**การหลั่งน้ำตาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ญาติเหยื่อเสื้อแดงที่ยังคงเป็นเหยื่อรัฐบาลเพื่อไทย ไปเข้าพบนับเป็นดราม่า “ตอแหลขั้นเทพ”ที่แม้แต่ดาราเจ้าบทบาทก็คงต้องยกนิ้วให้
ทั้งตัวแม่และตัวประกอบที่ได้รับเงิน 7.75 ล้านบาทจากภาษีประชาชน จนพร้อมที่จะทิ้งให้วิญญาณญาติตัวเองกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนทวงถามความเป็นธรรมที่จะไม่มีทางได้รับจนนอนตายตาไม่หลับ
ภาพที่กอดกันกลมน้ำตาซึมนั้น จะทำให้คนเสื้อแดงเคลิ้มไปเหมือนกับดูละครแล้วสงสารนางเอกว่าถูกกระทำหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของแต่ละคน
**แต่ที่แน่ ๆ คนธรรมดาใช้แค่สามัญสำนึกก็ได้ข้อสรุปเหตุการณ์ดังกล่าวว่า“แม่มดราม่า ตอแหล สุด ๆ อย่างไม่ละอายเสียด้วย”
ยิ่งลักษณ์ กล้าพูดว่า ให้เสียสละให้อภัยใช้หลักเมตตาธรรม แต่กลับไม่พูดความจริงว่าตระกูลชินวัตร อาฆาตแค้นประเทศไทยจนถึงขั้นปลุกประชาชนเผาบ้านเผาเมือง สร้างความแตกแยกรุนแรงในแผ่นดินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
โดยเฉพาะตัวพ่ออย่างนักโทษหนีคดี ที่มีแต่กอบโกยเอาจากแผ่นดินแม่ แต่ไม่เคยคิดปล่อยปละละวางเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้ามีแต่จะฉุดรั้งประเทศเอาไว้กับปัญหาของตัวเองจนชาติตกหลุมดำที่ตระกูลชิน ช่วยกันสร้าง เพื่อจับบ้านเมืองเป็นตัวประกันแลกกับการให้ ทักษิณ อยู่เหนือระบบกฎหมายไทย ใช้สภาล้มอำนาจตุลาการ
อยากถาม ยิ่งลักษณ์ว่า เรียกร้องให้คนอื่นให้อภัยพี่ชายนักโทษหนีคดี แล้วตระกูลชินวัตร เคยให้ความเป็นธรรมกับชาติ และประชาชนบ้างหรือไม่
เพราะนอกจากไม่ยอมพาชาติเดินหน้าในโอกาสที่ได้บริหารประเทศกว่าสองปีที่ผ่านมา แล้วยังนำพาชาติถดถอยในทุกด้าน และกำลังพาประเทศเข้าสู่คิลลิ่งโซนทางการเมือง ที่อาจเกิดสงครามประชาชนได้ทุกเมื่อ ด้วยการล้มล้างระบบกฎหมายล้างผิดให้กับคนฆ่า เผา โกง
แถมล่าสุดยังกล้าออกแถลงการณ์สวนความต้องการของประชาชนที่แสดงออกกันทั่วประเทศอย่างกว้างขวางว่า ไม่ต้องการกฎหมายฟอกผิดคนโกงโดยโยนเผือกร้อนไปให้สมาชิกวุฒิสภา อ้างว่าไม่สามารถก้าวก่ายได้ ทั้งๆ ที่่ตัวเธอเองก็รู้ว่า “มันไม่จริง”
**แต่จะหาสำนึกอะไรจากคนโกหก ที่โกหกทุกวันจนชิน ตอแหลทุกที่จนเป็นกิจวัตร
**ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมทั้งบรรดาขี้ข้าที่รับใช้นักโทษหนีคดีหากไม่ได้พลาดครั้งใหญ่ก็จงใจที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นเรียกแขก คือ ประชาชนผู้เห็นต่างให้ออกมาแล้วปราบปรามให้ราบคาบเสียทีเดียวตามความเหิมเกริม ลุแก่อำนาจ ที่เป็นสันดานดิบของนักโทษหนีคดี
ท่าทีของยิ่งลักษณ์ ที่เมื่อวานร้องไห้ แต่วันนี้ออกมาแข็งกร้าว ดันสุดซอยต่อ จึงต้องขอให้ประชาชนจัดหนักซอยให้สุดๆ เพื่อจุดไฟสว่างในนาครจากความมืดมิดที่ราหูตระกูลชิน อมไว้เสียที
เชื่อได้เลยว่าหลังคำแถลงของดาราเจ้าน้ำตา จะทำให้ถนนทุกสายพุ่งตรงมาที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่แม้จะเริ่มโดย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่แค่วันแรกที่ถนนราชดำเนินบนเวทีก็มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นเวทีของประชาชน มีกวีซีไรท์ อย่าง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ไปร่วมร่ายกวีปลุกใจผู้ชุมนุม และยังมีศิลปิน ทั้งดารา นักร้อง ตลกที่มีชื่อเสียงแห่กันไปที่เวทีบนถนนแห่งประวัติศาสตร์กันอย่างเนืองแน่น
พร้อมเปิดตัวต่อต้านผ่านโลกอินเตอร์เน็ตกันอย่างกว้างขวาง จนเกิดกระแสคัดค้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ใครจะคิดว่าการนัดเป่านกหวีดที่สีลม ในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา จะมีคนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่น มายืนบนถนนเพื่อร่วมเป่านกหวีดยาวนานเกือบสองนาที เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ไม่เอาล้างผิดคนโกง
และยังมีการนัดต่อเนื่องแสดงพลังนกหวีดกันอีกครั้ง ในวันพุธที่ 7 ตุลาคมนี้ เวลาเดิม คือ 12.34 น. ซึ่งเป็นเลขที่มีความหมายให้เห็นถึงการเดินไปข้างหน้าด้วยการหยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง โดยเชื่อได้เลยว่าจะมีคนมาร่วมไม่น้อยไปกว่าเดิม แต่อาจจะล้นหลามจนรัฐบาลคาดไม่ถึง
ไม่แตกต่างจากการเดินขบวนของม็อบสามเสน ที่มีประชาชนหลายหมื่นคนมาร่วมขบวนจนมีการยกระดับ ยึดพื้นที่ราชดำเนินเป็นที่ปิดจ๊อบรัฐบาลยิ่งลักษณ์
คำแถลงการณ์ของยิ่งลักษณ์ เป็นเงื่อนไขชิ้นดี ที่จะให้ขบวนการประชาชนโดยเฉพาะเวทีที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ยกระดับการชุมนุมไปสู่การขับไล่รัฐบาลแทนการให้ถอนกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว
เพราะบัดนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดแล้วว่า ไร้สำนึกเพื่อชาติ มีแต่ความเห็นแก่ตัวเพื่อพี่ชาย จึงไร้ความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศชาติอีกต่อไป
แม้ว่า นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ขี้ข้าคนโปรดของทักษิณ จะออกมาแถลงไล่หลัง ยิ่งลักษณ์ ว่าวุฒิสภาจะคว่ำกฎหมายนี้ในวาระแรก แต่ไม่ได้หมายความว่า กฎหมายนี้จะตกไป เพราะเสียงข้างมากของสภา ยังคงสามารถยืนยันกฎหมายได้อีก และจากท่าทีของยิ่งลักษณ์ ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้ถอย
เพียงแต่กำลัง “สับขาหลอก” เพื่อลดกระแสแรงต่อต้านของประชาชนลงอย่างน้อยก็ 6 เดือน ที่จะต้องรอการพิจารณาของสภา หากมีการคว่ำร่างนิรโทษกรรมในวาระแรกจากวุฒิสภาจริง
** ดังนั้นจึงเท่ากับว่า ไม่ได้มีความหมายในการล้มร่างกฎหมายอัปยศนี้ เพียงแต่เป็นขบวนการซื้อเวลา บั่นทอนกำลังของประชาชนเท่านั้น
ถ้าแกนนำเวทีโดยเฉพาะ สุเทพ ยังไม่รู้จักฉกฉวยโอกาสตีเหล็กกำลังร้อนให้เป็นประโยชน์ในการขับไล่ทรราช ก็คงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างไม่ควรให้อภัย และมาถึงวันนี้ประชาชนได้แสดงออกหลายครั้งหลายคราแล้วว่า
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความต้องการของประชาชน ซึ่งได้ยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มานานแล้ว และเวลาต่อไปก็ต้องเข้าสู่โหมดของการปฏิรูปประเทศ
**เมื่อถึงเวลาที่ประชาชนเจ้าของประเทศลุกขึ้นมาทวงอำนาจคืน ถ้ายิ่งลักษณ์ยังจะเล่นบทดาราเจ้าน้ำตาอีก คำถามเดียวที่ประชาชนจะถามยิ่งลักษณ์ คือ“ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”
ทั้งตัวแม่และตัวประกอบที่ได้รับเงิน 7.75 ล้านบาทจากภาษีประชาชน จนพร้อมที่จะทิ้งให้วิญญาณญาติตัวเองกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนทวงถามความเป็นธรรมที่จะไม่มีทางได้รับจนนอนตายตาไม่หลับ
ภาพที่กอดกันกลมน้ำตาซึมนั้น จะทำให้คนเสื้อแดงเคลิ้มไปเหมือนกับดูละครแล้วสงสารนางเอกว่าถูกกระทำหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของแต่ละคน
**แต่ที่แน่ ๆ คนธรรมดาใช้แค่สามัญสำนึกก็ได้ข้อสรุปเหตุการณ์ดังกล่าวว่า“แม่มดราม่า ตอแหล สุด ๆ อย่างไม่ละอายเสียด้วย”
ยิ่งลักษณ์ กล้าพูดว่า ให้เสียสละให้อภัยใช้หลักเมตตาธรรม แต่กลับไม่พูดความจริงว่าตระกูลชินวัตร อาฆาตแค้นประเทศไทยจนถึงขั้นปลุกประชาชนเผาบ้านเผาเมือง สร้างความแตกแยกรุนแรงในแผ่นดินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
โดยเฉพาะตัวพ่ออย่างนักโทษหนีคดี ที่มีแต่กอบโกยเอาจากแผ่นดินแม่ แต่ไม่เคยคิดปล่อยปละละวางเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้ามีแต่จะฉุดรั้งประเทศเอาไว้กับปัญหาของตัวเองจนชาติตกหลุมดำที่ตระกูลชิน ช่วยกันสร้าง เพื่อจับบ้านเมืองเป็นตัวประกันแลกกับการให้ ทักษิณ อยู่เหนือระบบกฎหมายไทย ใช้สภาล้มอำนาจตุลาการ
อยากถาม ยิ่งลักษณ์ว่า เรียกร้องให้คนอื่นให้อภัยพี่ชายนักโทษหนีคดี แล้วตระกูลชินวัตร เคยให้ความเป็นธรรมกับชาติ และประชาชนบ้างหรือไม่
เพราะนอกจากไม่ยอมพาชาติเดินหน้าในโอกาสที่ได้บริหารประเทศกว่าสองปีที่ผ่านมา แล้วยังนำพาชาติถดถอยในทุกด้าน และกำลังพาประเทศเข้าสู่คิลลิ่งโซนทางการเมือง ที่อาจเกิดสงครามประชาชนได้ทุกเมื่อ ด้วยการล้มล้างระบบกฎหมายล้างผิดให้กับคนฆ่า เผา โกง
แถมล่าสุดยังกล้าออกแถลงการณ์สวนความต้องการของประชาชนที่แสดงออกกันทั่วประเทศอย่างกว้างขวางว่า ไม่ต้องการกฎหมายฟอกผิดคนโกงโดยโยนเผือกร้อนไปให้สมาชิกวุฒิสภา อ้างว่าไม่สามารถก้าวก่ายได้ ทั้งๆ ที่่ตัวเธอเองก็รู้ว่า “มันไม่จริง”
**แต่จะหาสำนึกอะไรจากคนโกหก ที่โกหกทุกวันจนชิน ตอแหลทุกที่จนเป็นกิจวัตร
**ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมทั้งบรรดาขี้ข้าที่รับใช้นักโทษหนีคดีหากไม่ได้พลาดครั้งใหญ่ก็จงใจที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นเรียกแขก คือ ประชาชนผู้เห็นต่างให้ออกมาแล้วปราบปรามให้ราบคาบเสียทีเดียวตามความเหิมเกริม ลุแก่อำนาจ ที่เป็นสันดานดิบของนักโทษหนีคดี
ท่าทีของยิ่งลักษณ์ ที่เมื่อวานร้องไห้ แต่วันนี้ออกมาแข็งกร้าว ดันสุดซอยต่อ จึงต้องขอให้ประชาชนจัดหนักซอยให้สุดๆ เพื่อจุดไฟสว่างในนาครจากความมืดมิดที่ราหูตระกูลชิน อมไว้เสียที
เชื่อได้เลยว่าหลังคำแถลงของดาราเจ้าน้ำตา จะทำให้ถนนทุกสายพุ่งตรงมาที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่แม้จะเริ่มโดย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่แค่วันแรกที่ถนนราชดำเนินบนเวทีก็มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นเวทีของประชาชน มีกวีซีไรท์ อย่าง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ไปร่วมร่ายกวีปลุกใจผู้ชุมนุม และยังมีศิลปิน ทั้งดารา นักร้อง ตลกที่มีชื่อเสียงแห่กันไปที่เวทีบนถนนแห่งประวัติศาสตร์กันอย่างเนืองแน่น
