เมื่อเซ็กซ์กลายเป็นจุดขายของหนังสือนิยาย ความสนใจจึงตกไปอยู่ที่กลุ่มวัยรุ่นที่สามารถซื้อหนังสือได้สบาย ๆ ในราคาที่ไม่แพงมากนัก โดยไม่สนใจเรตติ้งที่เขียนติดอยู่บนปกหนังสือเลยแม้แต่น้อย บางร้านหนังสือยังเปิดโอกาสให้นักอ่านสามารถทดลองอ่านหนังสือได้ฟรี ๆ คงต้องยอมรับว่าการเขียนฉากรักในนิยายทำให้หนังสือนิยายเป็นที่ต้องการของตลาด การแสดงฉากรักผ่านตัวหนังสือดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยดูเหมือนว่านิยายที่ไม่มีฉากรักคงไม่เป็นที่ต้องการไปเสียแล้ว
การจัดเรตติ้งนิยายดูเหมือนจะเป็นวิธีการแบบไทยๆ คือวัวหายล้อมคอมอีกตามเคย ประเด็นคือเมื่อล้อมคอกจริง ๆแล้วจะปฎิบัติได้จริงหรือ เพราะคนที่กำลังจะย้ายไปอยู่ในคอกก็ระวังตัว อยากรอดูทีท่าที่ชัดเจนเพื่อจะได้ปรับตัวรองรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนคนที่อยู่ในคอกแล้วก็อาจจะอยากย้ายออกไปอยู่นอกคอก
คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าเป็นยุคสมัยที่กำลังเดินหน้าเข้าสู้ความเฟื่องฟูและเต็มไปด้วยความคิดที่ถูกถ่ายทอดจากนักเขียนสู่ปลายปากกาไปจนถึงสายตาของนักอ่าน จนมีให้ผู้อ่านได้เลือกอ่านมากมายหลายรูปแบบที่สามารถเรียกได้เต็มปากเลยว่า ทุกซอกทุกมุม สิ่งหนึ่งที่ดูจะขัดแย้งกันเป็นพิเศษกลับกลายเป็นร้านหนังสือเองที่ชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยนิยายรักแสนหวานกึ่งโรแมนติก หรือแม้กระทั่งงานเขียนที่แฝงไว้ด้วยเนื้อหาในบางฉากบางตอนที่เลยเถิดไปจนถึงเรื่องบนเตียงซึ้งกำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้อย่างวรรณกรรมอิโรติก
จัดเรตติ้งหนังสือ ป้องกันเด็กอ่าน ?
จากกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะจัดเรตติ้งหนังสือประเภทต่าง ๆ ตามที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยเสนอนั้น ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เล่าถึงที่มาของการจัดเรตติ้งสื่อให้ฟังว่า เริ่มขึ้นในปี 2547 จากการวิจัย เด็กไทยในมิติวัฒนธรรมของกระทรวงผู้วิจัยคือสถาบันรามจิตติ ทำการวิจัยปัญหาความเบี่ยงเบนในสถานการณ์เด็กไทยตั้งแต่ ปี 2547 ถึงปัจจุบันพบปัญหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ อาชญากรรม ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมและค่านิยม มีวิธีคิดเช่นนี้ก็คือ สื่อ นักวิจัยสรุปว่า ควรแก้ปัญหาที่สื่อเพื่อไม่ให้เบี่ยงเบน เป็นการทำงานร่วมกันทั้งระบบคือ คนในสังคม ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ จึงมีความเห็นว่า ต้องมีการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อทุกประเภท
“เด็กอ่านหนังสือหนังสือมักสอดแทรกความลามก ผู้ใหญ่อ่านแมกกาซีนที่วางอยู่บนแผงก็คละเคล้าไปด้วยภาพที่ล่อแหลม อ่านได้อย่างเปิดเผย ยิ่งประเทศไทยมีหนังสือมือสอง มากมาย ที่หาซื้อได้ง่าย รวมทั้งหนังสือที่ออกมาใหม่ก็มีกลยุทธ์ทางการตลาด คือ การปันกัน เช่น หนังสือราคา 90 บาท อาจจะจ่ายเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน ตกเล่มละ 10-15 บาท แล้วก็แชร์กันอ่าน
