“เหนือเมฆ 2”... ตราบใดที่ช่อง 3 ยังคงแบน-ไม่อนุมัติให้ละครเรื่องนี้มีตอนจบเหมือนเรื่องอื่นๆ ก็เห็นทีว่าประเด็นร้อนกรณีนี้คงไม่คลายอุณหภูมิลงอย่างง่ายๆ อย่างแน่นอน
ล่าสุดมีกลุ่มคนกว่า 200 ชีวิต ซึ่งเรียกตัวเองว่า "กลุ่มรณรงค์แบนช่อง3 กรณีถอดละครเหนือเมฆ 2 สนองคำสั่งนักโกงเมือง" ใส่เสื้อขาวสวมหน้ากาก รวมตัวหน้าตึกมาลีนนท์ ขีดเส้นตายพร้อมแบนรายการและโฆษณาที่ออกอากาศผ่านทางช่อง 3
ในขณะที่คนในวงการโทรทัศน์ออกมาแฉแหลก ผ่านงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า มีเบื้องหลังมือมืดสั่งระงับการฉายกลางคันอย่างแน่นอน “ถึงไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าคิดโดยใช้สมองแล้วก็จะรู้โดย Common Sense เองว่าเป็นใคร”
ช่อง 3 รับกรรม มือมืดสั่งแบน!
อยู่ในวงเสวนามาหลายงาน ได้ยินสมมติฐานจากนักวิชาการมาก็มาก แต่ไม่มีใครพูดได้ลึก ตรงจุด และดุเด็ดเผ็ดมันเท่ารายนี้มาก่อน รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนและคร่ำหวอดในวงการโทรทัศน์มานาน จึงรู้จักคนในคนนอกเสียจนมีมุมลับๆ ให้ผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งแบนละครได้ตกใจกันเล่นๆ ด้วยคำพูดในงานเสวนา “ถก!! เหนือเมฆ 2: บทบาทและความรับผิดชอบของสื่อต่อสังคม” ครั้งนี้
“ข้อเท็จจริงบางเรื่อง บางคนเจอ บางคนไม่เจอ นั่นเพราะมีบางคนไปรู้ความจริงในมุมลับๆ และไม่สามารถออกมาเปิดเผยได้ เพราะเป็นคำพูดจาที่พูดกันในที่ลับ ตอนไม่ได้ออกแถลงข่าวให้สัมภาษณ์ แต่เผอิญเรื่องที่เรารู้กันมา ดันมีคนชังฟังอยู่ด้วย บางที คุยกันในภัตตาคารแล้วไม่ไล่บ๋อยออก บ๋อยก็เอาไปนินทาต่อ บางอย่าง เราได้แค่ตั้งสมมติฐาน แต่บางอย่าง เราได้ความจริงเชิงประจักษ์ ซึ่งมันเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ แต่พูดออกมาโต้งๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง”
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้จนใจจะขาดว่า “ใคร” คือผู้ชักใย คือมือมืดต่อสายถึงช่อง 3 ให้สั่งระงับการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ 2 จากคำแนะนำของผู้มีประสบการณ์มานานอย่าง รศ.ดร.เสรี จึงขอให้เลิกหวังคำตอบกันเสียที เพราะ “ต่อให้ถามจนกระทั่งพวกเราทั้งหมดในประเทศไทยตายไป ก็ไม่มีวันจะได้คำตอบ มันก็เหมือนคนที่แอบลักลอบได้เสียกัน ถ้าเราไม่ไปเจาะรูดูเขาเนี่ย เราไม่มีทางรู้เลย” แต่ลองหันมองย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะรู้เองว่า คำตอบมันมีให้เห็นอยู่แล้วว่าช่อง 3 ไม่ได้เซ็นเซอร์ตัวเองเพราะอยากทำเองอย่างแน่นอน
“ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะนั่งถามว่าใครเป็นคนทำ ลองคิดให้ฉลาดขึ้นว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นคืออะไร คุณวรเทพ (รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลบริษัท อสมท จำกัด มหาชน) ก็บอกให้ช่อง 3 ชี้แจง เพราะเป็นเรื่องของช่อง 3 รัฐบาลไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ทางฝั่งช่อง 3 คุณบริสุทธิ์ (บูรณะสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ไทยทีวีสีช่อง 3) ก็อ้างว่างดฉายเพราะคำว่า “ไม่เหมาะสม” ซึ่งคำนี้ เป็นคำที่นักการเมืองใช้เป็นข้ออ้างมาตลอด แต่ไม่เคยอธิบายเลยว่ามันไม่เหมาะสมยังไง
