xs
xsm
sm
md
lg

"ไอ้คล้าว" ควายไทยต้องไม่ตายเปล่า!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับ "ไอ้คล้าว" ควายไทยเพศผู้ ที่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ไว้เมื่อคราววันพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ.2551 หลังถูกโจรกรรมไปจากวัดโตนดเตี้ย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งขายโรงฆ่าสัตว์ และถูกเชือดไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาแค่ชั่วโมงเดียว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ไอ้คล้าว ถูกซื้อขายต่อกันถึง 5 ทอด ก่อนจะมาถึงโรงฆ่าสัตว์ที่ จ.นครสวรรค์ รวมราคาสูงเกือบ 50,000 บาท ขณะที่ทางด้าน "เจ้าทองกวาว" ควายเพศเมีย มีรายงานว่า ถูกนำส่งไปที่ชายแดน จ.เชียงราย กำลังจะนำส่งออกไปขายยังต่างประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันการณ์

ชาวเน็ตรุมสาปแช่งนักปล้นควาย!

กรณีโจรกรรมควายที่เกิดขึ้น มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมไปถึงเสียงสาปแช่งหัวขโมยที่ปล้นเอาควายประทานทั้ง 2 ตัวไป เพราะแม้แต่ควายประทานก็ยังไม่เว้น โดยเฉพาะหลายๆ เสียงในโลกออนไลน์ที่ทนไม่ได้กับความเลือดเย็นเกินมนุษย์ของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้

"เขาอุตส่าห์ไถ่ชีวิตออกมาจากโรงฆ่าสัตว์มาเลี้ยงเพื่อให้รอด แต่ยังมีคนใจสัตว์ไปขโมยกลับไปขายให้โรงฆ่าสัตว์เชือด ใครก็ตามที่เป็นผู้กระทำและร่วมกระทำขอให้กรรมชั่วที่กระทำนั้นจงย้อนสนองคนเหล่านี้ทั้งหมดโดยทันที ชีวิตของคล้าวที่สูญไป ขอให้ชีวิตผู้กระทำจงสูญตามอย่างเป็นที่อเนจอนาถทรมานทุกผู้ทุกตัวคนด้วยเถิด"

"ดูข่าวแล้วสงสารมาก ยิ่งตอนลูกควายส่งเสียงร้องหาแม่"

"กรรมนั้นจะตามสนอง ทั้งคนทุบ และคนลักมันมาขาย ไม่เชื่อติดตามดูไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่ากรรมนั้นมีจริง ขอให้จำเอาไว้เมื่อเป็นข่าวอีกที"

ฯลฯ

แต่ท่ามกลางเสียงสาปแช่งก็ยังมีอีกหลาย ๆ เสียงที่ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ "ไอ้คล้าว" ควายแสนรู้ตัวนี้

"เราขออุทิศบุญกุศลที่ทำตั้งแต่อดีตชาติ ถึงปัจจุบันชาติ จงสำเร็จแก่เจ้าคล้าวด้วยเทอญ ขอให้ท่านเจริญไปด้วยความดี ขอให้ท่านไปอยู่ในสุขคติภูมิ พบเจอแต่สิ่งที่เป็นสุขเป็นกุศลด้วเทอญ"

"ขอให้เจ้าคล้าวไปดี ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ขโมยและทำให้เจ้าคล้าวเสียชีวิต จงพบกับความวิบัติหายนะในชีวิตเร็ววันนี้ หลับให้สบายนะคล้าว"

"ขอให้เจ้าคล้าว และผู้เกี่ยวข้องอโหสิต่อผู้กระทำผิดทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา จะได้ไม่มีกรรมสืบเนื่องต่อกันไปไม่จบไม่สิ้น ที่เหลือเป็นเรื่องของผลจากการกระทำ"