แค่นี้ยังไม่พอหนังสือถูกส่งต่อไปที่รถซาเล้ง ไปยังผู้ใหญ่หรือเด็กในระดับล่าง คนที่อยู่ในฐานะหาเช้ากินค่ำก็ได้อ่าน ตรงนี้อาจกลายเป็นปัญหาสังคมที่คนบางกลุ่มอาจมองไม่เห็นถึงโทษตรงนี้ว่า วันหนึ่งคนที่ถูกทำร้ายจากเด็กหรือคนเหล่านั้นอาจเป็นลูกหลานของคุณก็ได้ จึงต้องมองให้ครอบคลุม มองที่เจตนา เพราะไม่มีใครอยากถูกจับผิด เพราะจะไปขัดผลประโยชน์ ขัดช่องทางหารายได้ อยากให้มองทุก ๆ สังคมว่าเราต้องอยู่ร่วมกัน”
ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมฯ ลัดดาพูดอีกว่า ผลจากสถานการณ์ของการวิจัยที่ออกมา จึงมีการจัดเรตติ้งขึ้น เริ่มที่โทรทัศน์เป็นอันดับแรก เพราะเป็นสื่อที่มีอำนาจแพร่กระจาย เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ในขณะเดียวกันรัฐบาลเห็นว่า ความเบี่ยงเบนของเด็กและเยาวชน เกิดขึ้นมากจึงมีคำสั่งให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดระดับความเหมาะสมของสื่อทุกประเภท ทุกวันนี้เด็กถึงก้าวกระโดด เด็กอายุ 11 ขวบ เคยมีเพศสัมพันธ์ ทำแท้งมาแล้ว 3 ครั้ง คนในสังคมไม่ได้มองว่า สังคมเกิดความผิดพลาดขึ้นมากแล้ว เพราะไม่มีการจัดระบบ ระเบียบให้เกิดขึ้น การที่เด็ก ๆ เยาวชน กล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับวัย เป็นเพราะเห็นตัวอย่างจากสื่อต่าง ๆ
หลังจากทำเรตติ้งโทรทัศน์แล้ว ได้ทำเรตติ้งหนังสือคู่ขนานกันไปด้วย เพราะหนังสือน่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะเข้าไปถึงหนังสือการ์ตูน ที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นภัยกับเด็ก ความจริง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กได้รับจากการอ่านหนังสือการ์ตูนที่อ่านมากันตั้งแต่ประถม บางคนอ่านจนเข้ามหาวิทยาลัย มีการ์ตูนบางประเภทมีการสอดแทรกเรื่องของเพศเข้าไป เด็กอ่านแล้วอยากทดลอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติตามนิสัยของเด็ก ในเมื่อมีอาหารสีสันน่ากินวางอยู่ตรงหน้า ใครบ้างไม่อยากกิน ยิ่งถ้าเด็กไม่มีพ่อ แม่ คอยให้คำปรึกษา ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่
“ปัญหาที่เป็นอยู่ในเรื่องของสื่อสิ่งพิมพ์ เห็นได้จากงานสัปดาห์หนังสือระดับชาติ ซึ่งรวบรวมหนังสือดี ๆ จากหลาย ๆ สำนักพิมพ์ ก็ยังมีสิ่งพิมพ์ลามกที่ไม่เป็นประโยชน์เข้ามาในงาน จริง ๆ แล้วเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ต้องเรียนรู้กันลึกซึ้งขนาดนั้น เมื่อถึงเวลาถึงวัยที่สมควรก็ต้องได้พบเจอ การกระทำเช่นนี้กำลังทำให้สังคมเลวร้ายลง”
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจจึงเข้ามาเป็นอนุกรรมการปราบปราม ในคณะกรรมการชุดใหญ่ เรื่องการขจัดสื่อร้ายขยายสื่อดี ที่มี 5 คณะด้วยกัน คือ ขจัดสื่อร้าย เป็นการจับ ปราบปราม สื่อที่ไม่เป็นประโยชน์ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นแกนนำ ขยายสื่อดี โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นการเปิดโอกาสให้มีพื้นที่ดี ๆ มีกองทุนที่จะสร้างสื่อ เช่น กองทุนวัฒนธรรม กองทุนพัฒนาสื่อเพื่อเด็ก เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมามีคนอยากทำแต่ไม่มีทุนและช่องไม่รับเพราะไม่มีโฆษณาเข้า แต่ถ้าภาครัฐมีกองทุนจะได้มีโอกาสทำสื่อดี ๆ ออกมาสู่สังคมได้
