xs
xsm
sm
md
lg

ภาพลวงตา ของ ดาราพรีเซ็นเตอร์!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลกร้าย! เมื่อพรีเซ็นเตอร์กล้องวงจรปิดอย่าง แพนเค้ก-เขมนิจ ถูกขโมยขึ้นบ้าน สูญเครื่องเพชรกว่า 2 แสน แต่กลับไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดใช้เป็นหลักฐานมัดตัว เหตุเพราะไม่ได้ติดตั้งเอาไว้
พอเรื่องแดงออกมาแบบนี้ ผู้คนก็เกิดฉงนสงสัยกันใหญ่ หันมาตั้งคำถามต่อบทบาทพรีเซ็นเตอร์ของเหล่าดาราทั้งหลายว่า มีความซื่อตรงต่อผู้บริโภคแค่ไหน หรือแค่รับเงินค่าตัวจากสินค้าแล้วก็จบกัน... ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง เพราะนี่คือการตลาดและภาพลวงตา!



“บอดี้การ์ด” ของแพน หายไปไหน?
“นี่ไง... บอดี้การ์ดตัวจริงของแพน” เสียงใสๆ ของ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ขณะถือกล้องวงจรปิดยี่ห้อฟูจิโกะนำเสนออย่างหน้าชื่นตาบานในโฆษณา กลายเป็นตลกร้ายให้ผู้คนได้หัวเราะในลำคอแบบขำๆ ขื่นๆ อยู่ในตอนนี้ พร้อมกับตั้งคำถามว่า แล้ว “บอดี้การ์ดตัวจริง” ของนางเอกสาววิก 7 สีคนนี้ หายไปไหน? จึงปล่อยให้ตีนแมวงัดบ้านของเธอช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แล้วกวาดทรัพย์สินมีมูลค่าหายไปอย่างไร้เงื่อนงำเช่นนี้
 

ทั้งนาฬิกาโรเล็กซ์ ราคาประมาณ 1 แสน 5 หมื่นบาท, แหวนทองล้อมเพชร 5 หมื่นบาท และต่างหูเพชรอีกหนึ่งคู่ ประมาณ 1 หมื่น 5 พันบาท รวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนบาท...
 
ทุกชิ้นหายไปโดยไม่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดใดๆ บันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ เพราะพรีเซ็นเตอร์กล้องวงจรปิดอย่างเธอ ไม่ได้ติดตั้งสินค้าที่ตัวเองโฆษณาเอาไว้ในบ้านเลยแม้แต่ตัวเดียว ส่วนเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพราะความเลินเล่อ คิดว่าบ้านอยู่ใกล้ป้อมยามของหมู่บ้านมาก บวกกับทางส่วนกลางก็มีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว จึงมองไม่เห็นความจำเป็นอะไรให้ต้องติดตั้งเพิ่มนั่นเอง
  

แต่ไม่ว่านางเอกหน้าหวานคนนี้จะมีเหตุผลดีแค่ไหนและอธิบายได้น่าฟังเพียงใด สิ่งหนึ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้แล้ว เห็นจะเป็น “ความเชื่อใจ” ของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าและตัวแพนเค้กเอง “คิดดูสิ... แม้แต่พรีเซ็นเตอร์ยังถูกขโมยขึ้นบ้านเลย นับประสาอะไรกับคนซื้ออย่างเราล่ะ” นี่คือหนึ่งตัวอย่างของคำพูดหยิกแกมหยอกที่คนส่วนใหญ่ตราหน้าเอาไว้เรียบร้อยแล้วจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
  

แต่ถึงกระนั้น เจ้าของสินค้าอย่างฟูจิโกะ (บริษัท เอส. จี. ดี. อินเตอร์ เทรดดิ้ง จำกัด) ก็ยังใจดีสู้เสือ คิดว่าสังคมน่าจะแบ่งแยกได้ ไม่เอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเหมารวมกัน สุพรรณี สมาน ผู้จัดการแผนกการตลาด บริษัท เอส. จี. ดี. อินเตอร์ เทรดดิ้ง จำกัด ชี้แจงให้ฟังด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายว่า “ตอนโฆษณา เราไม่ได้บอกนะคะว่าน้องแพนเค้กเขาติดกล้องวงจรไว้ที่บ้านหรือเปล่า เราแค่ให้เขามาพูดแนะนำกล้องเฉยๆ”
  

“เราเลือกน้องแพนเค้กเพราะเห็นว่าเขาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงค่ะ ไม่ค่อยมีภาพลักษณ์เสียๆ หายๆ ไม่มีข่าวไม่ดี เป็นคนตั้งใจทำการทำงาน มีความกตัญญูต่อครอบครัว น่าจะทำงานด้วยกันง่าย ส่วนน้องเขาจะใช้สินค้าของเราไหม เราไม่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไข ไม่ได้อยู่ในสัญญาค่ะ แล้วก็คิดว่าสินค้าชนิดอื่นเขาก็คงไม่ได้ร่างบังคับเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน เราแค่อยากให้คนเห็นหน้าน้องแพนเค้กแล้วนึกถึงฟูจิโกะ แค่นั้นเองค่ะ แล้วตอนนี้ คนทั้งประเทศก็คงเห็นหน้าน้องเขาแล้วยิ่งนึกถึงฟูจิโกะมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น (หัวเราะ)”
 