ฯลฯ

ทั้งนี้ ล่าสุด มีรายงานข่าวเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ไม่ทราบว่าเป็นควายประทาน และนำควายไปขายที่จังหวัดอุทัยธานีเป็นที่แรก ก่อนจะขายต่ออีกหลายทอด ซึ่งได้เงินรวม 65,000 บาท โดย นายประเสริฐ แสนหาร หรือเตี้ย แกนนำกลุ่ม ได้ส่วนแบ่ง 30,000 บาท ส่วนนายสุรชัย สุดา ได้ส่วนแบ่ง 20,000 บาท และนายทองแดง สินสิบ ได้ส่วนแบ่ง 15,000 บาท ซึ่งทั้ง 3 คนยอมรับว่าก่อเหตุลักควายไปขายโรงฆ่าสัตว์มานานแล้ว และหากพ้นโทษออกมาสัญญาว่าจะเลิกก่อเหตุลักควายส่งโรงฆ่าสัตว์

กรณี "ไอ้คล้าว" สู่การทบทวนระบบจัดการควาย

อย่างไรก็ดี นอกจากการไว้อาลัยแด่ควายเพศผู้ตัวนี้แล้ว ยังมีคำถามตามมาถึงกระบวนการจัดการ "ควาย" ที่ต้องละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ โดยเฉพาะควายที่ถูกไถ่ชีวิต รวมไปถึงควายพระราชทาน และควายประทานอีกหลาย ๆ ตัวในประเทศไทย เรื่องนี้ นัทธี บ่อสุวรรณ ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เปิดประเด็นภายหลังข่าวที่เกิดขึ้นว่า ควรจะต้องทำสัญลักษณ์ และเร่งทำประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนทราบ เนื่องจากยังมีอีกหลายวัดที่มีควายประทานแบบนี้

เช่นเดียวกับ โชคชัย เสมอ ผู้จัดการศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาควายไทย ให้ความเห็นผ่านทีมข่าว Live ว่า ควรมีระบบจัดการควายที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ควายหายแล้วค่อยมาล้อมคอก

"กรณีไอ้คล้าว ทำให้ผมตกใจมาก และไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ยิ่งเป็นควายประทานด้วยแล้ว ยิ่งเกิดความรู้สึกหดหู่ ซึ่งจะโทษใครฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ผิดทั้งคนดูแลที่ประมาทเลินเล่อ ขาดความเอาใจใส่ ทำให้คนร้ายสามารถลักขโมยควายหนีออกไปได้ และผิดทั้งระบบการจัดการควายในปัจจุบันที่ขาดความละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะการทำตำหนิ หรือการจดทะเบียนควาย ซึ่งหละหลวมมากในปัจจุบัน" ผู้จัดการศูนย์อนุรักษ์ และพัฒนาควายไทยเผยถึงปัญหาการลักขโมยควายที่เกิดขึ้น

นี่คือการตอกย้ำถึงตัวกฎหมายไทยว่าด้วยการจะซื้อขายวัวควายที่ต้องมีการรื้อฟื้น และเพิ่มความเข้มในเรื่องการสำแดง หรือแสดงหลักฐาน ตั๋วรูปพรรณวัวควาย เพื่อเร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อจากนี้ รวมไปถึงเพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบการขนย้ายวัวควายทั่วประเทศเพื่อตั้งด่านตรวจสอบ

สอดรับกับความเห็นหนึ่งที่เขียนแสดงทัศนะเกี่ยวกับกฎหมายการฆ่าวัวควายที่ต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า

"เรื่องการฆ่าสัตว์สมัยก่อนจำได้ว่าไปต่างจังหวัด มีคนจะฆ่าวัวเขาจะต้องมีอาชญาบัตร และไปเสียภาษีให้สรรพากรให้ครบถ้วนจึงจะฆ่าได้ เดี๋ยวนี้กฎหมายเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม ฆ่าสัตว์ใหญ่กันได้ง่ายจัง พอเกิดเหตุมีการลักขโมยไปขายง่ายๆ แบบนี้กว่าจะตามเจอก็สายเสียแล้ว นี่เป็นตัวอย่างความเสื่อมของการแก้กฎหมายแบบมักง่าย"

