆ ของคนที่ชื่นชอบก็เท่านั้นเอง (ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในช่วงนั้นไม่ได้ง่ายเพียงแค่นิ้วจิ้มเหมือนสมัยนี้)
เห็นตัวจริงของพี่แก ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับว่าชายหนุ่มผมเผ้ากระเซิง หน้าตาภูๆ แต่งตัวมอซอที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือนักกีต้าร์ที่โซโล่ได้รวดเร็วปานายฟ้าฟาด แถมยังมีอาชีพจริงๆ ก็คือเป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กนักเรียนประถมอีกต่างหาก
คุยเรื่องอะไรบ้างก็จำไม่ค่อยได้แล้วครับ ที่จำได้ขึ้นใจก็คือพี่เขาเล่าว่าเวลาแต่งเพลงคิดดนตรีแต่ละครั้ง จะต้องขึ้นอยู่บนภูเขา อยู่กับลำเนาไพร เพื่อหาแรงบันดาลใจ บางครั้งก็แต่งเพลงกลางน้ำตก ฟังเสียงน้ำไหล นั่งดูฟ้าร้องฟ้าผ่า สัมผัสลมพัดใบไม้ยอดหญ้า ฯลฯ ประมาณว่าเป็น Sound from Natural อย่างไรอย่างนั้น
ฟังดูเวอร์ แต่ผมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ เพราะเพลง ดอนผีบิน เกือบจะทุกเพลงล้วนว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเรื่องธรรมชาติทั้งสิ้น
โดยเฉพาะในส่วนของซีรีส์เพลงบรรเลง อย่าง Return To The Nature ผมว่ามันเพราะพริ้งพลิ้วไหวได้อารมณ์สัมผัสถึงกลิ่นอายในความเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ที่สำคัญตัวตนการใช้ชีวิตของพี่สมบัติแกต้องบอกว่าอยู่กับธรรมชาติจริงๆ ครับ ทั้งบทบาทในการเป็นนักอนุรักษ์ป่าจากการเป็นคนก่อตั้งศูนย์ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อมโลก ภูสันตะวันลับฟ้า ที่บ้านเกิดกระทั่งได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวในฐานะครูผู้ทำงานอนุรักษ์มาอย่างต่อเนื่อง แถมยังเคยออกรายการทีวีในฐานะคนต้นแบบที่ใช้ชีวิตพอเพียงแอบอิงไปกับวิถีของธรรมชาติ อย่าง รายการ ฅนหวงแผ่นดิน ทางช่อง 11, ปราชญ์เดินดิน ทางช่อง 9 มาแล้วอีกต่างหาก
เอาง่ายๆ ก็คือพี่แกเป็นหนึ่งในนักอนุรักษ์ "ตัวจริง" ที่คนในแวดวงนี้รู้จักกันดีเป็นอันต้นๆ ของประเทศนั่นแหละครับ
เดี๋ยวจะหาว่าอวยกันจนเกินไป ถ้าใครอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวตนของพี่สมบัติกับวิถีของวง ดอนผีบิน ทั้งที่เกี่ยวกับงานดนตรีและงานอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมทั้งความเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขาก็ลองเข้าไปดูกันได้ที่ www.donpheebin.com ได้เลย
คิดถึงวังโปรดวงนี้ขึ้นมาก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่มันอดใจไม่ได้หลังได้รับทราบข่าวมาว่า หลังจากทิ้งช่วงนานกว่า 13 ปี ตอนนี้ "ดอนผีบิน" กำลังจะมีอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 ออกมาแล้ว
รายละเอียดคร่าวๆ ก็คือ อัลบั้มชุดนี้มีชื่อว่า "แดนดินทิพย์" จะออกมาให้ได้ยลกันในวันที่ 26 มีนาคม
อยากรู้รายละเอียดที่มากกว่านี้พร้อมร่วมนับถอยหลังไปกับ แดนดินทิพย์ ของ ดอนผีบิน กันได้ที่ http://www.donpheebinlink.com/ ครับ
สารคดีบรรเลงสด คนภูไพร 16 ม.ค.2555
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศhttp://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