มองในแง่ดี การสูญทรัพย์ในครั้งนี้อาจถือเป็นการดึงให้คนทั่วไปหันมาติดตั้งกล้องวงจรปิดมากขึ้นก็ได้ “เราอาจจะถือโอกาสให้น้องแพนมาชวนทุกคนให้ติดตั้งก็ได้ค่ะ ว่าขนาดพรีเซ็นเตอร์เราที่ตอนแรกไม่ได้ติด พอขโมยขึ้นปุ๊บ ยังต้องหันมาติดตั้งเลย” ผู้จัดการแผนกการตลาด เจ้าของสินค้า บอกไว้อย่างนั้น ทั้งยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า จริงๆ แล้ว แพนเค้กก็ไม่ถึงกับเข้าข่าย “ไม่ใช้สินค้าที่ตัวเองโฆษณา” เพราะที่บ้านอีก 2 หลังซึ่งอยู่ติดกัน ก็ติดกล้องวงจรปิดยี่ห้อฟูจิโกะเอาไว้ 2 ตัว และร้านขายเท็ดดี้แบร์ที่พารากอนของเธออีกแห่ง แต่ดันเป็นสถานที่ที่ไม่ถูกขโมยขึ้นบ้านเท่านั้นเอง



ร็อกสตาร์ขี่มอ'ไซค์ เชื่อไหมว่าใช้จริง?

ว่าแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จากบรรดาโฆษณาสินค้าที่ใช้เซเลบ-ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ทั้งหมดที่ออนแอร์อยู่ในตอนนี้ มีตัวไหนบ้างที่พรีเซ็นเตอร์ใช้สินค้านั้นจริงๆ? ไม่ใช่แค่ใช้ให้เห็นในจอทีวี... ผศ.ดร.ภิเษก ชัยนิรันดร์ อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย (การตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก) แนะนำว่าอย่าไปเสียเวลาหาคำตอบเลย เพราะโลกของโฆษณาคือมายา ตามหลักการตลาดแล้ว จะพยายามสร้างภาพลวงให้เห็นว่าตัวพรีเซ็นเตอร์กับแบรนด์ (สินค้า) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งที่ความจริงนอกจอ พรีเซ็นเตอร์คนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้สินค้าตัวนั้นในชีวิตจริงก็ได้
 

“พรีเซ็นเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าที่ตัวเองโฆษณาให้นะ ไม่อย่างนั้น คุณตูน-บอดี้สแลม คงแย่ เพราะเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลายตัวมาก (หัวเราะ) ทั้ง M-150, รถกระบะ (มิตซูบิชิ ไทรทัน), แล้วก็ นมดัชมิลล์ ถามว่าเขาต้องใช้หมดนี่เลยไหม เขาอาจจะใช้จริงก็ได้ แต่มันคงยาก และส่วนใหญ่คนคงไม่เชื่ออยู่แล้วล่ะว่าดาราที่โฆษณาจะใช้จริง” อาจารย์ยกตัวอย่างเพิ่มเติม
 

“อย่างคุณอั้ม-พัชราภา ที่โฆษณามิสทีน ถามจริงๆ คุณเชื่อเหรอว่าเขาใช้ ผมว่าไม่มีใครเชื่อสักคน ถ้าเป็น เอสเต ลอเดอร์ หรือ ชิเชโด้ น่ะไม่แน่ อันนี้ต้องพูดกันตรงๆ ว่าตลาดมิสทีนเป็นตลาดล่างมากกว่า ในโปรชัวร์ สินค้าบางตัว มีเงินแค่ 20-30 บาทก็ซื้อได้แล้ว แต่ถามว่าทำไมเขาถึงเลือกคุณอั้มมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็เพราะต้องการสร้างแบรนด์ให้คนรู้สึกว่าใช้แล้วจะสวยเหมือนดาราคนนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วคงสวยไม่ได้เท่าเขาหรอก เพราะเขาคงไม่ได้ใช้ (ยิ้ม)
แต่ทางตรงกันข้าม ถ้าเลือกคุณตุ๊กกี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ชิเชโด้ ถึงแม้เขาจะใช้จริงๆ แต่ให้ตายยังไง ร้อยทั้งร้อยก็ไม่เชื่ออยู่ดี มันเป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ครับ เขาจะเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่น่าจะเหมาะกับสินค้ามาเป็นตัวแทนสินค้า ส่วนพรีเซ็นเตอร์คนนั้นจะใช้สินค้าหรือไม่ใช้ในชีวิตจริงนี่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
 