เปิดเส้นทางค้าควายไทย

เมื่อถามลึกลงไปถึงเส้นทางการค้าควายในปัจจุบัน ผู้จัดการศูนย์อนุรักษ์ และพัฒนาควายไทย เล่าให้ฟังว่า มีอยู่ 2 เส้นทางหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ขายเพื่อทำเป็นเนื้อ โดยจะนำส่งเข้าโรงเชือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นควายอายุ 6 เดือน-20 ปี ส่วนอีกทางหนึ่งคือ การนำควายเข้ามาขายตามจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะในแถบจ.ทางภาคอีสาน และภาคกลาง

"การค้าวัวควายเป็นสิ่งที่ทำกันได้ ไม่มีกฎหมายมารองรับ เพราะควายไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ แต่ถ้าจะผิดกฎหมายก็น่าจะเกิดจากการลักลอบควายนำเข้ามา หรือลักลอบส่งออกนอกประเทศ โดยเฉพาะการปล่อยให้มีการขนควายเถื่อนข้ามชายแดน ซึ่งด่านตรวจก็ไม่เข้มงวด โดยเฉพาะด่านตามจังหวัดที่ไม่ค่อยมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง" โชคชัยเผย

อย่างไรก็ดี การไล่ตามเส้นทางขายควายทั้ง 2 ตัว (ไอ้คล้าว-ทองกวาว) ในครั้งนี้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่พบขบวนการโจรกรรมและค้าวัวควายเถื่อนเข้าโรงฆ่าสัตว์และนำควายขายต่อต่างประเทศที่เป็นขบวนการใหญ่ ซึ่งสังคมยังไม่ทราบ และข้อมูลทั้งหมดจะเร่งขยายผลเพื่อกวาดล้างเส้นทางโจรกรรมควายขายโรงเชือด ซึ่งเชื่อว่ามีอีกหลายกลุ่มแก๊ง และทั้งหมดทำเป็นขบวนการ รวมไปถึงโรงฆ่าสัตว์เถื่อนอีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ. ที่วัดโตนดเตี้ย ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีพิธีการฝังควายเพศผู้ชื่อ “คล้าว” ที่ถูกคนร้ายขโมยไปจากวัดในวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ติดตามจนพบ แต่ก็ไม่ทันที่จะช่วยชีวิตเจ้าคล้าวได้ และถูกฆ่าเสียก่อน

ท้ายนี้ก็ได้แต่หวังว่า "ไอ้คล้าว" ควายประทานตัวนี้จะไม่ตายเปล่า!

แม้จะจับคนร้ายที่โจรกรรมควายได้แล้วก็ตาม แต่ก็คงไม่สำคัญเท่ากับความเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบการขนย้ายวัวควายทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น รวมไปถึงการรื้อฟื้น และเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องเอกสาร แสดงหลักฐาน ตั๋วรูปพรรณควาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานการในการจับกุมหากพบว่ามีการนำควายไปทำผิดกฎหมาย

หลับให้สบายนะ "ไอ้คล้าว"

ข่าวโดย : ASTV ผู้จัดการ Live

///////////////////////

ตั๋วรูปพรรณควาย

สมัยก่อนมีการจดทะเบียนควาย เรียกว่า "ตั๋วรูปพรรณ" สมัยนี้ได้ยกเลิกไปแล้ว เหลือแต่เพียงในตำราให้นักศึกษากฎหมายท่องเท่านั้น ซึ่งเป็นเอกสารให้ระบุชื่อผู้ซื้อขายและรูปพรรณวัวควายลงในหนังสือเดินทางว่านายนั้นมาขายกับทั้งฎีกาพิมพ์รูปพรรณเจ้าของและวัวควายให้แก่นายนั้น ภรรยาชื่อนั้น อยู่บ้านเลขที่นั้น อำเภอกำนันนั้น แขวงเมืองนั้น ฎีกานี้ใช้สำหรับวัวควายเท่านั้น แล้วให้อำเภอ กำนัน เสมียน ลงลายมือชื่อประทับตราให้ผู้ซื้อเป็นสำคัญ

ประชาชนแห่ร่วมฝังร่างคุณคล้าว

ทองกวาวกลับถึงวัดกรุงเก่า






ตั๋วรูปพรรณควายแบบเก่า
กำลังโหลดความคิดเห็น