จำได้ว่าตอนนั้นน่าจะราวๆ ม.4 เห็นจะได้ มีเพื่อนสนิทเอาเทปม้วนหนึ่งมาให้ฟัง และก็จำได้แม่นเลยครับว่าทันทีที่ฟังเทปที่เพื่อนให้มาได้แค่เพียง 2 เพลง ผมก็บึ่งไปที่ตลาดนัดเพื่อหาซื้องานชุดดังกล่าวที่มีชื่อว่า "โลกมืด" มาเก็บไว้ในครอบครองทันที
...เดินไปตามเส้นทาง มีแต่หลุมพราง ต่างคน ต่างกัน ใจมันคนละดวง แดงดำต่ำช้า ดี เลว .. ดี เลว เลว ดี ดี เลว เลว ดี มันปนเป ดี เลว มันปนเป มันปนเป ดี เลว มันปนเป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างกันไป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างจิตใจ ต่างกันไป ต่างคนก็ต่างกัน ต่างจิตใจ...(ส่วนหนึ่งจากเนื้อเพลง ต่างคน)
...ครั้งหนึ่งกับชีวิตที่ดี เราเคยมีความฝันร่วมทาง เพื่อนเอย เราสองต้องมาจากกัน ความสัมพันธ์ไม่มีวันสลาย ปิดฉากชีวิตลงตรงที่หมาย ของผู้กระหายสงคราม ตาหลับลงตรงหลุมฝังกาย ผืนดินกลบหน้า ร่างแตกสลาย กลับกลายคืนสู่ดินแดนเดิม...(เสี้ยวหนึ่งจากเนื้อเพลง ทำไม)
ทั้งชื่อวง, โลโก้ตัวอักษรที่เขียนเป็นรูปค้างคาว, ภาพปกที่ดูอึมครึมจนแทบสัมผัสถึงตัวตนปีศาจที่อยู่ข้างใน รวมทั้งเนื้อหาเพลงที่แปลกไม่เหมือนใครทั้งหมดว่าเจ๋งแล้ว แต่เมื่อได้มารับรู้ความเป็นมาของวงดนตรีวงนี้ต้องบอกว่ายิ่งน่าทึ่งมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
เอากันตั้งแต่สมาชิกของวงซึ่งเป็นสามพี่น้องผู้มีหัวใจดวงเดียวกัน คือรักและชื่นชอบในดนตรีเมทัลอันประกอบไปด้วยพี่ชายคนโต "สมบัติ แก้วทิตย์" กีต้าร์, น้องชายคนรอง "สมศักดิ์ แก้วทิตย์" รับหน้าที่มือกลอง และน้องคนเล็กสุด "สมคิด แก้วทิตย์" ในตำแหน่งร้องนำ
ชื่อวง "ดอนผีบิน" ที่ได้มาจากตำนานของบริเวณที่เป็นหมู่บ้านดอนตัน เขตอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านในปัจจุบันซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขาที่ว่ากันว่าในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่าง ชนชาติมอญ พม่า เงี้ยว และ ไทยใหญ่ทำให้มีคนล้มตายมากมาย โดยที่วิญญาณของคนตายบางส่วนก็ยังคงล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว บางครั้งบางคราวก็ออกมาสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่พบเห็น หลายคนเลยเรียกขานพื้นที่แถบนั้นว่า "ดินแดนผีล่องลอย"
สำหรับงานเพลงชุดแรกของ ดอนผีบิน ชุดนี้ กว่าจะสำเร็จออกมาได้ก็ต้องบอกว่ายากเย็นเอามากๆ นับตั้งแต่ขึ้นตอนการทำเดโมที่ใช้เวลานานถึง 5 ปี อันมาจากเงื่อนไขของประสบการณ์การทำงาน และเวลาของพวกเขา
จากนั้นก็ใช้เวลานานกว่าอีก 1 ปีในการหาค่าย ซึ่งผลก็ปรากฏว่า...
"รู้สึกเขาไม่รับเราเลย (หัวเราะ)..."
"เขาให้เหตุผลหลายอย่าง แต่ละค่ายก็แตกต่างกันไป บางค่ายก็ต้องการพรีเซ็นท์หน้าตา คือเขาต้องการทำตามรูปแบบที่เขาอยากทำ แต่งานของเรามันเสร็จเป็นรูปร่างหมดแล้ว ก็เลยไม่ลงตัวกัน ตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปีที่คุยกัน" สมบัติ พี่ชายคนโตที่รับทำหน้าที่ในการหาต้นสังกัดเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร "สีสัน"
เมื่อไร้ต้นสังกัดทั้งสามจึงตัดสินใจที่จะบันทึกเสียง ทำปก ออกเทป และวางขายงานด้วยตัวเองจากเงินเก็บที่มีอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็กินเวลานานไปอีกกว่า 2 ปี เบ็ดเสร็จนับตั้งแต่มีความคิดที่จะทำเพลงจนออกมาเป็นเทปอัลบั้มที่ชื่อ "โลกมืด" พวกเขาใช้เวลาไปนานร่วม 10 ปีเลยทีเดียว!