ต้องบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามเกม และรัฐบาลนี้ เขาก็เก่งมากเรื่องการเล่นเกมเอ็กซ์-โอ เขาเป็นคนขีดเอ็กซ์ให้คนอื่นขีดโอ ยังไงเขาก็ชนะ พอขีดเอ็กซ์ไว้ ช่อง 3 ก็ขานรับ ออกมาพูดว่าไม่เหมาะสมเพราะขัดมาตราที่ 37 เลยไม่อนุญาตให้ฉาย พูดถึงขนาดที่ว่านอกจากไม่ให้ฉายแล้ว ยังไม่ลงยูทูป ไม่ทำซีดีขายด้วย ประกาศชัดเจนขนาดนี้ ถ้าจะกลืนน้ำลายก็คงทำได้ยากมากแล้ว พอรัฐบาลเห็นว่าช่อง 3 กลับคำไม่ได้แล้ว เขาก็เดินหมากของเขาต่อ ออกมาประกาศบอกให้ช่อง 3 ฉาย เราไม่ได้ว่าอะไรนะ ตามสบายเลย แม้แต่คุณโอ๊คอ๊าคก็ยังบอกว่าฉายสิๆ เพราะเขารู้เกมแล้วว่า เมื่อช่อง 3 ได้ถ่มน้ำลายออกไปแล้ว ไม่มีวันเลียกลับคืนแน่นอน
ดังนั้น เราไม่มีทางรู้ความจริงเลยว่า ตกลงแล้วทั้งสองฝ่ายเขาแวะมาหากันหรือเปล่า เขาแอบมาได้เสียกันไหม ต่อให้เค้นคอถามยังไงก็ไม่ได้คำตอบ เพราะฉะนั้น อย่าถามให้เหนื่อยเลย ใช้สมองของเราคิดเอาเองดีกว่า อย่าเปลืองน้ำลายถามเลย เก็บน้ำลายไว้ละลายฮอลล์ในปากยังจะดีกว่า เพราะฉะนั้น ที่เหนือเมฆ 2 ถูกแบน สรุปเอาด้วยสมองได้ว่า มีผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ส่วนจะเป็นใครก็แล้วแต่ และช่อง 3 เองก็น้ำท่วมปาก เพราะอยู่ในฐานะนักธุรกิจที่ไม่อยากจะมีปัญหากับนักการเมือง ก็เลยต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ ต้องออกมาเป็นแพะ เป็นหนังหน้าไฟ เพราะจะทำยังไงได้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้”
ประณาม... สื่อหน้าด้าน-ไร้ศีลธรรม
ถามว่าทำไมช่อง 3 ต้องกลัวอำนาจมืด นั่นก็เป็นเพราะทางสถานียังเป็นสื่อที่อยู่ในระบบสัมปทาน “การเป็นธุรกิจสัมปทานนั้นไม่ต่างจากทาส ถ้าหากเขาอยากให้เราหลุดจากสัมปทาน เอาแค่จุดเล็กๆ มาอ้างก็ได้ หาเรื่องมายกเลิกสัมปทาน ถามว่าหายากไหม ถ้าคนมันตั้งใจจะหา ยังไงก็เจอ เพราะฉะนั้น อีกมุมหนึ่ง ช่อง 3 ก็น่าเห็นใจ เพราะเขาต้องเลือกระหว่างจะยอมถูกรุมประณามโดยพวกหน้ากากขาว-คนในโซเชียลมีเดีย ที่ออกมาประท้วงหน้าตึกมาลีนนท์ หรือจะเลือกให้ธุรกิจถูกสั่นคลอน และเขาก็เลยเลือกถูกคนด่า ดีกว่าธุรกิจต้องสั่นคลอน”
นี่คืออีกมุมคิดจาก รศ.ดร.เสรี ซึ่งพยายามมองอย่างเข้าใจช่อง 3 แต่ในอีกมุมหนึ่งจาก น.พ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล แล้ว พูดได้คำเดียวว่า “ผมรับไม่ได้จริงๆ ครับ กับความหน้าด้าน ไร้ศีลธรรม ในครั้งนี้” จนต้องขอถอนตัวจากการเป็นผู้ดำเนินรายการชูรักชูรสซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 มาหลายปี โดยเปิดใจให้เหตุผลว่า
“ความ หน้าด้าน และ ไร้ศักดิ์ศรี มันเกิดขึ้นมาหลายครั้งจนตัวผมรับไม่ได้แล้ว ก็เลยระเบิดออกมา กลับไปย้อนนึกถึงตั้งแต่กรณี Thailand's got talent ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ทางช่องจ่ายค่าปรับไป และบริษัทผู้ผลิตรายการนั้นก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ถ้าถามผม ผมว่าควรจะเอารายการของบริษัทนั้นออกไปจากช่องเลยด้วยซ้ำ แค่ออกมาขอโทษขอโพยแล้วก็จบกันไป อีกกรณีคือพิธีกรฝีปากกล้ารายหนึ่ง พวกเราก็ลุ้นอยู่ว่าเรื่องจะจบลงตรงไหน โฆษณาก็ออกมาบอกว่าจะถอน ไม่สนับสนุน แต่พอปีใหม่ก็ยังลอยหน้าลอยตาเหมือนเดิม ทำให้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าความหน้าด้านมันลอยออกมาให้เห็นชัดมาก ยิ่งมีกรณีเหนือเมฆมาอีก เลยไม่ไหวแล้ว
