M-Open สัปดาห์นี้ ทีมงานมีเรื่องราวชีวิต และมุมคิดของสาวเสียงใสใจสวย ที่ใครหลายคนรู้จักกันดีจากเสียงร้องชวนให้หลงใหล และเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์เพลงที่เธอถ่ายทอดออกมาได้อย่างกลมกลืน ซึ่งทีมงานกำลังพูดถึงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อ "แอน-ธิติมา ประทุมทิพย์" นักร้องเสียงกระจกที่แฟนคลับ และใครอีกหลาย ๆ คนให้ฉายาเธอว่าอย่างนั้น
วันนี้ "แอน" ไม่ใช่แต่เพียงนักร้อง แต่มีคำว่า "ครู" ที่หน้าชื่อไปแล้ว จากเมื่อก่อนที่ด้านหนึ่งแม้จะตอกย้ำความเป็นนักร้องเสียงใส ตัวเล็ก น่ารัก แต่อีกด้านก็สะท้อนถึงดีกรีความ "อาวุโสด้านการร้องเพลง" ซึ่งสะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี ไม่แปลกที่เต้-วิทย์สรัช สุขวัฒนศิริ นักร้องหนุ่มเจ้าของผลงานเพลงเพราะ ๆ อย่าง "ความทรงจำ" จะสารภาพออกมาว่า มีวันนี้ เพราะได้ครูดีอย่าง "ครูแอน" สอนมาตั้งแต่ต้น
เปิดชีวิต คิดแบบ "แอน"
กล่าวสำหรับ "แอน ธิติมา" เธอมีความสนใจในการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก และเริ่มประกวดร้องเพลงตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ทั้งยังได้รับรางวัลจากการประกวดร้องเพลงมากมายหลายเวที อย่างเช่น รางวัลดีเด่นจากรายการการประกวด Thailand Junior Singing Contest และอีก 6 ปีถัดมา เธอก็ชนะการประกวดรายการ Johnny Walker Star Search พร้อมทั้งได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัดกรีนบีนส์
แอน เริ่มเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "คู่รัก" ในเพลง "รักใช่ไหม" ต่อมาได้มีผลงานกับวงคูณสามซูเปอร์แก๊ง ร่วมกับ คณิตกุล เนตรบุตร และสืบสกุล สืบสหการ มีผลงานออกมา 2 อัลบั้ม ก่อนที่ทางวงจะยุบไป โดยเธอได้มีผลงานเพลงทั้งในรูปแบบศิลปินเดี่ยว และร่วมกับศิลปินอื่นๆ อีกมากมายในสังกัดกรีนบีนส์ ก่อนจะย้ายมาสังกัดลักษ์มิวสิก โดยมีผลงานสร้างชื่อคือ "เสียงของหัวใจ"
หลังจากจบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แอนได้ไปศึกษาต่อทางด้านการร้องเพลงโดยเฉพาะ ที่สถาบัน Vocaltech ในกรุง London ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันทางด้านการสอนร้องเพลงชั้นนำในยุโรป และได้รับ BTEC National Diploma ในสาขา Vocal Music Performance โดยได้รับคะแนนสูงสุด 1 ใน 10 ของชั้นปี นอกจากนั้น ยังมีความสามารถในการใช้เสียงในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องประสานเสียง การพากย์นิทาน การอ่านสปอตโฆษณา ปัจจุบันมีอัลบั้มเพลงออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 อัลบั้ม ทั้งยังเป็นครูสอนร้องเพลงที่ H.O.P.S (House of Pro Studio) อีกด้วย