แต่ถึงแม้จะใช้ระยะเวลานาน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือเมื่อ 20 ปีที่แล้วจะยังไม่ทันสมัยมากจนทำให้การบันทึกเสียงของเทปชุดโลกมืดออกมาไม่สมบูรณ์มากนัก ตลอดจนการวางขายก็ไม่เป็นไปในวงกว้าง ที่สำคัญก็คือแนวทางของดนตรีที่ค่อนข้างจะหนักหน่วง เนื้อเพลงที่ไร้ซึ่งเรื่องราวอกหักรักคุด แถมนักดนตรีก็ยังควานหาความหล่อได้ยาก ว่ากันง่ายๆ ก็คือทุกอย่างที่ดอนผีบินเป็นและดอนผีบินทำนั้นล้วนสวนทางกับวิถีการทำเพลงของศิลปินส่วนใหญ่ของบ้านเราอย่างสิ้นเชิง แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อบรรดาคอเพลงใต้ดินแห่ให้การตอนรับอัลบั้มชุดโลกมืดของพวกเขาในระดับที่ดีอย่างมากๆ
ส่งผลให้มีการบันทึกเสียงงานเพลงชุดนี้ออกมาอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนปกใหม่ ที่สำคัญก็คือมีการทำออกมาในรูปแบบของแผ่น "ซีดี" อีกต่างหาก
ราวๆ 2 ปีถัดมาเห็นจะได้ ดอนผีบิน ก็ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ตามออกมา ในชื่อชุด "เส้นทางสายมรณะ" คราวนี้การบันทึกเสียงเนี้ยบมากครับ ขณะที่ดนตรีก็ดูจะหนักหน่วงขึ้น แต่อะไรก็ไม่สู้เท่ากับเนื้อเพลงที่ฟังแล้วนี่มัน "มิวสิคสัจธรรม" ชัดๆ
ไม่เชื่อลองอ่านเนื้อเพลงที่มีชื่อว่า "สุดแท้ทางเดิน" ดู
...สรรพสิ่งเคลื่อนไหว เคลื่อนไปไม่เคยรอรี วัฎจักรโคจร ขึ้นลงเปลี่ยนผัน ข้ามวันมีอันเปลี่ยนแปลง
ก่อกำเนิดเกิดมา ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเหิน ลัดฟ้าลัดรุ้งมุ่งสู่ที่หมาย
ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ใครจะมีกลลวง ใครจะมีลีลา ดีเลวทรามต่ำช้า
การกระทำนำพาสู่สวรรค์ ชั้นฟ้าหรือลงโลกา เลือกเอง เลือกเอง
ใครจะทำความ ใครจะทำความเลว ใครจะมีกลลวง ใครจะมีลีลา ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
โอ สิ่งใดใครทำชั่ว...ช้า เลวทราม ตามสันดานมี
โอ สิ่งใดใครทำ ดีเลว ระยำ รับกรรมไปเถิด
เดิน(เดิน เดิน เดิน) ไป(ไป ไป ไป) เดิน(เดิน เดิน เดิน) ไป(ไป ไป ไป) ตามทาง
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
ใครจะทำความดีใครจะมีความเลว ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน
มันคือสิ่งที่จริงแท้แน่นอนใจ เป็นไปตามทาง เดินตามทางไป
ไม่มีชะตากรรม ไม่มีชะตากรรม มีเพียงการกระทำ ชะตากรรมไม่มี
ไม่มีชะตากรรม ไม่มีชะตากรรม ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ต่างคน ต่างเดิน ต่างคน ต่างเหิน
สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน สุดแท้ทางเดิน...
ตามกันมาิติดๆ ด้วยเพลง "เมืองมรณา"
...ฟังเสียงโห่ร้องประกาศก้องไปทั่วแดนฟ้าผู้คนต่างบอกโลกาว่าอันตัวข้าปัญญามี
ภูมิใจในการกระทำผลงานเรียงรายเลิศล้ำนี้คือสิ่งบงบอกตอกย้ำมันสมอง ผู้นำหัวปัญญาชน
สร้างเมืองมายา อุตสา-หัสกรรม รุ่งเรืองเลิศล้ำมี ปัญญาดี เราจะมีเมืองใหม่ แสงสีวิไลศ์ ซื้อน้ำซื้อไฟ โครงการต่อไป ซื้อลมหายใจ
ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย
ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี ภูมิใจในปัญญาดี ภูมิใจในปัญญาดี
ภูมิใจในการกระทำ ภูมิใจอุตสาหกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม อุตสาหัสกรรม
ผลงานเลิศล้ำ สิ่งใดใครทำ รับผลตอบแทน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว
ทำทำทำทำ ลุกล้ำเมืองเทวดา ทำลายผืนดินผืนป่าขับไล่เมฆา ผืนฟ้าสายลม
ไปไปไปไป เราจะมีเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ซื้อน้ำซื้อไฟ โครงการต่อไปซื้อลมหายใจ
ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย ชัยโย
โครงการเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี
โครงการเมืองใหม่แสงสีวิไลศ์ ภูมิใจในปัญญามี ภูมิใจในปัญญาดี ผลงานเลิศล้ำ สิ่งใดใครทำ รับผลตอบแทน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา ไม่เร็วก็ช้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่เร็วก็ช้าเมืองมรณา
ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย ไม่เร็วก็ช้า เมืองมรณา ตาย ตาย ตาย ตาย...
จากชุด เส้นทางสายมรณะ ดอนผีบินมีอัลบั้มอย่างเป็นทางการตามออกมาอีก 4 ชุดด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่ “อุบาทว์ - อุบัติ”, “สองฟากฝั่ง” ชุดนี้อยู่กับค่ายวอร์เนอร์ มิวสิค ตามด้วยชุดที่ 5 “สัญญาณเยือน” และชุดที่ 6 "ปรากฏการณ์ ปรากฏกาย” ซึ่งชุดนี้ผมค่อนข้างจะแปลกใจทีเดียวเพราะพวกเขานั้นไปอยู่กับค่ายเพลงใหญ่อย่าง "แกรมมี่" ในสังกัด Giraffe Records นั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะอยู่กับค่ายไหน พวกเขาก็ยังคงแนวทางการทำเพลงตามแบบฉบับของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของดอนผีบินที่ผมขอยกให้เป็น "สปีด เดธ เมทัลตัวพ่อ" ของไทยเรา
ว่ากันถึงทั้ง 6 อัลบั้มของ ดอนผีบิน โดยส่วนตัวผมค่อนข้างจะชื่นชอบชุดที่ 1 และ 2 รองลงมาก็คือ ชุดที่ 3 มากกว่าชุดอื่นๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเพลงส่วนใหญ่ฟังรู้เรื่องนั่นแหละ
ชุดหลังๆ ไม่ได้ว่าไม่ดีนะครับ ยังคงดี เจ๋ง หนักแน่น เพียงแต่ผมรู้สึกว่าการร้องแบบเสียงแหบพร่าซึ่งว่ากันว่ามันเป็นวิถีของพวกเมทัลไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนนั้นถ้าไม่กางเนื้อร้องดูบางครั้งมันก็ฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลยว่าร้องว่าอะไร จนมันอดไม่ได้ที่จะให้รู้สึกเสียดายความงดงามทางภาษาของเนื้อเพลงเป็นที่สุด (รู้สึกแบบนี้ฮาร์ดคอร์เมทัลคงจะไม่ว่าอะไรกันนะครับ)
บางคนอาจจะมองว่าดนตรีเนื้อหาของเพลงก็คือสิ่งประดิษฐ์ถ้อยคำอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากจินตนาการ นักร้องนักดนตรีบางคนทำเป็นเขียนถึงร้องถึงความรักแท้ พูดถึงปัญหาความเหลวแหลกของสังคม พูดถึงการปลูกป่า การอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่พอลงจากเวทีก็นั่งซดเหล้าซัดเบียร์ ฟาดผู้หญิง แต่งตัวใช้ของแบนด์เนมราคาแพงเวอร์ หรือไอ้ที่ทำเป็นเรียกว่าเพื่อชีวิตทั้งหมดนั้นก็เพื่อชีวิตของนักดนตรีเองทั้งนั้นแหละว้า...ผมเองก็เคยรู้สึกเช่นเดียวกันครับ