มันไม่ใช่แค่ทางช่องสองมาตรฐาน แต่นี่มีหลายมาตรฐาน ตามใจฉัน ฉันอยากจะทำอะไรฉันก็ทำ ถามว่าถูกต้องไหม ไม่ถูกนะครับ ท่านจำได้ไหมว่าสโลแกนของช่อง 3 คืออะไร “คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3” ความคุ้มค่าที่พูดถึงนั้น ประชาชนต้องได้รับความคุ้มค่า ไม่ใช่นำเสนอเรื่องที่คุณคิดว่าคุ้มค่า เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง แค่นั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของสื่อแล้ว ผมมีโอกาสได้คุยกับบุคลากรเก่าแก่ของช่อง 3 อยู่มานานตั้งแต่ช่อง 3 เปิดใหม่ๆ พอถูกถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง อายไหมที่อยู่ในองค์กรนี้ เขาก็ตอบว่าเขาอาย ผมก็เลยคิดว่าถ้าเรายังทำงานอยู่ในองค์กรที่บุคลากรพูดว่า อาย ที่จะอยู่ในองค์กรนั้น แสดงว่าองค์กรนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิงแล้วล่ะ”
การที่นายแพทย์ถอนตัวออกจากสถานะ “ลูกจ้าง” ของช่อง 3 อาจไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกรณีแบนละครเหนือเมฆมากนัก แต่เขาก็หวังเล็กๆ ว่ามันจะเป็นการ “สะกิดวัว กระทบคราด กระเด้งถึงดวงดาว” ได้บ้าง โดยเปรียบวัวเป็นรายการชูรักชูรส ที่ไปกระทบคราดคือช่อง 3 แล้วกระเด้งไปถึงดวงดาว “ส่วนดวงดาวจะเป็นใครนี่ ให้คิดกันเอาเองนะครับ เพราะมันยังไม่มีหลักฐาน คงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ก็เป็นอันว่ารู้กันจาก Common Sense แล้วกันว่าคือใคร”
แม้ขณะนี้จะยังไม่มีคำตอบออกมาจากปากใครชัดๆ ว่า “มือมืด” คนนั้นคือใคร แต่เชื่อแน่ว่าผลจากการกระทำนั้นจะสะท้อนกลับไปยังต้นเหตุในไม่ช้า “ถึงแม้เราจะไม่สามารถหาตัวคนบงการการแบนได้ แต่เราจะทำให้คนที่คิดจะทำรอบสอง ต้องคิดหนัก แค่นี้เราก็พอใจแล้ว” รศ.ดร.เสรี บอกไว้อย่างนั้น
และถ้าช่อง 3 อยากถอยกลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไปก็ยังไม่สายเกินไป “ช่อง 3 ต้องอย่าคิดว่าตัวเองเดียวดาย เชื่อเถอะว่าถ้าช่อง 3 แสดงตนว่าเป็นสื่อที่มีศักดิ์ศรี ถ้าคิดจะรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ รักษาเสรีภาพของประชาชน แล้วเกิดโดนอะไรขึ้นมา พวกเราจะไม่ปล่อยนิ่งเฉยอย่างแน่นอน”
เช่นเดียวกับที่ผู้คนกว่า 200 ชีวิตจากโซเชียลมีเดีย ออกมารวมตัวประท้วงหน้าตึกมาลีนนท์ แสดงให้เห็นถึงพลังประชาชนแล้วว่าพร้อมแบนอำนาจมืดในสังคม ชูป้ายให้กำลังใจทีมงานละคร “เหนือเมฆ2” พร้อมขีดเส้นตาย 1 อาทิตย์ต่อจากนี้ หากช่อง3 ไม่ดำเนินการใดๆ จะเริ่มเดินหน้าประกาศรณรงค์ทางสื่อออนไลน์ ให้งดชมรายการข่าวและละครของทางสถานี รวมถึงลดการบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์ ที่โฆษณาผ่านทางช่อง3 แบบจัดเต็ม!!
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการรายวัน
ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิกเพื่อไปยังหน้าข่าว)
- ขี้ข้าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3...
- “สรยุทธ” ยอมอ่านข่าว “เหนือเมฆ” แล้ว หลังช่อง 3 โดนบุกประท้วง
- “ช่อง 3” ยัน “เหนือเมฆ 2” เนื้อหาสุ่มเสี่ยง วอนอย่าโยงการเมือง
- “วราเทพ” ปัดสั่งแบน “เหนือเมฆ 2” แต่ช่อง 3 เห็นว่าเนื้อหาไม่เหมาะสม
คลิป ดร.เสรี แฉมือมืด แบน "เหนือเมฆ"
คลิป ประชด... เหนือเมฆ ผิดมาตรา 37 ตรงไหน?