โฆษณารถมอเตอร์ไซค์คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ ลองพิจารณาตามหลักความจริงแล้ว เหล่าร็อกสตาร์ทั้งหลายที่บิดมอเตอร์ไซค์แว้นๆ อยู่ในทีวีแล้วทำหน้าระรื่นเมื่อถูกลมปะทะหน้านั้น ชีวิตจริงคงไม่มีใครขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกิจวัตรกันอย่างที่อยู่หน้ากล้อง หรือถ้ามีคงเป็นส่วนน้อย ทั้ง บี้-เดอะสตาร์ และ โดม-ปกรณ์ ลัม ซึ่งสวมวิญญาณเป็นสิงห์นักบิด เป็นพรีเซ็นเตอร์ฮอนด้า
แต่ชีวิตจริงก็เห็นๆ กันอยู่ในอินสตาแกรมว่าเจ้าของฉายา “หล่อขั้นเทพ” นิยมขับสปอร์ตคันหรู ลัมโบกินี โฉบเฉี่ยวไปมา แม้ล่าสุดจะเพิ่งออกมาถ่ายรูปกับรถคู่ใจคันใหม่ นิสสัน อัลเมรา อีโคคาร์ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ก็ตาม ทั้งยังประกาศก้องโลกออนไลน์ใน Domepakornlam อินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์และเป็นผู้ใช้จริงด้วยครับ Eco Car นี่แหละเหมาะกับคนยุคนี้ที่สุด”
 
งานนี้ ถามว่าจะเชื่อถือคำพูดของหนุ่มหล่อคนนี้ได้มากน้อยแค่ไหน อาจารย์ภิเษกบอกว่า “ถ้าเขากล้าประกาศขนาดนี้ แสดงว่าเขาคงใช้จริงๆ นั่นแหละครับ แต่อาจจะใช้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง คือคุณโดม อาจจะซื้อรถคันนี้มาเอง หรือทางบริษัทให้มา เนื่องจากต้องการให้โปรโมตในฐานะพรีเซ็นเตอร์ และเขาก็ใช้จริง แต่อาจจะแค่ช่วงนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พูดโกหก ถ้าเขาบอกว่าใช้สินค้าจริงแล้วความจริงไม่ได้ใช้ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าผิดหลักจริยธรรม ไม่รับผิดชอบต่อสังคม
 

สรุปแล้ว เซเลบ-ดารา ควรรับผิดชอบต่อบทบาทการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของตัวเองมากน้อยแค่ไหน?
“ก็คงไม่ต้องถึงกับใช้สินค้าที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์หรอกครับ แต่เพื่อความไม่น่าเกลียด ขอแค่อย่าใช้สินค้าของคู่แข่งก็พอ คือถ้าเป็นพรีเซ็นเตอร์โค้ก ก็ไม่ควรอุดหนุนเป๊ปซี่ หรือถ้าเป็นพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่า ก็ไม่ควรใช้ฮอนด้า ถ้าเป็นสินค้าที่ส่วนแบ่งการตลาดชัดเจนว่า มียักษ์ใหญ่สองรายแข่งกัน เราก็ไม่ควรจะอุดหนุนอีกรายหนึ่ง มันไม่ถึงกับเป็นเรื่องจริยธรรมหรอกนะ แต่ถ้าวันหนึ่งคุณถูกนักข่าวถ่ายรูปเก็บไว้ ประชาชนเห็นก็เสื่อมความศรัทธาหมด ตัวพรีเซ็นเตอร์เองนั่นแหละครับจะเสีย แล้วก็ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าเสียหายไปด้วย

 

ส่วนความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น “ผมเชื่อว่าผู้บริโภคทุกคนมีวิจารณญาณเป็นของตัวเองอยู่แล้วนะ แม้แต่กลุ่มแฟนคลับที่ใช้สินค้าตามดาราที่ชื่นชอบก็ตาม นั่นหมายความว่าเขาผ่านการกลั่นกรองของตัวเองมาแล้ว ถ้าเขาเลือกจะซื้อหรือใช้ตาม นั่นแสดงว่าเขาอยากจะเท่เหมือนดาราคนนั้น
และถ้าเทียบกันจริงๆ ระหว่างดาราแนะนำให้ใช้ผ่านทีวี กับเพื่อนสนิทของเรา แนะนำให้ใช้สินค้าตัวนี้แล้วบอกว่าดี คนส่วนใหญ่ก็ต้องเชื่อเพื่อนมากกว่าอยู่แล้ว เราก็แค่มองเรื่องพรีเซ็นเตอร์เป็นเรื่องธุรกิจอย่างหนึ่งเท่านั้นก็พอครับ เป็นการสร้าง “ภาพลวง” ให้เชื่อให้ซื้อตาม หาความจริงกันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่อยากถูกลวง ก็อย่าหลงภาพที่สินค้าสร้างไว้ก็แล้วกันครับ”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




ขโมยขึ้นบ้าน พรีเซ็นเตอร์กล้องวงจรปิด
พี่ตูนมาในมาดใหม่
เชื่อไหม? ว่าอั้มใช้มิสทีนจริง
นักร้องร็อกมักคู่กับมอเตอร์ไซค์เสมอ
ลัมโบกินีคู่ใจคันก่อน
เปลี่ยนใช้ทันที เมื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น