ดัชมิลล์ ทุ่ม 300 ล้านบาท ระเบิดศึกนมสดพาสเจอร์ไรส์ ส่ง “ตูน บอดี้สแลม”ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ ไล่บี้ เมจิ เจ้าตลาด หวังยกระดับมาตรฐานสินค้ารับมือเออีซี มั่นใจส่งรายได้รวมปีนี้โต 2 หลัก ขยับส่วนแบ่งตลาดได้อีก 2 จุด จากปีมีก่อนมีแชร์รวมที่23%
นางสาวสุพัชรมณี ศรีวลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท ดัชมิลล์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม แบรนด์ ดัชมิลล์ เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการเปิดตัวสู่ตลาดไปแล้ว 3 รายการ คือ ดีน่า บริ้ง, ดัชมิลล์ เชอรี่/มอลเบอรี่, ดีมอลต์ทริปเปิ้ลทรีพลัส และล่าสุดได้เปิดตัว นมสดพาสเจอร์ไรส์ ดัชมิลล์ ซีเล็คเต็ด มาตรฐาน GMP100%
โดยในส่วนของ ดัชมิลล์ ซีเล็คเต็ด ได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการตลาดและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการดึง ตูน บอดี้สแลม เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากตรงกับคาแรคเตร์ของผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกครั้ง โดยตูนถือเป็นตัวแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด กล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่มาตรฐานและสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าให้กับตนเองเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าจะช่วยดันรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอร์ไรส์โตขึ้นอีก 30% หรือเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์มูลค่า 6,500 ล้านบาท เป็น 25%ให้ได้ จากปีก่อนมีแชร์ที่ 21% เท่ากับโฟร์โมสต์ ขณะที่ผู้นำตลาดคือ เมจิ มีแชร์กว่า 52%
นางสุพัชรมณี กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดลิควิดมิ้ลค์ ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท หรือโตไม่ต่ำกว่า 8-9% จากปีก่อนมีมูลค่าที่ 45,000 ล้านบาท ดัชมิลล์เองมองว่าปีนี้จะมีส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มได้อีก 1-2 จุด จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่ 23% และเมื่อรวมกับคัพโยเกิร์ตแล้ว ดัชมิลล์มีแชร์ในตลาดรวมเป็น 26%ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของตลาดนมมาจากปีนี้จะมีการแข่งขันในเรื่องนวัตกรรมมากขึ้น ส่วนในเรื่องของราคาคาดว่าจะยังคงถูกตรึงราคาไว้อยู่ จากล่าสุดตลาดนมมีการปรับราคาน้ำนมดิบไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันราคาน้ำนมดิบอยู่ที่ 18 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตามดัชมิลล์ได้เตรียมความพร้อมสู่ตลาดเออีซีไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาบุคลากร รวมถึงลงทุนในส่วนของการผลิตรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อว่าหลังเปิดเออีซี ตลาดนมจะมีการแข่งขันสูงขึ้น มีแบรนด์ต่างๆเข้ามาในไทยสูง และแบรนด์ไทยจะบุกตลาดเออีซีเช่นกันส่วนในแง่ของราคานั้น มองว่าธรรมชาติของกลไกด้านราคาจะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันราคาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมของไทย ถูกควบคุมราคาโดยภาครัฐ
นางสาวสุพัชรมณี ศรีวลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท ดัชมิลล์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม แบรนด์ ดัชมิลล์ เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการเปิดตัวสู่ตลาดไปแล้ว 3 รายการ คือ ดีน่า บริ้ง, ดัชมิลล์ เชอรี่/มอลเบอรี่, ดีมอลต์ทริปเปิ้ลทรีพลัส และล่าสุดได้เปิดตัว นมสดพาสเจอร์ไรส์ ดัชมิลล์ ซีเล็คเต็ด มาตรฐาน GMP100%
โดยในส่วนของ ดัชมิลล์ ซีเล็คเต็ด ได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการตลาดและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการดึง ตูน บอดี้สแลม เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากตรงกับคาแรคเตร์ของผลิตภัณฑ์ที่ได้มีการยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกครั้ง โดยตูนถือเป็นตัวแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด กล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่มาตรฐานและสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าให้กับตนเองเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าจะช่วยดันรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอร์ไรส์โตขึ้นอีก 30% หรือเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์มูลค่า 6,500 ล้านบาท เป็น 25%ให้ได้ จากปีก่อนมีแชร์ที่ 21% เท่ากับโฟร์โมสต์ ขณะที่ผู้นำตลาดคือ เมจิ มีแชร์กว่า 52%
นางสุพัชรมณี กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดลิควิดมิ้ลค์ ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท หรือโตไม่ต่ำกว่า 8-9% จากปีก่อนมีมูลค่าที่ 45,000 ล้านบาท ดัชมิลล์เองมองว่าปีนี้จะมีส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มได้อีก 1-2 จุด จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่ 23% และเมื่อรวมกับคัพโยเกิร์ตแล้ว ดัชมิลล์มีแชร์ในตลาดรวมเป็น 26%ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของตลาดนมมาจากปีนี้จะมีการแข่งขันในเรื่องนวัตกรรมมากขึ้น ส่วนในเรื่องของราคาคาดว่าจะยังคงถูกตรึงราคาไว้อยู่ จากล่าสุดตลาดนมมีการปรับราคาน้ำนมดิบไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันราคาน้ำนมดิบอยู่ที่ 18 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตามดัชมิลล์ได้เตรียมความพร้อมสู่ตลาดเออีซีไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พัฒนาบุคลากร รวมถึงลงทุนในส่วนของการผลิตรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อว่าหลังเปิดเออีซี ตลาดนมจะมีการแข่งขันสูงขึ้น มีแบรนด์ต่างๆเข้ามาในไทยสูง และแบรนด์ไทยจะบุกตลาดเออีซีเช่นกันส่วนในแง่ของราคานั้น มองว่าธรรมชาติของกลไกด้านราคาจะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันราคาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมของไทย ถูกควบคุมราคาโดยภาครัฐ