ต่อมาคือสร้างภูมิคุ้มกัน มีกระทรวงศึกษาธิการเป็นแกนหลัก โดยทำอย่างไรให้เด็กมองรู้ดูออกสื่อ เด็กจะได้รู้ว่าสื่อนี้อันตราย ไม่เหมาะสมกับเขา มีการพัฒนาหลักสูตร เปรียบเสมือนฉีดวัคซีนให้เด็ก เพราะสังคมไทยทุกวันนี้ พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกเท่าที่ควร เด็กจึงมีชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียน ตรงนี้เด็กจะถูกบ่มเพาะจากที่โรงเรียน เมื่อเด็กเข้าใจมองรู้ดูออกสื่อ ถึงแม้วันข้างหน้าจะมีขนมสีสันสวยงามมาวางตรงหน้า เด็กก็จะไม่กินเพราะรู้ว่าในขนมนั้นมียาพิษ
ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมฯ ลัดดาได้พูดปิดท้ายว่า หากมองดี ๆ จะเห็นว่าไม่มีสิ่งแปลกใหม่ เพียงแต่เราละเลยเรื่องของจิตใจ อะไรเหมาะสมกับกลุ่มคนวัยนี้ หนังสือเหล่านี้วัยนี้ควรอ่าน ในส่วนของการตัดบทรักในนวนิยายโรมานซ์นั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไร หากมีสำหรับหนังสือที่ผลิตออกมาแล้ว ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์จะทำการปรับปรุงหนังสือเรื่องนั้น ๆ ซึ่งทางกระทรวงมีหน้าที่ในการเฝ้าระวังไม่ให้มีหนังสือที่เบี่ยงเบน หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายออกมาสู่ประชาชนเท่านั้น ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วทางผู้ประพันธ์หรือผู้แปลก็จะต้องมีวิธีในการสื่อความหมายในการประพันธ์หรือการแปลที่เหมาะสม อ่านแล้วเข้าใจในมิติที่ตรงกัน
หนังสือเป็นสื่อที่สร้างความสุนทรีย์ทางอารมณ์ ที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อะไรหลาย ๆ อย่างขึ้น สามารถรู้โลกได้จากหนังสือ เมื่อหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้กับคนอ่าน ถามว่าสังคมจะน่าอยู่ไหม เรื่องที่ไม่ดี ถ้าหันกลับมามองสังคมอยากให้เขียนลงไปน้อย ๆ เจือปนลงไปน้อย ๆ หาสิ่งดี ๆ อะไรมีประเทืองปัญญาใส่ลงไปจะดีกว่า อย่ามองเพียงแค่ กำไร ขาดทุน เจ้าของบทประพันธ์จะได้ภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ขึ้นมา เมื่อได้รับคำชมหรือความนิยมจากผู้อ่าน
การจัดเรตติ้งของหนังสือ เป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการจัดระเบียบ เปรียบเสมือนในขณะนี้เรามีด้ายอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่ขมวดเป็นปมมากมาย ถึงเวลาที่เราจะมานั่งแกะคลายปม ต่าง ๆ เหล่านั้นออก จัดใส่หลอดด้ายให้ถูกสี ถูกขนาด เพื่อจะได้นำมาถักทอออกมาเป็นผ้าที่สวยงามต่อไปได้ ถ้าจิตใต้สำนึกของทุกคน มองอย่างสร้างสรรค์ เห็นอำนาจของจิตใจมาก่อนสิ่งอื่นใด การจัดเรตติ้งก็คงไม่จำเป็น
แง่มุมนักเขียนกับนิยายอิโรติก
การดา ร่วมพุ่ม หรือวลีวิไล นักเขียนนิยายรักรุ่นใหม่ในเครือสำนักพิมพ์แจ่มใส ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดหนังสือในบ้านเราว่า ปัจจุบันตลาดหนังสือในบ้านเรามีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง มีสำนักพิมพ์เกิดใหม่มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มนิยายรักวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขยายตัวอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีนิยายแนวแฟนตาซีที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งด้านการเขียนและการอ่าน ส่วนโอกาสในการมีผลงานรวมเล่มก็ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก
“ในแง่การตลาดนิยายจะขายดีกว่ามาก อาจเป็นเพราะตลาดหลักของหนังสือทุกวันนี้คือกลุ่มวัยรุ่นและสตรีวัยทำงาน ซึ่งวัยรุ่นในยุคนี้ส่วนใหญ่ต้องการอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องการความละเมียดละไมของภาษา ไม่ต้องการสาระมากเพราะหนักสมอง ส่วนสาว ๆ ที่อ่านนิยายเพื่อพักจากโลกแห่งความจริงเพื่อเข้าสู้โลกแห่งความฝันและจินตนาการ นิยายรักจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี ทางสำนักพิมพ์จึงต้องตีพิมพ์งานเพื่อความอยู่รอด”
นอกจากนี้นางสาวการดายังกล่าวถึงกรณีที่มีบางสำนักพิมพ์ระบุข้อความซึ้งขัดกับประเภทของหนังสือว่า “ข้อความที่เขียนไว้คือนายของตัวเองเหมือนกับคำพูดของเรา หนังสือแต่ละเล่มมีความเหมาะสมกับผู้อ่านแต่ละคน บางเล่มเหมาะกับเด็ก บางเล่มเหมาะกับผู้ใหญ่ ไม่ใช่เอะอะก็ส่งเสริมการอ่าน บางที่ก็เป็นแค่ถ้อยคำที่หยิบยกมาบังหน้าให้ดูดี และสุดท้ายเราทุกคนต้องมีวิจารณญาณในการเปิดรับและคัดกรองเนื้อหาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีสำหรับเยาวชน
ส่วนด้านนักเขียนซีไรท์ที่โลดแล่นอยู่บนวงการสายน้ำหมึกมานานปีอย่าง วินทร์ เลียววาริณ กลับมองกระแสของตลาดวรรณกรรมว่า คนเราจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อได้รับประทานอาหารครบหมู่และได้วิตามินอย่างครบถ้วน หนังสือก็เช่นกัน ต้องอ่านหลากหลาย จึงจะได้วิตามินทางปัญญา และวรรณกรรมก็เป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็น เราต้องรักษาพื้นที่งานวรรณกรรมในตลาดอย่างแน่นอน
“นิยายอิโรติกเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ถ้าเขียนได้มีคุณภาพ ก็ไม่ใช้งานที่จะต้องห้ามแต่อย่างไร นิยายอิโรติกที่ดีนั้นมีมากมาย แต่ปัญหาก็คือเราต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรคืออิโรติก อะไรเป็นหนังสือปกขาว อย่างหลังคือหนังสือที่เขียนไม่ดี เขียนยั่วยุ อ่านแล้วไม่สร้างสรรค์ ก็ไม่เหมาะทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นสังคมไหน”
ให้ความสำคัญแก่ผู้อ่านหรือเพื่อเงิน
หนังสือนิยายอิโรติกที่มองเพียงหน้าปกแล้วอาจคิดว่าเป็นนิยายรักแสนหวานธรรมดา แต่เมื่ออ่านลึกเข้าไปในเนื้อหาแล้ว ด้วยภาษาที่ล่อแหลมทำให้ผู้ใหญ่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหนังสือที่ลูกหลานท่านอ่านนั้นเป็นหนังสือนิยายที่แฝงไปด้วยสิ่งลามกอนาจาร
นิยายหลาย ๆ เล่มเพียงแค่ภาพหน้าปกบวกกับชื่อเรื่องของนิยายก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเนื้อหาภายในต้องส่อไปทางเรื่องรักใคร่ การจัดเรตติ้งของหนังสือคงยังไม่พอ เรื่องนี้คงต้องขึ้นกับว่าพนักงานขายหรือทางผู้ขายมีการวางแผนการขายอย่างไร ไม่ใช่ใครซื้อก็ขายเพราะหวังที่จะได้เงินเพียงอย่างเดียว
จากกระแสการอ่านที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของคนในสังคมไทยว่ากำลังสนใจในเรื่องใดแล้วยังบ่งบอกให้ได้เห็นอีกว่าคนทำหนังสือให้ความสำคัญกับสิ่งใดเป็นหลักระหว่างการสร้างสรรค์งานเขียนเพื่อเติมความรู้ให้แก่ผู้อ่าน หรือสร้างงานเขียนเพื่อเรียกเงินเข้ากระเป๋าในเชิงธุรกิจ
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite