สงสัยว่าแผนการตลาดของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ คงชอบทำเรื่องให้คนเขาด่ากันขรมเพื่อเรียกกระแส อย่างเมื่อปีที่ผ่านมาก็ทำการวางขาย GMM Z กล่องรับสัญญาณดาวเทียมของตัวเองในราคากว่าพันกว่าบาท เพื่อให้คอบอลได้ดูฟรีแบบจุใจ หลังปาดหน้าเจ้าเก่าอย่างทรู วิชั่นส์ คว้าเอาลิขสิทธิ์บอลยูโรมาครอง และเป็นเหตุให้ช่วงนั้นเกิดศึก ทะเลาะกันอุตลุด เพราะการคว้าลิขสิทธิ์บอลยูโรครั้งนี้ ส่งผลให้หลายบ้านที่ใช้กล่องทรู วิชั่นส์ จอดำ ดับสนิท
มาถึงปีนี้กล่องเจ้ากรรมก็ทำพิษอีกครั้ง หลังได้รับใบอนุญาตจากกสทช. มาหมาดๆ GMM Z Pay TV เลยมาออกลวดลาย 8 ช่องที่เคยดูฟรีต้องชำระเงินเพิ่ม จากเดิมช่อง 393-400 ที่เคยดูได้ก่อนหน้านี้ มาตอนนี้ใครอยากดูต่อ หลังวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก็ต้องเสียเงินเพิ่มเอาเอง แล้วไหนสโลแกนที่เคยประกาศปาวๆ เอาไว้ว่า ดูฟรี ไม่มีรายเดือน !?
ดูฟรี GMM Z ไม่มีให้ !!
นึกว่า ของฟรี ยังมีอยู่จริงในโลก เลยกลายเป็นว่าโดนตุ๋นเสียเปื่อย ใครที่เคยฝากความหวังกับกล่อง GMM Z ที่มีสโลแกนแสนสวยหรูว่า “ดูฟรี ไม่มีรายเดือน” คงต้องนั่งกินแห้ว หลังแกรมมี่หัวใส เอาบอลยูโรมาล่อให้ติดกับดัก ให้คนติดใจ แล้วพอผ่านไปไม่ถึงปีก็ขอเอากำไรคืน ด้วย GMM Z Pay TV ที่ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่มให้อีก 8 ช่องที่โอ้อวดว่าเป็นช่องระดับโลก
ทีนี้เลยกลายเป็นกระแสถล่มยับเยินว่า โกหก หลอกลวง เอาเปรียบผู้บริโภค ถึงแม้บอกว่าจะเคยประกาศไปแล้วก็ตามว่า หลังได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.แล้ว ถือว่าหมดช่วงทดลองออกอากาศ และเมื่อหมดช่วงให้สมาชิกทดลองรับชมแล้ว สมาชิกจะต้องเริ่มชำระค่าบริการตามช่องทางต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ เพื่อคงสิทธิการรับชมช่องรายการทั้ง 8 ช่องตามแพ็กเกจที่สนใจสมัคร
แต่หารู้ไม่ว่า ประชาชนที่หลวมตัวไปซื้อกล่องรับสัญญาณดาวเทียม GMM Z นั้น ส่วนมากไม่ทราบถึงเงื่อนไขนี้ เพราะตอนโฆษณาก็เอาแต่โวว่า “กล่อง GMM Z ดูฟรี ไม่มีรายเดือน” ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่คิดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งและแสดงความคิดเห็นผ่านทางโลกออนไลน์ถึงความไม่พอใจครั้งนี้
ดังนั้นทีมงาน Live จึงได้ติดต่อไปยัง จิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ก็ได้รับคำตอบว่า ณ ขณะนี้ ยังไม่มีผู้มาร้องเรียนแต่อย่างใด
“ในขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามานะ แต่ปัญหานี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่เค้าจำเป็นต้องมาเสียค่าใช้จ่าย จากเดิมให้ชมฟรี ต่อมาค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจมีความแตกต่างจากเดิมไปมากน้อยเท่าไหร่ ทางผู้ประกอบการเค้าก็ต้องมีข้อมูลให้ผู้บริโภคว่าเพราะอะไร จากเดิมไม่เคยเสีย มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วราคานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่
ส่วนของกสทช. ต้องมีมาตรการดูแลสัญญาการให้บริการว่า มันมีค่าใช้จ่ายด้วยเหตุผลอะไร แต่ในส่วนของสคบ. เอง เราจะมองว่า ผู้บริโภคถ้าจะใช้บริการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปอีกเนี่ย มันสมควรจะเสียหรือเปล่า มันมีเหตุผลที่ควรจะเสียมั้ย ถ้าลูกค้ารู้สึกเหมือนโดนละเมิดสิทธิ์ก็สามารถร้องเรียนสคบ.ได้ ซึ่งเราก็ต้องให้ผู้ประกอบการมาชี้แจงในเบื้องต้น”
บอกก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ??
ถึงแม้ยังไม่มีการออกมาโต้ตอบใดๆ จาก GMM Z ถึงเรื่องที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้รับชมอีก 8 ช่อง เด็ดที่คัดสรรมาเพื่อลูกค้า ซึ่งมีหลายคนตกหลุมพรางนี้โดยไม่รู้เงื่อนไขการทดลองออกอากาศ 8 ช่อง และจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเมื่อได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. โดยก่อนหน้านี้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบรอดแคสติ้ง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เคยออกมาชี้แจงแล้วครั้งหนึ่ง ถึงธุรกิจ Pay TV
“หลังจากได้รับใบอนุญาตฯ อย่างเป็นทางการจาก กสทช. แล้ว จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะเริ่มเดินหน้าธุรกิจ Pay TV ทันที เพราะบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยการให้บริการแบบเสียค่ารับชมแบบจ่ายล่วงหน้า (Prepaid Pay TV) นี้ สมาชิกสามารถซื้อบัตรเติมเงินได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ด้วย 2 แพกเกจ คือ Entertainment เพกเกจ ในราคา 200 บาทต่อเดือน และ Sport แพกเกจ ในราคา 300 บาทต่อเดือน หรือท่านที่ต้องการรับชมทั้งสาระบันเทิง และกีฬา ก็มี Combo แพกเกจ ในราคาเพียง 450 บาทเท่านั้น”
แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ประชาชนถึงไม่เคยคุ้นกับคำที่ว่า ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะเห็นกี่ครั้งกี่คราวที่โฆษณา ก็ไม่เคยได้ยินถึงเงื่อนไขนี้ ได้ยินชัดแค่ว่า “ดูฟรี ไม่มีรายเดือน” สงสัยงานนี้คงต้องบอกฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ทำงานกันให้ชัดเจนหน่อย ทำคลุมเครือ มุบมิบกันแบบนี้ ทำเอาลูกค้าเสียอารมณ์เพราะเหมือนโดนหลอก
จ่ายได้ไม่ว่า แต่ราคาแพงเกินจริง
หากย้อนกันไปเมื่อครั้งเทศกาลบอลยูโร หลายครัวเรือนต่างไม่พอใจ กรณีหากไม่ซื้อกล่อง GMM Z มาติดเพิ่ม ก็จะดูบอลยูโรไม่ได้ เห็นเพียงแค่จอดำๆ ดับสนิท แล้วก็ต่างโยนภาระกันไปมา ไม่รู้ใครถูกใครผิด สุดท้ายเลยต้องมีคนที่ยอมเสียเงินให้กล่อง GMM Z ในราคา 1,590 บาท ที่ต้องเรียกว่าแพง เพราะต้นทุนอาจไม่ถึง 500 บาทเสียด้วยซ้ำ
จากนั้นเมื่อหมดเทศกาลบอลยูโร ยอดขายก็เริ่มแผ่ว ต้องหาวิธีมาล่อคนให้ซื้อ ทั้งหั่นราคาเหลือแค่ 999 บาท ออกรุ่น Mini ในราคาที่ถูกกว่า หรือซื้อกล่องวันนี้ได้ฟรีค่าโทรค่ายสีเขียว 1200 บาท แต่คนที่ไม่อยากซื้อในราคาแพง อยากได้ถูกกว่านี้สักร้อย สองร้อย ก็ไปเดินหาเอาในตลาดมืด ตลาดกลางคืนก็มีถมเถ
โดยในขณะนี้ยอดขายกล่อง GMM Z ก็ทำรายได้เกินล้านกล่องไปแล้ว เลยไม่อยากง้อลูกค้า ใครอยากดูบอลลีกดังในปีนี้ คงต้องยอมเสียเงินเอาเอง เลยเกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ของลูกค้า GMM Z ที่ถึงแม้จะยอมรับได้กับเงื่อนไขการจ่ายเงินเพิ่ม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ยังรู้สึกไม่พอใจคือเรื่องของการให้บริการที่คุณภาพไม่เหมาะสมเกินกว่าจะควักเงินออกจากกระเป๋าได้
“เรื่องจ่ายตังค์ ผมไม่มีปัญหาครับ แต่ช่วยทำให้ช่องมันมีคุณภาพกว่านี้หน่อย”
“ถ้าต้องให้เสียตังค์ 200-400 ขนาดนี้ กลับไปติดเคเบิลท้องถิ่น จ่ายเดือนละ 200 ดูได้ครอบจักรวาล คุ้มกว่าเยอะ”
“หนังห่วย กีฬาเห่ย ยังจะเก็บตังค์ คงจะขายออกหรอกนะ”
“ถ้าจะเก็บตังค์ กรุณาเอาตอนที่ไม่เคยอออกอากาศมาให้ดูนะครับ ไม่ใช่ว่าเอาของที่เคยออกอากาศไปแล้วในช่วงที่ดูฟรี มาให้ดูตอนที่เก็บตังค์”
“เก็บเงินแล้วรายการจะพัฒนารึเปล่าครับ ถ้าคุณภาพรายการ 8 ช่องที่เสียเงินยังเท่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน 400 มันแพงไป ควรปรับปรุงก่อนถึงเก็บเงิน”
“รีบเกินไปป่าวอ่ะ โปรแกรมมันยังไม่เจ๋งพอจะต้องเสียตังค์ถึงเดือนละ 400”
ทีวีดิจิตอล อีก 1 กล่องให้สะสม
นอกไปจากปัญหาเรื่องกล่องที่ขยันเข็นออกมาขายเอาเงินชาวบ้านกันอย่างมากมายแล้ว อีกปัญหาชวนสงสัยคือ เรื่องของทีวีดิจิตอลที่เพิ่งลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่อง ความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ระหว่าง สำนักงาน กสทช. และ ส.ส.ท. ไปแล้วเรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มกราคม โดยการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล จะทำให้ผู้บริโภคได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่คมชัด และมีบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น
ฉะนั้น จึงจะส่งผลให้ในอนาคตข้างหน้านี้คนไทยจะได้กล่องมาให้ได้สะสมอีกหนึ่งกล่อง โดยจะเริ่มทดลองออกอากาศด้วยระบบดิจิตอล ในวันที่ 25 มกราคม 2556 เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยช่อง 5 เป็นผู้แจกกล่องรับสัญญาณ หรือ Set Top Box จำนวน 1,000 กล่อง ให้กลุ่มตัวอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคทั่วไปยังสามารถรับชมได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องจำเป็นต้องซื้อกล่องหรือไม่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช. ก็เปิดเผยว่า จะมีการแจกคูปองเงินสนับสนุนอุปกรณ์เปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีทางทีวีในระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลให้คนไทย 22 ล้านครัวเรือน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะแจกคูปองช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ซึ่งจะแจกคูปองให้แก่ครัวเรือนในจุดที่โครงข่ายเข้าถึงก่อน โดยกำหนดให้ซื้อได้เฉพาะกล่องรับสัญญาณและทีวีที่รับสัญญาณในระบบดิจิตอลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังเป็นเพียงแนวคิด รวมถึงวิธีการส่งมอบคูปองก็ยังไม่มีการตกลงที่ชัดเจน
จากเมื่อก่อนทีวี มีอะไรให้ดู เราก็ดูไป แต่มาถึงปัจจุบัน ดาวเทียมทั้งหลายแหล่ หลากกล่องรับสัญญาณ หลายช่องโทรทัศน์ เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ มากขึ้น แต่เหมือนยิ่งมากทางเลือก เรื่องก็ยิ่งเยอะตาม เพราะคงไม่มีใครอยากซื้อ อยากหากันให้ครบมันเสียทุกกล่อง และคงไม่มีใครอยากจ่ายเงินแพงๆ แลกกับช่องรายการที่ดูแล้วไม่คุ้มค่าราคาคุย
เหตุการณ์โดนปล้นแบบงงๆ ครั้งนี้คงเตือนใจให้ผู้บริโภคต้องดูแลตัวเอง ต้องศึกษาข้อมูลให้รู้ และเข้าใจ จะได้ไม่โดนใครเขาเอารัดเอาเปรียบ
8 ช่องระดับโลก ถ้าอยากดูต้องจ่ายเงินเพิ่ม หลังวันที่ 15 ก.พ. 2556 นี้
1. GMM Movie Channel (ช่อง 400) คัดสรรสุดยอดภาพยนตร์ดังระดับโลก
2. Warner TV (ช่อง 399) อัดแน่นด้วยความบันเทิงมากมาย ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ยอดนิยม
3. Nat Geo Adventure (ช่อง 398) รวมสุดยอดสารคดีแนวผจญภัย ท่องเที่ยว
4. Nick Jr. (ช่อง 397) ช่องการ์ตูนอันดับหนึ่งสำหรับเด็ก เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ
5. GMM Sport One (ช่อง 396) ช่องกีฬาระดับโลก รวมลีกฟุตบอลดังและรวมกีฬายอดฮิต
6. GMM Football Plus (ช่อง 395) รวมทุกอย่างสำหรับคอบอล ทั้งแมตช์การถ่ายทอดสดและเทปการแข่งขัน
7. GMM Club Channel (ช่อง 394) รวบรวมรายการเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลชื่อดัง
8. Euro Sport (ช่อง 393) รวมกีฬาหลากหลายจากทวีปยุโรป อาทิ เทนนิส WTA, จักรยาน Tour de France
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live