พร้อมเปิดตัวต่อต้านผ่านโลกอินเตอร์เน็ตกันอย่างกว้างขวาง จนเกิดกระแสคัดค้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ใครจะคิดว่าการนัดเป่านกหวีดที่สีลม ในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา จะมีคนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่น มายืนบนถนนเพื่อร่วมเป่านกหวีดยาวนานเกือบสองนาที เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ไม่เอาล้างผิดคนโกง
และยังมีการนัดต่อเนื่องแสดงพลังนกหวีดกันอีกครั้ง ในวันพุธที่ 7 ตุลาคมนี้ เวลาเดิม คือ 12.34 น. ซึ่งเป็นเลขที่มีความหมายให้เห็นถึงการเดินไปข้างหน้าด้วยการหยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง โดยเชื่อได้เลยว่าจะมีคนมาร่วมไม่น้อยไปกว่าเดิม แต่อาจจะล้นหลามจนรัฐบาลคาดไม่ถึง
ไม่แตกต่างจากการเดินขบวนของม็อบสามเสน ที่มีประชาชนหลายหมื่นคนมาร่วมขบวนจนมีการยกระดับ ยึดพื้นที่ราชดำเนินเป็นที่ปิดจ๊อบรัฐบาลยิ่งลักษณ์
คำแถลงการณ์ของยิ่งลักษณ์ เป็นเงื่อนไขชิ้นดี ที่จะให้ขบวนการประชาชนโดยเฉพาะเวทีที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ยกระดับการชุมนุมไปสู่การขับไล่รัฐบาลแทนการให้ถอนกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงอย่างเดียว
เพราะบัดนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดแล้วว่า ไร้สำนึกเพื่อชาติ มีแต่ความเห็นแก่ตัวเพื่อพี่ชาย จึงไร้ความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศชาติอีกต่อไป
แม้ว่า นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ขี้ข้าคนโปรดของทักษิณ จะออกมาแถลงไล่หลัง ยิ่งลักษณ์ ว่าวุฒิสภาจะคว่ำกฎหมายนี้ในวาระแรก แต่ไม่ได้หมายความว่า กฎหมายนี้จะตกไป เพราะเสียงข้างมากของสภา ยังคงสามารถยืนยันกฎหมายได้อีก และจากท่าทีของยิ่งลักษณ์ ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้ถอย
เพียงแต่กำลัง “สับขาหลอก” เพื่อลดกระแสแรงต่อต้านของประชาชนลงอย่างน้อยก็ 6 เดือน ที่จะต้องรอการพิจารณาของสภา หากมีการคว่ำร่างนิรโทษกรรมในวาระแรกจากวุฒิสภาจริง
** ดังนั้นจึงเท่ากับว่า ไม่ได้มีความหมายในการล้มร่างกฎหมายอัปยศนี้ เพียงแต่เป็นขบวนการซื้อเวลา บั่นทอนกำลังของประชาชนเท่านั้น
ถ้าแกนนำเวทีโดยเฉพาะ สุเทพ ยังไม่รู้จักฉกฉวยโอกาสตีเหล็กกำลังร้อนให้เป็นประโยชน์ในการขับไล่ทรราช ก็คงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างไม่ควรให้อภัย และมาถึงวันนี้ประชาชนได้แสดงออกหลายครั้งหลายคราแล้วว่า
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความต้องการของประชาชน ซึ่งได้ยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มานานแล้ว และเวลาต่อไปก็ต้องเข้าสู่โหมดของการปฏิรูปประเทศ
**เมื่อถึงเวลาที่ประชาชนเจ้าของประเทศลุกขึ้นมาทวงอำนาจคืน ถ้ายิ่งลักษณ์ยังจะเล่นบทดาราเจ้าน้ำตาอีก คำถามเดียวที่ประชาชนจะถามยิ่งลักษณ์ คือ“ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”