"ดนตรีให้อะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตมากค่ะ ทำให้แอนเป็นคนมองโลกในแง่ดี ร่าเริง มีสมาธิ ส่วนหนึ่งก็มาจากดนตรี เพราะเวลาแอนเครียด พอได้ฟังเพลง แอนรู้สึกหายเครียด หรือเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไร พอได้มาฟังเพลง แอนรู้สึกได้ถึงความสงบจากเสียงเพลง และดีที่เสียงเพลงมันอยู่ในอาชีพของเราด้วย อย่างตอนนี้เป็นคุณครูสอนร้องเพลง แต่ก่อนเราร้องเพลงเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันยาก แต่เมื่อมาเป็นครูสอนเอง มีคนที่มีปัญหาเรื่องการออกเสียงค่อนข้างเยอะ พอแก้ให้เขาได้ ช่วยให้เขาใช้เสียงได้ดีขึ้น ตัวแอนยิ่งมีความรู้สึกดีมาก ๆ และดีกับคนที่ได้รับด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเรื่องการฟังเพลง หรือการร้องเพลง มันให้อะไรกับแอนเยอะมาก ๆ ค่ะ"
สำหรับใครที่ได้ฟังเพลงของเธอแล้ว สิ่งหนึ่งที่สร้างความจดจำได้เป็นอย่างดี เห็นทีจะหนีไม่พ้นเรื่องการเข้าถึง และถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้อย่างกลมกลืน
"แอนมองว่า มันคือเรื่องความเข้าใจในตัวเพลงค่ะ จริง ๆ แล้วแอนจะทำความเข้าใจกับเพลงก่อนว่า แก่นสารของเพลงจริง ๆ ต้องการจะสื่อถึงอะไร ยิ่งถ้ามีเวลาได้คุยกับพี่ ๆ ที่เป็นนักดนตรี รวมไปถึงคนแต่งเพลง เราก็จะเข้าใจเพลงมากขึ้น จากนั้นก็อยู่ที่การถ่ายทอดในความรู้สึกของเรา ซึ่งการร้องเพลง คือการสื่อสารด้วยเสียง ยกตัวอย่างเพลงบางเพลง ต้องตีให้แตกว่าเศร้าอย่างไร เศร้าแค่ไหน เศร้าตายไปเลย เศร้ากลาง ๆ หรือเศร้าแบบเหงา ๆ คือเราต้องจินตนาการตัวเราก่อนว่าพอเราได้ฟังเพลงนี้แล้ว เราอยากได้ยินอะไร แล้วค่อย ๆ หาเทคนิคถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมา ทั้งจากตัวเราเองด้วย และคนคุมร้องด้วย" เธอขยายความ
"ครอบครัว" เบื้องหลังคนสำคัญ
ไม่เพียงแต่แรงผลักดันจากตัวเองแล้ว การเป็น "แอน ธิติมา" ในวันนี้ ครอบครัวคือผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญด้วย
"ที่บ้านแอน เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ชอบความบันเทิง ตอนเด็ก ๆ ในหมู่บ้านจะชอบมีจัดงานอยู่ตลอด ที่บ้านก็ชอบให้ร่วมกิจกรรม มีการแสดงออก เต้นบ้าง รำบ้าง ร้องเพลงบ้าง โดยเฉพาะการร้องเพลง เวลาร้องจะได้ค่าขนม 20 บาท 30 บาท ตอนนั้นรู้สึกทำแล้วสนุกเฉย ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แต่พอเข้าอนุบาล ทางโรงเรียนมีการประกวดร้องเพลง และพี่สาว 2 คนก็ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว พอมีรุ่นเด็ก พี่ ๆ ก็จับเราขึ้นร้องด้วย ซึ่งก็มีความสนุก ได้รับเสียงปรบมือ ได้รางวัล พอร้องมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ! หรือว่าฉันจะมีพรสวรรค์ (หัวเราะ) พอรู้ว่าตัวเองร้องเพลงเพราะ ก็เดินสายนี้มาตลอด ซึ่งตัวแอนโชคดีด้วยค่ะที่รู้เร็วว่าตัวเองชอบอะไร"
"ความโชคดีมากไปกว่านั้น พ่อกับแม่จะไม่ห้ามเราเลย แต่จะสนับสนุนให้แสดงออก อยากทำอะไรให้ทำ พาไปประกวด พาไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งท่านให้อิสระ และเคารพในการตัดสินใจของลูกมาก แต่เรื่องการเรียนก็ต้องเรียนหนังสือด้วย มีวันนี้ได้ก็เพราะครอบครัวที่ไม่ปิดกั้น ทำให้แอนรู้สึกว่า เฮ้ย! เราเจอหนทางที่เราชอบ และรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ โดยมีพ่อแม่ และพี่ ๆ คอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างเรา"
"หรือตอนช่วงสอบเอนทรานซ์ ด้วยความที่พ่อกับแม่จบสายวิทย์ก็เลยอยากให้ลูกเลือกเรียนแพทย์ หรืออะไรก็ได้ที่ไปทางวิทย์ แต่ลูก ๆ กลับไม่ชอบ เพราะบวกเลขไม่เก่ง สรุป ลูกสาว 3 คนเลือกเรียนสายศิลป์หมดเลย (หัวเราะ) และพ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไร จริง ๆ ที่มีวันนี้แอนต้องขอบคุณครอบครัวที่เปิดโอกาสมาก ๆ ไม่เคยห้ามอะไรเลย นอกจากสิ่งที่มันแย่ แต่ก็ไม่เคยคิดอยากทำอะไรแย่ ๆ อยู่แล้ว ก็โชคดีไป (หัวเราะ) ดังนั้น ถ้ามีลูก มีหลานก็อยากจะเลี้ยงให้ได้แบบพ่อกับแม่เรา เพราะทำให้เราคิดเองได้ รู้ว่าอะไรคือผิด อะไรคือถูก อะไรหรือดี หรือไม่ดี" แอนเผยถึงผู้สร้างอย่างครอบครัว
ไม่แปลกที่เธอจะเติบโตมาเป็นคนมองโลกในแง่ดี สดใส และเคารพในเส้นทางสายดนตรีของตัวเอง
นอกจากนี้ เธอยังมีพี่สาวที่น่ารัก 2 คนคอยสนับสนุน และให้กำลังใจอย่างเต็มที่ด้วย
"ตอนที่รู้ว่าเราชอบทางนี้ ชอบร้องเพลง พ่อกับแม่ก็ไม่เชิงสนับสนุนเต็มที่ จริง ๆ แล้ว เป็นพี่สาวมากกว่าค่ะ (หัวเราะ) พี่สาวจะช่วยทุกอย่าง มีประกวดอะไรคอยช่วยส่งใบสมัครให้ อัดเทปให้ ส่งเทปให้ ส่วนพ่อกับแม่จะอยู่เป็นกองหลังมากกว่า ซึ่งถ้าทำแล้วดีก็โอเค แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมด้วยนะ ถ้าดูแล้วว่า เวทีนี้เสียเวลาเรียนมากเกินไป ท่านก็ไม่ให้ แต่ถ้าเวทีไหน ทางโรงเรียนสนับสนุน ไม่เสียการเรียน สามารถหยุดเรียนได้ แบบนี้ท่านก็ยินดีค่ะ" เธอเผย และเล่าต่อไปถึงความสุขในวันวานที่ได้รับจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "บ้าน"
"ตอนเด็กชอบถูกพี่ ๆ จับแต่งตัวให้เดินแฟชั่นโชว์ในบ้าน (เสียงสูง) อะไรอย่างนี้ พ่อกับแม่ก็จะมานั่งดู อุ้ยตายแล้ว ลูกสาวคนเล็กฉันถูกจับแต่งตัวอีกแล้ว หรือบางทีเปิดคาราโอเกะ ยักย้ายส่ายสะโพกร้องเพลงให้พ่อแม่ฟัง เรียกว่า ไม่อายกันเลย หรือจู่ ๆ พ่อจะเต้นก็จะลุกขึ้นมาเต้นเลยค่ะ เป็นครอบครัวบันเทิง ครอบครัวปาร์ตี้อยู่บ่อย ๆ ปัจจุบัน แม้ว่าพี่ ๆ จะแยกกันไปมีครอบครัว แต่ก็ยังมีมารวมตัวกินข้าวกันบ้างค่ะ"
"ป๊อด โมเดิร์นด็อก" คนบันดาลใจของแอน
ใครต่อใครต่างก็มีไอดอลเป็นของตัวเอง หนึ่งในนั้นก็คงมี "แอน" อยู่ในนั้นด้วย แต่สิ่งที่ใครหลายคนอยากรู้มากไปกว่านั้น คือ ไอดอลของแอนคือใคร และนี่คือคำตอบของเธอ
"แอนมีพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อกเป็นไอดอลค่ะ เพราะแอนทึ่งในตัวพี่เขาที่แม้จะเป็นชาวร็อก แต่สามารถร้องเพลงได้หลากหลายแนว ทั้ง R&B เพลงรัก ยิ่งมาเจอตัวจริง ปรากฎว่า พี่เขาตัวเล็กจัง เอาพลังเสียงมาจากไหนมากมาย และยิ่งมาดูพี่เขาร้องเพลงบนเวที เรารู้สึกว่าพี่เขามีความสุขกับบนเวทีมาก คนฟังก็ดูสึกมีความสุข และสนุกไปกับเขาด้วย แอนจึงประทับใจในตัวพี่เขามาก พร้อมทั้งอยากเก่ง และทำอะไรได้หลายๆ อย่างเหมือนพี่เขา ซึ่งแอนก็ดูพี่ป๊อดเป็นต้นแบบมาตลอด"
"ส่วนเพลงที่ชอบ และรู้สึกว่าฟังกี่ครั้ง ๆ ก็ทันสมัยอยู่เสมอ ๆ คือ เพลงเจ้าหญิง ของพี่บอย โกสิยพงษ์ ผ่านเสียงร้องของพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก ซึ่งเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก ๆ เริ่มจากการได้ไปนอนฟังเพลงนี้ที่ริมทะเล นอนฟังกับเพื่อนประมาณ 30 คน พอฟังและร้องตามด้วยกัน มันให้ความรู้สึกถึงความสุข จากนั้นพอได้ฟัง และได้ยินอีกเรื่อย ๆ แอนจะระลึกถึงความทรงจำในวันวานที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ พูดง่าย ๆ คือ ช่วงเวลาดี ๆ กับเพลงเพราะ ๆ ร้องตามแล้วเพลิน ทำให้แอนมีความสุขมาก ๆ ค่ะ"
เมื่อ "เพลง" บำบัดอาการอกหัก
เห็นเป็นคนอารมณ์ดี และมีความสุขแบบนี้ สาวแอนก็มีช่วงชีวิตที่จมทุกข์เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่อกหัก แต่โชคดีที่มีเพื่อนชื่อ "เพลง" คอยบำบัดความเจ็บปวดดังกล่าวให้ดีขึ้น
"สำหรับตัวแอนเองก็มีดนตรีเข้ามาบำบัดหัวใจเหมือนกัน อย่างช่วงอกหัก เราพูดกับใคร หรือระบายให้ใครต่อใครฟัง ไม่ค่อยมีใครเข้าใจ หรือเข้าใจแต่ก็ไม่เต็มร้อยเหมือนที่เราเป็น หรือบางคนอาจจะเบื่อที่จะนั่งฟัง แต่สำหรับเพื่อนที่ชื่อว่าเพลง ช่วยบำบัดอาการอกหักให้แอนได้มาก ไม่ใช่อกหักแล้วฟังเพลงอกหักอย่างเดียวนะ เพราะจะยิ่งเศร้าไปกันใหญ่ แอนจะเลือกฟังเพลงที่ให้แง่คิด หรือให้กำลังใจ เนื่องจากช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง ทำให้เราได้คิด และมีสติที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยที่ไม่มีเขาคนนั้น"
ทั้งนี้ เธอได้ให้ความเห็นในประเด็นเรื่องความอันตรายที่มีอยู่ในเพลง โดยเฉพาะเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา โดยเธอให้ความเห็นว่า
"เวลาเราอกหัก เรามักจะชอบหาเพลงเศร้าฟัง ซึ่งตัวแอนเองก็เป็น ตอนนั้นมันรู้สึกอยากฟังเพลงเศร้าตลอดเวลา แต่จริง ๆ แล้ว เพลงมีเป็นหมื่น ๆ ล้าน ๆ เพลง เราก็หาเพลงที่ให้กำลังใจ หรือเพลงในแง่บวก ซึ่งเพลงประเภทหลังนี้ แอนเชื่อว่าเป็นเพลงที่ฟังแล้วจะทำให้คนฟังมองโลกที่เป็นบวกมากขึ้น แต่ถ้ายิ่งไปฟังเพลงเศร้าตอกย้ำอารมณ์เข้าไปอีก บางคนที่จิตตกง่ายอาจทำให้หดหู่ และกลายเป็นคนซึมเศร้าไปเลยก็ได้ เพื่อน และคนใกล้ชิดก็เหมือนกัน ต้องคอยสังเกตเพื่อนด้วย ถ้าเห็นว่าเอาแต่ฟังเพลงเศร้า หรือมีพฤติกรรมไม่พูดไม่คุยก็ต้องพาออกไปเที่ยวเล่น หรือดึงออกจากโลกตรงนั้น"
อยากผลิตงานเพลงด้วยตัวเอง
ถึงวันนี้ สิ่งที่เธออยากจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำคือ การควบคุม และผลิตงานเพลงด้วยตัวเอง ซึ่งถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองทำดู
"อาชีพที่อยากจะทำ ก็ทำมาเกือบทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง คนแต่งเพลง ครูสอนร้องเพลง แต่ถ้าอยากทำต่อจากนี้ แอนอยากผลิตงานด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ก่อนยังไม่ค่อยกล้า เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ต้องใช้ความสามารถเยอะ แถมต้องใช้เวลามากด้วย และตัวเราเอง พูดตรง ๆ ว่าเป็นคนขี้เกียจรับผิดชอบ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้รู้สึกว่า คงถึงวัยแล้วล่ะ เราต้องทำด้วยตัวเอง และลดการพึ่งพาคนอื่นให้น้อยลง ถ้ามีโอกาสก็คงจะทำเองค่ะ"
"แมว" คือผู้ให้ความสุข
"ความสุขของแอนคือ แมวค่ะ แอนชอบเลี้ยงแมวค่ะ (หัวเราะ) แอนชอบแมวมากค่ะ แต่ก่อนมีในบ้าน 2 ตัว ตอนนี้ถูกพี่สาวยึดไป ตอนนี้ก็มีแมวนอกบ้าน มาคลอดในบ้าน ก็เลยเลี้ยงเอาไว้ ตอนนี้มีประมาณ 8 ตัวค่ะ ส่วนความสุขอื่น ๆ แอนชอบทำกราฟิก ถ่ายภาพ ท่องเที่ยว และอยากทำพ็อกเกตบุ๊กมาก ๆ แต่ส่วนตัวเป็นคนเรียบเรียงไม่เก่ง คิดคำพูดไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่เก่ง แต่ตอนนี้ก็เริ่มรวบรวมบ้างแล้วค่ะ"
ยืด ไม่ยืด อยู่ที่ความสามารถ
กว่า 30 ปีบนเส้นทางสายดนตรี ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะอยู่ได้นาน และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมปัจจุบันยังได้เป็นครูสอนร้องเพลงที่ H.O.P.S (House of Pro Studio) สิ่งที่ทำให้เธอยังคงถูกเลือกให้เป็นนักร้องแถวหน้า ๆ ในการสื่อสารกับคนฟังผ่านเสียงเพลงอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเพลงของเธอเอง เพลงประกอบละคร หรือเพลงประกอบภาพยนตร์ เธอมีคำตอบอยู่ในบรรทัดด้านล่างนี้
"ในวงการเพลงทุกวันนี้ มันเกิดง่าย แล้วก็ดับง่าย แต่ส่วนตัวเชื่ออยู่เสมอว่า คนที่จะอยู่ในวงการนี้ได้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถ ถ้าสังเกตดูไม่ว่าจะประกวดอะไรก็ตาม คนที่ยังยืนอยู่ได้ถึงวันนี้ คือคนที่มีความสามารถ ส่วนคนที่มาแบบแป๊บ ๆ เป็นกระแสชั่วคราว ไม่พัฒนาตัวเองอะไรเลย ไม่แปลกที่จะถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา ดังนั้น ถ้าหมั่นฝึกฝน และพัฒนาตัวเอง แอนเชื่อว่า ถึงอย่างไรเราก็มีที่ยืนให้กับตัวเอง เหมือนกับพี่ ๆ ที่เรายังเห็นเขาอยู่ในวงการตอนนี้ ทำไมเขาอยู่มานาน และยังคงอยู่ได้ นั่นก็เพราะว่า เขาเป็นคนเก่ง และมีความสามารถจริง ๆ"
"ดังนั้น อย่าคิดว่าเก่งแล้ว เราไม่มีทางเก่งที่สุดค่ะ มีคนที่เก่งกว่าเราอยู่เสมอ อย่างตัวแอนเองก็ตาม แอนรู้สึกว่าแอนโชคดีมาก ๆ ที่ได้มาสอนร้องเพลง เพราะแอนได้พัฒนาตัวเอง ถ้าแอนไม่ได้มาสอนร้องเพลง แอนอาจจะอยู่กับที่ก็ได้ แต่พอเรามาสอนร้องเพลง เราได้สอนนักเรียน และนักเรียนก็เหมือนสอนเราไปด้วย แอนไม่เคยสอนให้นักเรียนต้องมาทำตามแอนเลยนะ แต่จะสอนให้คิด และลองมาแลกเปลี่ยนกันสิว่า สิ่งที่คุณคิดมันถูกหรือมันผิด มันดีหรือไม่ดีอย่างไร"
ข้อคิดจากพี่แอน ถึงว่าที่ศิลปิน
ด้วยความที่เป็นนักร้องเสียงคุณภาพ และมากประสบการณ์ แอนในฐานะรุ่นพี่มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากน้อง ๆ ที่มีใจรักในเสียงดนตรีกันด้วย
"หลายคนอาจมีความชอบหลายอย่าง สำหรับตัวแอนเองโชคดีที่รู้ตัวเองก่อนว่าเรามีความสามารถทางด้านการร้องเพลงเป็นพิเศษ ส่วนตัวอยากจะแนะนำให้น้อง ๆ คนรุ่นใหม่ ลองมองหาตัวเองดูบ่อย ๆ อย่างบางคนเก่งคณิตศาสตร์ แต่ดนตรีฉันก็ชอบเล่นนะ ก็ต้องดูว่า สิ่งไหนที่เราทำแล้วรู้สึกว่าเก่งที่สุด และมีความสุขกับมันมากที่สุด และถ้าทำแล้ว สิ่งที่เราทำสามารถประกอบอาชีพอะไรได้ไหม แล้วเราสามารถเติบโตไปในเส้นทางสายนี้นี้ได้หรือเปล่า ซึ่งก็ต้องดูกันเพิ่ม ส่วนความชอบอื่น ๆ ก็เก็บไว้เป็นงานอดิเรกก็ได้เนาะ เห็นได้จากคุณหมอ หรืออาชีพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นักร้อง แต่เขาชอบร้องเพลง ก็จะมีหลาย ๆ คนใช้ความชอบในส่วนนี้มาร้องลงยูทิวบ์บ้าง หรือตามงานต่าง ๆ บ้าง"
"อย่างตัวเองแอนเอง ตอนเด็ก ๆ แอนจะชอบหลายอย่าง เห็นอาชีพอะไรใกล้ตัวก็อยากจะเป็น อย่างดีไซน์เนอร์ แอนชอบมาก แต่พอทำไป ก็รู้ว่า นี่มันไม่ใช่พรสวรรค์ของเรา เราก็เริ่มรู้แล้ว เพราะทำแล้วไม่รุ่ง (หัวเราะ) จากนั้นก็เริ่มเบนมาทางอื่น และปรากฎว่า การร้องเพลง เราทำได้ดีกว่า" แอนเผย
ถึงแฟนคลับที่รักในเสียงแอน
สำหรับคนที่ติดตามผลงานเพลงของสาวแอนมาตลอด โอกาสนี้ เธอก็มีความในใจอยากจะบอก
"แอนต้องขอขอบคุณนะคะ ที่เวลาแอนร้องเพลงอะไรไปแล้วมีคนชอบ จริง ๆ แค่คำชม 2 คนจาก 100 คน แอนก็ดีใจแล้วนะ เพราะอย่างน้อยสิ่งที่เราไป มีคนเข้าใจ มีคนชอบ ส่วนตัวคิดว่า ดนตรีมันไม่มีขีดจำกัดค่ะ อย่าคิดว่า ตัวเองเป็นคนชอบฟังแนวเพลงป็อป ฟังเพลงร็อกไม่ได้หรอก หนวกหู หรือฟังเพลงคลาสสิกไม่ได้ เพราะน่าเบื่อ แต่แอนอยากให้ทุกคนเปิดใจฟังเพลงหลาย ๆ แบบ ไม่แน่คุณอาจจะหลงรักมันเพิ่มขึ้นก็ได้ และอีกหน่อยถ้าแอนทำเพลง หรือร้องเพลงแนวประหลาด ๆ ออกมา ก็อยากให้ลองเปิดใจรับฟังกันด้วยนะคะ (หัวเราะ)"
ท้ายนี้ เมื่อเปิดประเด็นเรื่องความรักกับเธอ สาวแอนเปรยสั้น ๆ ว่า กลางปี 2556 นี้ อาจจะมีการลั่นระฆังวิวาห์ระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมานานถึง 10 ปี
"34 แล้วค่ะ ไม่รีบไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) กลางปีนี้น่าจะมีข่าวดีค่ะ ที่จริงเราสองคนวางแผนว่าจะจัดงานแต่งกันไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้วค่ะ แต่มีหลาย ๆ เรื่องที่ยังไม่ลงตัว ปีนี้น่าจะโอเคละค่ะ" แอนเผยถึงข่าวดี
ทั้งหมดนี้ คือ ชีวิต และมุมคิดของ "แอน-ธิติมา ประทุมทิพย์" นักร้องเสียงกระจกผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนทั้งในแง่ของการใช้ชีวิต และการทำงาน นับเป็นศิลปิน "ตัวอย่าง" ที่นักร้องรุ่นใหม่ ๆ ควร "เอาอย่าง"
///////////
ประวัติ แอน-ธิติมา ประทุมทิพย
ชื่อ-นามสกุล น.ส. ธิติมา ประทุมทิพย์
ชื่อเล่น แอน
เกิด วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ที่รพ. ราชวิถี
ราศี เมถุน
พี่น้อง พี่สาว 2 คน
การศึกษา
- อนุบาลลูกรัก
- ประถมศึกษาที่รร.ดรุโณทัย
- มัธยมศึกษาที่รร.สามเสนวิทยาลัย
- อุดมศึกษาที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การประกวด
- ยุวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย
- Subaru Awards
- Johnny Walker Star Search
สังกัด
- กรีนบีนส์ ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (2540)
- ลักษ์มิวสิค (2548)
- จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ # ลักษ์มิวสิค (2551)
แนวเพลง ป๊อป
ฉายา นักร้องเสียงกระจก
อาหารโปรด ทุกอย่างที่อร่อย
งานอดิเรก นอน ฟังวิทยุ ดูทีวี
กีฬา แบดมินตัน ฟุตบอล เทนนิส
เกลียด แมลงสาบ
ความประทับใจ สอบเอ็นทรานซ์ติด และทำให้พ่อแม่ดีใจ
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Lite
ภาพโดย วารี น้อยใหญ่