แต่สำหรับ ดอนผีบิน วงนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป
หลังเข้ามาเป็นนักข่าวบันเทิงที่นี่เมื่อราว 11 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์พี่สมบัติพี่ชายคนโตระหวางที่พี่เขาเอาภาพวาดมาโชว์ที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นจะว่าไปก็ไม่มีประเด็นอะไรเลย เพียงแต่อยากจะไปเจอตัวจริงๆ ของคนที่ชื่นชอบก็เท่านั้นเอง (ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ในช่วงนั้นไม่ได้ง่ายเพียงแค่นิ้วจิ้มเหมือนสมัยนี้)
เห็นตัวจริงของพี่แก ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับว่าชายหนุ่มผมเผ้ากระเซิง หน้าตาภูๆ แต่งตัวมอซอที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือนักกีต้าร์ที่โซโล่ได้รวดเร็วปานายฟ้าฟาด แถมยังมีอาชีพจริงๆ ก็คือเป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กนักเรียนประถมอีกต่างหาก
คุยเรื่องอะไรบ้างก็จำไม่ค่อยได้แล้วครับ ที่จำได้ขึ้นใจก็คือพี่เขาเล่าว่าเวลาแต่งเพลงคิดดนตรีแต่ละครั้ง จะต้องขึ้นอยู่บนภูเขา อยู่กับลำเนาไพร เพื่อหาแรงบันดาลใจ บางครั้งก็แต่งเพลงกลางน้ำตก ฟังเสียงน้ำไหล นั่งดูฟ้าร้องฟ้าผ่า สัมผัสลมพัดใบไม้ยอดหญ้า ฯลฯ ประมาณว่าเป็น Sound from Natural อย่างไรอย่างนั้น
ฟังดูเวอร์ แต่ผมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ เพราะเพลง ดอนผีบิน เกือบจะทุกเพลงล้วนว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเรื่องธรรมชาติทั้งสิ้น
โดยเฉพาะในส่วนของซีรีส์เพลงบรรเลง อย่าง Return To The Nature ผมว่ามันเพราะพริ้งพลิ้วไหวได้อารมณ์สัมผัสถึงกลิ่นอายในความเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ที่สำคัญตัวตนการใช้ชีวิตของพี่สมบัติแกต้องบอกว่าอยู่กับธรรมชาติจริงๆ ครับ ทั้งบทบาทในการเป็นนักอนุรักษ์ป่าจากการเป็นคนก่อตั้งศูนย์ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อมโลก ภูสันตะวันลับฟ้า ที่บ้านเกิดกระทั่งได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวในฐานะครูผู้ทำงานอนุรักษ์มาอย่างต่อเนื่อง แถมยังเคยออกรายการทีวีในฐานะคนต้นแบบที่ใช้ชีวิตพอเพียงแอบอิงไปกับวิถีของธรรมชาติ อย่าง รายการ ฅนหวงแผ่นดิน ทางช่อง 11, ปราชญ์เดินดิน ทางช่อง 9 มาแล้วอีกต่างหาก
เอาง่ายๆ ก็คือพี่แกเป็นหนึ่งในนักอนุรักษ์ "ตัวจริง" ที่คนในแวดวงนี้รู้จักกันดีเป็นอันต้นๆ ของประเทศนั่นแหละครับ
เดี๋ยวจะหาว่าอวยกันจนเกินไป ถ้าใครอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวตนของพี่สมบัติกับวิถีของวง ดอนผีบิน ทั้งที่เกี่ยวกับงานดนตรีและงานอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมทั้งความเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขาก็ลองเข้าไปดูกันได้ที่ www.donpheebin.com ได้เลย
คิดถึงวังโปรดวงนี้ขึ้นมาก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่มันอดใจไม่ได้หลังได้รับทราบข่าวมาว่า หลังจากทิ้งช่วงนานกว่า 13 ปี ตอนนี้ "ดอนผีบิน" กำลังจะมีอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 ออกมาแล้ว
รายละเอียดคร่าวๆ ก็คือ อัลบั้มชุดนี้มีชื่อว่า "แดนดินทิพย์" จะออกมาให้ได้ยลกันในวันที่ 26 มีนาคม
อยากรู้รายละเอียดที่มากกว่านี้พร้อมร่วมนับถอยหลังไปกับ แดนดินทิพย์ ของ ดอนผีบิน กันได้ที่ http://www.donpheebinlink.com/ ครับ
สารคดีบรรเลงสด คนภูไพร 16 ม.ค.2555
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศhttp://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |